“จ้าววังน้อย ท่านทราบเรื่องแล้ว?”
  พอเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาโดยไม่ต้องเรียกหา ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายคงทราบเรื่องราวแล้ว แต่ก็ยังถามออกไปเพื่อยืนยัน
  “เสียงของมันไม่ได้เบาเลย ไม่อยากได้ยินยังยาก…”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบเสียงเรียบ
  ถึงแม้ว่าการฝึกฝนบ่มเพาะในพันธมิตรสวรรค์จะมีความปลอดภัยกว่าด้านนอกในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้อุทิศตัวให้กับการบ่มเพาะจนตัดขาดโลกภายนอกอย่างประมาท เลือกจะแบ่งสติส่วนหนึ่งไว้ระวังภัยโดยรอบแต่แรก ไม่เว้นวานให้หวงเอ้อ จิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนคอยเฝ้าระวังเรื่องราวอีกทาง
  เรียกว่าหากหวงเอ้อพบสิ่งใดผิดปกติ ก็จะแจ้งให้เขาทราบทันที ทำให้เขาสามารถตอบสนองและรับมือเรื่องราวได้ทันท่วงที
  และเขาก็กระทำแบบนี้มาโดยตลอด
  เมื่อครู่พอหวงเอ้อได้ยินว่ามีคนมาเพื่อท้าทายเขา นางก็ได้แจ้งให้เขาทราบเรื่องทันที ขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายสมควรรู้พลังฝีมือของเขาแล้ว…กระทั่งดีไม่ดีอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวอีกด้วย
  เขาก็ทราบได้ทันที ว่าการมาท้าทายของศิษย์จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนหมายความว่าอะไร นั่นก็คือเรื่องที่อยู่ของเขาคงแพร่ออกไปทั่วแล้ว วิหารเฟิงฮ่าวเองก็สมควรรู้ดี เช่นนั้นอาจส่งหวู่หลงนั่นมาหยั่งวัดพลังฝีมือของเขา!..
  แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องจะมีใครมาท้าทายแต่แรก เพราะการเข้ามาสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งนี้เขาไม่ได้ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามอะไร ยังอยากให้วิหารเฟิงฮ่าวล่วงรู้ และส่งคนมาหาเขาอีกด้วย!
  ในระนาบอิสระที่ตั้งของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักวันนั้น ฉากเรื่องราวที่อาจารย์เขาฟงชิงหยางจำต้องระเบิดร่างอวตารกฏดินทิ้งยังคงชัดเจนในใจ! ถึงแม้เขาจะรู่วาเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับร่างจริงของอาจารย์มากนัก แต่ก็ต้องมีบาดเจ็บและเสียเวลาฝึกฝนไปอยู่บ้าง…
  นอกจากนั้น หวู่หงชิง หมี่ซวน และพระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั่น พวกมันรวมหัวกันบีบคั้นให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทำให้เขาสัมผัสความรู้สึก 9 ตาย 1 รอด…
  บัญชีแค้นทั้งหมด เขาไหนเลยจะลืมเลือนได้ง่ายๆ!
  แต่เป็นธรรมดาว่าด้วยพลังของเขาตอนนี้ จะให้ไปงัดข้อกับวิหารเฟิงฮ่าวบนระนาบเทวโลกเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้
  อย่างไรก็ตาม หากเป็นในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้เขาสามารถทำได้!
  ในสมรภูมิ 9 ยมโลก ตัวตนขอบเขตเทพถูกจำกัดให้ไม่อาจเข้ามา มีก็แต่ผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตเทพเท่านั้นที่เข้ามาได้ ในกรณีนี้ ไม่ว่าวิหารเฟิงฮ่าวจะส่งใครมาเล่นงานเขา แต่พวกมันเต็มที่ก็เป็นแค่เทพสงครราม 9 ดาราเท่านั้น!
  ถึงแม้เทพสงคราม 9 ดาราจะรู้จักกันในนาม ครึ่งก้าวเทพ และมีพลังฝีมือกล้าแข็งไม่ใช่ชั่ว อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเหล่าครึ่งก้าวเทพ ยังห่างไกลจากขอบเขตเทพมากนัก และอาจารย์เขาฟงชิงหยางยังได้บอกเขาไว้ชัดเจนว่า…
  ในสายตาของตัวตนขอบเขตเทพ แม้จะเป็นแค่เทพขั้นต่ำที่พึ่งบังเกิดความก้าวหน้า…
  หากท่านยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ท่านเป็นแค่มด!
