‘ดูเหมือนข้าจักพานพบสมบัติล้ำค่าเข้าให้แล้วจริงๆ!’
สายตาที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ได้ทวีความโลภอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
มันอยากได้ร่างนี้จนแทบอดใจไม่ไหวแล้ว!
ในปัจจุบันไม่ใช่แค่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนเท่านั้น แม้แต่ฉีคงไห่เอง ก็เอาแต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ‘ช่างเป็นอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์อะไรจะขนาดนี้…หากมันเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวเราจักดีสักแค่ไหนกัน?’
หากต้วนหลิงเทียนเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวล่ะก็ ต่อให้พรุ่งนี้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นจ้าววิหารน้อยแทนที่ถังซานเป่า ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้
ในสวรรค์และโลกแห่งนี้ ทุกคนให้ความเคารพแก่ผู้เข้มแข็ง
เนื่องจากเป็นขุมกำลังที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของระนาบเทวโลก วิหารเฟิงฮ่าวยิ่งนับถือผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร!
ด้วยสภาพแวดล้อมอันเกื้อหนุนให้ผู้เข้มแข็งสามารถครอบครองได้ทุกสิ่งอย่าง ทำให้คนของวิหารเฟิ่งฮ่าวถูกปลูกฝังให้แสวงหาความเข้มแข็งเหนือใดอื่น ภาวะแข่งขันจึงสูงล้ำยิ่งกว่าขุมกำลังใดๆมากนัก
ในบรรดาคนเหล่านั้น ก็มีฉีคงไห่เช่นกัน
มันค่อยๆก้าวเดินทีละก้าวๆ ไต่ขึ้นมาจากจุดต่ำสุด จนบัดนี้สามารถดำรงตำแหน่งรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวได้ และคงมีแค่ตัวมันเองเท่านั้น…ที่รู้ว่าตลอดเส้นทางชีวิตที่ผ่านมามันเหน็ดเหนื่อยทุกข์ยากและต้องใช้ความพยายามถึงขนาดไหน!
ชีวิตลำบาก!
พยายามดิ้นรนจนเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ!
…
อย่างไรเสียจะความคิดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็ดี ความต้องการของฉีคงไห่ก็ดี ต้วนหลิงเทียนล้วนไม่รับทราบทั้งสิ้น
เพราะตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่า
“พี่น้องต้วนหลิงเทียน”
ถังซานเป่ามองต้วนหลิงเทียนเขม็ง รอยยิ้มบนใบหน้าของมันค่อยๆเลือนหายกลายเป็นความจริงจัง “ถึงแม้ครั้งนี้พี่น้องต้วนท่านจะสู้ศึกหนึ่งต่อสอง ต้องเจอกับข้าและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพร้อมกันจนทำให้ท่านเสียเปรียบไม่น้อย…แต่ขอพี่น้องต้วนท่าน อย่าได้คาดหวังว่าข้าจะออมมือให้เล่า!”
“และข้าเชื่อว่า…พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็คิดเหมือนกัน”
ถังซานเป่ากล่าว
“ออมมือ?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก”
“ตอนนี้เชิญพวกเจ้าป้อนกระบวนท่าได้เลย”
ท่ามกลางทุกสายตา ต้วนหลิงเทียนผายมือกล่าวออกด้วยน้ำเสียงท่าทีสงบ
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงพูดของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ
ซัว!
ซัว!
…
บังเกิดเสียงพลังอันน่าเกรงขามปะทุระเบิดออกมา เป็นร่างที่ยืนหยัดกลางหาวให้สภาวะดั่งหอกแกร่งของถังซานเป่า ได้ปลดปล่อยเพลิงพลังออกมาให้ลุกโชนท่วมกาย เพลิงพลังดังกล่าวยังเป็นสีขาวให้ความรู้สึกร้อนแรงปานจะแผดเผาได้ทุกสิ่ง!
ส่วนอีกด้านนั้น หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองบัดนี้ทั่วร่างก็ปกคลุมไปด้วยไอพลังสีดำ นอกจากนั้นรอบๆตัวยังปรากฏกระแสอัสนีสีเลือดแล่นวาบแปลบปลาบ ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังสะกดข่มอันน่าสะพรึงกลัวออกมากดดันในบรรยากาศ จนผู้ที่พลังฝีมืออ่อนด้อยแทบหายใจไม่ออก
จังหวะนี้ เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายที่ชมดูการประลองบนอัฒจันทร์ทั่วสารทิศ อารมณ์ความรู้สึกก็เสมือนพุ่งปรี๊ดทะลุจุดเดือด!
