ตอนที่ 3553 ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

“รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์คนแรกของพวกเรา คุณชายชุดม่วง ผู้นั้น ที่แท้เป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ทั้งในศึกประลองอัจฉริยะครั้งล่าสุดยังเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 7 ดาราชนชั้นยอดฝีมือออกมา…เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของระนาบเทวโลกทั้งมวลคนใหม่!”
  “ช่างเป็นอะไรสุดที่ผู้คนจะจินตนาการได้ออกจริงๆ ว่ามันสามารถถือครองพลังฝีมือระดับนั้นตั้งแต่ยังอายุไม่ถึงพันปีได้อย่างไร…ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกของพวกเรา เคยปรากฏอัจฉริยะท้าทายสวรรค์เช่นนี้ขึ้นด้วยหรือ?”
  “ข้าเกรงว่าคงไม่มี…และอย่าว่าแต่ระนาบเทวโลกเลย ต่อให้เป็นในระนาบเทพ แต่อัจฉริยะเช่นนี้ก็ยังยากจะหาใครเทียบได้กระมัง?”
  …
  หลังทราบเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์แล้ว คนของพันธมิตรสวรรค์ก็ตกตะลึงกันยกใหญ่
  เหล่าผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบพันธมิตรสวรรค์หน้าค่าย พอได้รับทราบว่าคุณชายชุดม่วงได้เข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ในฐานะรองผู้นำ กระทั่งได้รับทราบตัวตนที่แท้จริงของคุณชายชุดม่วงว่าเป็น ต้วนหลิงเทียน ที่กำลังโด่งดังไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล พวกมันก็อดตกตะลึงไปไม่ได้!
  เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้เลย
  ตอนนี้เขากำลังจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะพลัง ด้วยหวังว่าจะทะลวงถึงขอบเขตเทพให้เร็วที่สุด และหวังว่าจะบังเกิดความเข้าใจในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกอย่าง มรรคากระบี่มิติ และวิถีควบคุมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  วันเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็ผ่านพ้นไปอีกครึ่งปี
  ต้วนหลิงเทียนที่ปิดด่านบ่มเพาะพลัง แน่นอนว่าไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเลย ราวกับหายตัวไปโดยสมบูรณ์
  ตั้งแต่ต้นจนจบ นับจากที่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์จนถึงปัจจุบัน คนในพันธมิตรสวรรค์ที่เคยเห็นเขา นอกจากเหล่าผู้ที่มาทดสอบเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์หน้าค่ายเมื่อครึ่งปีก่อน ก็มีแค่ผู้นำพันธมิตรสวรรค์อย่างซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ผู้พิทักษ์ 7 เหมิงซาน แห่งพันธมิตรสวรรค์ รวมถึงชายวัยกลางคนอีก 2 คนที่ติดตามเหมิงซานมาเท่านั้น
  นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ไม่มีใครในพันธมิตรสวรรค์เคยเจอต้วนหลิงเทียนอีกเลย
  และแน่นอนว่าตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ข่าวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ก็เริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
  นาม คุณชายชุดม่วง ที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาก็ค่อยๆเลือนหายไปจากใจผู้คน เนื่องเพราะฐานะที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนมันมีชื่อเสียงกว่ากันมาก!
  เป็นธรรมดาว่าพอคนอื่นๆได้รับทราบเรื่องนี้ พวกมันก็อดตกใจไม่ได้
  หลังจากผ่านไปครึ่งปี วันนี้ในภาคตะวันออกเขต 9 ของสมรภูมิยมโลก หากไม่ใช่คนที่ปิดด่านบ่มเพาะอย่างสันโดษและไม่พบเจอใครเลย ไม่ว่าใครก็รู้กันทั้งสิ้นว่าต้วนหลิงเทียนได้เข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกแล้ว และยังเข้าร่วมกับพันธมิตรสวรรค์อีกด้วย
  และยิ่งมาชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มแพร่กระจายออกจากเขต 9
  หากบอกว่าก่อนหน้านี้ ต้วนหลิงเทียนที่ทุกคนรู้จักกันในนาม คุณชายชุดม่วง มีชื่อเสียงขึ้นมาในภาคตะวันออกเขต 9 ล่ะก็…ตอนนี้ก็กลายเป็น 1 ใน 10 ตัวตนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในภาคตะวันออกทั้งหมดเรียบร้อย และยังโด่งดังกว่าซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ผู้นำพันธมิตรสวรรค์เสียอีก
  เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงโด่งดังกว่าซ่างกวนอวิ๋นเฟิง เพราะทุกคนตระหนักได้แล้วว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกล้าแข็งกว่าซ่างกวนอวิ๋นเฟิง
  กระทั่งผู้คนยังยกให้ต้วนหลิงเทียนเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของภาคตะวันออกอีกด้วย!
  “อย่าว่าแต่ภาคตะวันออกเขต 9 เลย ต่อให้กวาดตามองไปทั่วทุกเขตของภาคตะวันออก ก็ไม่น่าจะมีผู้ใดสู้ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้นได้…”
  “ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา…ในภาคตะวันออกของพวกเราดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าอ้างตัวว่าเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราเลยมิใช่หรือ?”
  …
  เป็นธรรมดาว่าชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่แพร่กระจายในภาคตะวันออกของสมรภูมิ 9 ยมโลกเท่านั้น แต่ผู้คนในภาคอื่นๆก็ได้รับทราบเรื่องราวเช่นกัน และล่วงรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ในพันธมิตรสวรรค์เรียบร้อย
  “ผู้นำกองกำลังพันธมิตร เมฆยามสารท อวิ๋นหลุน ขอพบจ้าววังน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ต้วนหลิงเทียน!”
  “ผู้นำกองกำลังพันธมิตร เซียว เซียวลั่วเย่ ขอพบรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์!”
  …
  และเป็นธรรมดาว่าเมื่อข่าวเรื่องราวการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนในพันธมิตรสวรรค์แพร่ออกไป ผู้นำกองกำลังมากมายจากทั่วทั้งภาคตะวันออกของสมรภูมิ 9 ยมโลก ก็ทยอยกันมาขอเข้าพบต้วนหลิงเทียนคนแล้วคนเล่า ส่วนเรื่องที่พวกมันคิดจะทำอะไรหลังได้พบต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่มีใครรู้
  อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพวกมันก็ไม่ได้พบหน้าต้วนหลิงเทียน
  เพราะต้วนหลิงเทียนปฏิเสธการเข้าพบทั้งหมด
  และในกระบวนการดังกล่าว ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็เผชิญหน้ากับแรงกดดันครั้งใหญ่นัก เพราะเหล่าผู้นำกองกำลังทั่วทั้งภาคตะวันออกที่ร้ายกาจกว่ามันหลายคนได้มาเยือนด้วยตัวเอง ทำให้มันก็ไม่กล้าปฏิเสธได้เต็มปาก
  เช่นนั้น สุดท้ายมันจึงทำได้แค่ไปหาต้วนหลิงเทียนในหุบเขาแห้งแล้ง และถามความเห็นของต้วนหลิงเทียนโดยตรง
  แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนปฏิเสธการขอเข้าพบทั้งหมด
  สุดท้ายเมื่อทราบท่าทีของต้วนหลิงเทียน เหล่าผู้นำของกองกำลังพันธมิตรต่างๆที่มาเพื่อขอพบต้วนหลิงเทียนก็ลดน้อยยลง
  “ท่านผู้นำ ที่พวกมันแห่กันมาขอเข้าพบรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์เรา…เกรงว่าคงคิดจะมาขุดกำแพงของพวกเรากระมัง?”
  เหมิงซาน ผู้พิทักษ์ 7 ของพันธมิตรสวรรค์ หันไปมองถามผู้นำพันธมิตรสวรรค์ ซ่างกวนอวิ๋นเฟิง
  “เห็นกันชัดเจน”…
  ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงพยักหน้า “แต่เป็นธรรมดาว่าถึงพวกมันจะขุดกำแพงพวกเราไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยๆก็จะได้ทำความรู้จักกับจ้าววังน้อย…เรื่องนี้สำหรับพวกมันก็มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียอะไร”
  ในขณะที่เหมิงซานกับซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกำลังคุยกันอยู่นั้น
  อยู่ๆพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นสนั่นลั่นก้องปานฟ้าคำรนจากด้านนอกค่ายพันธมิตรสวรรค์!
  “ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน หวู่หลง! มาเยือนพันธมิตรสวรรค์เพื่อพบเจอรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!”
  “เป็นธรรมดาว่าที่ข้ามาเยือนครั้งนี้ หากเป็นไปได้ข้าก็อยากรับทราบพลังฝีมือผู้แซ่ต้วนสักครา ว่าจะเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราจริงหรือไม่!”
  พอได้ยินคำประกาศดังสนั่นลั่นฟ้า สีหน้าของซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกับเหมิงซานก็เปลี่ยนไปทันที
  หวู่หลง?
  ไม่ใช่ว่าศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนผู้นี้ ปกติมักอยู่ในภาคกลางหรือไร ไฉนถึงถ่อมายังภาคตะวันออกแห่งนี้ด้วย?
