“ในเมื่อเจ้าหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วแถมยังมั่นใจแบบนี้…ข้าก็วางใจ”
หมี่ซวนพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเสียงหนัก “น้องเยี่ยนลงมือชิงร่างมันเลยเถอะ…รีบๆจัดการเสีย เจ้าจักได้รับทุกสิ่งทุกอย่างของมันเสียที”
“เข้าใจแล้ว”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนขานรับ จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย
สำหรับหวู่หงชิงกับหมี่ซวนนั้น สายตาที่พวกมันแต่ละคนใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับสายตาที่ใช้มองคนตายเลย
ทว่าในขณะที่ดวงตาของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเริ่มเปล่งแสงออกมาอย่างลี้ลับนั้นเอง…
“ข้ามีข่าวของเทพเบญจธาตุ…”
เผชิญหน้ากับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่กำลังจะลงมือใช้ความสามารถชิงร่าง ต้วนหลิงเทียนเพียงกวาดตามองทั้ง 3 ด้วยสายตาสงบ เอ่ยคำออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
เทพเบญจธาตุ!
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้ออกมา พระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่กำลังจะลงมือก็ผงะไปทันที ส่วนหวู่หงชิงกับหมี่ซวนก็หันกลับมามองจ้องเขาตาเขม็ง
“หึ!”
อย่างไรก็ตามไม่รอให้ใครพูดอะไร พระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็พ่นลมขึ้นจมูกออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เจ้ามีข่าวแล้วอย่างไร? ตราบใดที่ข้าชิงร่างเจ้ามา ข้าก็ล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้ารู้อยู่ดี! เช่นนั้นที่เจ้าพูดมาจะจริงหรือเท็จก็ไม่สำคัญ!”
“หากเป็นเรื่องจริง ข้าก็สามารถไปหาเทพเบญจธาตุนั่นได้ด้วยตัวเอง”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนกล่าว
สิ้นคำของมัน ไม่ว่าจะหวู่หงชิงหรือหมี่ซวนก็พยักหน้าออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว
“จ้าววิหารหวู่…”
ต้วนหลิงเทียนไม่แยแสพระอาจารย์หมี่เยี่ยน เพียงหันไปมองกล่าวกับหวู่หงชิงเสียงเรียบ “ข่าวเทพเบญจธาตุที่ข้ามีนั้น หากเป็นเท็จก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นความจริง…มันที่ชิงร่างข้าแล้วก็สามารถเลือกจะโกหกว่าที่ข้าพูดมาเป็นเรื่องเหลวไหล และเลือกที่จะอุบเงียบไว้ไม่แบ่งปันกับเจ้าได้…”
“เพราะข่าวเทพเบญจธาตุที่ข้ามีไม่ใช่ข่าวธรรมดาๆ…สถานที่แห่งนั้น เจ้าสามารถครอบครองเทพเบญจธาตุได้ครบทั้ง 5 ธาตุ”
“หากข้าพาพวกเจ้าไปที่นั่น…ไม่แน่ว่าพวกเจ้าแต่ละคนก็อาจจะได้ครอบครองเทพเบญจธาตุที่ต้องการกันครบคน”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดจบ หวู่หงชิงก็ขมวดคิ้วทันที เพราะก่อนหน้ามันไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ แต่พอได้ยินที่ต้วนหลิงเทียนพูดมา มันก็รู้สึกว่ามีเหตุผลจริงๆ
“เจ้าหนู! อย่าได้คิดหว่านเมล็ดพันธุ์ความบาดหมางใส่พวกเราเสียให้ยาก!”
ใบหน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเปลี่ยนเป็นเย็นชา มุมปากยกยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ในความคิดข้า เจ้ามิพ้นคิดใช้โอกาสนี้ออกจากวิหารเฟิงฮ่าวเพื่อหาทางหลบหนีกระมัง?”
“ถึงข้าคิดแบบนั้นแล้วจะอย่างไร?”
ต้วนหลิงเทียนมองพระอาจารย์หมี่เยี่ยนด้วยสายตาทำราวกับมองตัวโง่งม จากนั้นค่อยหันไปมองหวู่หงชิง พลางกล่าวเสียงหนัก “จ้าววิหารหวู่ เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ข้ารู้ตัวเองดีว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรได้แล้วกระมัง?”
