หงหยวน เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการฝึกฝนจากวิหารเฟิงฮ่าว
ทันทีที่มันลงสนามมา ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องมันตาเขม็ง ‘หากหงหยวนผู้นี้เป็นไพ่ตายที่ซ่อนอยู่ของวิหารเฟิงฮ่าวจริง…คราวนี้มันสมควรท้าประลองหวงเฉวียนอัน แม้จะขัดต่อกฏแต่ในเมื่อหวงเฉวียนอันไม่ได้ลงแรงอะไรมากมาย เช่นนั้นแค่เสนอให้พักฟื้นสักครึ่งเค่อ ก็สมควรไม่มีปัญหา…’
‘เพราะอย่างไรเสียมาถึงจุดนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก’
‘ยิ่งไปกว่านั้นเผลอๆไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่ได้คิดปิดบังอะไรแต่แรก เพียงแค่ไม่เจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควรให้เผยพลังเท่านั้น’
‘หากหงหยวนเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง การเผชิญหน้ากับหวงเฉวียนอัน มันก็ไม่อาจปิดซ่อนพลังได้อีกต่อไป’
ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวสมควรเป็นเทพสงคราม 6 ดารา เรื่องนี้อาจารย์เขาฟงชิงหยางเป็นคนคาดเดาออกมา และเขาเองก็คาดไว้เช่นนั้นด้วย
แม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็เชื่อว่าที่เขาเดาไว้สมควรถูกต้อง
เพราะถึงแม้หวงเฉวียนอันจะปรากฏตัวออกมา แต่ดูเหมือนฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักจะไม่ได้เผยสีหน้าผิดท่าอะไรออกมาเลย คล้ายไม่ได้กลัวว่าหวงเฉวียนอันจะสร้างปัญหาอะไรให้ไพ่ตายของมันได้
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที…
ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวสมควรเป็นเทพสงคราม 6 ดารา!
‘หงหยวนนั่น…มันจะเลือกท้าทายหวงเฉวียนอันหรือไม่?’
ในขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบกันเรื่องที่หงหยวนจะท้าทายใคร ใจต้วนหลิงเทียนก็คิดไปด้วยความสนใจ แววตายังฉายชัดถึงความอยากรู้ไม่น้อย
หากหงหยวนท้าทายหวงเฉวียนอันออกมาจริงๆ ก็มากพอจะบอกให้รู้ว่ามันมีโอกาสสูงที่จะเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว…และถ้าหงหยวนท้าหวงเฉวียนอันแล้วเอาชนะได้สำเร็จ ก็จะยืนยันได้เต็มสิบส่วนว่ามันคือไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวแน่ๆ!
แต่ถ้ามันไม่หาข้ออ้างท้าทายหวงเฉวียนอัน ปล่อยโอกาสแบบนี้ให้ผ่านไปอย่างเสียเปล่า เช่นนั้นมันก็ไม่มีทางเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวไปได้
ขณะเดียวกัน หงหยวนที่มาหยุดกลางฟ้าเหนือสังเวียนประลองได้สักพัก ก็กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด “ข้าขอท้า…อันดับที่ 5 โจวหย่งฉี”
สุดท้ายหงหยวนก็ไม่ได้ท้าหวงเฉวียนอันที่ครองอันดับ 1 คนปัจจุบันอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิด…
ตอนนี้หวงเฉวียนอันรั้งอยู่ในอันดับที่ 1 แล้ว ส่วนจงกุ้ยอวี่ร่วงตกลงมาเป็นที่สอง ถังซานเป่าก็ได้ร่วงตกมายังที่ 3 ต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นที่ 4 และโจวหย่งฉีที่แต่เดิมอยู่ในอันดับที่ 4 ก็ร่วงตกลงมาหนึ่งอันดับเช่นกัน
มันก็เลยอยู่อันดับที่ 5
‘ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
หากหงหยวนเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปท้าโจวหย่งฉี เพราะสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากเสียเวลาเปล่า และลงมืออย่างไร้จำเป็น
หากเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง ขอเพียงเอาชนะหวงเฉวียนอันและแทนที่ได้ สิ่งนี้ก็เสมือนประกาศศักดิ์ดาทำให้อัจฉริยะคนอื่นๆไม่มีความคิดท้าทายให้แพ้พ่ายสืบไป…เพราะสำหรับอัจฉริยะส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่เขา ต่อให้ท้าไปก็มีแต่แพ้กับแพ้
‘ในเมื่อหงหยวนไม่ใช่…เช่นนั้นก็เหลือแค่ 2 คนเท่านั้น’
‘คนหนึ่งก็เป็นอัจฉริยะที่วิหารเฟิงฮ่าวฝึกฝนมาเองอย่างซือหม่ารุ่ย ส่วนอีกคนก็ถังซานเป่า…’
พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดหันไปมองถังซานเป่าที่นั่งด้านหลังไม่ได้ และพอถังซานเป่าสังเกตเห็นเขาหันกลับมามอง มันก็เลิกคิ้วกล่าวถามด้วยหน้าตาสงสัย “ว่าไงพี่น้องต้วน?”
