ตอนที่ 3542 กะทันหันเกินไป

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน?”
  หวู่หงชิงขมวดคิ้วหน้านิ่ว “หมี่เยี่ยน ข้าไม่ต้องการปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน แต่หากเจ้ายืนกรานจะเอาทองเทพสุดลี้ลับให้ได้จริงๆล่ะก็…เช่นนั้นส่งวารีเทพชำระโลกามาให้ข้าเสีย”
  “ข้าต้องการวารีเทพชำระโลกา กับเพลิงเทพโกลาหล”
  พอได้ยินการโต้เถียงระหว่างหมี่เยี่ยนและหวู่หงชิงเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก็ลอบยิ้มเยาะในใจ ‘สองตัวโง่งม!’
  ซัว!
  วิ้งง!!
  …
  และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงจุดนี้ กลิ่นอายพลังอันอ่อนโยนปานสายน้ำก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างเขาอีกระลอก และในเสี้ยวพริบตากลิ่นอายพลังดังกล่าวก็จมหายลงไปในพื้นดิน
  และความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็ทำให้หมี่ซวน พี่ชายของหมี่เยี่ยนโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เจ้าหนู เจ้าคิดจะทำอะไร!?”
  ทันใดนั้นสายตาของหมี่เยี่ยนกับหวู่หงชิง ก็หันขวับมาจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนทันที
  อันที่จริงพวกมันไม่มีใครเชื่อเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคิดตายในบ้านเกิดสักคน! เพียงแค่ความเย้ายวนใจของเทพเบบญจธาตุมันมหาศาลเกินไป บวกกับความมั่นใจของพวกมัน ย่อมไม่เชื่อว่าต้วนหลงเทียนจะมีปัญญารอดพ้นเงื้อมมือพวกมันไปได้!
  และต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีทางไปหาใครมาช่วยได้แน่นอน!!
  เพราะตอนนี้เมื่อพวกมันทั้ง 3 ร่วมมือกัน ต่อให้ฟงชิงหยางกับร่างอวตารกฏที่เหลือจะแห่กันมาหมด พวกมันก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว
  ด้วยความมั่นใจอันล้นปรี่และความโลภ พวกมันจึงเลือกจะพาต้วนหลิงเทียนมายังระนาบเหยียนหวง กระทั่งติดตามมาจนถึงดาวเคราะห์รกร้างว่างเปล่าดวงนี้ และนั่นทำให้พวกมันสัมผัสได้ถึงงกลิ่นอายพลังของเทพเบญจธาตุอีก 4 ชนิดที่แผ่ซ่านออกมาจากใต้ดิน
  กลิ่นอายพลังของเทพเบญจธาตุเหล่านี้ยังหนักแน่นทรงพลังนัก! บ่งบอกให้รู้ชัดว่าเป็นเทพเบญจธาตุที่มีขั้นสูงแล้วทั้งสิ้น!!