  และฟังจากวาจาประโยคหลัง ที่น้ำเสียงไม่ขาดความท้าทายนั่น ไม่ใช่ว่ามาเพื่อท้าสู้กับรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ของพวกมันโดยเฉพาะหรือไร?
  “ท่านผู้นำ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”
  เหมิงซานได้แต่หันไปถามความเห็นของซางกวนอวิ๋นเฟิงด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน หวู่หลง ผู้นี้ ข้าได้ยินมาว่ามันมีพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารามาหลายปีแล้ว…ฟังจากน้ำเสียงมันเห็นชัดว่าตั้งใจมาวัดความสูงต่ำกับจ้าววังน้อยโดยเฉพาะ”
  ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์
  อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นซ่างกวนอวิ๋นเฟิง หรือเหมิงซาน ก็มักเรียกหาต้วนหลิงเทียนว่า ‘จ้าววังน้อย’ เพราะพวกมันรู้ดีว่าตำแหน่งรองผู้นำของอีกฝ่ายก็แค่แต่งตั้งไปอย่างนั้น อันที่จริงพวกมันไม่กล้ายึดถืออีกฝ่ายว่าเป็นรองผู้นำจริงๆ เพราะตำแหน่งนี้ไม่คู่ควรกับอีกฝ่าย
  “เรื่องนี้…ไม่ใช่อะไรที่พวกเราจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้อีกต่อไป”
  ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงคลี่ยิ้มขื่นขม “สิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกเสียใจที่สุดก็คือ ไม่ได้ปิดข่าวเรื่องจ้าววังน้อยอยู่ในพันธมิตรสวรรค์ของพวกเราจากคนนอก…”
  “ไปกันเถอะ…ลองไปพบศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน หวู่หลง ที่เป็นผู้นำคนที่ 2 ของกองกำลังพันธมิตร ฟ่านเทียน จากภาคกลางดู”
  จากนั้นซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกับเหมิงซาน ก็พากันเหินร่างไปยังต้นเสียง
  ไม่นานนักทั้งคู่ก็ลุถึงน่านฟ้าเหนือบริเวณประตูหน้าของค่ายกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ และได้เห็นร่าง 2 ร่างลอยอยู่
  ผู้ที่เหินลอยอยู่ด้านหน้าเป็นชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินอมเขียว รูปร่างแลดูสูงใหญ่กำยำ หน้าตาไม่หล่อเหลาอะไร แต่ก็คมเข้มสมชายชาตรี ด้วยคิ้วคู่ดาบนั่นทำให้มันแลดูดุดันไม่น้อย อีกทั้งหว่างคิ้วยังแผ่พุ่งความเย่อหยิ่งออกมาชัดเจน
  ด้านหลังอีกฝ่าย ติดตามมาด้วยชายชราชุดคลุมลมเทา ชายชราผู้นี้แลดูแล้วผ่ายผอมคล้ายไร้เรี่ยวแรง หากแต่สองตากลับฉายแววสดใสนัก แลดูเอาเรื่องกว่าคนหนุ่มส่วนใหญ่เสียอีก
  “ซ่างกวนอวิ๋นเฟิง พร้อมด้วยผู้พิทักษ์ 7 เหมิงซาน ยินดีที่ได้พบผู้นำหวู่หลง”
  ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงที่เหินร่างนำเหมิงซาน พอมาถึงก็ประสานมือโค้งคารวะกล่าวคำทักทายชายหนุ่มทันที
  มองปราดเดียวมันก็บอกได้ว่าชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินอมเขียวก็คือหวู่หลง ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในสมรภูมิ 9 ยมโลก ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนผู้เป็นถึงอันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ และอีกฝ่ายยังเป็นผู้นำคนที่ 2 ของกองกำลังพันธมิตรฟ่านเทียนในภาคกลางอีกด้วย
  กองกำลังพันธมิตรฟ่านเทียนนั้น ก็คือกองกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 1 ในสมรภูมิ 9 ยมโลก และยังเป็นกองกำลังที่ก่อตั้งขึ้นโดยศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน
  สำหรับศิษย์ที่แท้จริงลำดับที่ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนนั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 9 ดารามานานแล้ว มัเป็นตัวตนระดับ ครึ่งก้าวเทพ!
