ปงงงง!!
ตูมมมม!!
…
สีหน้าท่าทีของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง ขณะเดียวกันพวกมันก็ไม่คิดถนอมพลังอะไรสืบไป เลือกจะทุ่มพลังจู่โจมออกไปสุดตัว เพลิงพลังสีขาวลุกโชนเจิดจ้ายิ่งกว่าครั้งใด ไอพลังแห่งความตายเองก็พลุ่งพล่านขึ้นมาถึงขีดสุด!!
อย่างไรก็ตามภายใต้พื้นที่กักกันอันแยบคายที่ต้านทานรับมือได้อย่างเหมาะสมของต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าการจู่โจมของทั้งคู่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 6 ดารามาเอง ก็คงไม่อาจฝ่าการป้องกันของต้วนหลิงเทียนได้…
พลังของทั้งคู่อย่างดีก็แค่ทำให้พื้นที่กักกันของต้วนหลิงเทียนสั่นไหวเท่านั้น
“เปลี่ยนไปลงมือจุดอื่น!”
ในขณะที่สีหน้าของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าย่ำแย่ไม่สู้ดี เสียงผ่านพลังของฉีคงไห่ก็พลันดังขึ้นในหูถังซานเป่าอย่างประจวบเหมาะ ชี้แนะให้ถังซานเป่าเลือกจะเปลี่ยนตำแหน่งจู่โจม!
พอได้ยินคำกระตุ้นเตือนชี้แนะของฉีคงไห่ สองตาที่กำลังจะถอดใจของถังซานเป่าก็เปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง
ใช่!
ไฉนมันจึงลืมเลือนไปได้!
ตอนนี้เป็นมันกำลังร่วมมือกับหลิงเจวี่ยอวิ๋นต่อกรกับต้วนหลิงเทียน แล้วไฉนต้องพยายามแหกฝ่าพื้นที่กักกันอันแข็งแกร่ง และต่อต้านพลังอำนาจของวิถีควบคุม 1 ใน 4 วิถีของสวรรค์และโลกตรงๆด้วย?
พื้นที่รอบตัวต้วนหลิงเทียนตอนนี้เรียกว่าตกอยู่ในความควบคุมของต้วนหลิงเทียนโดยสมบูรณ์ และภายใต้การควบคุมของต้วนหลิงเทียน กฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกเรียกว่ามันทรงพลังขึ้นไปอีกขั้น มันกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะทำลายฝ่าไปตรงๆไม่ได้ก็ไม่แปลก!
อย่างไรก็ตาม หากเปลี่ยนแนวทางการลงมือเล่า หากนัดแนะกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นให้เปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆเล่า?
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น”
ไม่รอช้า ถังซานเป่าเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้วกล่าวบอกแนวทางการลงมือทันที ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพอได้ฟังก็ถอนรั้งพลังที่ทุ่มจู่โจมอย่างสูญเปล่ากลับมาทันที จากนั้นทั้งคู่ก็เร่งเร้าพลังอีกห้วงและแยกย้ายกันลงมือในตำแหน่งใหม่ที่ไร้พื้นที่กักกันของต้วนหลิงเทียน!!
ทั้ง 2 คนนั้นเดิมทีค่อนข้างนิ่ง และควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการประลองนัดนี้ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มก็สร้างความตื่นตกใจให้พวกมันครั้งใหญ่ ทำให้พวกมันไม่อาจควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่งเหมือนตอนปกติได้
เรียกว่าหากเป็นการประลองตัวต่อตัวตามปกติ พวกมันไม่มีทางสูญเสียความสงบแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้กลับเกิดเรื่องราวเหนือความคาดหมาย พวกมันกลับต้องมากลุ้มรุมคนๆเดียว แถมอีกฝ่ายยังน่าจะทรงพลังเหนือกว่าตัวเอง โดยเฉพาะที่คู่ต่อสู้ไม่ได้มีอายุมากกว่า กระทั่งยังน้อยกว่าด้วยซ้ำ
ในกรณีนี้พวกมันจึงยากจะสงบสติอารมณ์อยู่ได้
จนเมื่อได้ฉีคงไห่ชี้แนะ ทั้งคู่ก็เปลี่ยนวิธีการลงมือทันที เลือกจู่โจมในส่วนที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สร้างพื้นที่กักกันเอาไว้! ตราบใดที่พวกมันไม่วิ่งเต้นไปตามฝ่ามือของต้วนหลิงเทียน ก็ไม่แน่ว่าการร่วมมือกันของพวกมันจะแพ้พ่าย
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
จากนั้นท่ามกลางสายยตาของทุกคน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าก็เหินร่างผละถอยออกมาฉับไว จากนั้นทั้งคู่ก็เคลื่อนร่างจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนในตำแหน่งอื่น เลี่ยงพื้นที่ๆตกอยู่ภายใต้ความลึกซึ้งกักกันที่ผสานความลึกซึ้งอื่นๆของต้วนหลิงเทียน!