  “ข้าไม่ได้ทำอะไร”
  เผชิญกับการจี้ถามของหมี่ซวน ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆหันไปมองหมี่ซวนอย่างไม่รีบไม่ร้อน เอ่ยออกเสียงเรียบ “วารีเทพชำระโลกาไม่ได้พบเจอเทพเบญจธาตุอื่นๆที่เป็นดั่งสหายเก่ามานานแล้ว มันก็แค่ขอตัวไปพูดคุยกับสหายเก่าเท่านั้นเอง เพราะสุดท้ายด้วยสถานการณ์ของข้าตอนนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในร่างกายข้าอีกต่อไป”
  พอต้วนหลิงเทียนให้เหตุผลดังกล่าวออกมา หมี่ซวนก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดพลาด เพราะที่ต้วนหลิงเทียนพูดมามันถูกทั้งหมด
  “ราชาเทพหมี่ซวน”
  ตอนนี้เองหวู่หงชิงพลันหันไปมองกล่าวกับหมี่ซวนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในบรรดาพวกเราที่อยู่ที่นี่ ท่านมีพลังวิญญาณกล้าแข็งที่สุด เช่นนั้นโปรดจับตาดูความเคลื่อนไหวของเหล่าเทพเบญจธาตุใต้ดินเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้เด็ดขาด”
  “จ้าววิหารหวู่ เรื่องนี้ข้าไม่ต้องให้ท่านกล่าวเตือน”
  หมี่ซวนกล่าว จากนั้นพลังวิญญาณอันสุดไพศาลก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งดาวเคราะห์ไม่เว้นกลุ่มดาวทั้งหมดในเวิ้งจักรวาลส่วนนี้ ทำให้เทพเบญจธาตุไม่มีทางเล็ดลอดสายตามันไปได้แน่นอน
  “เอาล่ะ วารีเทพชำระโลกาให้ท่านก็ได้”
  สุดท้ายด้วยการยืนกรานของหวู่หงชิง หมี่เยี่ยนก็ได้แต่ยอมอ่อนข้อให้
  ในบรรดาเทพเบญจธาตุทั้ง 5 นั้น สุดท้าย วารีเทพชำระโลกากับเพลิงเทพโกลาหลก็ถือว่าเป็นของหวู่หงชิงกับวิหารเฟิงฮ่าว ส่วนเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 3 ชนิด จะเป็นของมันกับพี่ชายมัน หมี่ซวน
  เมื่อเห็นว่าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนยอมลงให้แล้ว หวู่หงชิงก็คลี่ยิ้มร่าออกมาทันที
  “หมี่เยี่ยน เช่นนั้นอย่าได้เสียเวลาอีกเลย…ได้เวลาที่เจ้าจักช่วงชิงร่างต้วนหลิงเทียนแล้ว ในเมื่อพวกเราพามันมาถึงระนาบเหยียนหวงที่ถือว่าเป็นบ้านเกิดหลังหนึ่งของมัน ก็นับว่าเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของมันแล้ว”
  พอหวู่หงชิงหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาบางๆ หากแต่แววตากลับเฉยชาราวมองคนตาย
  “ต้วนหลิงเทียน”
  พระอาจารย์หมี่เยี่ยนมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มสดใส “ขอบคุณเจ้ามาก สำหรับข่าวของเทพเบญจธาตุ…หากชาติหน้ามีจริง เจ้าสามารถเลือกเกิดเป็นสุนัขได้ และหากพบเจอข้าก็อย่าลืมกระดิกหางแล้วมาอ้อนวอนข้าเล่า ข้าจักได้หาของกินอร่อยๆให้เจ้า กระทั่งยังจะเลี้ยงเจ้าอย่างดี”
  “ฮ่าๆๆๆ…!!”
  กล่าวจบคำ หมี่เยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า
  เผชิญหน้ากับวาจาเสียดสีและการหัวเราะเยาะเย้ยของหมี่เยี่ยน สีหน้าแววตาต้วนหลิงเทียนยังคงสงบ แต่ต้นจนจบไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
  วู้มมม! ซัวว!!
  ทันใดนั้นเอง หมี่เยี่ยนที่รวมพลังมานาน สองตาก็ทอแสงสว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณทั้งหมดของมันก็พุ่งออกจากร่างยูไล ก่อนจะจมหายเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียน
  ตุบ!
  ร่างยูไลที่สองตาปิดลงก็ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที หากแต่ไม่นานเปลือกตาก็สั่นไหวก่อนจะลืมตาขึ้นมาในที่สุด คนค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ เงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียน ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความรู้สึกอับจนหนทาง “อามีทัวฝัว…”
  “อาตมาสามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกครั้ง…ประสกต้วนล้วนมีความดีความชอบยิ่งกว่าผู้ใด…อนิจจาบุญคุณครั้งนี้ อาตมาคงไร้โอกาสตอบแทนแล้ว…”
  ยูไลกล่าวพึมพำกับตัวด้วยน้ำเสียงอับจน
  ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แม้ร่างกายของมันจะถูกพระอาจารย์หมี่เยี่ยนครอบครอง แต่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันล้วนดูเห็นฟังได้ยินสัมผัสชัด กล่าวได้ว่าประสบการณ์ของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนไม่ต่างอะไรจากประสบการณ์ของมัน เพียงแค่มันไม่อาจควบคุมร่างกายได้ก็เท่านั้นเอง
  เสมือนผู้ชมในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง…
  ซัววว!!
  วิญญาณของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่พุ่งเข้าร่างกายต้วนหลิงเทียนไป ก็ไม่รอช้า มันปรี่ตรงไปยังดวงจิตของต้วนหลิงเทียนทันที!
  “ต้วนหลิงเทียนอย่าได้คิดขัดขืนเสียให้เหนื่อยเปล่า!”
  ในห้วงสติของต้วนหลิงเทียน พลันปรากฏร่างวิญญาณที่มีแต่ใบหน้าของหมี่เยี่ยนให้เห็น แถมใบหน้าของมันตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยเยาะอีกด้วย จากนั้นใบหน้าหมี่เยี่ยน อันเป็นจิตวิญญาณทั้งหมดของมัน ก็พุ่งจี้เข้าใส่ดวงจิตต้วนหลิงเทียนทันที มันยังอาศัยการพุ่งดิ่งเข้าไปตรงๆไม่ได้ใช้ทักษะวิญญาณแผ้วทางแต่อย่างใด เพราะมันรู้สึกว่าไร้จำเป็น
  อาศัยแค่พลังวิญญาณของเซียนอมตะตัวกระจ้อยคนหนึ่ง ถึงจะเป็นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ แต่แค่เสี้ยววิญญาณเทพของมันก็บดขยี้ทำลายได้ง่ายๆแล้ว!
  “ข้าก็รอเจ้ามานานแล้ว”
  อย่างไรก็ตามแม้เผชิญหน้ากับวิญญาณอันทรงพลังของหมี่เยี่ยนที่พุ่งจี้เข้าใส่ดวงจิต ร่างวิญญาณในห้วงสำนึกของต้วนหลิงเทียนที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าดวงจิตก็กล่าวตอบคำด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไร้แยแส.
  “อย่าได้เสแสร้งทำเป็นลึกลับอันใด! หลังจากนี้ไม่ถึงอึดใจ วิญญาณทั้งหมดในดวงจิตเจ้าก็จะถูกข้าทำลายจนสลายหายไปหมดสิ้น!!”
  ใบหน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนยังกล่าวเย้ยเยาะออกมาด้วยความดูแคลน
  และในขณะที่พลังวิญญาณอันมหาศาลของหมี่เยี่ยนเข้าใกล้ร่างวิญญาณต้วนหลิงเทียน เจียนฝ่าเข้าไปในดวงจิตต้วนหลิงเทียนได้เต็มทีนั้นเอง…
  “งั้นเหรอ?”
  ทันใดนั้นร่างวิญญาณต้วนหลิงเทียนพลันคลี่ยิ้มแสยะ จากนั้นอยู่ๆข้างร่างวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็อุบัติดวงแสง 5 สีสันขึ้นในฉับพลัน! เป็นดวงแสงสีทอง ดวงแสงสีเขียว ดวงแสงสีฟ้า ดวงแสงสีแดง และดวงแสงสีกากีอันเปล่งแสงสว่างเจิดจ้านัก!!
  ดวงแสง 5 สีสันนี้ไม่เพียงแต่จะงดงามเท่านั้น แต่ทันทีที่อุบัติขึ้นรอบร่างวิญญาณของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ม้วนวนโคจรเร็วรี่ ก่อเกิดข่ายพลังพิสดารหนึ่ง ทันใดนั้นเบื้องหน้าร่างวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏปากอสูรกายมหึมาอ้าออกกว้าง ก่อนจะพุ่งขย้ำกลืนกินใบหน้าวิญญาณของหมี่เยี่ยนทันที!
  “ไม่—!!”
  แทบจะเป็นวินาทีเดียวกับที่ใบหน้าวิญญาณของหมี่เยี่ยนถูกปากอสูรกายกลืนกิน มันก็ทำได้แค่ส่งเสียงหวีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวสิ้นหวัง! ไม่อาจตอบสนองหรือเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านใดๆได้ทันทั้งสิ้น! กระทั่งเสียงกรีดร้องยังก่อให้เกิดคลื่นวิญญาณความถี่สูงถึงขั้นทำให้ผู้คนด้านนอกได้ยินเสียงด้วยซ้ำ!!
