หวงเฉวียนอัน!
อัจฉริยะรุ่นเยาว์คนนี้ ในอดีตแทบไม่มีใครรู้จักมัน หากไม่ใช่เพราะมันถูกจับคู่ให้พบกับอวี๋ตงฟางก่อนหน้าจนต้องเผยพลังฝีมือออกมา เกรงว่าจนป่านนี้ก็คงไม่มีใครรู้ว่าที่แท้มันแข็งแกร่งขนาดไหน
เชี่ยวชาญกฏแห่งเวลา แถมยังใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดได้อีก!
ผู้คนกล่าวกันหนาหู ว่าหากคนที่เชี่ยวชาญกฏแห่งเวลา สามารถใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดได้ ก็แทบจะเป็นตัววตนที่อยู่ยงคงกระพันภายใต้ขอบเขตเทพสงคราม 6 ดารา!
เพราะหากไม่มีพลังระดับเทพสงคราม 6 ดาราขึ้นไป ก็คงากจะต้านทานรับมือแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดได้
“ในที่สุดก็ถึงตาหวงเฉวียนอันลงสู้แล้ว!”
หากจะกล่าวว่า ก่อนที่หวงเฉวียนอันจะประมือกับอวี๋ตงฟาง เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายไม่มีใครกล้าฟันธงว่าใครจะเป็นผู้ที่ชนะเลิศในสึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ล่ะก็…
มาตอนนี้ เหล่าอัจฉริยะหลายคนเริ่มปักใจเชื่อ ว่าอันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้สมควรเป็นของหวงเฉวียนอันไม่ผิดแน่!
“ด้วยพลังอำนาจของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด…หากศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ไม่มีใครเป็นเทพสงคราม 6 ดารา น่ากัวว่าคงยากจะต่อกรกับหวงเฉวียนอันได้”
“จริง ข้ารู้สึกว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ อันดับ 1 ไม่น่าจะรอดพ้นมือของหวงเฉวียนอันไปได้”
“เจ้าหวงเฉวียนอันนั่นมันร้ายกาจเกินไป พลังอำนาจเช่นนั้นใครจะไปสู้มันไหว คิดชิงอันดับ 1 ยังยากอะไร…เว้นเสียแต่ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ จะมีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวออกมา!”
“เทพสงคราม 6 ดารา? เรื่องนั้นจะเป็นไปได้เหรอ?”
“นั่นสิ เทพสงคราม 6 ดารา ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกใด ก็เสมือนตัวตนที่อ่อนด้อยกว่าจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้น ตัวตนระดับนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชามือดีของจักรพรรดิสวรรค์ทั้งสิ้น”
…
ฟังจากเสียงคุยกันของเหล่าอัจฉริยะแล้ว แม้พวกมันจะเอ่ยถึงเรื่องการปรากฏตัวเทพสงคราม 6 ดารา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้จะปรากฏตัวตนระดับเทพสงคราม 6 ดาราออกมาได้ เนื่องจากให้มองไปในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งก่อน ตัวตนระดับนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาน้อยมาก
เรียกว่าตลอดประวัติศาสตร์อันาวนานของศึกอัจฉริยะสวรรค์ อัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปีระดับเทพสงคราม 6 ดาราที่ปรากฏตัวออกมา ยังมีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ
สิ่งนี้หมายความว่าอะไร?
ศึกอัจฉริยะสวรรค์นั้นจะจัดขึ้นทุกๆรอบ 1,000 ปี แล้วศึกอัจฉริยะสวรรค์จัดขึ้นกี่รอบแล้ว? 10 รอบก็หมื่นปี 1,000 รอบก็ล้านปี 10,000 รอบก็ปาเข้าไป สิบล้านปี!
ทว่าประวัติศาสตร์ของศึกอัจฉริยะสวรรค์นั้นมีเกินหมื่นรอบ!
สำหรับเรื่องที่มีกี่ครั้งกันแน่ ข้อมูลจำเพาะเจาะจงแบบนี้เกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวเท่านั้นที่รู้
อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์นับล้านๆปีที่ว่า ก็มีบันทึกการปรากฏตัวของเทพสงคราม 6 ดาราไม่ถึง 10 คน…
ศึกอัจฉริยะสวรรค์พันกว่าครั้งที่ผ่านมา มีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวไม่ถึง 10 คน…นี่จะให้พูดอย่างไร?
กล่าวได้ว่า เฉลี่ยแล้วทุกๆ 100 ศึกอัจฉริยะสวรรค์ จะมีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวออกมาสักคน
และ 100 ศึกอัจฉริยะสวรรค์ก้กินเวลาไปกว่าแสนปี!
