หลังจากอวี๋ตงฟาง อัจฉริยะอีก 2 คนที่เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา นอกจากซือหม่ารุ่ยที่เป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวแล้ว ก็ยังมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักอีกคน
ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ไม่มีใครรู้จักคนนี้ กลับเป็นสตรีนางหนึ่ง ซึ่งนับว่าหาได้ยากยิ่ง และนางยังมีรูปร่างหน้าตางดงามไม่น้อย หว่างคิ้วฉายความองอาจกล้าหาญปานบุรุษ เย่ตงลี่!
แม้เย่ตงลี่จะเป็นอิสตรี หากทว่านางกลับใส่ชุดจอมยุทธ์รัดรูปเหมือนบุรุษ เผให้เห็นเรือนร่างเพรียวบางหากแต่อัดแน่นไปด้วยความเข้มแข็งไม่ธรรมดาชัดเจน
ถึงแม้นางกับซือหม่ารุ่ยจะเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาจนทำให้ผู้คนฮือฮาไม่เท่าตอนที่โจวหย่งฉีกับอวี๋ตงฟางเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดารา แต่อย่างน้อยๆก็มีคนกล่าวถึงไม่น้อย
“วิหารเฟิงฮ่าวช่างสมแล้วที่เป็นขุมกำลังและได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลาย คราวนี้อัจฉริยะของพวกมันที่ผ่านเข้ารอบที่ 5 ได้มีถึงสิบกว่าคน…ต้องทราบว่าหากให้เทียบกับจำนวนอัจฉริยะที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิ้น 100 คนแล้ว ก็คือหนึ่งในสิบชัดๆ แถมเรื่องของเรื่องคือในบรรดาพวกมันมีเทพสงคราม 5 ดาราอีก!”
“ไม่ทราบเพราะอะไร แต่ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจพิกล ว่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวมีได้เป็นเทพสงคราม 5 ดาราแค่คนเดียว แต่สมควรมีมากกว่าหนึ่งคน!”
“ข้าก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
“ว่าแต่เย่ตงลี่ผู้นั้นเป็นใครกันแน่? สตรีอายุไม่ถึงพันเช่นนางแต่กลับมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นเทพสงคราม 5 ดาราแล้ว? พอเห็นนางข้ารู้สึกละอายใจอย่างไรม่ทราบ ทั้งๆที่ข้าเป็นผู้ชายแท้ๆแต่พลังฝึกปรือยังต่ำกว่านางหลายขุม เหมือนชีวิตของข้าไม่ต่างอะไรกับชีวิตสุนัขเมื่อเทียบกับนางเลย”
“นั่นน่ะสิ ต่อไปอย่าให้ข้าได้ยินใครพูดว่าสตรีด้อยกว่าบุรุษนะ ข้าจะตบบ้องหูมันให้บึ้มเลย!”
…
ไม่นานนัก ในที่สุดช่วงที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 5 ก็จบลง และได้ตัวอัจฉริยะ 25 คนที่ผ่านเข้ารอบเป็นการชั่วคราว
นอกจากต้วนหลิงเทียน ถังซานเป่า จงกุ้ยอวี่ และอัจฉริยะรุ่นเยาว์อีก 3 คนที่เผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราก่อนแล้ว อัจฉริยะอีก 22 คนที่เหลือ ก็มีแต่เทพสงคราม 5 ดารากับเทพสงคราม 4 ดาราทั้งสิ้น
ในช่วงที่ 3 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 5 ต่อไปอีก 25 คนที่พึ่งพ่ายยแพ้ถูกคัดออกในช่วงที่ 2 จะทำการประลองเพื่อเฟ้นหาอัจฉริยะที่จะผ่านเข้ารอบชั่วคราวอีก 5 คน หลังจากนั้นหาก 30 คนที่ผ่านเข้ารอบชั่วคราวสามารถปกป้องตำแหน่งตัวเองได้สำเร็จ ก็จะเข้าสู่รอบที่ 6 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ทันที
แม้การแข่งขันช่วงที่ 3 จะดุเดือดไม่น้อย อย่างไรก็ตามด้วยความที่อัจฉริยะที่ถูกคัดออกไปก่อนมีพลังฝีมือจำกัด การต่อสู้จึงไม่ได้รุนแรงและน่าตื่นเต้นอะไรมากนัก
ในที่สุดก็ได้ผู้ชนะ 5 คนที่ผ่านเข้ารอบเป็นการชั่วคราว
ซูหลี่เป็นหนึ่งในนั้น
ถึงแม้ซูหลี่พึ่งจะบังเกิดความก้าวหน้าและมีพลังระดับเทพสงคราม 4 ดารา อย่างไรก็ตามเนื่องจากสืบสานมรดกของนิกายกระบี่หมื่นหายนะมา แม้จะยังเข้าไม่ถึงมรรคากระบี่ แต่การใช้ความลึกซึ้งของกฏผสานเพลงกระบี่ก็ทำให้พลังอานุภาพร้ายกาจพอตัว
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว แม้ซูหลี่จะพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับเทพสงคราม 4 ดารา แต่ก็มีพลังเหนือกว่าเทพสงคราม 4 ดาราทั่วไปส่วนใหญ่
เป็นธรรมดาว่าหากต้องปะทะเข้ากับยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดารา ซูหลี่ก็ถูกลิขิตให้แพ้พ่าย