  ไม่ว่าจะหมี่ซวนหรือหวู่หงชิงที่อยู่ด้านนอก ก็ได้ยินชัดเจน
  ทันใดนั้น สีหน้าทั้ง 2 ก็เปลี่ยนสีไปในฉับพลัน
  ยูไลที่นั่งขัดสมาธิเดินพลังฟื้นฟูอยู่ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนเช่นกัน มันยังอดมองไปที่ต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจไม่ได้!
  สวรรค์!
  จริงหรือ!?
  พระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่กำลังช่วงชิงร่างกายต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็กรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงโหยหวน จากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆอีก?
  ยูไลได้แต่แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังอันลี้ลับยากหยั่งถึง อยู่ใกล้ๆดวงจิตของต้วนหลิงเทียน และจากกลิ่นอายพลังอันเป็นเอกลักษณ์ ยูไลก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันคือพลังอะไร “พะ…พลังที่เกิดจากเทพเบญญจธาตุทั้ง 5 ธาตุ!?”
  “ประสกต้วน…ที่แท้ครอบครองเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ทั้งยังสามารถใช้การผสานพลังของเทพเบญจธาตุทั้ง 5 นั่นทำลายวิญญาณหมี่เยี่ยน!?”
  ยูไลตกใจครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน
  วิญญาณของหมี่เยี่ยนทรงพลังขนาดไหน เกรงว่าในโลกนี้คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่ามันอีกแล้ว เพราะสุดท้ายมันก็ถูกวิญญาณอีกฝ่ายสะกดข่มและครอบงำมาหลายปี…
  แต่บัดนี้ วิญญาณของหมี่เยี่ยนถูกทำลายไปแล้ว?
  เหลือเชื่อ! ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!!
  ยูไลที่ตกใจจนสมองอื้ออึง สีหน้าจึงแลดูคล้ายตัวโง่งมอยู่บ้าง
  “น้องเยี่ยนนนน!!!”
  หมี่ซวน ผู้นำแห่งเผ่าภูต พี่ชายของหมี่เยี่ยนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเศร้าโศก มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ร่างวิญญาณของมันก็สั่นไหวรุนแรงปานจะคงสภาพเอาไว้ไม่อยู่ “เจ้า…สารเลวน้อยเจ้าทำลายวิญญาณน้องเยี่ยนของข้า!!”
  “ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าสารเลวน้อยเจ้าให้ตาย!!”
  พริบตาต่อมาร่างหมี่ซวนก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงโลหิต พุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนในฉับพลัน!
  “หมี่ซวน ไม่ช้าก็เร็วข้าจะไปหาเจ้าที่เผ่าภูตด้วยตัวเอง…”
  แทบจะทันทีที่หมี่ซวนกล่าววาจาอาฆาตจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพูด เสี้ยวพริบตาก่อนที่ร่างหมี่ซวนจะกลายเป็นลำแสงสีเลือด ก็ปรากฏเสาแสงพลัง 5 สีสันสาดส่องออกมาจากพื้นใต้เท้าของต้วนหลิงเทียน ก่อนเสาแสงพลัง 5 สีดังกล่าวจะม้วนวนเป็นเกลียวปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ในพริบตา ราวกับเป็นกรงหลากสีสานถักกักร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้
  และไม่ทันที่แสงพลังสีโลหิตอันเป็นหมี่ซวนที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาสุดตัว จะพุ่งทำลายถึงตัวต้วนหลิงเทียน กรงพลัง 5 สีสันก็สั่นสะเทือนรุนแรง ปรากฏรอยแยกมิติขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าด้านหลังต้วนหลิงเทียน รอยแยกมิตินั้นยังประหนึ่งปากของอสูรกายร้ายกระหายเลือดที่ทรงพลังไร้เทียมทาน ฮุบกลืนร่างต้วนหลิงเทียนจนหายไปในหนึ่งคำทันที!
