ตอนที่ 3509 ไพ่ตาย ของวิหารเฟิงฮ่าวปรากฏ

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

หงหยวน เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการฝึกฝนจากวิหารเฟิงฮ่าว
  ทันทีที่มันลงสนามมา ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องมันตาเขม็ง ‘หากหงหยวนผู้นี้เป็นไพ่ตายที่ซ่อนอยู่ของวิหารเฟิงฮ่าวจริง…คราวนี้มันสมควรท้าประลองหวงเฉวียนอัน แม้จะขัดต่อกฏแต่ในเมื่อหวงเฉวียนอันไม่ได้ลงแรงอะไรมากมาย เช่นนั้นแค่เสนอให้พักฟื้นสักครึ่งเค่อ ก็สมควรไม่มีปัญหา…’
  ‘เพราะอย่างไรเสียมาถึงจุดนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก’
  ‘ยิ่งไปกว่านั้นเผลอๆไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่ได้คิดปิดบังอะไรแต่แรก เพียงแค่ไม่เจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควรให้เผยพลังเท่านั้น’
  ‘หากหงหยวนเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง การเผชิญหน้ากับหวงเฉวียนอัน มันก็ไม่อาจปิดซ่อนพลังได้อีกต่อไป’
  ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวสมควรเป็นเทพสงคราม 6 ดารา เรื่องนี้อาจารย์เขาฟงชิงหยางเป็นคนคาดเดาออกมา และเขาเองก็คาดไว้เช่นนั้นด้วย
  แม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็เชื่อว่าที่เขาเดาไว้สมควรถูกต้อง
  เพราะถึงแม้หวงเฉวียนอันจะปรากฏตัวออกมา แต่ดูเหมือนฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักจะไม่ได้เผยสีหน้าผิดท่าอะไรออกมาเลย คล้ายไม่ได้กลัวว่าหวงเฉวียนอันจะสร้างปัญหาอะไรให้ไพ่ตายของมันได้
  เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที…
  ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวสมควรเป็นเทพสงคราม 6 ดารา!
  ‘หงหยวนนั่น…มันจะเลือกท้าทายหวงเฉวียนอันหรือไม่?’
  ในขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบกันเรื่องที่หงหยวนจะท้าทายใคร ใจต้วนหลิงเทียนก็คิดไปด้วยความสนใจ แววตายังฉายชัดถึงความอยากรู้ไม่น้อย
  หากหงหยวนท้าทายหวงเฉวียนอันออกมาจริงๆ ก็มากพอจะบอกให้รู้ว่ามันมีโอกาสสูงที่จะเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว…และถ้าหงหยวนท้าหวงเฉวียนอันแล้วเอาชนะได้สำเร็จ ก็จะยืนยันได้เต็มสิบส่วนว่ามันคือไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวแน่ๆ!
  แต่ถ้ามันไม่หาข้ออ้างท้าทายหวงเฉวียนอัน ปล่อยโอกาสแบบนี้ให้ผ่านไปอย่างเสียเปล่า เช่นนั้นมันก็ไม่มีทางเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวไปได้
  ขณะเดียวกัน หงหยวนที่มาหยุดกลางฟ้าเหนือสังเวียนประลองได้สักพัก ก็กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด “ข้าขอท้า…อันดับที่ 5 โจวหย่งฉี”
  สุดท้ายหงหยวนก็ไม่ได้ท้าหวงเฉวียนอันที่ครองอันดับ 1 คนปัจจุบันอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิด…
  ตอนนี้หวงเฉวียนอันรั้งอยู่ในอันดับที่ 1 แล้ว ส่วนจงกุ้ยอวี่ร่วงตกลงมาเป็นที่สอง ถังซานเป่าก็ได้ร่วงตกมายังที่ 3 ต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นที่ 4 และโจวหย่งฉีที่แต่เดิมอยู่ในอันดับที่ 4 ก็ร่วงตกลงมาหนึ่งอันดับเช่นกัน
  มันก็เลยอยู่อันดับที่ 5
  ‘ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว’
  ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
  หากหงหยวนเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปท้าโจวหย่งฉี เพราะสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากเสียเวลาเปล่า และลงมืออย่างไร้จำเป็น
  หากเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง ขอเพียงเอาชนะหวงเฉวียนอันและแทนที่ได้ สิ่งนี้ก็เสมือนประกาศศักดิ์ดาทำให้อัจฉริยะคนอื่นๆไม่มีความคิดท้าทายให้แพ้พ่ายสืบไป…เพราะสำหรับอัจฉริยะส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่เขา ต่อให้ท้าไปก็มีแต่แพ้กับแพ้
  ‘ในเมื่อหงหยวนไม่ใช่…เช่นนั้นก็เหลือแค่ 2 คนเท่านั้น’
  ‘คนหนึ่งก็เป็นอัจฉริยะที่วิหารเฟิงฮ่าวฝึกฝนมาเองอย่างซือหม่ารุ่ย ส่วนอีกคนก็ถังซานเป่า…’
  พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดหันไปมองถังซานเป่าที่นั่งด้านหลังไม่ได้ และพอถังซานเป่าสังเกตเห็นเขาหันกลับมามอง มันก็เลิกคิ้วกล่าวถามด้วยหน้าตาสงสัย “ว่าไงพี่น้องต้วน?”