ก็อย่างอัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวก่อนหน้า มันอาศัยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ ก็สามารถเอาชนะซูหลี่ได้ง่ายๆ
“ซูหลี่ ดูเหมือนเรื่องติดอยู่ใน 30 อันดับแรกไม่น่าจะมีปัญหาแล้วกระมัง?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มถาม
“ก็ยังไม่แน่นักหรอก…”
ซูหลี่ระบายลมหายใจอย่างทอดถอน “ก่อนหน้าข้าหลงคิดว่าอาศัยพลังระดับเทพสงคราม 3 ดาราก็มากพอจะให้ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกแล้ว…แต่ตอนนี้ดูเหมือนถึงจะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราก็ไม่แน่ว่าจะติดอยู่ใน 30 อันดับแรกได้”
“ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบนี้ มีอัจฉริยะที่โดดเด่นเยอะจริงๆ…เอาแค่ระดับเทพสงคราม 4 ดาราขึ้นไป ก็มี 40 กว่าคนแล้ว…”
จางเทียนโย่วที่อยู่ด้านหลังกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “หลายคนคงคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้อาจจะมีเทพสงคราม 5 ดาราปรากฏตัวออกมามากกว่า 10 คน! หากเป็นจริงข้าว่าไม่พ้นต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แน่!!”
“จะอย่างไรตอนนี้ก็มีเทพสงคราม 5 ดาราถึง 8 คนแล้ว…ในบรรดาอัจฉริยะที่เหลือ ข้าว่าต้องมีคนที่ยังไม่ได้ลงมือเต็มกำลังแน่นอน!”
จางเทียนโย่วอดคาดเดาไม่ได้
ศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็เริ่มดำเนินต่อไป
เหล่าอัจฉริยะที่ผ่านเข้ารอบเป็นการชั่วคราวทั้ง 30 คน จะเผชิญหน้ากับการท้าทายของอัจฉริยะที่ถูกคัดออกไปก่อน 70 ก่อน และแต่ละคนมีโอกาสท้าทาย 3 ครั้ง..
และในช่วงสุดท้ายของรอบที่ 5 นั้น ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆที่มีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราเรียกว่าลอยลำเข้ารอบอย่างแน่นอนแล้ว และเหล่ายอดฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราก็เช่นกัน
ผู้ที่ถูกท้าทายก็คือเหล่าเทพสงคราม 4 ดารา ที่ไม่ได้เป็นชนชั้นยอดฝีมือเกือบ 10 คน นั้นก็มีซูหลี่รวมอยยู่ด้วย เพราะซูหลี่ยังไม่อาจเทียบกับเหล่าเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือได้
อย่างไรก็ตามหลังผ่านการท้าทายไปสักพัก ก็มีคนถูกแทนที่แค่คนเดียวเท่านั้น
ถึงแม้อัจฉริยะทั้ง 30 คนจะถือว่าผ่านเข้ารอบเป็นการชั่วคราว อย่างไรพลังฝีมือของพวกมันก็แข็งแกร่งของจริง ไม่มีใครผ่านเข้ารอบชั่วคราวมาก่อนเพราะโชค เช่นนั้นจึงมีเพียงคนเดียวในบรรดา 30 คนเท่านั้นที่แพ้พ่ายถูกคัดออก
“บัดนี้ผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 6 ของสึกอัจฉริยะสวรรค์ได้ถูกยืนยันแล้ว…ต่อไปขอให้เหล่าอัจฉริยะทั้ง 30 คนจงเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเตรียมแข่งขันในรอบสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่จะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ 3 เดือน”
เสียงฉีคงไห่พลันดังก้องไปทั่วสถานที่จัดการประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์อีกครั้ง “และในรอบที่ 6 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ หรือก็คือรอบสุดท้าย…พวกเราจักทำการประลองจัดอันดับยอดฝีมือทั้ง 30 คน เพื่อเฟ้นหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
3 เดือน
เมื่อศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 5 จบลง ก็มีเวลาเตรียมความพร้อม 3 เดือน ก่อนที่ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 6 จะเริ่มต้นขึ้น
และรอบที่ 6 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ยังเป็นรอบสุดท้ายอีกด้วย เมื่อจบสิ้นแล้วอัจฉริยะทั้ง 30 คนก็จะถูกจัดอันดับพลังฝีมืว่าใครสูงใครต่ำ
เมื่อเสียงของฉีคงไห่ดังจบคำ เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็รู้สึกเสมือนเลือดลมสูบฉีด “3 เดือนหลังจากนี้ จะไม่มีใครสามารถซุกซ่อนพลังฝีมือของตัวเองได้อีก”
“ข้าล่ะตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งนี้มานานแล้ว! ข้ามไปอีก 3 เดือนให้หลังตอนนี้เลยได้ไหม!!”