“ลุยเลย!!”
“การประลองนัดนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ ก็ล้วนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แน่!”
“นับว่าข้าอยู่มาไม่เสียชาติเกิดแล้วจริงๆ ที่ได้เป็นสักขีพยานในการประลองนัดนี้!”
…
การประลองที่กำลังอุบัติขึ้นไม่ได้มีแค่เหล่าอัจฉริยะเท่านั้นที่ให้มองชมอย่างใจจดจ่อ แม้แต่เหล่าจักรพรรดิสวรรค์ไม่เว้นคนของวิหารเฟิงฮ่าวทั้งหลาย ก็ชมดูอย่างตั้งใจไม่กล้าคลาดสายตาแม้แต่นิดเดียว
“น้องฟงท่าน…หากศิษย์หลานต้วนแพ้พ่าย ท่านไม่เสียหน้าแย่แล้วหรือ?”
จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ หันไปมองกล่าวติดตลกกับฟงชิงหยาง
“เสียหน้า?”
ฟงชิงหยางคลี่ยิ้มเฉยเมย “พี่ติง เกรงว่าครั้งนี้ท่านผิดแล้ว…”
ถึงแม้ฟงชิงหยางเองก็ไม่รู้ว่าพลังที่แท้จริงของศิษย์คนนี้สูงถึงระดับไหน แต่ก่อนจะเริ่มประลอง ฟงชิงหยางก็ได้ถามความเห็นต้วนหลิงเทียนแล้ว และคำตอบของต้วนหลิงเทียนก็บอกว่าไม่มีปัญหา น้ำเสียงยังเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย
ศิษย์ตัวเองพูดมาแบบนี้ มันที่เป็นอาจารย์ไหนเลยยังไม่เชื่อใจได้?
แม้จะเผชิญหน้ากับการเร่งเร้าพลังสภาวะของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและถังซานเป่า ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงลอยร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง เรียกว่าไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
กลับกันฝ่ายตรงข้ามของต้วนหลิงเทียน จะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ดี ถังซานเป่าก็ดี แต่ละคนชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังนัก ต่างปลดปล่อยพลังออกมาเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก ไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว!
พวกมันเองก็รู้จักต้วนหลิงเทียนดี
ในเวลาแบบนี้การที่ต้วนหลิงเทียนยังสงบอยู่ได้ เผยให้เห็นชัดว่าไม่ได้หวั่นเกรงอะไรแม้พวกมันจะเป็นฝ่ายชิงลงมือเปิดศึกก่อน!
แต่กระนั้น พวกมันที่เร่งเร้าพลังสภาวะถึงขีดสุดแล้ว ก็ไม่อาจไม่ลงมือ!
ไร้ซึ่งการสนทนานัดหมายใดๆ ทั้งคู่พลันระเบิดพลังลงมือออกมาพร้อมๆกัน!
ปงงง!!
ซู่มมม!!
…
ถังซานเป่าโจนทะยานข้ามฟ้ามาฉับไว และด้วยความเร็วอันสูงล้ำของมัน เพลิงพลังสีขาวทั่วร่างของมันก็เสมือนแสงขาวที่ลากยาวตัดฟ้าไปไม่ต่างมังกรตัวหนึ่งที่กำลังจู่โจมขย้ำเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!
ส่วนอีกด้านนั้น หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ควบแน่นพลังทั้งหมดสร้างกระบี่พลังเล่มหนึ่งขึ้นมากระชับถือไว้ จากนั้นร่างแยกแห่งความตายของมันก็แยกตัวออกมา ก่อนจะเหินอ้อมไปอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน หมายจู่โจมกระหนาบหน้าหลังต้วนหลิงเทียนพร้อมๆกันกับร่างต้น!
ซู่มมม!!
ฟู่มมม!!