แสนกว่าปีมีคนเดียว…
ความน่าจะเป็นดังกล่าวมันน้อยเกินไป
ตัวตนเช่นนั้นจะมาปรากฏตัวในศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่พวกมันเข้าร่วมพอดีรึไง?
ไม่มีใครกล้าคิดเพ้อฝันขนาดนั้น
เพราะเรื่องนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคิดว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ จะมีตัวตนระดับเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวออกมา เพราะความน่าจะเป็นมันน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เรียกว่าแทบไม่มีหวังเลยก็ว่าได้…
ฟุ่บ!
ท่ามกลางทุกสายตา หวงเฉวียนอันที่มีรูปร่างหน้าตาไม่โดดเด่นอะไร ก็เหินร่างเข้ามาหยุดลอยเหนือสนามประลอง
“หวงเฉวียนอัน เจ้าคิดท้าทายผู้ใดหรือ?”
กระทั่งฉีคงไห่ที่มักมีมาดขรึม สีหน้าจริงจังตลอดเวลา ทว่าพอมองถามหวงเฉวียนอัน สีหน้าก็แลดูอ่อนลงน้ำเสียงยังกระตือรือร้นไม่น้อย ดวงตายังเป็นประกายไม่ทราบว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
‘หวงเฉวียนอันผู้นี้…คงไม่ใช่ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวหรอกนะ?’
ต้วนหลิงเทียนที่อยู่บนอัฒจันทร์ลอบคิดไปด้วยใจสั่นไหว
ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านพลังไปปรึกษากับอาจารย์เขาฟงชิงหยาง ด้วยดูว่าอาจารย์คิดเห็นกับข้อสันนิษฐานของเขาอย่างไร
“ไม่น่าจะเป็นไปได้”
ฟงชิงหยางก็ตอบกลับเร็วไว “เรื่องบางเรื่องคิดปกปิดแค่ไหน ก็ไม่อาจเสแสรงได้อย่างไร้พิรุธ…อย่างฉีคงไห่นั่น สายตาที่มันมองหวงเฉวียนอันก่อนหน้านี้ มันต่างจากสายตาที่ใช้มองหวงเฉวียนอันในปัจจุบันโดสิ้นเชิง…”
“แถมตอนนี้มันแลดูพูดดีกับหวงเฉวียนอันอีกด้วย หากหวงเฉวียนอันเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง เพื่อตบตาผู้คนไปตลอด มันคงไม่เลือกจะพูดดีกับหวงเฉวียนอันแบบนี้หรอก”
“ข้าคิดว่าหวงเฉวียนอันก็แค่อัจฉริยะคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายเท่านั้น…ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวสมควรเป็นคนอื่น”
ฟงชิงหยางกล่าว
“คนอื่น?”
หลังได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ขณะเดียวกันเขาก็กวาดตามองไปยังเหล่าเทพสงคราม 5 ดาราทั้งหลาย ตอนนี้ในบรรดาเทพสงคราม 5 ดาราทั้ง 11 คนเขาสามารถตัดเขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นออกไปได้เลย
เช่นนั้นก็เหลือแค่ 9 คนเท่านั้น
ในบรรดา 9 ที่ว่า หวงเฉวียนอันกับหลิวสื่อเยียนก็ไม่น่าจะใช่
ด้วยวิธีนี้ก็เหลืออีกแค่ 7 คนเท่านั้น
ใน 7 คนที่ว่า สามารถตัดอวี๋ตงฟางที่แพ้เขาไปแล้วทิ้งไปได้เลย ก็เท่ากับว่าเหลือแค่ 6 คนเท่านั้น
‘จงกุ้ยอวี่ ถังซานเป่า โจวหย่งฉี เย่ตงลี่ หงหยวน ซือหม่ารุ่ย…’
รายชื่ออัจฉริยะทั้ง 6 ที่เหลือแวบขึ้นในหัวต้วนหลิงเทียน จากนั้นเขาก็เริ่มตัดทิ้งทีละคนตามข้อมูลที่รับรู้มา ‘โจวหย่งฉีนั่นสมควรตัดทิ้งไปได้ เพราะมันเป็นศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่’
‘ดังนั้นตอนนี้ก็เหลือความเป็นไปได้แค่ 5 คนเท่านั้น…’…
‘หงหยวนกับซือหม่ารุ่ยนั่น พื้นเพมันเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวอยู่แล้ว หากจะเป็นหนึ่งในพวกมันก็ไม่ถือว่าแปลกอะไร…ส่วนจงกุ้ยอวี่ ถังซานเป่า กับเย่ตงลี่นั่น ล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาลึกลับและเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัดทั้งสิ้น…’
พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังถาม ฟงชิงหยาง อาจารย์เขาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่า…ถังซานเป่ามันอาจจะเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวหรือไม่? ท่านอาจารย์รู้จักอาจารย์ของมันดีหรือไม่?”
