จี้หยิ่งที่ขืนร่างหยุดลงกลางหาวได้อีกครั้ง สารรูปของมันแลดูทุกลักทุเลอยู่บ้าง สายตาที่มองจ้องไปยังหมี่ซวนนอกจากความกลัวก็เต็มไปด้วยความจริงจัง
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?!”
เหตุไฉนที่มันถามออกไปแบบนั้น เพราะจี้หยิ่งไม่คิดว่าเทพสงคราม 9 ดาราที่มาจะน่ากลัวขนาดนี้ ทักษะวิญญาณเมื่อครู่ มันร้ายกาจจนไม่น่าจะมีใครรับมือได้เลย!
ต่อให้เป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 9 ดารา หากไม่มีอุปกรณ์เทพคุ้มกันวิญญาณ เกรงว่าคงไม่อาจต้านทานรับมือทักษะวิญญาณเมื่อครู่ได้ด้วยซ้ำ!
ตัวตนระดับนี้ คิดฆ่ามันนับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก
เรียกว่าภายในใจจี้หยิ่งตอนนี้มันซับซ้อนนัก
วิหารเฟิงฮ่าวส่งอีกฝ่ายเข้ามายังสมรภูมิ 9 ยมโลกเพื่อช่วยมันตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียน กล่าวไปก็เป็นเรื่องดี…อย่างไรก็ตาม พอตระหนักถึงพลังฝีมือของอีกฝ่าย มันกลับรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะรู้สึกเสมือนตัวเองกำลังถูกอีกฝ่ายครอบงำ
บัดนี้จี้หยิ่งคล้ายลืมเลือนไปหมดสิ้น
เป็นมันที่อยากทดสอบพลังฝีมือของผู้อื่นเขาก่อน ไม่ใช่ผู้อื่นอยากลงมือกับมัน
“คนที่เจ้าไม่อาจล่วงเกิน”
ได้ยินคำถามของจี้หยิ่ง หมี่ซวนก็ตอบกลับไปสั้นๆ
คำตอบเหมือนไม่ได้ตอบดังกล่าว ย่อมทำให้จี้หยิ่งไม่พอใจเป็นธรรมดา แต่มันก็ไม่กล้าหืออือ ด้วยกลัวว่าเกิดอีกฝ่ายมีโมโหอะไรขึ้นมาจริงๆ อาจจะฆ่ามันทิ้งเสียให้พ้นๆ
คนอื่นอาจกริ่งเกรงมัน เพราะอย่างไรมันก็คือศิษย์ที่แท้จริงอันดับหนึ่ง กระทั่งยังเป็นบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน แต่ทว่าคนเบื้องหน้ามาจากวิหารเฟิงฮ่าวที่มีความเป็นมาลึกล้ำ ไม่ใช่อะไรที่มันจะเทียบได้
คนที่ชมดูเรื่องราวรอบๆ ก็พร้อมใจกันเงียบกริบ
อาวุโสของพันธมิตรฟ่านเทียนพอมองไปยังหมี่ซวนอีกครั้ง ในลูกตาก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัว เรียกว่าไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
ส่วนกลุ่มคนของวิหารเฟิงฮ่าววก็ลอบหวาดเสียวจนเหงื่อตก เรียกว่าถึงตอนนี้ยังผวาไม่หาย! ไม่คาดว่าผู้นำของมันจะน่ากลัวขนาดนี้ โชคดีที่ก่อนหน้าพวกมันไม่มีใครฝ่าฝืนคำสั่งที่จ้าววิหารสั่งให้พวกมันเชื่อฟังอีกฝ่าย!!
นี่เป็นโลกที่ผู้เข้มแข็งได้รับการเคารพนับถือ เมื่อพลังฝีมือของหมี่ซวนร้ายกาจขนาดนี้พวกมันก็ยอมรับ และเต็มใจทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
“เจ้ามีเบาะแสอันใดเกี่ยวกับต้วนหลิงเทียนแล้วบ้าง?”