  และมันก็เป็นผู้ก่อตั้งพันธมิตรฟ่านเทียนขึ้นมาด้วยตัวเอง
  ส่วนหวู่หลงนั้นเป็นแค่ศิษย์น้องของมันเท่านั้น
  “ให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันออกมาเจอข้า”
  หวู่หลงเหลือบมองซ่างกวนอวิ๋นเฟิงผ่านๆ กล่าวแกมสั่งด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
  “ผู้นำหวู่หลง…”
  ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงคลี่ยิ้มขื่นขม “จ้าววังน้อยพึ่งจะปิดด่านบ่มเพาะ เกรงว่าตอนนี้คงไม่สะดวกออกมาพบท่าน มิเช่นนั้นรอให้จ้าววังน้อยออกจากการปิดด่านเมื่อใด ข้าจะบอกให้ไปพบท่านที่พันธมิตรฟ่านเทียนเป็นไร?”
  กล่าวถึงประโยคท้าย สีหน้าน้ำเสียงของซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็แลดูเป็นกังวลทั้งระวังไม่น้อย
  ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ผู้อื่นเลย ต่อให้มันจะสู้หวู่หลงคนนี้ได้ แต่มันก็ไม่กล้าลงมือกับอีกฝ่ายอย่างวู่วาม เพราะการลงมือต่ออีกฝ่าย ก็ไม่ต่างอะไรกับหาเรื่องพันธมิตรฟ่านเทียน!
  นั่นคือกองกำลังอันดับ 1 ของสมรภูมิ 9 ยมโลก!
  ได้ยินคำพูดของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง หวู่หลงก็หรี่ตาลง แววตาเริ่มฉายชัดถึงจิตฆ่าฟัน “ข้าจะให้เวลาเจ้า 1 เค่อ…หลังผ่านไป 1 เค่อแล้วหากข้ายังไม่เห็นต้วนหลิงเทียนนั่น ข้าจะล้างบางพันธมิตรสวรรค์ของเจ้าเสีย!”
  “ส่วนเรื่องที่ข้ามีพลังสามารถทำเช่นนั้นหรือไม่ เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี…”
  พอหวู่หลงกล่าวออกมาแบบนี้ ไม่เพียงแต่สีหน้าซ่างกวนอวิ๋นเฟิงเท่านั้น กระทั่งสีหน้าของเหมิงซานเองก็ซีดไปราวกระดาษ พวกมันตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย!
  “ผู้นำหวู่หลงโปรดรอสักครู่”
  เรื่องมาถึงจุดนี้ ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นอีก นอกจากทำตามคำของอีกฝ่าย “ข้าจะไปพบจ้าววังน้อย”
  พอกล่าวจบคำ มันก็พาเหมิงซานเหินร่างย้อนกลับเข้ามาในค่ายพันธมิตรสวรรค์ทันที
  ระหว่างทาง เหมิงซานก็พูดออกมาเสียงสั่น “ท่านผู้นำ หวู่หลงผู้นี้มันจะไม่อวดเบ่งไปหน่อยหรือไร เพียงแค่ท่านไม่เห็นด้วย มันก็คิดจะฆ่าล้างพันธมิตรสวรรค์ของพวกเราแล้ว?”
  “เฮ่อ ในสายตาของพันธมิตรฟ่านเทียน พันธมิตรสวรรค์ของพวกเรายังจะนับเป็นตัวอะไรได้เล่า?”
  ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงได้แต่กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
  พันธมิตรสวรรค์ หากเป็นในเขต 9 ของภาคตะวันออก นับว่าแข็งแกร่งที่สุดแน่นอน
  แต่หากมองทั้งภาคตะวันออกแล้ว ก็กล่าวได้ว่าเป็นแค่กองกำลังระดับบนๆเท่านั้น
  และกองกำลังของพวกมัน หากไปอยู่ในภาคกลางก็ไม่นับเป็นตัวอะไรเลย! แต่พันธมิตรฟ่านเทียนนั่นมันเป็นถึงกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสมรภูมิ 9 ยมโลก เช่นนั้นก็ไม่ต้องกล่าวเปรียบเทียบกันให้เหนื่อย!!
  หากพันธมิตรฟ่านเทียนคิดจะทำลายพันธมิตรสวรรค์ ก็ลำบากแค่ลงมือเท่านั้น…
  “จ้าววังน้อย?”
  พอซ่างกวนอวิ๋นเฟิงพาเหมิงซานมาถึงหุบเขาแห้งแล้งอันเป็นสถานที่พักบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียน มันก็อดตกใจไม่ได้ เพราะมันพบว่ามีร่างในชุดสีม่วงหนึ่ง ได้เหินลอยอยู่เหนือหุบเขาแห้งแล้งอย่างเงียบงันแต่แรก และกำลังมองมาทางพวกมันอีกด้วย…
  เป็นต้วนหลิงเทียนเอง!