…
ยิ่งมาเพลิงพลังสีขาวทั่วร่างถังซานเป่ายิ่งลุกโชนโชติช่วงปานจะแผดเผาท้องฟ้า อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นหลายองศาในชั่วพริบตา พาลให้เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่พลังฝีมืออ่อนด้อยสีหน้าแดงขึ้นไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังเผชิญกับแรงกดดันพลังอันหนักหนา!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
ร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพร้อมด้วยกระบี่พลังในมือ กับร่างแยกแห่งความตายที่ไม่ทราบสร้างเคียวยมทูตขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ บัดนี้หนึ่งกระบี่หนึ่งเคียวได้ออกกระบวนท่าจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนจากหน้าหลังพร้อมๆกัน!
ชั่วพริบตา ต้วนหลิงเทียนก็ถูกการจู่โจมของทั้ง 3 ปิดล้อมเอาไว้!
“ไฉนต้วนหลิงเทียนยังยืนนิ่งไม่ลงมืออยู่อีก? มันไม่กลัวว่าจะไม่มีแม้แต่โอกาสลงมือบ้างหรือไร?”
“ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะมั่นใจในความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของตัวเองมาก”
“ถึงแม้จะใช้เคลื่อนมิติหลบหลีกได้ แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าก็สามารถพุ่งไปเล่นงานซ้ำได้อยู่ดี! เพราะระยะทางของพื้นที่สังเวียนแทบไม่มีอยู่จริงสำหรับพวกมัน ส่วนต้วนหลิงเทียนจะใช้เคลื่อนมิติอีกครั้งก็ต้องรวมพลังมิใช่หรือไร…บางครั้งการเคลื่อนย้ายข้ามมิติในพริบตาก็ใช่ว่าจะเลิศล้ำอะไรนัก”
“ก็จริงของเจ้า หากเป็นที่โล่งไร้จำกัดก็ว่าไปอย่าง…”
…
ในขณะที่อัจฉริยะทั้งหลายกำลังออกความเห็นเกี่ยวกับฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นหรือถังซานเป่า กระบวนท่าจู่โจมของพวกมันก็เข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนมากขึ้นทุกขณะ กระทั่งเวลาชั่วพริบตาต่อมาก็สมควรบรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียนแน่แล้ว
วูบ!
เป็นดั่งที่คนส่วนใหญ่คาดไว้ไม่มีผิด ต้วนหลิงเทียนได้ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ อันตรธานหายไปจากจุดเดิม
แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าไม่แยแสการเคลื่อนมิติของต้วนหลิงเทียน พวกมันเปลี่ยนทิศทางการโจมตีในฉับพลัน พุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งปรากฏตัวด้านหลังห่างออกไปไม่ไกลเร็วรี่! เรียกว่าการพุ่งตัวและกรระบวนท่าของพวกมันยังว่องไวเหนือกว่าก่อนหน้าเป็นเท่าตัว!!
“ดูเหมือนเมื่อครู่ถังซานเป่ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจงใจรั้งความเร็วเอาไว้!”
“เห็นชัดว่าพวกมันเองก็กำลังรอให้ต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนมิติ! จะได้ลงมือเต็มกำลังด้วยความเร็วสูงสุดไม่ให้ต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนมิติหลบได้ทัน!!”
“ข้าอยากรู้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะรับมือการโจมตีระลอกนี้ของพวกมันได้อย่างไร?! ด้วยความเร็วนั่น ต่อให้ต้วนหลิงเทียนคิดใช้เคลื่อนมิติหลบอีกครั้ง ก็เห็นชัดว่าทำไม่ได้แน่!!”
…
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ทันทีที่ร่างต้วนหลิงเทียนหายไปปรากฏตัวด้านหลัง หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าก็เสมือนลำแสงตกกระทบกระจก หักเหเปลี่ยนทิศทางไปในฉับพลัน แถมยังพุ่งจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วที่เหนือล้ำกว่าเดิมอีกด้วย! ไม่ทันไรก็เจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนแล้ว!!
ซู่มมม!!
ฟู่มมม!!