“ทั้งหมดที่ข้าต้องการ ก็คือกลับไปชมดูบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้าย และหากเป็นไปได้ข้าก็อยากอยู่ที่นั่นในวาระสุดท้าย”
“นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของข้า”
“หากเจ้าสนองความต้องการสุดท้ายของข้าได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันสถานที่อันมีเทพเบญจธาตุแห่งนั้นออกไป..อ้อ ข้าลืมบอกไปว่า 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุที่อยู่ที่นั่น ตัวข้าได้รับมาแล้วธาตุหนึ่ง…”
ขณะพูดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะใช้พลังของวารีเทพชำระโลกาให้แผ่ซ่านมาปกคลุมไปทั่วร่างเขาทันที พลังอันอ่อนโยนปานสายน้ำขุมหนึ่งเริ่มฉาบเคลือบไปทั่วผิวกายเขา กลิ่นอายพลังลึ้กล้ำเริ่มกำจายออกไปในบรรยากาศ
“วารีเทพชำระโลกา!!”
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนใช้พลังของวารีเทพชำระโลกาออกมา ไม่ว่าจะหวู่หงชิง หมี่ซวน หรือแม้แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยน แต่ละคนก็ตาลุกวาวขึ้นมาด้วยความโลภทันที!
เรื่องยึดครองร่างต้วนหลิงเทียนนั้น หวู่หงชิงไม่เคยคิด หมี่ซวนไม่สนใจ จะมีก็แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนคนเดียวที่สนใจ
อย่างไรก็ตาม เทพเบญจธาตุ นั้น…ไม่มีใครไม่สนใจ!
ถึงแม้ว่าหมี่ซวนจะเป็นคนของเผ่าพันธุ์ภูตที่ไม่มีร่างกาย แต่มันก็สามารถใช้พลังของเทพเบญจธาตุเพื่อช่วยเหลือในการเรียนรู้จตุรวิถีในสวรรค์และโลกได้
ต้องทราบด้วยว่า เทพเบญจธาตุนั้นเป็นหนึ่งในหนทางสู่ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด
ด้วยมีเทพเบญจธาตุไว้ในครอบครอง การทำความเข้าใจจตุรวิถีในสวรรค์และโลกก็เสมือนลงแรงครึ่งเดียวแต่ได้ผลเป็น 2 เท่า และสิ่งนี้ไม่แน่อาจทำให้มันทำลายโซ่ตรวนและขีดกำจัดที่มีกันมาหลายยุคหลายสมัยของเผ่าภูต สามารถทะลวงผ่านขอบเขตราชาเทพขั้นสูง จนบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้!!
“นี่คือวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยสืบต่อออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้ออกมา สองตาหวู่หงชิงกับหมี่เยี่ยนก็หดเล็กลงทันที กระทั่งร่างวิญญาณของหมี่ซวนยังสั่นไหวไปไม่น้อย
ถึงแม้พวกมันจะสัมผัสได้จากกลิ่นอายพลังแต่แรก ว่าวารีเทพชำระโลกาที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองไม่น่าจะใช่วารีเทพชำระโลกาธรรมดาๆ และสมควรมีขั้นสูงพอสมควร
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะเป็นถึงวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7!
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเทพเบญจธาตุนั้นปกติแล้วจะมีแค่ 9 ขั้นเท่านั้น…กล่าวได้ว่าวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7 มันก็ห่างจากขั้นที่ 9 อีกแค่ไม่กี่ก้าว จากนั้นก็แค่รอเวลาบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์!
ในขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังตื่นตระหนกตกใจ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาเสียงเฉยอีกครั้ง และไม่ต่างอะไรกับทิ้งระเบิดห่าใหญ่ลงกลางใจพวกมัน “สถานที่ๆข้ารู้ ไม่เพียงมีเทพเบญจธาตุเหลืออยู่อีกถึง 4 ธาตุ…แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเหมือนวารีเทพชำระโลกาของข้าทั้งสิ้น พวกมันทั้งหมดเป็นเทพเบญจธาตุขั้นที่ 7”
“เดิมทีวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7 ที่ข้ามี ก็คิดชักชวนพวกมันให้ติดตามข้าไปด้วยกัน…แต่พวกมันกลับปฏิเสธ และบอกว่าจะรอคอยผู้มีวาสนาที่มีชะตาต้องกันกับพวกมันมาพานพบ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ
“ข้ามีความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากวิญญาณข้าจะต้องถูกทำลาย ก็ขอให้ข้าไปใช้วาระสุดท้ายในชีวิตที่บ้านเกิดข้า…และเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่ข้าพูดถึง ก็อยู่ในระนาบโลกียะบ้านเกิดข้าเช่นกัน”
ถึงแม้ว่าคำพูดของต้วนหลิงเทียนจะกระตุ้นความโลภของทุกคน และมีความเย้ายวนใจถึงขีดสุด
อย่างไรก็ตามหวู่หงชิง หมี่ซวนและหมี่เยี่ยนก็ไม่ใช่ตัวโง่งม เช่นนั้นพวกมันจึงไม่คิดเชื่อคำพูดของต้วนหลิงเทียนง่ายๆ ถึงต้วนหลิงเทียนจะเผยวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7 ออกมา แต่พวกมันก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“หมี่เยี่ยน…”
หวู่หงชิงหันไปมองกล่าวกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเสียงเรียบ “เจ้าสามารถชิงร่างต้วนหลิงเทียนเสียตอนนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามข้าต้องการวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7 ที่มันมี!”..
“สำหรับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือ ข้ายกให้เจ้ากับหมี่ซวน”
จังหวะนี้หวู่หงชิงแลดูใจกว้างขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา
อันที่จริงก็ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่มันบังเกิดความโลภต่อวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7 ของต้วนหลิงเทียนอย่างยิ่งยวด สำหรับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุนั้น มันไม่รู้ว่าที่แท้มีอยู่จริงหรือไม่ เกิดต้วนหลิงเทียนอุปโลกน์ขึ้นมาล่ะ?
ในสถานการณ์แบบนี้ เลือกที่จะให้พระอาจารย์หมี่เยี่ยนมอบวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7 ออกมาก่อนเป็นดีที่สุด!
อย่างไรก็ตาม หลังได้ยินคำพูดราวกับใจกว้างแต่คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวของหวู่หงชิง หน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็เปลี่ยนสีทันที มันย่อมไม่เต็มใจเป็นธรรมดา จึงคลี่ยิ้มบางๆกล่าวว่า “เจ้าวิหารหวู่ขอท่านอย่าพึ่งรีบร้อน…”
“ในเมื่อมันอยากตายที่บ้านเกิด อีกทั้งเทพเบญญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือก็อยู่ที่บ้านเกิดมัน…ไฉนพวกเราไม่ลองตามมันไปชมดูก่อนเล่า?”
“หากที่นั่นยังมีเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุอยู่จริง ข้ายินดีมอบ 2 ธาตุให้วิหารเฟิงฮ่าว ส่วนอีก 2 ธาตุรวมถึงวารีเทพชำระโลกาจะเป็นของข้ากับพี่ใหญ่…”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนกล่าว
“แล้วถ้าหากมันโกหกเล่า?”
หวู่หงชิงขมวดคิ้ว มันไม่อยากพลาดวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 7 ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าจริงๆ
“หากมันโกหก ข้าก็มิอาจทำอะไรได้เช่นกัน…”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนยักไหล่พลางกล่าว ความนัยวาจาของมันบอกชัดว่าหากเป็นแบบนั้นจริง หลังมันชิงร่างต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ไม่คิดจะส่งมอบวารีเทพชำระโลกาออกมา
ทันใดนั้นสีหน้าของหวู่หงชิงเปลี่ยนไปทันที
สุดท้ายหวู่หงชิงก็ตัดสินใจเลือกจะเสี่ยงพาต้วนหลิงเทียนไปยังบ้านเกิดที่ว่าดู “เท่าที่ข้ารู้ ระนาบโลกียะบ้านเกิดเจ้ามิได้มีเพียงระนาบโลกียะเดียวกระมัง?”