  “ไปกันเถอะ”
  ไม่รอให้ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกับเหมิงซานกล่าวคำใดให้มากความ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวทักก่อนจะเหินร่างนำออกไปทันที เพราะไม่ยากที่เขาจะเดาได้ออกว่าทั้งคู่มาที่นี่เพราะอะไร และไม่พ้นเป็นพันธมิตรสวรรค์ที่หวาดกลัวกองกำลังของอีกฝ่าย
  ระหว่างเดินทาง ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็เริ่มกล่าวบอกข้อมูลของหวู่หลงเท่าที่มันล่วงรู้ให้ต้วนหลิงเทียนทราบ
  หลังจากได้ยินเรื่องที่ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกล่าวบอก ต้วนหลิงเทียนก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว ว่าเป็นเขาเดาผิดไปรึเปล่า…
  เพราะหวู่หลง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียนหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคกลางของสมรภูมิ 9 ยมโลกนั้น…ปกติแล้วลักษณะนิสัยก็จองหองถือดี ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแต่แรก ยังเอาแต่ใจเป็นที่สุด ไม่ว่าพบเจอเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือที่ไหน ก็จะไปท้าทายเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดอยู่ร่ำไป
  ทำให้ในปัจจุบัน อีกฝ่ายได้รับการยอมรับจากผู้คนทั้งหมดในสมรภูมิ 9 ยมโลก ว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้เทพสงคราม 9 ดารา!
  เพราะเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือทั้งหมดที่มันไปท้าสู้ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้เลยสักคน!
  “ตั้งแต่ที่จ้าววังน้อยเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรา ข่าวของท่านก็เริ่มแพร่กระจายออกไปจากพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรา และมีหลายคนกล่าวว่าพลังฝีมือของท่านอาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหวู่หลง…และอาจารย์ของหวู่หลงก็เป็นเทพ อาจารย์ของท่านก็เป็นเทพเช่นกัน…”
  ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกล่าวอธิบายต้นสายปลายเหตุให้ต้วนหลิงเทียนฟัง “ด้วยลักษณะนิสัยของหวู่หลง หากมันได้ยินใครตั้งคำถามเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของมัน…มันไม่เคยปล่อยไปสักครั้ง”
  “ดังนั้นเรื่องที่มันถ่อมาท้าท่านเช่นนี้ แม้ข้าจะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร”
  และเพราะคำพูดดังกล่าวนี้เอง ที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนยเริ่มสงสัยว่าเขาเดาผิดไปหรือเปล่า…
  สุดท้ายเขาก็เพียงแค่ได้ยินเสียงประกาศท้าทายของหวู่หลงเท่านั้น และแม้จะรู้ว่าหวู่หลงเป็นศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าหวู่หลงเป็นคนเช่นไร ทำให้เขาคิดไปว่าการมาของอีกฝ่าย อาจมีวิหารเฟิงฮ่าวอยู่เบื้องหลัง
  แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า การมาของอีกฝ่าย อาจไม่ได้มีวิหารเฟิงฮ่าวอยู่เบื้องหลัง
  ‘ถึงแม้การมาของมันจะไม่เกี่ยวกับวิหารเฟิงฮ่าว…แต่ในเมื่อมันมาท้าถึงที่ การต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นศึกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง…’
  ระหว่างเหินร่างเดินทาง สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง ‘อันดับ 1 ใต้ขอบเขตเทพสงคราม 9 ดาราในสมรภูมิ 9 ยมโลกเช่นนั้นหรือ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราที่ร้ายกาจไม่ใช่ย่อย’
  ‘ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราระดับแนวหน้า…นับเป็นครั้งแรกเลยที่ข้าจะเจอกับคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจขนาดนี้’
  ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเคยพบเจอตัวตนที่แข็งแกร่งและทรงพลังเหนือกว่าหวู่หลงมาแล้วมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยต้องไปประมือกับตัวตนเหล่านั้น ทว่าตอนนี้หวู่หลงคือคนที่เขากำลังจะประมือด้วย!
  ‘นับว่ามาได้ถูกเวลาดีจริงๆ…อย่างน้อยข้าก็จะได้รู้ระดับพลังของตัวเองในปัจจุบัน’
  ทันใดนั้นในดวงตาของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มฉายแววคาดหวังขึ้นมา
  ก่อนหน้านี้ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ แม้จะไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะ เขาก็เผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดาราออกมาแล้ว และหากใช้อุปกรณ์อมตะล่ะก็ เกรงว่าใต้เทพสงคราม 8 ดาราคงไม่มีใครสู้เขาได้
  แต่ในเวลานั้นเขายังเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักเท่านั้น
  ทว่าในปัจจุบันเขาเป็นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้ว!
  นอกจากนี้ ศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็จบไปได้สักพักแล้ว ถึงแม้ความก้าวหน้าในกฏมิติ วิถีควบคุม และมรรคากระบี่มิติของเขาจะไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มีความก้าวหน้าอยู่บ้าง
  ทำให้เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้มันอยู่ในระดับไหน
  อย่างไรก็ตามเขามั่นใจอยู่เรื่องหนึ่ง…หากเขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนล่ะก็ ต่อให้เป็นเทพสงคราม 9 ดาราทั่วไป เขาก็ฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ!