และฉากเรื่องราวที่แปรเปี่ยนในฉับพลันนี้ ก็ทำให้หลายคนที่ชมดูเรื่องราวอยู่อดไม่ได้ที่จะหยีตามองทั้งคู่ด้วยความชื่นชม “หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่า นับว่าเป็นเทพสงคราม 6 ที่ร้ายกาจเหนือกว่าคนในระดับเดียวกันจริงๆ…ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น พวกมันยังฉุกคิดและพยายามหาทางรับมือต้วนหลิงเทียนอย่างใจเย็นอยู่ได้”
“ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เกิดจากพลังของกฏอย่างเดียว แต่ยังมีการเชี่ยวชาญวิถีควบคุม 1 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกถึงขั้นตอนเบื้องต้น…ในขอบเขตการลงมือของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งจ้าวก็ว่าได้ เว้นเสียแต่จะมีพลังเหนือกว่าต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้วคิดจะลงมือทำลายพลังที่ต้วนหลิงเทียนสร้างขึ้น เห็นทีคงยาก”
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าที่ร่วมมือกัน ต่อให้เป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 6 ดาราที่แข็งแกร่งที่สุดน่ากลัวยังจะสู้พวกมันไม่ได้…หากพวกมันร่วมมือกันอย่างดีและพยามเปลี่ยนตำแหน่งจู่โจมต้วนหลิงเทียน สร้างปัญหาให้กับการป้องกันของต้วนหลิงเทียน รอให้ต้วนหลิงเทียนมือไม้ปั่นป่วนได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นพวกมันก็อาจพบเห็นช่องโหว่ จนในที่สุดก็ทำลายปราการอันแข็งแกร่งอยย่างพื้นที่กัก 2 รูปแบบนั่นได้…”
“แต่ถึงจะหาช่องโหว่ได้จริง…แต่ถ้าต้วนหลิงเทียนเลือกจะเป็นฝ่ายเคลื่อนมิติทิ้งระยะแล้วเป็นฝ่ายลงมือจู่โจมบ้างเล่า? พวกมันยังจะต้านรับการลงมือของต้วนหลิงเทียนได้หรือ? สุดท้ายตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เป็นเทพสงคราม 7 ดาราแน่นอนแล้ว”
“ให้ตายเถอะ…เทพสงคราม 7 ดาราทั้งๆที่ยังอายุไม่ถึง 700 ปีเนี่ยนะ! ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก ต่อให้เป็นชนพื้นเมืองของระนาบเทวโลกข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่ขึ้นสวรรค์มาด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นอาจารย์ของต้วนหลิงเทียน จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้น ในวัยเดียวกันกับต้วนหลิงเทียน ยังร้ายกาจไม่ได้เสี้ยวต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!”
…
เมื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าหันมาร่วมมือกันและพยายามสร้างปัญหาด้วยการเคลื่อนไหวจู่โจมหาช่องว่างต้วนหลิงเทียนไปเรื่อย บรรยากาศในสนามประลองก็หวนกลับมาคึกคักตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง
เป็นธรรมดาว่าถึงแม้ทั้งคู่จะหวนกลับมาครองสติได้แล้ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกมันยังตกใจไม่หายกับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นเทพสงคราม 7 ดารา กล่าวได้ว่ามาเจอเรื่องแบบนี้ต่อให้ใช้เวลาเป็นวันก็ยากจะสงบอารมณ์ลงได้อย่างสมบูรณ์…
“แผนดีนี่…”
เห็นความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนไปของถังซานเป่ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนอดยิ้มออกมาบางๆไม่ได้
หลังจากที่ตระหนักถึงพลังอันกล้าแข็งสุดฝ่าฝืนของต้วนหลิงเทียนแล้ว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าก็เปิดฉากจู่โจมออกมาระรัว และเมื่อพบว่าเบื้องหน้าปรากฏพื้นที่กักกันอันร้ายกาจของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็จะเปลี่ยนตำแหน่งลงมือทันที ยังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงตลอดเวลา ไม่เปิดโอกาสให้ต้วนหลิงเทียนจำกัดความเคลื่อนไหวของพวกมันง่ายๆ.