“อาจารย์มันข้ารู้จักก็จริง แต่ข้ารู้แค่ว่ามันเป็นผู้ฝึกตนที่เร้นกายเท่านั้น…สำหรับเรื่องที่อาจารย์ของมันมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวิหารเฟิงฮ่าวหรือไม่ ข้าไม่แน่ใจเท่าไหร่…อย่างไรเสียวิหารเฟิงฮ่าวก็ดำรงอยู่มานาน ในบรรดาคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็มีบบ้างที่เกษียนออกมา แล้วไม่ได้อยู่ในตำแหน่งใดๆแล้ว คนพวกนี้มักเร้นกายไปใช้ชีวิตในป่าเขาอย่างสันโดษ เช่นนั้นอาจารย์ของถังซานเป่าก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าว”
และนี่คือสิ่งที่ฟงชิงหยางกล่าวตอบต้วนหลิงเทียน
จังหวะนี้ ไพ่ตาย ของวิหารเฟิงฮ่าวก็แลดูลึกลับขึ้นไปอีก
อย่างน้อยๆ ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่อาจระบุได้ว่าเป็นใครกันแน่
แต่ผู้ต้องสงสัยก็เหลือแค่ 5 คนเท่านั้น
จงกุ้ยอวี่ ถังซานเป่า เย่ตงลี่ หงหยวน และซือหม่ารุ่ย
อันที่จริงในบรรดาทั้ง 5 คนที่ว่ามา เขารู้สึกว่าเย่คงลี่ไม่น่าจะเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวไปได้ สิ่งนี้เขาดูจากตอนที่เย่ตงลี่ประลองกับหลิวสื่อเยียน…หากนางเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง นางสมควรเปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมามากกว่าจะใช้อุปกรณ์อมตะที่มีจิตวิญญาณสถิตย์นั่น!
เพราะหากนางปกปิดพลังไว้จริงๆ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิต์เลย เพราะสิ่งนี้สามารถใช้เป็นไพ่ตายยามคับขันได้
แต่ในเมื่อนางเลือกจะหงายไพ่ตายใบนี้ออกมา เผยให้เห็นว่านางไม่เหลือสิ่งใดให้ใช้แล้ว
ด้วยวิธีนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าสามารถตัดนางออกไปได้เลย
เท่านี้ก็จะเหลือผู้ต้องสงสัยแค่ 4 คนเท่านั้น
จงกุ้ยอวี่ ถังซานเป่า หงหยวน ซือหม่ารุ่ย
ถึงซานเป่านั้นมานั่งคุยติดต่อกับพวกเขาอยู่นาน ถึงจะอาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่สหายแต่อย่างน้อยๆก็ถือเป็นคนรู้จักมักคุ้น อย่างไรก็ตามเขามักจะระวังคนรู้จักคนนี้อยู่ตลอด
ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายทำตัวน่าสงสัยและมีพิรุธอะไร แต่เพราะความมากอัธยาศัยของถังซานเป่า กับความแข็งแกร่งของมันต่างกันเกินไป
ก็เป็นอย่างที่จางเทียนโย่วเคยพูดไว้ ต่อหน้าพวกเขา ถังซานเป่าไม่มีมาดยอดฝีมือเลย คล้ายตัวเหลวไหลช่างจ้อไม่มีพิษมีภัยคนหนึ่งเท่านั้น…
‘หากหวงเฉวียนอันท้าจงกุ้ยอวี่ที่ครองอันดับ 1 และเอาชนะได้…เช่นนั้นก็สามารถตัดจงกุ้ยอวี่ออกไปได้อีกคน’
หลังจากรู้สึกตัว สายตาต้วนหลิงเทียนก็มองไปยังหวงเฉวียนอันทันที
และตอนนี้หวงเฉวียนอันก็พูดขึ้นมาพอดี มันเลือกเป้าหมานได้แล้ว “ข้าขอท้า…อันดับ 1 จงกุ้ยอวี่!”
พอได้ยินคำท้าของหวงเฉวียนอัน สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
ด้านอัจฉริยะบนอัฒจันทร์ทั้งหลายก็ฮือฮาขึ้นมาทันที “นั่นไง! หวงเฉวียนอันท้าจงกุ้ยอวี่จริงๆ!!”
“อันที่จริงมันก็เดาได้ไม่ยากหรอก…ด้วยความแข็งแกร่งของหวงเฉวียนอัน ภายใต้เทพสงคราม 6 ดารายยังจะมีใครรับมือมันได้อีก ในเมื่อสามารถเอาชนะได้ทั้งหมด ไฉนไม่เลือกจะท้าชิงอันดับ 1 แล้วเอาชนะไปตั้งแต่เนิ่นๆเล่า?”