…
เพลิงสีขาวที่ลุกโชนปานจะแผดเผาแผ่นฟ้า มองไปคล้ายแสงขาวกำลังจะกลบแสงตะวันอย่างไรอย่างนั้น!!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
แสงกระบี่ซัดพุ่งออกมาจากกระบี่พลังในมือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอย่างน่ากลัว ร่างแยกแห่งความตายเองก็ตวัดเคียวซัดคลื่นสะบั้นแห่งความตายทมิฬจี้ตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง ราวกับยมทูตกำลังจะเก็บเกี่ยววิญญาณ!
และก็เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวเป็นไปตามที่ทุกคนคาดคำนวณ ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้เคลื่อนมิติเพื่อหลบหนีอีก
เผชิญหน้ากับกระบวนท่ากระบี่และเคียวมรณะที่เข่นฆ่าเข้ามาฉับไวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น รวมถึงการโถมจู่โจมเข้ามาทั้งตัวของถังซานเป่าที่ไม่ต่างอะไรกับดาวตก ด้านต้วนหลิงเทียนยังคงนิ่งสงบเฉยเมย สีหน้าไม่เผยความร้อนใจอะไร
“ไฉนยังไม่ลงมืออีก!?”
จังหวะนี้ไม่ว่าจะเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ก็ดี เหล่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ดี ต่างพากันวิตกกังวลอย่างอดไม่ได้ เพราะหากต้วนหลิงเทียนยังไม่ลงมือทำอะไร น่ากลัวว่าจะต้องทานรับกระบวนท่าของ 2 สุดยอดอัจฉริยะจังๆ และนั่นไม่สนุกแน่!
อย่างไรก็ตามสำหรับบางคนอย่างฉีคงไห่หรือกงซุนซวนหยวนนั้น ต่างชักสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม เพราะท่วงท่าสภาวะของต้วนหลิงเทียน จนถึงบัดนี้ก็ยังคงแผ่พุ่งความมั่นใจอันล้นปรี่ออกมาไม่แปรเปลี่ยน!
แต่พวกมันไม่อาจรู้ได้จริงๆ ว่าบ่อเกิดความมั่นใจดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนมาจากที่ไหนกันแน่
ฉีคงไห่เหลือบไปมองฟงชิงหยางปราดหนึ่ง จึงพบว่าสีหน้าฟงชิงหยางเองก็ยังสงบนิ่งไม่นำพา เช่นนั้นมันก็รู้ได้ว่าคงยากจะหา ‘คำตอบ’ อะไรจากสีหน้าฟงชิงหยางได้อีก
ท้ายที่สุดมันก็ได้แต่วกสายตากลับมาจับตาดูความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
จนเมื่อพลังกระบวนท่าอันน่าสะพรึงกลัวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและถังซานเป่าเจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน กล่าวได้ว่ามันห่างกันแค่เอื้อมมือถึงเท่านั้น ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนไหวเสียที!
เห็นว่า ต้วนหลิงเทียนเพียงยกมือขวายื่นออกไป ก่อนจะกดลงเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมา รอบกายต้วนหลิงเทียนพลันอุบัติรอยแยกมิติมากมายนับไม่ถ้วน จากนั้นรอยแยกมิติมืดดำราวกับห้วงลึกอันไร้สิ้นสุด ก็ได้กลืนกินพลังกระบวนท่าของถังซานเป่ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้อย่างน่ากลัว!
แต่เป็นธรรมดาว่าการจู่โจมของถังซานเป่าและหลิงเจวี่ยอวิ๋นนั้นไม่ต่างอะไรกับคลื่นสมุทรถาโถมไร้สิ้นสุด แม้บางส่วนจะถูกต้วนหลิงเทียนใช้วิถีควบคุมทำลาย แต่กระบวนท่าของหลงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าก็ถูกเร่งเร้าพลังซัดเพิ่มออกมาถี่รัว เรียกว่าดั่งนก 9 ตัวสลัดขนพร้อมกันก็ไม่ปาน ทำให้มีรังสีพลังบางส่วนเล็ดลอดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เสียงระเบิดดังปานจะสะท้านสะเทือนแดนดินอุบัติขึ้น พาลให้ใจผู้ชมสั่นไหวไปตามๆกัน
ขณะเดียวกัน ณ จุดปะทะก็บังเกิดแสงขาวสว่างจ้าออกมา ราวกับตะวันฉายแสงส่องหล้า ทำให้ผู้ที่ชมดูอยู่อดหยีตาลงไม่ได้ กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์และคนของวิหารเฟิงฮ่าวส่วนใหญ่ก็ไม่มีข้อยกเว้น
อย่างไรก็ตามเมื่อแสงพลังซาลง ฉากเรื่องราวที่ค่อยๆปรากฏสู่สายตาของผู้คนอีกครั้ง ก็เป็นอะไรที่ทำให้ใครหลายๆคนยากจะลืมเลือนไปได้ชั่วชีวิต!