  “เปล่า”
  ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆ ก่อนจะหันหน้ากลับ
  ซือหม่ารุ่ยกับถังซานเป่า เขาเชื่อว่าคนหลังน่าจะเป็นไปได้มากกว่า
  ถังซานเป่านั้นต่างจากซือหม่ารุ่ยมาก อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกมองไม่ออกมาแต่แรก และบุคลิกก็แลดูจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาราวกับคนละคน ปกติก็แลเหมือนคนคุ้นเคย แต่ยามเผยพลังอันน่าทึ่งในการประลองก็ทำให้รู้สึกเย่อหยิ่งน่าเกรงขามไม่เบา
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดไปเรื่อย หงหยวนกับโจวหย่งฉีก็ได้ประมือแลกกระบวนท่ากันดุเดือดแล้ว
  โจวหย่งฉี ในฐานะศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่ ย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม เมื่อเผชิญหน้ากับหงหยวนที่ท้าทาย มันก็ไม่ได้แลดูตึงมืออะไรมากมาย
  สุดท้ายหลังผ่านไปไม่กี่สิบกระบวนท่า ถึงแม้หงหยวนจะเผยพลังอีกส่วนที่ปิดซ่อนเอาไว้จนเหนือกว่าก่อนหน้าพอสมควร แต่สุดท้ายก็แพ้พ่ายโจวหย่งฉีอยู่ดี เพราะโจวหย่งฉีเองก็ซ่อนพลังเอาไว้เช่นกัน แถมยังซ่อนไว้มากกว่าอีกด้วย!
  “ต่อไป อันดับที่ 8”
  หลังจากหงหยวนแล้ว ก็ถึงตาของอันดับที่ 8 ซึ่งก็คือเย่ตงลี่ที่ก่อนหน้าอยู่ในอันดับที่ 7
  หลังเย่ตงลี่ปรากฏตัวอีกครั้ง นางก็กวาดตามองไปรอบๆ ยังมองต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไปหยุดมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋น “ข้าขอท้า อันดับที่ 6 หลิงเจวี๋ยอวิ๋น”
  หลิงเจวี๋ยอวิ๋นแต่เดิมก็อยู่ในอันดับที่ 5 แต่หลังจากที่หวงเฉวียนอันเอาชนะจงกุ้ยอวี่ได้ มันก็ตกมาอยู่ในอันดับที่ 6 …
  เผชิญกับการท้าทายของเย่ตงลี่ สีหน้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ยังคงความเย็นชาไว้เหมือนเคย ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
  “พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นท่านมั่นใจรึเปล่า?”
  พอหลิงเจวี๋ยอวิ๋นลุกขึ้นยืน ถังซานเป่าก็เอ่ยถามออกมาทันที “ในมือนางมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญาณสถิตย์เชียวนา!”
  อย่างไรก็ตาม หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้แยแสถังซานเป่าแม้แต่นิดเดียว ร่างพุ่งไปกลางหาวอย่างไม่รั้งรอ จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ป้อนกระบวนท่าซัดใส่เย่ตงลี่ทันที ทำให้เย่ตงลี่อดมีโมโหขึ้นมาไม่ได้ “หลิงเจวี๋ยอวสิ๋น เจ้าเป็นผู้ชายที่มารยาทแย่ที่สุดเท้าที่ผู้อื่นเคยเจอมาเลย!”
  อนิจจาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่แม้แต่จะสนใจต่อปากต่อคำกับนาง เลือกจะออกกระบวนท่าซัดใส่เย่ตงลี่ต่อ ทำให้เย่ตงลี่เองก็ได้แต่ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ เร่งรุดต้านทานจนมือเป็นระวิง
  หลังจากผ่านไปไม่กี่ท่าเย่ตงลี่ก็ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายนางก็จำต้องงัดอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ออกมาใช้อีกรอบ
  แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถูกหลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้พลังอำนาจที่เหนือกว่าทุบทำลายกระบวนท่าจนแหลกพินาศหมดสิ้น!
  กล่าวได้ว่าหลิงเจวี๋ยยอวิ๋นได้เดินตามรอยเท้าต้วนหลิงเทียนกับบหวงเฉวียนอันมาติดๆ เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือออกมา!