หมี่ซวนเหลือบมองจี้หิ่งพลางถามเสียงเรียบ
จี้หยิ่งผงะไปเล็กน้อย พอได้สติก็ส่ายหัวไปมา “ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าศิษย์น้องข้า พันธมิตรสวรรค์ที่มันอยู่ก็สลายตัว จากนั้นมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“ไม่นานมานี้คนของพันธมิตรฟ่านเทียนเราได้จับตัวคนที่เคยอยู่ในพันธมิตรสวรรค์มาได้หลายคน แต่ถึงจะทรมานพวกมันจนตาย พวกมันก็ไม่อาจบอกที่อยู่ของต้วนหลิงเทียนได้ เห็นชัดว่าพวกมันไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนไปไหน”
“จนถึงตอนนี้ข้าก็เลยยังไม่ได้เบาะแสอันใด”
พอพูดถึงคนที่ฆ่าศิษย์น้องที่มันเห็นไม่ต่างอะไรกับน้องชายแท้ๆ สองมือของจี้หยิ่งก็กำแน่น ร่างยังสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม
“คนของพันธมิตรสวรรค์ที่เจ้าจับมาได้ มีพวกระดับสูงๆหรือไม่?”
หมี่ซวนเอ่ยถามอีกรอบ
“ไม่”
จี้หยิ่งส่ายหัวไปมา “ที่พวกเราจับตัวพวกมันได้ เพราะพวกมันไปคุยโวว่าเคยอยู่ในพันธมิตรสวรรค์ และได้เห็นการต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหวู่หลงศิษย์น้องข้ากับตา”
“พวกมันเป็นแค่สมาชิกธรรมดาๆของพันธมิตรสวรรค์เท่านั้น”
หลังจากที่พันธมิตรสวรรค์ถูกยุบ คนของพันธมิตรสวรรค์ก็แยกย้ายกันไปเข้าร่วมกับกองกำลังอื่น บางคนที่มีสมองย่อมไม่เปิดเผยเรื่องที่ตัวเองเคยอยู่ในพันธมิตรสวรรค์ออกไป
อย่างไรก็ตามใต้หล้าไม่เคยขาดพวกขี้คุย ยังมีบางคนที่ชอบคุยโวอวดโอ่เมื่อรู้สึกว่าเรื่องราวไม่เกี่ยวอะไรกับตัว และเห็นว่าพูดไปก็ไม่เป็นอะไร
ด้วยเหตุนี้ ย่อมมีคนชะตาขาดอย่างโง่งมบ่อยครั้ง!
“อย่างไรก็ตาม พวกเรายังคงส่งคนออกไปตามหาอยู่”
จี้หยิ่งเอ่ยออกเสียงต่ำ “ถึงจะไม่อยากแต่ข้าก็ต้องยอมรับ…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงนัก ข้าเชื่อว่าอายุมันยังไม่ทันครบ 700 ปี มันก็ต้องบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราได้แน่ หากช่วงนี้มันยังเก็บตัวเงียบ วันหน้าข้าคงไม่อาจสู้มันได้…”
“อย่างไรก็ตาม หากมันพึ่งบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดารา และเลือกจะปรากฏตัวออกมาทันที มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแน่!”
พอจี้หยิ่งพูดถึงจุดนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเองก็มีโมโหไม่น้อย เพราะรู้สึกว่าตัวเองสมควรทำได้ดีกว่านี้
เผชิญกับความไม่พอใจของจี้หยิ่ง หมี่ซวนก็เหลือบมองมันผ่านๆ และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ “เช่นนั้น เจ้าก็ไปจัดที่พักเงียบๆในพันธมิตรฟ่านเทียนให้ข้ากับคนของข้าก่อนเถอะ”
…
ทางด้านต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่จะไม่รู้ว่าหมี่ซวนอดีตผู้นำเผ่าภูตได้เข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกมาอีกครั้งและร่วมมือกับจี้หยิ่งเพื่อหาตัวเขา แต่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมี่ซวนได้ชิงร่างถังซานเป่าที่เขารู้จักไปแล้ว!