  เนื่องเพราะกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนมันเป็นถึงอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดแล้ว เรียกว่าดีที่สุดในบรรดาอุปกรณ์เทพที่ยังไม่ผ่านการขัดเกลาด้วยพลังจากผู้แข็งแกร่งที่สุด แถมยังมีจิตวิญญาณอีก แม้ในอดีตเขาจะไม่อาจสำแดงพลังอาจของมันได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไป…ทว่าในปัจจุบันเขาสามารถใช้พลังของมันได้เพิ่มขึ้นไม่น้อย
  แต่เป็นธรรมดาว่าการประมือกับหวู่หลงวันนี้ เขาไม่คิดจะใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน
  ‘น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจใช้พลังของเทพเบญจธาตุได้อย่างเปิดเผย…มิฉะนั้นด้วยพลังของเทพเบญจธาตุ ภายใต้ขอบเขตเทพตอนนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนหากคิดจะลองดีกับข้าก็มีแต่ตายกับตาย!’
  ‘เว้นเสียแต่มันจะมีเทพเบญจธาตุด้วย..’
  พอนึกถึงเรื่องที่เทพเบญจธาตุได้สูญเสียพลังไปไม่น้อยเพื่อช่วยเขาครั้งก่อน และตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราพักฟื้นอยู่ในโลกใบเล็กภายในกายเขา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ
  ไม่นานนักต้วนหลิงเทียนรวมถึงซ่างกวนอวิ๋นเฟิงและเหมิงซาน ก็เหินร่างมาถึงเหนือฟ้าด้านหน้าค่ายกองกำลังพันธมิตรสวรรค์
  และตอนนี้ แถวๆหน้าค่ายกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ก็มีผู้คนมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น แต่เป็นธรรมดาว่าพวกมันก็เว้นระยะห่างพอสมควร และไร้ซึ่งข้อยกเว้นใด…เป็นคนของกองกำลังพันธมิตรสวรรค์หมดทั้งสิ้น!
  “ผู้นำกับผู้พิทักษ์ 7 มากันแล้ว!”
  “ชายหนุ่มชุดม่วงที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้าผู้นำกับผู้พิทักษ์ 7 ก็คือคุณชายชุดม่วงสินะ!”
  “ถึงตอนนี้เจ้ายังเรียกผู้อื่นเขาว่าคุณชายชุดม่วงอีกหรือ…เจ้าควรเรียกผู้อื่นเขาว่าจ้าววังน้อยได้แล้ว!”
  …
  สายตาของเหล่าสมาชิกกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ต่างพากันจับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ มีหลายคนที่แววตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนคึกคัก เพราะพวกมันอยากพบเจอตัวจริงต้วนหลิงเทียนมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาส จนกระทั่งวันนี้!
  “ผู้มาเป็นถึงหวู่หลง ผู้นำ 2 ของกองกำลังพันธมิตรฟ่านเทียน อันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราแห่งสมรภูมิ 9 ยมโลกที่โด่งดัง…รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ของพวกเราจะสู้ได้หรือไม่?”
  “สหาย…เจ้าอย่าได้ดูเบารองผู้นำคนนี้ของพวกเราไป! รองผู้นำของพวกเรายังไม่ธรรมดายิ่งกว่าหวู่หลงนั่นเสียอีก ทั้งๆที่ด่านพลังยังอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก ก็เป็นเทพสงคราม 7 ดาราชนชั้นยอดฝีมือแล้ว แถมนั่นยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะด้วยซ้ำ! ตอนนี้ไม่พ้นรองผู้นำคนนี้ต้องใช้ผลอมตะหยวนปะทุจนทะลวงถึงจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้วเป็นแน่ พลังฝีมือมีแต่จะกล้าแข็งยิ่งขึ้น หวู่หลงอาจมีชื่อเสียงมานานก็จริง แต่รองผู้นำก็ไม่แน่ว่าจะต้องแพ้มัน!”
  “แต่หวู่หลงนั่นจะอย่างไรก็ต้องได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของจ้าววังน้อยมาแล้ว พอมันรู้ว่าจ้าววังน้อยอยู่ในพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรากลับยังกล้ามาท้าสู้! นับว่าคำ ‘ปีศาจคลั่งท้าสู้’ ที่ผู้คนเรียกหามันไม่แปลกปลอมจริงๆ!”
  …
  เหล่าคนของพันธมิตรสวรรค์ ไม่ว่าจะสมาชิกระดับล่างหรือเหล่าสมาชิกระดับสูง พากันมองสลับไปมาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหวู่หลง พลางกล่าวกระซิบคุยกันไม่หยุด
  “ต้วนหลิงเทียน!”
  ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาถึง สายตาของหวู่หลงก็จับจ้องมองมาที่เขาแต่แรก และสองตามันยังเป็นประกายสว่างไสว “ข้าได้เห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของเจ้าในศึกอัจฉริยะสวรรค์จากลูกแก้วเงาลอยมาแล้ว นับว่าเจ้าช่างน่าทึ่งนัก! ตอนนี้เจ้าสมควรทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้วกระมัง?”
  “หากข้ายังไม่ทะลวงผ่านเล่า?”
  ต้วนหลิงเทียนที่ลอยยล่องกลางหาวอย่างสงบ มองถามหวู่หลวงด้วยสีหน้าเฉยเมย
  “หากตอนนี้เจ้ายังไม่ทะลวงผ่านข้าก็จะหันหลังจากไปทันที…เพราะถึงแม้ข้าจะเอาชนะเจ้าได้ มันก็ไม่มีความหมาย”
  สองตาหวู่หลงพลันทอแสงจ้า เอ่ยต่อเสียงหนักว่า “แต่ถ้าหากเจ้าบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้ว…เช่นนั้นการต่อสู้วันนี้เจ้าก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้!”
  “แต่เป็นธรรมดาว่าหากเจ้าคิดจะหลีกหนีการต่อสู้ครั้งนี้จริงๆ เจ้าก็แค่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าทุกคนในพันธมิตรสวรรค์ของเจ้าเสีย!”
  พูดถึงประโยคท้าย มุมปากหวู่หลงก็ยกขึ้นเล็กน้อย ยังวางตัวราวกับผู้ชนะอีกด้วย
  “เจ้าอุตส่าห์ดั้นด้นมาจากภาคกลาง แล้วข้าจะทำให้เจ้าผิดหวังได้อย่างไร…”
  ในขณะที่คนของพันธมิตรสวรรค์พากันหยุดหายใจด้วความลุ้นระทึก ว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบหวู่หลงว่าอย่างไร ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เอ่ตอบออกมา น้ำเสียงท่าทียังสงบไม่นำพา!
  “ดี! ดียิ่ง!”
  หวู่หลงคลี่ยิ้มกว้าง “วันนี้ข้าหวู่หลง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ขอท้าประลองเจ้า ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน! หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา เช่นนั้นนับแต่นี้ต่อไปเจ้าก็จะกลายเป็นอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราของสมรภูมิ 9 ยมโลกคนใหม่!!”
  “แต่ถ้าหากเจ้าแพ้พ่าย เช่นนั้นอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราในสมรภูมิ 9 ยมโลกของข้าหวู่หลงก็จักมั่นคง! จากนี้ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้ากังขาอีก!”
  พอกล่าวจบ แววตาของหวู่หลงก็เป็นประกายจ้า แลดูดุร้ายเอาเรื่องนัก!
  จากนั้นร่างหวู่หลงก็ไหววูบดั่งภูตผี มันเคลื่อนย้ายจากจุดเดิมก่อนจะไปหยุดลอยเหนือฟ้าสูงในฉับพลัน เหลือบมองลงมายังต้วนหลิงเทียนพลางเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “ต้วนหลิงเทียน เจ้าอายุน้อยกว่าข้า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าป้อนกระบวนท่าก่อน…และในเมื่อการต่อสู้ครั้งนี้เป็นดั่งศึกแห่งศักดิ์ศรีของข้า เช่นนั้นข้าจะไม่อ่อนข้อให้เพียงเพราะเจ้าอายุน้อยกว่าข้า!!”
  “เจ้า? อ่อนข้อให้?”
  ต้วนหลิงเทียนที่มีสีหน้าสงบเฉยเมยมาตลอด พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของหวู่หลงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หากเจ้าคิดจะอ่อนข้อให้ข้า เจ้าก็ต้องมีทุนรอนมากพอจะอ่อนข้อให้ข้าได้เสียก่อน…”
  “เจ้าอยากสู้ก็สู้!”
  “แค่หวังว่าเจ้าจะยอมรับผลที่ตามมาได้ไหว!”
  พอกล่าวจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนก็หายไปในความว่างเปล่า พอปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปผุดโผล่บนฟ้าสูงระดับเดียวกันกับหวู่หลงแล้ว ยังมองจ้องหวู่หลงด้วยสายตาสงบประหนึ่งน้ำในบ่อโบราณ ไร้ระลอกคลื่นใดๆ
  ระหว่างเดินทางมาที่นี่ เขาก็ได้ยินเรื่องราวของหวู่หลงคนนี้จากซ่างกวนอวิ๋นเฟิงแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรในตัวอีกฝ่าย
  แต่ตอนนี้ หลังคุยกันไม่กี่คำ เขาก็เริ่มประทับใจในตัวหวู่หลงอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายก็ตรงไปตรงมาพอสมควร!