ทว่าทันใดนั้นเอง!
ปงงงง!!
เสียงระเบิดดังปานจะสะท้านสะเทือนโลกหล้าอุบัติขึ้นอีกครั้ง ทุกคนพบว่าอยู่ๆกระบวนท่าจู่โจมของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าที่จี้ตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน กลับอันตรธานหายไปอย่างอัศจรรย์ พอผุดโผล่ขึ้นอีกครั้งก็หันไปเล่นงานหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าเองเสียอย่างนั้น!
หลังการระเบิดสนั่นหวั่นไหว สรรพสิ่งก็คล้ายจะหยุดนิ่ง คลื่นลมอันรุนแรงกวาดกำจายสะท้านไปทั่วสารทิศ ผู้คนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ถึงกับเงียบลงอย่างพร้อมเพรียง ไร้สำเนียงเสียงใด ไม่มีใครขยับแม้จะโดนคลื่นลมซัดจนผมเผ้าเสื้อผ้าสะบัดวุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมด…
แน่นอนว่าพวกมันไม่มีเวลามาสนใจผมเผ้าเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงเพราะคลื่นลมจากแรงระเบิด เพราะตอนนี้ไม่ว่าใครก็มองจ้องเรื่องราวที่อุบัติขึ้นด้วยสองตาเลื่อนลอย ลึกลงไปในแววตายังฉายชัดถึงความสยดสยองหวาดกลัว “หะ…ให้ตายเถอะ! เมื่อครู่…ต้วนหลิงเทียนย้ายการโจมตีของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไปซัดใส่ถังซานเป่า แล้วก็ย้ายการโจมตีของถังซานเป่าไปซัดใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋น!?”
“คิดจะเคลื่อนย้ายการโจมตีอันทรงพลังของทั้งคู่ได้แบบนี้…เว้นเสียแต่จะผสานรวมความลึกซึ้งส่งผ่าน กับความลึกซึ้งของกฏมิติอีก 2 ประการ หาไม่แล้วไม่มีทางส่งผ่านกระบวนท่าที่อัดแน่นไปด้วยพลังของทั้งคู่ข้ามมิติแบบนั้นได้แน่!”
“ข้าเองก็เชี่ยวชาญกฏมิติ! หากข้ามองไม่ผิด การลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่สมควรเป็นการผสานรวมความลึกซึ้ง ส่งผ่าน เคลื่อนมิติ และบิดเบือนเข้าด้วยกัน! เป็นการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการอีกชุด!!”
“การผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการชุดที่ 3!? สวรรค์! ถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่ใช่จักรพรรดิอมตะ 10 แต่ก็ถือว่าเป็นเทพสงคราม 7 ชนชั้นยอดฝีมือแล้วใช่ไหม?!
“ไม่ผิด! สามารถผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 3 ประการถึง 3 ชุดแบบนี้ ไหนจะยังมีวิถีควบคุมกับมรรคากระบี่มิติอีก หากต้วนหลิงเทียนลงมือใช้ออกด้วยทุกสิ่ง พลังอำนาจสมควรเหนือล้ำกว่าเทพสงคราม 7 ดาราชนชั้นยอดฝีมือเสียอีก แทบจะวัดกับพวกเทพสงคราม 8 ดาราได้แล้ว! และถ้าต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ…ความแข็งแกร่งสมควรแตะถึงระดับเทพสงคราม 8 ดาราเหนือค่าเฉลี่ยทันที เผลอๆยังจะเทียบได้กับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราด้วยซ้ำ!!”
“ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบนี้อันดับ 1 ไม่พ้นตกอยู่ในมือต้วนหลิงเทียนแล้วล่ะ…และให้ข้าเดา เป้าหมายสูงสุดของต้วนหลิงเทียนก็ไม่พ้นต้องเป็นผลอมตะหยวนปะทุเป็นแน่ และตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนได้มันไปล่ะก็ ด่านพลังย่อมบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศในเวลาอันสั้น!”
“คราวนี้วิหารเฟิงฮ่าวต้องบันทึกเรื่องราวลงในหน้าประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ…กำเนิดเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ อายุไม่ถึง 700 ปี!!”