“เปล่า”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆ ก่อนจะหันหน้ากลับ
ซือหม่ารุ่ยกับถังซานเป่า เขาเชื่อว่าคนหลังน่าจะเป็นไปได้มากกว่า
ถังซานเป่านั้นต่างจากซือหม่ารุ่ยมาก อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกมองไม่ออกมาแต่แรก และบุคลิกก็แลดูจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาราวกับคนละคน ปกติก็แลเหมือนคนคุ้นเคย แต่ยามเผยพลังอันน่าทึ่งในการประลองก็ทำให้รู้สึกเย่อหยิ่งน่าเกรงขามไม่เบา
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดไปเรื่อย หงหยวนกับโจวหย่งฉีก็ได้ประมือแลกกระบวนท่ากันดุเดือดแล้ว
โจวหย่งฉี ในฐานะศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่ ย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม เมื่อเผชิญหน้ากับหงหยวนที่ท้าทาย มันก็ไม่ได้แลดูตึงมืออะไรมากมาย
สุดท้ายหลังผ่านไปไม่กี่สิบกระบวนท่า ถึงแม้หงหยวนจะเผยพลังอีกส่วนที่ปิดซ่อนเอาไว้จนเหนือกว่าก่อนหน้าพอสมควร แต่สุดท้ายก็แพ้พ่ายโจวหย่งฉีอยู่ดี เพราะโจวหย่งฉีเองก็ซ่อนพลังเอาไว้เช่นกัน แถมยังซ่อนไว้มากกว่าอีกด้วย!
“ต่อไป อันดับที่ 8”
หลังจากหงหยวนแล้ว ก็ถึงตาของอันดับที่ 8 ซึ่งก็คือเย่ตงลี่ที่ก่อนหน้าอยู่ในอันดับที่ 7
หลังเย่ตงลี่ปรากฏตัวอีกครั้ง นางก็กวาดตามองไปรอบๆ ยังมองต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไปหยุดมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋น “ข้าขอท้า อันดับที่ 6 หลิงเจวี๋ยอวิ๋น”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นแต่เดิมก็อยู่ในอันดับที่ 5 แต่หลังจากที่หวงเฉวียนอันเอาชนะจงกุ้ยอวี่ได้ มันก็ตกมาอยู่ในอันดับที่ 6 …
เผชิญกับการท้าทายของเย่ตงลี่ สีหน้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ยังคงความเย็นชาไว้เหมือนเคย ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
“พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นท่านมั่นใจรึเปล่า?”
พอหลิงเจวี๋ยอวิ๋นลุกขึ้นยืน ถังซานเป่าก็เอ่ยถามออกมาทันที “ในมือนางมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญาณสถิตย์เชียวนา!”
อย่างไรก็ตาม หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้แยแสถังซานเป่าแม้แต่นิดเดียว ร่างพุ่งไปกลางหาวอย่างไม่รั้งรอ จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ป้อนกระบวนท่าซัดใส่เย่ตงลี่ทันที ทำให้เย่ตงลี่อดมีโมโหขึ้นมาไม่ได้ “หลิงเจวี๋ยอวสิ๋น เจ้าเป็นผู้ชายที่มารยาทแย่ที่สุดเท้าที่ผู้อื่นเคยเจอมาเลย!”
อนิจจาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่แม้แต่จะสนใจต่อปากต่อคำกับนาง เลือกจะออกกระบวนท่าซัดใส่เย่ตงลี่ต่อ ทำให้เย่ตงลี่เองก็ได้แต่ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ เร่งรุดต้านทานจนมือเป็นระวิง
หลังจากผ่านไปไม่กี่ท่าเย่ตงลี่ก็ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายนางก็จำต้องงัดอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ออกมาใช้อีกรอบ
แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถูกหลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้พลังอำนาจที่เหนือกว่าทุบทำลายกระบวนท่าจนแหลกพินาศหมดสิ้น!
กล่าวได้ว่าหลิงเจวี๋ยยอวิ๋นได้เดินตามรอยเท้าต้วนหลิงเทียนกับบหวงเฉวียนอันมาติดๆ เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือออกมา!