ตอนนี้เขากำลังคร่ำเคร่งกับการบ่มเพาะพลัง ทั้งทำความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ มรรคากระบี่มิติ ไม่เว้นวิถีควบคุมในภาคเหนือเขต 2 อย่างลืมวันลืมคืน
ด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กภายในกายเขาได้มาจากซากปรักหักพังของระนาบเทพ และสามารถมอบสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีที่สุดให้เขาได้ เช่นนั้นพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์เป็นไปอย่างราบรื่นและเงียบสงบ
สำหรับคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับที่หวังให้ต้วนหลิงเทียนช่วยพันธมิตรอุดรลี้ลับฮุบกลืนอีก 2 กองกำลังในภาคเหนือเขต 2 ทั้งหลาย นานวันเข้าพอไม่มีความเคลื่อนไหวใด พวกมันก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้น้อยลง
พวกมันยังเริ่มตระหนักได้ ว่าผู้คุมกฏอาวุโสของพวกมันไม่ต่างอะไรกับพระชราที่รักความสงบ
พวกมันจึงแทบไม่คาดหวังอะไรต่อไป
“อ๊าคค—!”
ทว่า วันนี้พันธมิตรอุดรลี้ลับที่เคยเงียบสงบ อยู่ๆพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดหนึ่งดังขึ้น ความสงบเงียบแต่เดิมพลันหายไปทันที ยังทำให้ทั้งพันธมิตรอุดรลี้ลับตกใจไม่น้อย
ไม่ทันที่ทุกคนจะได้ทำอะไร ก็มีร่างคนกลุ่มหนึ่งเร่งรุดเข้ามาจากด้านนอก สีหน้าท่าทางแลดูตื่นตระหนกสุดขีด
และในขณะที่คนกลุ่มนี้วิ่งหน้าตั้งเข้ามา พวกมันก็ร่ำร้องด้วยความแตกตื่นเสียงดังลั่น “คนของพันธมิตรขุนเขาบุกมาแล้ว!!”..
“คนของพันธมิตรเมฆยามสารทก็มา!”
“ฉีคุนรองผู้นำพันธมิตรขุนเขานั่น มันพาคนบุกมาเข่นฆ่าด้วยตัวเอง! ยังพาผู้พิทักษ์ของพันธมิตรขุนเขามากันหมด!!”
…
พอกลุ่มคนที่เร่งรุดเข้ามาป่าวประกาศอย่างแตกตื่น คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับก็หน้าเสียไปเป็นแถบ
ในใจของหลายๆคนเริ่มบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้น!
และไม่นานนักสังหรณ์อัปมงคลในใจของพวกมัน ก็กลายเป็นความจริง!
“แย่แล้ว! นอกประตูตะวันออก ผู้นำของพันธมิตรเมฆยามสารท ซีเหมินเจียงเฉินพาคนบุกเข่นฆ่าเข้ามาด้วยตัวเอง!!”
“ไม่ดีประตูทิศใต้ ถูกผู้นำพันธมิตรขุนเขา หยวนฝู บุกถล่มเข้ามาแล้ว!”
“ประตูทิศเหนือก็ถูกเถี่ยหมิงรองผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารท พาคนนับสิบเข่นฆ่าเข้ามา!!”
…
เรียกว่าค่ายที่พักดั่งมหานครใต้ธารน้ำแข็งอันเงียบสงบของพันธมิตรอุดรลี้ลับ กลับกลายเป็นปั่นป่วนโกลาหลในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจ
“ฉิบหายแล้วไง พวกมันบุกเข่นฆ่าเข้ามาถึงถิ่นเราแล้ว…ทำอย่างไร! พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?!”