…
เมื่อทุกคนเห็นการลงมือในรูปแบบใหม่ของต้วนหลิงเทียน ความโกลาหลพันบังเกิดขึ้นอีกครั้ง และในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ความลึกซึ้งกักกันทั้ง 2 รูปแบบสร้างกรงมิติกักร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าที่ผงะไปเพราะโดนการโจมตีไม่คาดฝันเอาไว้ทันที…
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะยืนอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย ก็ยังสามารถละเล่นกับทั้ง 2 คนได้เหมือนทั้งคู่อยู่ในกำมือ…
เพราะไม่ว่าทั้งคู่จะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่มีทางทำลายพื้นที่กักกันของต้วนหลิงเทียนได้อีกแล้ว
เห็นฉากดังกล่าว ผู้ชมทั้งหลายก็รู้สึกหมดคำจะพูด “ให้ตายเถอะ…นี่ไม่เรียกว่าการประลองแล้ว เรียกว่าการรังแกกันชัดๆ! ยิ่งดูข้ายิ่งรู้สึกเหมือนต้วนหลิงเทียนกำลังกลั่นแกล้งผู้คนอย่างไรอย่างนั้น…”
“จริง ข้ารู้สึกเสมือนมีเด็กน้อยตัวกระเปี๊ยก 2 คนคิดต่อยผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายก็โดนผู้ใหญ่อาศัย 2 มือดันหัวเอาไว้ จะสาวหมัดออกไปเท่าไหร่ก็ทำได้แค่จั่วลม ไม่อาจทำอะไรได้…”
“มารดามันเถอะ เจ้าพูดซะข้าเห็นภาพเลย…นี่มันคนละระดับกันแล้วจริงๆ”
“การประลองครั้งนี้ยังต้องมีต่ออีกหรือ…”
…
ในขณะที่ทุกคนรู้สึกพูดไม่ออก ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าก็รู้สึกถึงความไร้กำลังอยู่บ้าง สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่คิดจะลงมือเคลื่อนไหวใดๆสืบต่อ เพียงลอยร่างแน่นิ่งในกรงมิติของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
ใบหน้าที่มักเต็มไปด้วยความเย็นชาไม่แยแสของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น บัดนี้ฉายชัดถึงความมืดมนอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกหดหู่ของมันไม่ได้เกิดจากการเห็นความสำเร็จของต้วนหลิงเทียน แต่เป็นเพราะมันหดหู่กับพลังฝีมือของตัวเอง…มันที่เป็นถึงลูกหลานตระกูลใหญ่ในระนาบเทพ แต่วันนี้กลับโดนผู้ที่ขึ้นสวรรค์มาเล่นงานจนไปไม่เป็น ถึงขั้นไร้กำลังจะต่อต้าน…
ต้องทราบด้วยว่าในอดีตปีนั้น…มันกับต้วนหลิงเทียนยังมีพลังพอๆกันแท้ๆ
ในชั่วพริบตา ไม่กี่ร้อยปีผ่านไป แม้มันจะพยายามอย่างหนัก แต่ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับทิ้งห่างมันออกไปจนไม่เห็นฝุ่น…
หากบอกว่าเรื่องนี้มันไม่รู้สึกแย่หรือท้อแท้ ก็คงเป็นการโกหก
‘ข้าหลงคิดว่าความก้าวหน้าในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาค่อนข้างยอดเยี่ยมแล้ว…ไม่คิดเลยว่าเจ้านั่นจะก้าวหน้าเหนือล้ำไปกว่าข้าไกลลิบลิ่ว…’
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นมองจ้องไปยังร่างชายหนุ่มชุดม่วง ที่ลอยร่างแน่นิ่งตรงจุดเดิมตั้งแต่ตอนที่ใช้เคลื่อนมิติครั้งแรกกลางหาวด้วยอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนผสมปนเป ก่อนจะลอบทอดถอนในใจอย่างเงียบงัน…
มันรู้ดีว่าหลังจากวันนี้ ในระนาบเทวโลกทั้งมวล เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่จะไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน…และรอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกกับระนาบเทพเปิดออกเมื่อไหร่ น่ากลัวว่าขุมกำลังระดับสูงๆในระนาบเทพได้รีบแจ้นมายังระนาบเทวโลกเพื่อยื่นข้อเสนอชักชวนต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วมขุมกำลังของตัวกันยกใหญ่แน่
คนอย่างต้วนหลิงเทียนที่สามารถประสบความสำเร็จเลิศล้ำได้ถึงขนาดนี้ทั้งๆที่ยังอยู่ในระนาบเทวโลก มันไม่ต่างอะไรกับเครื่องหมายบ่งบอกถึงศักยภาพและพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ แม้แต่ขุมกำลังระดับแนวหน้าของระนาบเทพทั้งมวลก็ไม่อาจไม่สนใจ
ไม่มีใครกล้าพูดได้เต็มปากแน่นอน ว่าคนอย่างต้วนหลิงเทียนจะไม่กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด!