ภายใต้การมองจ้องมาของทุกสายตา ต้วนหลิงเทียนนั้นได้ลอยล่องอยู่ใจกลางแสงสว่างสีขาวกับแสงพลังสีดำอย่างสงบพิกล และไม่ว่าแสงพลังสีขาวกับแสงพลังสีดำจะพลุ่งพล่านเพียงใด ก็เสมือนถูกกักไว้ในพื้นที่หนึ่ง ไม่อาจบุกฝ่าไปได้!
“เป็นความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติ!”
หลายคนย่อมมองเรื่องนี้ได้ออก
แต่เป็นธรรมว่าไม่นานก็มีคนที่สายตาแหลมคมมองความร้ายกาจที่แฝงเร้นอยู่ในพื้นที่กักกันทั้ง 2 ด้านได้ออก “ไม่ใช่แค่ความลึกซึ้งกักกันอย่างเดียว! แต่มันผสานไว้ด้วยความลึกซึ้งบิดเบือนกับความลึกซึ้งพายุแม่เหล็ก!!”
“ไม่ใช่แค่นั้น ห้วงมิติกักกันอีกจุด มันเกิดจากการผสานไว้ด้วยความลึกซึ้งกักกัน ความลึกซึ้งพายุแม่เหล็กแล้วก็ความลึกซึ้งรังสรรค์! พวกเจ้าเห็นหรือไม่พื้นที่กักกันด้านนั้นมันฟื้นฟูก่อตัวใหม่อยู่ตลอดเวลา ถึงต้านทานรับพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับร่างแยกแห่งความตายได้ชะงัด!!”
…
ฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นเบื้องหน้า พาลให้สองตาผู้ที่ชมดูเรื่องราวอยู่ถึงกับเบิกโพลงไปด้วยความตกตะลึง และเมื่อมีผู้รู้กล่าวเส้นสนกลในการลงมือของต้วนหลิงเทียนออกมา เหล่าอัจฉริยะก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ “อะไร…การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ? แถมยัง 2 ชุด!?”
“บ้าน่า! ปกติแล้วเทพสงคราม 6 ดารานั้น ก็แค่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการหลายชุดเท่านั้น…แม้แต่ยอดฝีมือเทพสงคราม 6 ดาราก็มีแค่หยิบมือเดียวที่จะเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการ….”
“กล่าวได้ว่าการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการนั้น แทบจะเป็นอัตลักษณ์ของเหล่าเทพสงคราม 7 ดาราก็ว่าได้…และหากเป็นผู้ที่สามารถใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการได้ 2 ชุด ก็ถือว่าเป็นเทพสงคราม 7 ดาราเต็มตัว!!”
…
เทพสงคราม 7 ดารา!!
หลังจากมีเสียงผู้รู้โพล่งดังออกมาด้วยความตื่นตระหนก บรรยากาศทั่วทั้งสนามประลองก็กลายเป็นสงบเงียบอย่างประหลาด เรียกว่าจังหวะนี้ขอเพียงมีเข็มร่วงตกลงพื้นสักเล่ม เป็นอันต้องได้ยินกันชัดเจนแน่!
ไม่ใช่แค่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น บัดนี้ทุกคนได้แต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด ลึกลงไปในแววตายังฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ พูดได้เลยว่าหากวันนี้พวกมันไม่ได้มาเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยสองตาของตัวเอง ให้เอามีดมาจ่อคอหอยขู่ข่มเป่าหูพวกมันแค่ไหน พวกมันก็ไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าเรื่องพรรค์นี้จะเป็นความจริงไปได้!
ตัวตนที่มีอายุไม่ถึง 700 ปี แต่กลับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการถึง 2 ชุด…แถมกฏที่ใช้ยังเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดอย่างกฏมิติงั้นเหรอ?