…
หลังได้ยินคำพูดของหวงเฉวียนอัน อัจฉริยะส่วนใหญ่ก็คิดว่าหวงเฉวียนอันต้องชนะแน่ แต่ก็มีอัจฉริยะจำนวนหนึ่งคิดต่าง เพราะใครจะไปรู้ล่ะ ไม่แน่จงกุ้ยอวี่อาจจะเป็นเทพสงคราม 6 ดาราก็ได้?
ต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นหนึ่งในส่วนน้อยที่ว่า
หากจงกุ้ยอวี่เผยพลังระดับเทพสงคราม 6 ดารายามประมือกับหวงเฉวียนอัน เช่นนั้นโอกาสที่มันจะเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวก็สูงลิบ!
แต่ถ้ามันแพ้หวงเฉวียนอัน เช่นนั้นก็ตัดเรื่องที่มันจะเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวออกไปได้เลย
ฟุ่บ!
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างจงกุ้ยอวี่ทั่งนั่งอยู่ไหววูบคราหนึ่ง คนก็พุ่งมาหยุดลงเบื้องหน้าหวงเฉวียนอันฉับไว มันมองสบตาหวงเฉวียนอัน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “ข้าสมควรยอมแพ้…อย่างไรก็ตาม ข้าอยากสัมผัสแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดของเจ้าสักครั้ง”
หลังกล่าวจบคำ ร่างจงกุ้ยอวี่ก็ปรากฏเพลิงพลังปะทุระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่แสงพลังจะสาดส่องย้อมโลกให้สว่างไสว แต่ยังทรงพลังปานจะทำลายได้ทุกสิ่ง!
“ในเมื่อเจ้าขอมาข้าก็จัดให้!”
เผชิญหน้ากับการเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่ของจงกุ้ยอวี่ หวงเฉวียนอันก็จัดให้ตามที่จงกุ้ยยอวี่ขอ เพีบงห้วงคิดเดียวร่างจงกุ้ยยอวี่ก็ถูกพลังอำนาจของผนึกห้วงเวลาจนหยุดค้างกลางอากาศ จากนั้นแสงพลังที่ปกคลุมทั่วร่างจงกุ้ยอวี่กก็เริ่มดับมอดลง
ราวกับไฟในตะเกียงที่สิ้นน้ำมัน ดับมอดลงในฉับพลัน
หลังนิ่งไปครู่หนึ่ง จงกุ้ยอวี่ก็หลุดพ้นออกจากการหยุดเวลา อนิจจาการลงมือจู่โจมต่อเนื่องของหวงเฉวียนอันก็มาถึงตัวมันเสียแล้ว เป็นแสงพลังสีเทาที่พุ่งวาบออกมาจากลูกตาหวงเฉวียนอันฉับไว จมหายไปในร่างจงกุ้ยอวี่อ่างที่ไม่อาจป้องกันใดๆได้
ต่อมาจงกุ้ยอวี่ก็เสมือนเดินตามรอยเท้าอวี๋ตงฟาง กลับกลายเป็นผู้ชราในบัดดล…
“เจ้าจะสู้ต่อไหม?”
ในขณะที่เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆดังขึ้นระงมจากอัฒจันทร์ที่นั่ง หวงเฉวียนอันก็มองถามจงกุ้ยอวี่ที่กลายเป็นเฒ่าชราด้วรอยยิ้มบางๆ
รอยยิ้มบางๆแลดูไม่มีพิษมีภัยต่อสรรพชีวิตของหวงเฉวียนอันนี้ พอปรากฏสู่สายตาผู้คน ก็อดทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจนขนหัวลุก
ชายผู้นี้สามารถทำให้ผู้อื่นกลายเป็นเฒ่าชราแก่หง่อมเจียนลงโลงได้ในพริบตา และการลงมือยังสุดที่จะต้านทานรับได้ หากคิดจะฆ่าจะแกงก็ทำได้ตามใจชอบ แต่มันยังคลี่ยิ้มอ่อนถามออกมาหน้าซื่อ…
“ข้ายอมแพ้”
ใบหน้าชราของจงกุ้ยอวี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ข้าไม่อาจต้านทานพลังของกฏเวลาเจ้าได้เลย”
‘ไม่ใช่มัน’
เมื่อจงกุ้ยอวี่ยอมแพ้ เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายที่ชมดูอยู่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้ตัดจงกุ้ยอวี่ออกจากผู้ต้องสงสัยทันที
จงกุ้ยอวี่ไม่ใช่ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ ก็เหลือผู้ต้องสงสัยแค่ 3 คนเท่านั้น
ถังซานเป่า หงหยวน และ ซือหม่ารุ่ย
“อันดับที่ 8 หงหยวน…ออกมาท้าผู้ที่มีอันดับสูงกว่าเจ้าเสีย”
เสียงของฉีคงไห่ดังขึ้นอีกครั้ง