“ถล่มมารดามันเถอะ! พันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาพวกมันรวมหัวกันชิงบุกจู่โจมพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราก่อนจริงๆ! ไฉนผู้คุมกฏอาวุโสไม่ร่วมมือกับท่านผู้นำและรองผู้นำบุกไปทำลาพวกมันแต่แรก! สุดท้ายก็บีบให้พวกมันร่วมมือกันจนบุกเข้ามาถล่มมารดาเราถึงที่!?”
“ข้าเกลียดนัก! หากรู้แบบนี้ข้ากอดเมียอยู่บ้านอีกหลายๆเดือนเสียก็ดีไม่น่ารีบกลับมาเมื่อวานเลย! พึ่งกลับมาได้ไม่ทันไรก็เจอเรื่องแบบนี้ ยังมีผู้ใดซวยกว่าข้าอีกไหม!?”
“เฮ่อ ข้าหวังเพียงแค่พวกพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขา จะยอมรับคนที่ยอมจำนนไปเข้าร่วมกับพวกมัน”
“เจ้าว่า…คนที่แปรพักตร์ยามมีภัยเช่นนี้ พวกมันจะกล้ายอมรับไว้ใช้งานหรือไม่เล่า?!”
“เจ้าก็พูดเกินไป นั่นมันสำหรับด้านนอก แต่ในสมรภูมิ 9 ยมโลกทุกคนถือผลประโยชน์เป็นสำคัญ ยังมีใครไม่คิดหาไม้ใหญ่พึ่งพิง?”
…
ในขณะที่สมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับกำลังขวัญกระเจิง และความโกลาหลเกิดขึ้นทุกแห่งหน ผู้นำรวมถึงรองผู้นำของพันธมิตรเมฆยามสารทและพันธมิตรขุนเขา ก็นำกำลังคนบุกเข่นฆ่าเข้ามาถึงด้านในค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ โลหิตเจิ่งนองเป็นสายธาร…
ทุกคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับที่ถูกพบเห็น โดนฆ่าไม่ละเว้น
ต่อให้ร้องขอความเมตตา ก็ไม่รอด
“ซีเหมินเจียงเฉิน หยวนฝู พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!?”
ในที่สุดผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับ หลัวอี้หมิง ก็มาถึง บัดนี้สีหน้าหลัวอี้หมิงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ดวงตาฉายแววเคืองแค้นปานจะพ่นไฟ
หลัวเฟิง รองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับเองที่ติดตามมาด้านหลังติดๆ ก็ชักสีหน้าปั้นยากไม่ต่าง
“ผู้นำ!”
“รองผู้นำช่วยด้วย!”
…
พอเห็นหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงปรากฏตัว เหล่าคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับที่เดิมคิดจะสู้ตาย ก็เร่งเหินร่างมารวมตัวกันอยู่ด้านหลังทั้งคู่ทันที ราวกับมีเพียงทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะปลอดภัย
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
และเมื่อหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงปรากฏตัวขึ้น เงาร่างมากมายจากทุกทิศก็เหินมารวมตัวกันเร็วไว เป็นเหล่าผู้คุมกฏของพันธมิตรอุดรลี้ลับ และเป็นชนชั้นเทพสงคราม 7 ดาราทั้งสิ้น
“ท่านผู้นำ ใต้เท้าหลัวเฟิง”
ครู่ต่อมา เหล่าผู้คุมกฏพันธมิตรอุดรลี้ลับก็มาลอยร่างอยู่ด้านหลังหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิง และมองจ้องไปยังคนของพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่อง
แน่นอนว่าถึงพวกมันแต่ละคนจะแลดูดุร้ายเอาเรื่อง แต่หากมองให้ดีจะพบว่าลึกลงไปในสายตาดุร้ายดังกล่าว ไม่ขาดความกลัว ร่างบางคนยังถึงกับสั่นไปอย่างห้ามไม่ไหว
พันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาร่วมมือกัน ส่งยอดฝีมือบุกเข่นฆ่าเข้ามา…
เรื่องที่พวกมันกลัวที่สุด ได้เกิดขึ้นแล้ว!