  ถึงแม้หมี่ซวนจะพุ่งมาถึงตำแหน่งที่ต้วนหลิงเทียนเคยอยู่ก่อนที่รอยแยกมิติจะปิดตัวลง แต่มันก็ไม่กล้าพุ่งตามเข้าไป
  เบื้องหลังรอยแยกมิติ คือห้วงมิติผันผวน ต่อให้มันจะเป็นถึงราชาเทพขั้นกลาง แต่การเข้าไปในนั้นก็เต็มไปด้วยอันตรายใหญ่หลวง
  ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้มันจะพุ่งติดตามเข้าไปจริงๆ แต่ด้วยความผันผวนของห้วงมิตินั่น โอกาสที่มันจะไปผุดโผล่ที่เดียวกับต้วนหลิงเทียนก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย! เพราะการไหลตัวของห้วงมิติผันผวนนั่นเอาแน่เอานอนไม่ได้ ผู้คนหรือทุกสิ่งที่พลัดหลงเข้าไป ไม่ทราบจะถูกเคลื่อนย้ายไปไหนกันแน่ คล้ายถูกผลของค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบสุ่ม…และแน่นอนว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ทั้งยังมีชีวิต ก็ต้องทนพลังฉีกกระชากจากห้วงมิติผันผวนให้ได้เสียก่อน!!
  หวู่หงชิงกับยูไลนั้นยังคงตะลึงงันกับเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงที่อุบัติขึ้นในชั่วพริบตาไม่หาย จนเมื่อต้วนหลิงเทียนหายตัวไปแล้ว พวกมันถึงจะฟื้นคืนสติ
  ในดวงตาของพวกมัน ฉายชัดถึงความเหลือเชื่อออกมาชัดเจน
  “ประสกต้วน…หลบหนีไปได้อย่างราบรื่น?!”
  ยูไลรู้สึกเสมือนตัวเองกำลังฝันไปอย่างไรอย่างนั้น และในขณะที่ย้อนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันก็พลันตระหนักอะไรได้…น่ากลัวว่าสาเหตุที่ต้วนหลิงเทียนต้องการออกจากสถานที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก และมายังบ้านเกิดในระนาบเหยียนหวงแบบนี้ ที่แท้ก็วางแผนหลบหนีดังกล่าวเอาไว้แต่แรก!
  เทพเบญจธาตุทั้ง 5 เป็นเหยื่อล่อชั้นดี และเป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ที่สุด!
  “มิอยากจะเชื่อ…เรื่องเช่นนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ…เทพเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุกลับอยู่ร่วมกันในร่างประสกต้วนอย่างสมานฉันท์และเป็นกำลังให้ประสกต้วน?”
  ยูไลย่อมมองออกได้ไม่ยาก
  ว่าสาเหตุที่ต้วนหลิงเทียนสามารถก่อการอุกอาจประหนึ่งพลิกฟ้า หลบหนีไปต่อหน้าต่อตาจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก หวู่หงชิง และเผ่าภูตที่เป็นถึงราชาเทพขั้นกลางได้สำเร็จอย่างอัศจรรย์ ทั้งหมดเพราะพลังที่เทพเบญจธาตุทั้ง 5 ใช้ออกร่วมกัน!!
  วิธีการดังกล่าว ยังคล้ายค่ายกลที่รวมพลังเทพเบญจธาตุทั้ง 5 เพื่อเปิดมิติหลบหนี ยากที่ใครจะป้องกันได้ทันจริงๆ
  “มันหนีไปแล้ว…?”
  สีหน้าหวู่หงชิงเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าสุดท้ายเรื่องราวจะจบลงในลักษณะนี้!
  เรื่องที่ยูไลคิดได้ ไฉนมันจะคิดไม่ได้?
  ด้วยเหตุนี้มันจึงเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจนัก! ไฉนมันถึงต้องถูกต้วนหลิงเทียนหลอกเอาด้วย? ไฉนต้องพาต้วนหลิงเทียนมาถึงระนาบโลกียะอุบาทว์นี่?!
  หากบัดนี้ยังอยู่ในระนาบอิสระอันเป็นสถานที่ตั้งของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะยังสามารถทำลายวิญญาณหมี่เยี่ยนได้จริง แต่ก็ไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้!