  “ให้ตายเถอะวะ! หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นที่แท้มันร้ายกาจขนาดนี้เชียวเหรอ!?”
  “เหอะๆ…ข้ามากับคนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนเหมือนหลิงเจวี๋ยอวิ๋น…ก่อนหน้าข้าหลงคิดว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นแค่เทพสงคราม 3 ดาราเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่ายิ่งมาก็ยิ่งเผยพลังที่แข็งแกร่งเหนือคาดคิด จนมาตอนนี้พี่ท่านล่อสำแดงพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือแล้ว!!”
  “ตอนนี้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับต้วนหลิงเทียน สมควรเป็นรองก็แต่หวงเฉวียนอันคนเดียว…”
  “ไม่ผิด หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด หลังหวงเฉวียนอันชนะเลิศ อันดับที่ 2 กับ 3 ก็สมควรเป็นทั้งคู่”
  …
  หลังจากที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดาราออกมา อัฒจันทร์ที่นั่งรอบทิศก็ปั่นป่วนกันไม่น้อย ไม่ต่างอะไรจากตอนที่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะอวี๋ตงฟางเลย
  “หลิงเจวี๋ยอวิ๋น…เจ้ามีคนที่ชอบแล้วหรือยัง…”
  เย่ตงลี่ที่แพ้พ่ายหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ใบหน้าที่โกรธเคืองฮึดฮัดของนางมลายหายไปอย่างไว ตอนนี้อยู่ๆก็หันไปมองแผ่นหลังของหลิงเจวี่ยอวิ๋นที่กำลังเหินกลับที่นั่งพลางตะโกนถามออกมาเสียงดัง
  และพอนางถามเรื่องนี้ออกมา บรรยากาศในสนามประลองก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายชักสีหน้ากรุ้มกริ่มตะโกนแซวออกมาเสียงดังออกมาไม่หยุดว่า ‘กำลังจะมี…เป็นเจ้า’ ออกมาอย่างสนุกสนาน ราวกับกลัวโลกจะวุ่นวายไม่พอ
  ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเหินร่างกลับต่อ แต่ต้นจนจบไม่หันไปมองเยตงลี่แม้แต่น้อย
  “หลิงเจวี๋ยอวิ๋น เย่ตงลี่ผู้นั้นก็ไม่เลวนี่นา…ไฉนเจ้าไม่พิจารณานางหน่อยเล่า?”
  ทันทีที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกลับมา ซูหลี่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
  “พวกเราไปประลองชี้แนะกันหน่อยดีหรือไม่?”
  ทว่าคำแรกที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นปริปากตอบออกมา ก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าซูหลี่ค้างเติ่งทันที เพราะการตอบรับคำอีกฝ่ายยังต่างอะไรกับหาเรื่องเจ็บตัว..
  “ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านเจ้าจะก้าวหน้าไม่น้อย”.
  ต้วนหลิงเทียนมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ
  “แต่จะเอาชนะเจ้าตอนนี้นับว่าไม่ง่ายเลย”
  หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวตอบเสียงเรียบ
  ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มบางๆไม่พูดอะไรต่อ เพียงหันไปมองสนามประลองแทน
  และหลังจากที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเผชิญคำท้าทายของเย่ตงลี่จนรักษาอันดับตัวเองไว้ได้อย่างราบรื่น ซือหม่ารุ่ยที่อยู่ในอันดับ 7 ก็เหินร่างออกมาเพื่อเตรียมท้าทายไต่อันดับ…อย่างไรก็ตามหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพึ่งลงประลอง เช่นนั้นมันก็ไม่อาจท้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้
  คงเหลือเพียง 5 คนเท่านั้นที่มันสามารถท้าทายได้
  หวงเฉวียนอัน จงกุ้ยอวี่ ถังซานเป่า ต้วนหลิงเทียน และโจวหย่งฉี
  ‘ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวที่แท้เป็นใคร หลังได้ยินชื่อที่ซือหม่ารุ่ยเอ่ยท้าก็จะรู้แล้ว…’
  ต้วนหลิงเทียนที่มองซือหม่ารุ่ยลอบกล่าวในใจ
  ซือหม่ารุ่ยก็เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการฝึกฝนจากวิหารเฟิงฮ่าวเหมือนกับหงหยวน ตอนนี้คนที่อาจมีโอกาสเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวก็เหลือแค่มันกับถังซานเป่าเท่านั้น กล่าวได้ว่าในบรรดาทั้งคู่มีคนที่วิหารเฟิงฮ่าวตั้งใจจะมอบผลอมตะหยวนปะทุให้แต่แรก…
  และวิธีการตัดสินซือหม่ารุ่ยของต้วนหลิงเทียน ก็เหมือนกับหงหยวน
  หากซือหม่ารุ่ยเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง มันไม่พ้นต้องเอ่ยท้าหวงเฉวียนอันแน่นอน หากไม่ใช่ก็คงไม่คิดท้าหวงเฉวียนอันเป็นธรรมชาติ
  “ข้าขอท้า…อันดับที่ 2 จงกุ้ยอวี่!”