เดิมทีตั้งแต่ที่ได้รับทราบเรื่องการเข้าร่วมของผู้คุมกฏอาวุโส คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ก็หวังว่าผู้นำ รองผู้นำ และผู้คุมกฏคนอื่นๆจะบุกไปจัดการพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาทีละกองกำลัง แต่ในเมื่อผู้คุมกฏอาวุโสที่ว่าเลือกจะเก็บตัวเงียบไม่ทำอะไร พวกมันก็เริ่มตระหนักได้ถึงอันตรายเช่นนี้
ถึงแม้พันธมิตรเมฆยามสารทกัพันธมิตรขุนเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่เพื่อจัดการพันธมิตรอุดรลี้ลับ พวกมันจะยอมละวางความแค้นความบาดหมางและร่วมมือกันหรือไม่?
ในอดีตนั้น พวกมันไม่แน่ใจว่าคำตอบของคำถามนี้จะเป็นอย่างไร…
แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้ว
พวกมันร่วมมือกันจริงๆ!
“หลัวอี้หมิง เจ้ายังต้องถามอีกหรือ…จุดจบของพันธมิตรอุดรลี้ลับเจ้ามาถึงแล้ว”
หยวนฝู ผู้นำพันธมิตรขุนเขามองหลัวอี้หมิงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ซีเหมินเจียงเฉิน แล้วเจ้าเล่า จะเอาเช่นนี้ด้วยหรือไม่?”
ขณะเดียวกันหลัวอี้หมิงก็หันไปมองถามซีเหมินเจียงเฉิน ผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารทพลางถามเสียงต่ำ
แม้ซีเหมินเจียงเฉินจะไม่พูดอะไร แต่ด้วยสายตาเย็นชาที่มองหลัวอี้หมิง ก็มากพอจะตอบทุกสิ่ง
“ดี ดี…ดีมาก!”
หลัวอี้หมิงหัวเราะด้วยโทสะ “ก่อนที่พันธมิตรอุดรลี้ลับเราจะไปหาพวกเจ้าเพื่อขอคำชี้แนะ แต่พวกเจ้ากลับเป็นฝ่ายมาหาพวกเราเอง ดูเหมือนพวกเจ้าคงร้อนใจอยากทำลายพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราเต็มแก่แล้ว…”
หลัวฝูพอได้ฟังก็แสยะยิ้มกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หลัวอี้หมิง หากจะโทษ ก็โทษที่พันธมิตรอุดรลี้ลับเจ้าดันรับเทพสงคราม 8 ดาราเพิ่มมาอีกคนเถอะ…เจ้าเองก็รู้ดีว่าสมดุลของ 3 กองกำลังเราที่อยู่มานานปี ไม่ใช่อะไรที่เจ้าคิดจะทำลายก็ทำได้”
สมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับหลายคนเองก็คาดเดาเรื่องนี้ได้แต่แรก พอมาได้ยินหวนฝูกล่าวย้ำซ้ำแผลใจ สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก “ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะผู้คุมกฏอาวุโส!”
“ผู้คุมกฏอาววุโสนั่นเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับเราทำอันใด ข้าไม่เห็นมันจะทำประโยชน์อันใดสักอย่าง…ตอนนี้ยังทำให้พันธมิตรอุดรลี้ลับพวกเราฉิบหายวายวอดอีก!”
“ผู้คุมกฏอาวุโสบัดซบอันใด…มารดามันไร้ประโยชน์สิ้นดี!!”
“พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรามิน่าให้มันเข้าร่วมเลย”
…
เหล่าคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับได้แต่กระซิบกระซาบด่าทอกันด้วยความไม่พอใจ
แม้แต่เหล่าผู้คุมกฏของพันธมิตรอุดรทมิฬเองก็มีหลายคนคิดแบบนี้ แต่ด้วยสถานะของพวกมันที่ต่างจากสมาชิกทั่วไป จึงไม่สะดวกจะกล่าว…