“ให้ตายเถอะวะ! หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นที่แท้มันร้ายกาจขนาดนี้เชียวเหรอ!?”
“เหอะๆ…ข้ามากับคนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนเหมือนหลิงเจวี๋ยอวิ๋น…ก่อนหน้าข้าหลงคิดว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นแค่เทพสงคราม 3 ดาราเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่ายิ่งมาก็ยิ่งเผยพลังที่แข็งแกร่งเหนือคาดคิด จนมาตอนนี้พี่ท่านล่อสำแดงพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือแล้ว!!”
“ตอนนี้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับต้วนหลิงเทียน สมควรเป็นรองก็แต่หวงเฉวียนอันคนเดียว…”
“ไม่ผิด หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด หลังหวงเฉวียนอันชนะเลิศ อันดับที่ 2 กับ 3 ก็สมควรเป็นทั้งคู่”
…
หลังจากที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดาราออกมา อัฒจันทร์ที่นั่งรอบทิศก็ปั่นป่วนกันไม่น้อย ไม่ต่างอะไรจากตอนที่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะอวี๋ตงฟางเลย
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น…เจ้ามีคนที่ชอบแล้วหรือยัง…”
เย่ตงลี่ที่แพ้พ่ายหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ใบหน้าที่โกรธเคืองฮึดฮัดของนางมลายหายไปอย่างไว ตอนนี้อยู่ๆก็หันไปมองแผ่นหลังของหลิงเจวี่ยอวิ๋นที่กำลังเหินกลับที่นั่งพลางตะโกนถามออกมาเสียงดัง
และพอนางถามเรื่องนี้ออกมา บรรยากาศในสนามประลองก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายชักสีหน้ากรุ้มกริ่มตะโกนแซวออกมาเสียงดังออกมาไม่หยุดว่า ‘กำลังจะมี…เป็นเจ้า’ ออกมาอย่างสนุกสนาน ราวกับกลัวโลกจะวุ่นวายไม่พอ
ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเหินร่างกลับต่อ แต่ต้นจนจบไม่หันไปมองเยตงลี่แม้แต่น้อย
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น เย่ตงลี่ผู้นั้นก็ไม่เลวนี่นา…ไฉนเจ้าไม่พิจารณานางหน่อยเล่า?”
ทันทีที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกลับมา ซูหลี่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“พวกเราไปประลองชี้แนะกันหน่อยดีหรือไม่?”
ทว่าคำแรกที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นปริปากตอบออกมา ก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าซูหลี่ค้างเติ่งทันที เพราะการตอบรับคำอีกฝ่ายยังต่างอะไรกับหาเรื่องเจ็บตัว..
“ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านเจ้าจะก้าวหน้าไม่น้อย”.
ต้วนหลิงเทียนมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“แต่จะเอาชนะเจ้าตอนนี้นับว่าไม่ง่ายเลย”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวตอบเสียงเรียบ
ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มบางๆไม่พูดอะไรต่อ เพียงหันไปมองสนามประลองแทน
และหลังจากที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเผชิญคำท้าทายของเย่ตงลี่จนรักษาอันดับตัวเองไว้ได้อย่างราบรื่น ซือหม่ารุ่ยที่อยู่ในอันดับ 7 ก็เหินร่างออกมาเพื่อเตรียมท้าทายไต่อันดับ…อย่างไรก็ตามหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพึ่งลงประลอง เช่นนั้นมันก็ไม่อาจท้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้
คงเหลือเพียง 5 คนเท่านั้นที่มันสามารถท้าทายได้
หวงเฉวียนอัน จงกุ้ยอวี่ ถังซานเป่า ต้วนหลิงเทียน และโจวหย่งฉี
‘ไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวที่แท้เป็นใคร หลังได้ยินชื่อที่ซือหม่ารุ่ยเอ่ยท้าก็จะรู้แล้ว…’
ต้วนหลิงเทียนที่มองซือหม่ารุ่ยลอบกล่าวในใจ
ซือหม่ารุ่ยก็เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการฝึกฝนจากวิหารเฟิงฮ่าวเหมือนกับหงหยวน ตอนนี้คนที่อาจมีโอกาสเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวก็เหลือแค่มันกับถังซานเป่าเท่านั้น กล่าวได้ว่าในบรรดาทั้งคู่มีคนที่วิหารเฟิงฮ่าวตั้งใจจะมอบผลอมตะหยวนปะทุให้แต่แรก…
และวิธีการตัดสินซือหม่ารุ่ยของต้วนหลิงเทียน ก็เหมือนกับหงหยวน
หากซือหม่ารุ่ยเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริง มันไม่พ้นต้องเอ่ยท้าหวงเฉวียนอันแน่นอน หากไม่ใช่ก็คงไม่คิดท้าหวงเฉวียนอันเป็นธรรมชาติ
“ข้าขอท้า…อันดับที่ 2 จงกุ้ยอวี่!”