  และเมื่อซือหม่ารุ่ยประกาศออกมาเสียงดังฟังชัด ต้วนหลิงเทียนก็ตัดมันออกจากผู้ต้องสงสัยทันที และยืนยันได้หลายส่วน ว่าถังซานเป่าที่นั่งด้านหลังเขาและมาอยู่กับพวกเขาตลอด 8-9 ใน 10 ส่วน สมควรเป็นไพ่ตายที่ซ่อนอยู่ของวิหารเฟิงฮ่าว!
  “ถังซานเป่า เจ้ามันใจแค่ไหนว่าจะเอาชนะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้?”
  ต้วนหลิงเทียนหันกลับมามองถามถังซานเป่าอย่างกะทันหัน
  “หือ?”
  ถังซานเป่าผงะไปด้วยความตกใจ ค่อยยิ้มถาม “ไฉนอยู่ๆพี่น้องต้วนถึงเอ่ยถามเรื่องนี้ล่ะ?”
  “เจ้านับว่าซ่อนได้ลึกจริงๆ”
  ต้วนหลิงเทียนมองจ้องถังซานเป่าเขม็ง และพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่เข้าใจออกมา
  “พี่น้องต้วน นี่ท่านพูดเรื่องอะไรกันแน่?”
  ถังซานเป่าเอ่ยถามด้วยสีหน้ามึนงง
  “ผลอมตะหยวนปะทุอย่างไรเล่า…”
  และพอต้วนหลิงเทียนพูดออกมาอีกครั้ง ก็เอ่ยถึงผลอมตะหยวนปะทุที่เป็นของรางวัลสำหรับผู้ที่ได้อันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ออกมา ทำให้ซูหลี่และคนอื่นๆยิ่งงงเข้าไปใหญ่
  ไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงพูดเรื่องนี้ออกมา?
  “พี่น้องต้วนรู้แล้ว?”
  สองตาถังซานเป่าเป็นประกายขึ้นมาทันที และชั่วพริบตาความรู้สึกที่ส่งออกมาของมันก็เปลี่ยนไปราวคนละคน ไม่แลดูเหลวไหลไร้แก่นสารเหมือนก่อน แต่แลดูเย็นชาปานจะผลักไสผู้คนให้ไกลห่างนับพันลี้
  “ดูเหมือนข้าจะเดาถูกสินะ…”
  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเฉยเมย ถามว่า “เจ้าเข้าหาพวกเราด้วยจุดประสงค์อะไร ศึกษาศัตรูงั้นเหรอ?”
  “จำเป็นหรือไม่?”
  ถังซานเป่าย้อนถาม
  “เจ้ามั่นใจดีนี่”
  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม
  “ก็นะ…แต่จะอย่างไรพี่น้องต้วนท่านกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่เลวเลยทีเดียว…จนถึงตอนนี้ข้ายังมองไม่ออกจริงๆว่าพวกท่านได้ลงมือเต็มกำลังแล้วหรือยัง”
  ถังซานเป่ากล่าว
  “เดี๋ยวก็รู้ไม่ใช่รึไง?”
  “ข้าล่ะตั้งหน้าตั้งตารอดูชมทีเดียว…”
  …
  บทสนทนาที่ยากเข้าใจระหว่างต้วนหลิงเทียนกับถังซานเป่าทำให้บรรยากาศผิดแปลกไปทันตาเห็น ในที่สุดซูหลี่ก็อดส่งเสียงผ่านพลังถามต้วนหลิงเทียนไม่ได้ “เจ้าต้วน นี่เจ้าพูดเรื่องอะไรกับถังซานเป่ากันแน่?”
  “ซูหลี่ ผู้แซ่ถังนั่นมันเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว”
  หากยังเป็นแค่การคาดเดาไร้หลักฐาน ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมั่นใจว่าถังซานเป่าเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวแค่ไหน ก็ไม่กล้ากล่าวยืนยันออกมาแบบนี้ เพราะเขาก็อาจคาดผิดหรือเข้าใจผิดไปเองไม่ใช่หรือ?
  ทว่าตอนนี้เขายืนยันได้แน่ชัดแล้ว!
  ถังซานเป่าเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริงๆ!!
  “อะไร!?”
  ซูหลี่ย่อมเคยได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดถึงเรื่องไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวมานานแล้ว มันเองก็เคยสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นใส่ใจอย่างต้วนหลิงเทียน
  ตอนนี้พอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดออกมาอีกครั้ง มันจึงอดตกใจไม่ได้