“นั่นสิ ข้าล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ผู้ได้จะคว้าอันดับ 1 ไปครอง!”
…
เรียกว่าบรรยากาศตอนนี้คึกคักนัก เหล่าอัจฉริยะที่ตกรอบไปก่อนหน้านี้ แลดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าพวกต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเสียอีก
“พี่น้องต้วน ซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น 3 เดือนหลังจากนี้พบกัน!”
เรื่องที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจก็คือ คราวนี้ถังซานเป่าไม่คิดไปกับพวกเขา หลังจกากล่าวลาแล้วมันก็เหินร่างหายลิ่วไปคนเดียว ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“เจ้าถังซานเป่านั่นมันรู้สึกกดดันรึยังไง? คงไม่ใช่ว่ารีบกลับไปบ่มเพาะฝึกปรือหรอกนะ?”
ซูหลี่เองก็อึ้งไปอยู่บ้าง
“แล้วพวกเจ้าจะเอายังไงต่อ คิดจะกลับไปผาบรรพกาลรึเปล่า? ถึงแม้วิหารเฟิงฮ่าวจะให้โอกาสพวกเราอีกแค่ครั้งเดียว ก่อนสึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น 1 เดือน…แต่ถ้าพวกเจ้าอยากไป ข้าจะบอกท่านให้ไปขออาจารย์ลุงติงให้ ไม่มีปัญหาแน่”
ต้วนหลิงเทียนหันไปเอ่ยถามซูหลี่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
“ข้าไป!”
ซูหลี่เร่งตอบมาตรงๆ ไม่มีเกรงใจ
“เจ้าล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปถามหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ยังไม่ตอบ
“ข้าไม่ไปดีกว่า”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่ายหัว “เมื่อเดือนก่อนข้าก็ได้อะไรจากผาบรรพกาลมาไม่น้อยแล้ว 3 เดือนหลังจากนี้ข้าใช้มันย่อยความรู้ที่ข้าได้มาดีกว่า…หากพวกเจ้าไปกันเองเถอะ”
“ตามใจเจ้า”
แทบจะพร้อมกับที่ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็พยักหน้าเบาๆแล้วเหินร่างจากไปอีกคน
“ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ 3 เดือนหลังจากนี้พวกเราจะรอชมผลงานของพวกเจ้า”
จางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่ก็ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเดินทางกลับ ก่อนที่จะจากไปพวกมันก็ลาต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่ด้วยสายตาคาดหวัง…หวังว่าทั้งคู่จะเฉิดฉายในรอบสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์
ท้ายที่สุดแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นคนรู้จักกัน
ยิ่งไปกว่านั้นต้วนหลิงเทียนยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนที่พวกมันเคารพนับถือเป็นที่สุด พวกมันจึงหวังให้ต้วนหลิงเทียนได้อันดับดีๆ และไม่ทำให้ฟงชิงหยางผิดหวัง
หลังพวกจางเทียนโย่วทั้ง 3 จากไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ส่งข้อความไปหาอาจารย์เขาฟงชิงหยางที่พึงกลับไปไม่นาน จากนั้นฟงชิงหยางก็ติดต่อไปหาติงฟู่ทันที
จากนั้นพอติงฟู่ทราบเรื่องราว ก็จัดการให้ต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่เข้าใช้ผาบรรพกาล
“เจ้าต้วน อีก 3 เดือนเจอกัน”