“เช่นนั้นระนาบโลกียะบ้านเกิดที่เจ้ากำลังเอ่ยถึง ที่แท้เป็นระนาบเหยียนหวงหรือระนาบเซียนเล่า?”
พอได้ยินสิ่งที่หวู่หงชิงพูดออกมารอบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดประหลาดใจไม่ได้ เพราะไม่คิดเลยว่าหวู่หงชิงจะรู้ความเป็นมาของเขาดีขนาดนี้
กล่าวให้ชัดคือ วิหารเฟิงฮ่าว รู้ความเป็นมาของเขาดี!
“ระนาบเหยียนหวง”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ถึงแม้ข้าจะถือว่ามีระนาบบ้านเกิด 2 แห่ง และอยู่ในระนาบเซียนนานกว่าระนาบเหยียนหวงจนทำให้ข้ารู้สึกผูกพันจนอยากกลับไปตายที่นั่นมากกว่า…อย่างไรก็ตาม เทพเบญจธาตุที่เหลือทั้ง 4 ธาตุมันอยู่ในระนาบเหยียนหวง ไม่ใช่ระนาบเซียน”
“แต่แน่นอนว่าหลังจากพวกเจ้าได้รับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือแล้ว และยินดีที่จะพาข้ากับไปชมดูระนาบเซียนอีกสักครั้งก่อนจะจัดการข้า เช่นนั้นข้าจะขอบคุณพวกเจ้าเป็นอย่างมาก”
ฟังจากคำพูดไม่แยแสชีวิตของต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนจะปลงเรื่องที่ต้องตายได้แล้ว
“เจ้านับว่าเป็นคนฉลาด”
หวู่หงชิงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง “หากเจ้าไม่ได้โกหกพวกเราจริงๆ เช่นนั้นหลังได้รับเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุแล้ว พวกเราจักพาเจ้าไปชมดูระนาบเซียนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะให้หมี่เยี่ยนชิงร่างเจ้าที่นั่น”
สุดท้ายหวู่หงชิงก็เลือกที่ให้หมี่เยี่ยนชิงร่างต้วนหลิงเทียนที่อื่น เพราะเทพเบญจธาตุมันมีเสน่ห์เย้ายวนยั่วใจมากเกินไป
กระทั่งหมี่ซวนเอง ก็เลือกที่จะพักเรื่องติดตามไปไล่ฆ่าร่างจริงกับร่างอวตารกฏอื่นๆของฟงชิงหยางไว้เป็นการชั่วคราว เลือกจะเดินทางไปยังระนาบเหยียนหวงกับหวู่หงชิง หมี่เยี่ยน และต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยันเรื่องเทพเบญจธาตุก่อน
จากนั้นทุกคนก็เดินทางออกจากระนาบอิสระที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก โดยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนทันที
หลังจากไปถึงวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนแล้ว ทั้งหมดก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อไปยังระนาบเหยียนหวง อันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดแห่งหนึ่งของต้วนหลิงเทียนต่ออย่างไม่รอช้า
“เทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุอยู่ที่ใด?”
หลังมาถึงระนาบเหยียนหวงแล้ว หวู่หงชิง หมี่ซวน และหมี่เยี่ยนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนมาอย่างใกล้ชิด ก็เอ่ยถามขึ้น สองตาแต่ละคนมองจ้องเขาเขม็ง ราวกับจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาเด็ดขาด
กระทั่งหมี่ซวนเองยังเลือกจะเพ่งเล็งวิญญาณต้วนหลิงเทียนเอาไว้แต่แรก
“ไม่ใกล้ไม่ไกล สมควรเป็นทางนี้…”
ต้วนหลิงเทียนพาทั้ง 3 เหินร่างท่องไปในท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวของระนาบเหยียนหวง สองตากวาดมองไปรอบๆราวกับกำลังมองหาบางอย่าง
สำนึกเทวะเองก็แผ่ออกไปตลอดเวลา
สุดท้ายหลังจากเหินร่างข้ามห้วงอวกาศอยู่เป็นเวลา 5 วัน ต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง ก่อนจะมองจ้องไปยังดาวที่แลดูรกร้างว่างเปล่าดวงหนึ่งเบื้องหน้า
ฟุ่บ!