และเมื่อซือหม่ารุ่ยประกาศออกมาเสียงดังฟังชัด ต้วนหลิงเทียนก็ตัดมันออกจากผู้ต้องสงสัยทันที และยืนยันได้หลายส่วน ว่าถังซานเป่าที่นั่งด้านหลังเขาและมาอยู่กับพวกเขาตลอด 8-9 ใน 10 ส่วน สมควรเป็นไพ่ตายที่ซ่อนอยู่ของวิหารเฟิงฮ่าว!
“ถังซานเป่า เจ้ามันใจแค่ไหนว่าจะเอาชนะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้?”
ต้วนหลิงเทียนหันกลับมามองถามถังซานเป่าอย่างกะทันหัน
“หือ?”
ถังซานเป่าผงะไปด้วยความตกใจ ค่อยยิ้มถาม “ไฉนอยู่ๆพี่น้องต้วนถึงเอ่ยถามเรื่องนี้ล่ะ?”
“เจ้านับว่าซ่อนได้ลึกจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องถังซานเป่าเขม็ง และพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่เข้าใจออกมา
“พี่น้องต้วน นี่ท่านพูดเรื่องอะไรกันแน่?”
ถังซานเป่าเอ่ยถามด้วยสีหน้ามึนงง
“ผลอมตะหยวนปะทุอย่างไรเล่า…”
และพอต้วนหลิงเทียนพูดออกมาอีกครั้ง ก็เอ่ยถึงผลอมตะหยวนปะทุที่เป็นของรางวัลสำหรับผู้ที่ได้อันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ออกมา ทำให้ซูหลี่และคนอื่นๆยิ่งงงเข้าไปใหญ่
ไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงพูดเรื่องนี้ออกมา?
“พี่น้องต้วนรู้แล้ว?”
สองตาถังซานเป่าเป็นประกายขึ้นมาทันที และชั่วพริบตาความรู้สึกที่ส่งออกมาของมันก็เปลี่ยนไปราวคนละคน ไม่แลดูเหลวไหลไร้แก่นสารเหมือนก่อน แต่แลดูเย็นชาปานจะผลักไสผู้คนให้ไกลห่างนับพันลี้
“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกสินะ…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเฉยเมย ถามว่า “เจ้าเข้าหาพวกเราด้วยจุดประสงค์อะไร ศึกษาศัตรูงั้นเหรอ?”
“จำเป็นหรือไม่?”
ถังซานเป่าย้อนถาม
“เจ้ามั่นใจดีนี่”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม
“ก็นะ…แต่จะอย่างไรพี่น้องต้วนท่านกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่เลวเลยทีเดียว…จนถึงตอนนี้ข้ายังมองไม่ออกจริงๆว่าพวกท่านได้ลงมือเต็มกำลังแล้วหรือยัง”
ถังซานเป่ากล่าว
“เดี๋ยวก็รู้ไม่ใช่รึไง?”
“ข้าล่ะตั้งหน้าตั้งตารอดูชมทีเดียว…”
…
บทสนทนาที่ยากเข้าใจระหว่างต้วนหลิงเทียนกับถังซานเป่าทำให้บรรยากาศผิดแปลกไปทันตาเห็น ในที่สุดซูหลี่ก็อดส่งเสียงผ่านพลังถามต้วนหลิงเทียนไม่ได้ “เจ้าต้วน นี่เจ้าพูดเรื่องอะไรกับถังซานเป่ากันแน่?”
“ซูหลี่ ผู้แซ่ถังนั่นมันเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว”
หากยังเป็นแค่การคาดเดาไร้หลักฐาน ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมั่นใจว่าถังซานเป่าเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวแค่ไหน ก็ไม่กล้ากล่าวยืนยันออกมาแบบนี้ เพราะเขาก็อาจคาดผิดหรือเข้าใจผิดไปเองไม่ใช่หรือ?
ทว่าตอนนี้เขายืนยันได้แน่ชัดแล้ว!
ถังซานเป่าเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวจริงๆ!!
“อะไร!?”
ซูหลี่ย่อมเคยได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดถึงเรื่องไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวมานานแล้ว มันเองก็เคยสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นใส่ใจอย่างต้วนหลิงเทียน
ตอนนี้พอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดออกมาอีกครั้ง มันจึงอดตกใจไม่ได้