หลังกล่าวลาต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ก็แยกตัวไปยังหน้าผาแห่งหนึ่งของผาบรรพกาลที่ชมดูครั้งก่อนทันที
ต้วนหลิงเทียนเองก็กลับไปยังหน้าผาที่เขาเรียนรู้ครั้งก่อน
อย่าโลภกัดคำใหญ่เกินจะเคี้ยวไหว
จุดนี้เขาก็รู้ดี
เช่นนั้นตลอด 3 เดือนหลังจากนี้ ต้วนหลิงเทียนก็วางแผนจะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อทำความเข้าใจกฏมิติจากผาบรรพกาล ส่วนที่เหลืออีก 1 เดือน เขาจะกลับไปและใชผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อย่อยความรู้ที่ได้รับและทำความเข้าใจกฏมิติเพิ่มเติม
สำหรับจตุรวิถีในสวรรค์และโลกนั้น เขาไม่คิดจะทำความเข้าใจมันตอนนี้ เพราะพวกมันไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาประเดี๋วประด๋าวแล้วจะได้ผลลัพธ์ เช่นนั้นเขาจึงไม่คิดจะใช้เวลาไปกับพวกมัน
และช่วง 2 เดือนที่เขาจะใช้อยู่ในผาบรรพกาล เขาก็ไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยเลย
เพราะอาจารย์เขาได้ส่งข้อความมาแจ้งแล้ว ว่าอาวุโสของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่จะทำหน้าดูแลควบคุมเปิดช่องทางเข้าสู่บรรพกาลหลังจากนี้ คือคนสนิทของติงฟู่ เรียกว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด ไม่มีใครสามารถเล่นลูกไม้อะไรเพื่อลอบเข้ามาได้แน่
นอกจากนั้นช่วง 2 เดือนแรก ผาบรรพกาลก็ยังไม่เปิดให้ใครเข้าใช้
…
3 เดือนหลังจากนี้ นับเป็นช่วงเวลาที่บีบคั้นเหล่าอัจฉริยะที่ผ่านเข้ารอสุดท้ายเป็นที่สุด ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความรีบร้อนประการหนึ่ง
ไม่ว่าใครก็ล้วนมุ่งหวังว่าจะบังเกิดความก้าวหน้าในช่วงเวลา 3 เดือนสุดท้าย หากทำได้ ผลงานในศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้ายต้องออกมาดีกว่าเดิมแน่นอน
และยิ่งอันดับสูง ของรางวัลก็จะยิ่งล้ำค่า
ไม่ต้องกล่าวถึงอื่นใดให้มากความ เอาแค่เวลาที่จะได้เข้าใช้ห้องลับแห่งกฏของวิหารเฟิงฮ่าวมันนานขึ้นก็มีค่ามากแล้ว
“ท่านอาจารย์…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันกล้าคิดเล่นลิ้นกับเรื่องที่รับปากท่านไว้ ทั้งยังทำราวกับท่านไม่สลักสำคัญ…3 เดือนหลังจากนี้หากข้าพบเจอมันในศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้าย ข้าจะทำให้มันเสียหน้าครั้งใหญ่!”
อวี๋ตงฟางไม่ได้กลับไปยังที่พักที่ทางพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนจัดให้ แต่เลือกจะติดตามอาจารย์ของมันกลับไปยังบ้านพักของอาจารย์มันแทน
เดิมทีตลอด 3 เดือนหลังจากนี้ มันคิดฝึกปรือบ่มเพาะด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ติดต่อมันให้ไปหาเพื่อจะชี้แนะมรรคากระบี่ที่จวนเจียนจะบรรลุถึงขั้นตอนเบื้องต้น และหากอวี๋ตงฟางสามารถเข้าใจอะไรได้ล่ะก็ ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นอีกระดับ!
ได้ยินคำพูดของอวี๋ตงฟาง กงซุนซวนหยวนก็ส่ายหัวไปมา “เจ้าอย่าพึ่งด่วนตัดสินมัน ทั้งอย่าได้โทษมันเลย เจ้าลองคิดดูเถอะ หากเป็นตัวเจ้าเองพบเจอสถานการณ์ดุจเดียวกับมัน…เจ้าจะเลือกอย่างไร?”