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติลงไปปรากฏตัวบนดาวอันรกร้างว่างเปล่าดังกล่าวก่อนใครอื่น
และแทบจะทันทีที่คนอื่นๆวูบร่างติดตามมาถึงบนดาว สีหน้าท่าทีของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะหมี่ซวนที่มีร่างเป็นวิญญาณ บัดนี้เรียกว่าร่างของมันสั่นไหวไปทั้งตัว!
“มีเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือจริงๆ!!”
“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของเพลิงเทพโกลาหล…นอกจากนั้นยังมีทองเทพสุดลี้ลับ ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน และนั่นเป็นกลิ่นอายของพฤกษาเทพครองสวรรค์ไม่ผิดแน่!”
…
สองตาหวู่หงชิงเป็นประกายสว่างจ้า เนื่องจากเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุบนดาวดวงนี้ กำลังจะเป็นของวิหารเฟิงฮ่าวของพวกมันถึง 2 ธาตุ!
ส่วนด้านพระอาจารย์หมี่เยี่ยน หลังได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุ สีหน้าแววตามันก็เต็มไปด้วยความเสียใจนัก! หากรู้แบบนี้มันคงไม่พูดจาคำโตรับปากว่าจะมอบเทพเบญจธาตุให้วิหารเฟิงฮ่าวถึง 2 ธาตุหรอก!!
เนื่องเพราะมันคิดว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็แค่ปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้น!
ด้านหมี่ซวนเองบัดนี้ก็ไม่อาจระงับอารมณ์ได้ไหว เร่งโพล่งออกมาเสียงดังกว่าใคร “ในบรรดาเทพเบญจธาตุทั้งหมด ข้าต้องการ พฤกษาเทพครองสวรรค์!”
พฤกษาเทพครองสวรรค์นั้น เมื่อเทียบกับเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุแล้ว เป็นอะไรที่เหมาะสมกับร่างวิญญาณของมันมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น หากมันได้ครอบครองพฤกษาเทพครองสวรรค์แล้วล่ะก็ ขอเพียงหลอมผสานวิญญาณตัวเองลงไปได้ ถึงตอนนั้นมันก็อาศัยความสามารถของพฤกษาเทพครองสวรรค์ในการเปลี่ยนร่างวิญญาณของมันให้กลายเป็นรูปร่างอย่างอื่นได้ตามต้องการ!
ที่สำคัญที่สุดก็คือพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ ยังเหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณของมันเป็นที่สุด! หากมันฝึกฝนโดยมีพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ช่วยเหลือ เรียกว่าลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์ถึง 2 เท่า!!
“ย่อมได้”
หวู่หงชิงพยักหน้า “ข้าต้องการทองเทพสุดลี้ลับ กับเพลิงเทพโกลาหล”
พอกล่าวออกมาอีกครั้ง หวู่หงชิงก็จับจองเทพเบญจธาตุที่มุ่งเน้นในการโจมตีเป็นหลักทั้ง 2 ธาตุทันที!
“จ้าววิหารหวู่”
อย่างไรก็ตาม พอได้ยินคำพูดของหวู่หงชิง พระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็กล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ “แต่ไหนแต่ไรน้ำกับไฟล้วนเข้ากันไม่ได้ ข้าที่ถือครองวารีเทพชำระโลกาอยู่แล้ว เช่นนั้นเพลิงเทพโกลาหลสามารถมอบให้วิหารเฟิงฮ่าวท่านได้มิมีปัญหา”
“แต่ทองเทพสุดลี้ลับต้องเป็นของข้า!”
คำพูดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั้นก็เผยเจตนาชัดเจน ว่ามันต้องการวารีเทพชำระโลกากับทองเทพสุดลี้ลับ! ส่วนเพลิงเทพโกลาหลกับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินนั้นสามารถมอบให้หวู่หงชิงได้ไม่มีปัญหา…