ถึงแม้ระนาบเทพจะถูกเปิดโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด และเทพระดับสูงๆที่อาศัยอยู่ในระนาบส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานของผู้แข็งแกร่งที่สุดคนนั้นๆ…แต่ทว่าที่ไหนมีผู้คนที่นั่นย่อมหนีไม่พ้นความขัดแย้ง การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหมายยึดครองอำนาจมีให้เห็นเป็นปกติ และแต่ละขุมกำลังก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในขุมกำลังของตัวเองจะปรากฏตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา
เพราะเมื่อมีผู้แข็งแกร่งที่สุด พลังรบก็จะสูงขึ้น ผลประโยชน์ที่หาได้ก็จะสูงขึ้น
กระทั่งพวกมันยังอาจรวบกินขุมกำลังของเทพระดับสูงๆคนอื่นๆ เพื่อรวมอำนาจ
“พี่น้องต้วนท่านมันไม่ใช่คนแล้ว! ท่านเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ!!”
ถังซานเป่าในตอนนี้ ไม่หลงเหลือมาด ‘เย็นชาเคร่งขรึม’ ดั่งตอนสู้กับต้วนหลิงเทียนสืบไป หวนกลับมาเป็นตัวเหลวไหลอีกครั้ง มันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ค่อยกล่าวออกมาด้วยยน้ำเสียงโอดครวญ “เดิมทีข้าวางแผนเอาชนะพี่น้องต้วนท่านให้ได้ เพื่อกลับไปข้าจะไปเกทับตาแก่ให้หูชา…”
“แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสุดท้ายข้าก็จบเหมือนตาแก่จนใด้ ตาแก่แพ้อาจารย์ท่าน ส่วนข้าก็แพ้ท่าน…”
“ตอนนี้ข้าไม่เหลือโอกาสเกทับตาแก่แล้ว…”
ถังซานเป่าระบายลมหายใจออกมา สีหน้าฉายความสะทกสะท้อนไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนมองลึกไปยังไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว ถังซานเป่าคนนี้ ช่วงแรกเขาไม่คิดสงสัยเลยว่ามันจะเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวไปได้
ใครจะไปรู้ ที่แท้ไพ่ตายขอวิหารเฟิงฮ่าวที่สงสัยมาตลอด จะอยู่ใกล้ตัวถึงขนาดนี้
“รองจ้าววิหารฉี”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ฟงชิงหยางก็ย่ำฟ้าก้าวออกมาเหนือสังเวียนประลองอีกครั้ง และมองไปยังฉีคงไห่พลางกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะว่า “ตอนนี้ศิษย์ของข้าก็สมควรได้รับอันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้อย่างไร้ขอกังขาแล้วกระมัง?”
ฉีคงไห่พอได้ยินก็พยักหน้ารับ จังหวะนี้มันไม่อาจโต้แย้งอะไรได้อีก หาไม่แล้วไม่เพียงแต่จะกระทบถึงชื่อเสียงของมันเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของวิหารเฟิงฮ่าวอีกด้วย
“หากข้าเดาไม่ผิด…ผลอมตะหยวนปะทุสมควรอยู่กับท่านกระมัง?”
ฟงชิงหยางกล่าวถามสืบต่อ “ไม่ใช่ว่าตอนนี้ท่านสมควรมอบมันออกมาให้ศิษย์ข้าหรอกหรือ?”
พอได้ยินดังนั้น ฉีคงไห่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็โบกมือเรียกผลอมตะหยวนปะทุออกกมาจากแหวนพื้นที่ ตัวผลอมตะหยวนปะทุที่ว่ามีสีแดงสด และมีไอพลังสีแดงหมุนวนอยู่รอบๆส่งกลิ่นหอมสดชื่นไม่น้อย
ทันใดนั้นสายตาของเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็ลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟ…