ตอนที่ 3568 ผู้คุมกฏอาวุโส

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

“หุบปาก!!”
  หลัวอี้หมิงพลันตวาดออกมาเสียงดังสนั่น สีหน้ายังดุร้ายเป็นที่สุด ทำให้สมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับที่ซุบซิบก่นด่าถึงกับหวาดกลัวจนเงียบปากทันที
  จากนั้นหลัวอี้หมิงก็กวาดตามองไปยังสมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับที่ซุบซิบเมื่อครู่ด้วยสายตาเย็นชา พอกล่าวอีกครั้งน้ำเสียงก็เย็นปานจะแช่แข็งผู้คน “ผู้คุมกฏอาวุโสไร้ประโยชน์? ไม่ควรเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับ? พวกเจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหลเช่นนี้อีก!”
  “หากพวกเจ้าไม่พอใจอะไร ก็ไสหัวไปได้ทุกเมื่อ!”
  “พันธมิตรอุดรลี้ลับ ไม่ต้องการพวกปากสวะเยี่ยงพวกเจ้า!”
  พอหลัวอี้หมิงกล่าวตำหนิออกมาแบบนี้ เหล่าผู้คนที่กระซิบกระซาบเมื่อครู่ก็พากันก้มหน้าหลบตาเป็นแถว
  หากในตอนปกติพวกมันโดนหลัวอี้หมิงตำหนิแบบนี้ล่ะก็ พวกมันก็คงเลือกตีจากพันธมิตรอุดรลี้ลับไปอย่างไม่ใยดี…แต่วินาทีนี้เห็นได้ชัดว่าคนของอีก 2 พันธมิตรคิดเข่นฆ่าผู้คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับให้สิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในพันธมิตรอุดรลี้ลับต่อหรือไม่ก็ตาม
  และก่อนหน้ายังมีหลายคนที่ร่ำร้องออกมาว่าตราบใดที่ไม่ฆ่า พวกมันจะออกจากพันธมิตรอุดรลี้ลับและเข้าร่วมกับพันธมิตรเมฆยามสารทหรือพันธมิตรขุนเขาทันที…
  อย่างไรก็ตาม ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใด ผู้ที่ร่ำร้องขอชีวิตล้วนถูกฆ่าตายหมดสิ้น!
  ทำให้พวกมันตระหนักได้ชัดเจน ว่าพวกมันจะอยู่รอดจนเห็นวันพรุ่งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพลังสามารถของหลัวอี้หมิงและเหล่ายอดฝีมือของพันธมิตรอุดรลี้ลับเบื้องหน้า หากผู้นำละทิ้งพวกมัน เกรงว่าไม่ทันได้ก้าวพ้นเขตค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ ก็ต้องถูก 2 พันธมิตรฆ่าแน่นอน!
  “จึกๆๆๆ…ช่างดุดันเสียจริง”
  ผู้นำพันธมิตรขุนเขา หยวนฝู อดไม่ได้ที่จะมองหลัวอี้หมิงพลางกล่าวหยอกล้อ “หลัวอี้หมิง อันที่จริงที่พวกมันพูดมาก็ถูก ภัยพิบัติของพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเจ้าวันนี้ ล้วนมีบ่อเกิดมาจากผู้คุมกฏอาวุโสลึกลับคนนั้นของพวกเจ้าทั้งสิ้น”
  “แต่ในเวลาแบบนี้ เจ้ายังคิดจะปกป้องผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับนั่นอีกรึ?”
  กล่าวถึงประโยคท้าย สีหน้าหยวนฝูก็ฉายชัดถึงความล้อเลียนสนุกสนาน
  “แต่จะว่าไป…ไหนผู้คุมกฏอาวุโสคนเก่งของพวกเจ้าเล่า? ป่านนี้แล้วยังไม่โผล่หัวออกมาอีกหรือ? คงมิได้หวาดกลัวจนฉี่รดที่นอนแล้วกระมัง?”
  ยิ่งมารอยยิ้มแดกดันของหยวนฝูยิ่งฉีกกว้าง
  ด้านคนของพันธมิตรขุนเขา รวมถึงคนของพันธมิตรเมฆยามสารทด้านหลัง ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะกันออกมาอย่างตลกขบขันหลังได้ยินคำพูดของหยวนฝู “ฮ่าๆๆ คงมิใช่เขินจนไม่กล้าออกมาแสดงตัวกระมัง?”
  “หรือที่แท้หวาดกลัวจนไม่กล้าออกมากันแน่เล่า?”
  “ฮ่าๆๆ…ข้าว่าคงเขินมากกว่า คนเยอะแยะถึงขนาดนี้!”
  …
  ไม่ว่าจะคนของพันธมิตรเมฆยามสารทหรือพันธมิตรขุนเขา ต่างหัวเราะหน้าระรื่นแลดูได้ใจกันใหญ่
  “หยวนฝู เจ้าอยากเห็นผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับเรามากนักหรือ?”
  หลัวอี้หมิงหยีตากล่าวถามหยวนฝู ขณะเดียวกันในดวงตาก็เผยประกายลับหนึ่งเรืองขึ้น
  “ไหนเลยจะไม่อยากเห็นได้เล่า”
  หยวนฝูพยักหน้าเบาๆ “พันธมิตรอุดรลี้ลับเจ้า ขับเคี่ยวกับพันธมิตรขุนเขาข้ากับพันธมิตรเมฆยามสารทของผู้นำซีเหมินมานานปีแล้ว ในเมื่อวันนี้ถึงจุดจบของพันธมิตรอุดรลี้ลับเจ้าทั้งที ไฉนข้ายังจะไม่อยากเห็นบ่อเกิดเภทภัยของเจ้าได้เล่า?”
  “ผู้นำซีเหมิน ท่านเล่า คิดเห็นเช่นไร?”
  ขณะกล่าวถึงประโยคท้าย หยวนฝูก็หันไปมองซีเหมินเจียงเฉินด้วยรอยยิ้ม
  “ข้าเองก็อยากเห็น”
  มุมปากซีเหมินเจียงเฉินยกยิ้มแสยะเยียบเย็น ในแววตายังแผ่พุ่งจิตฆ่าฟันออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ
  เป็นเพราะ ผู้คุมกฏอาวุโสดังกล่าวที่ทำให้มันรู้สึกถึงวิกฤตการณ์ สุดท้ายมันถึงได้ลดตัวไปขอความร่วมมือกับพันธมิตรขุนเขาที่เป็นศัตรู…และนี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่มันรู้สึกกล้ำกลืนถึงเพียงนี้!
  และความกล้ำกลืนดังกล่าวยิ่งมาก็ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นความอับอาย กระทั่งเริ่มกลายเป็นความเกลียดชังฝังลึกเข้ากระดูกดำ มันเกลียดผู้อาวุโสคุมกฏลึกลับของพันธมิตรอุดรลี้ลับนั่น!
  “ผู้นำซีเหมิน ข้าจะมอบผู้คุมกฏอาวุโสอะไรนั่นให้ท่านฆ่ากับมืออย่างที่เราได้ตกลงกันไว้”
  หยวนฝูกล่าวด้วยยรอยยิ้มสดใส
  “ขอบคุณ”
  ซีเหมินเจียงเฉินเอ่ยขอบคุณเสียงเรียบ
  “ท่านพี่…”
  ตอนนี้เอง หลัวเฟิงที่อยู่ด้านหลังหลัวอี้หมิงเริ่มรู้สึกร้อนใจไม่น้อย เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปถามลูกพี่ลูกน้องว่า “ตอนนี้สิ่งที่ข้ากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ไฉนท่านยังแลดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ได้? ที่แท้ท่านมีวิธีรับมือสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไรกันแน่?”
  ตอนนี้หลัวเฟิงกังวลใจขนาดไหน มีเพียงแต่ตัวมันเองเท่านั้นที่รู้
  ก่อนที่พันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาจะบุกเข่นฆ่ามาถึงหน้าประตู มันที่คาดไว้แล้วว่าอาจเกิดเรื่องราวทำนองนี้ขึ้นก็ได้ไปปรึกษากับลูกพี่ลูกน้องมัน แต่ลูกพี่ลูกน้องมันกลับไม่วิตกกังวลอะไร ยังกล่าวทำนองให้อีกฝ่ายรีบมาเสียอีก ราวกับไม่กลัวตายอย่างไรอย่างนั้น…
  และไม่ทันที่มันจะได้ความกระจ่าง ลูกพี่ลูกน้องมันก็บอกว่าถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เอง แล้วก็ไม่คิดจะบอกอะไรเพิ่มเติม
  หลังจากผ่านไปสักพัก เดิมทีมันก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก แต่สุดท้ายเรื่องที่มันกลับเกิดขึ้นจริงๆ มันก็ไร้ทางเลือกนอกจากจะถามไถ่ลูกพี่ลูกน้องให้รู้เรื่องชัดๆ
  “ใครที่คิดฆ่าข้า?”
  ก่อนที่หลัวอี้หมิงจะทันได้ตอบหลัวเฟิง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้าหลัวอี้หมิง
  ทันใดนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน ก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นปานภูตผี
  เป็นชายในชุดคลุมลมดำหลวมๆ สวมหมวกฟาง เพราะก้มหน้าลงเล็กน้อยใบหน้าครึ่งบนจึงถูกปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด
  เรียกว่าแต่งกายมิดชิดจนยากจะบอกรูปร่างที่แน่ชัด ยังไม่อาจแลเห็นใบหน้าได้ถนัดตา ยังผลให้คนกลายเป็นดูลึกลับไม่น้อย
  “นั่นน่ะหรือ ผู้คุมกฏอาวุโส?”
  สมาชิกหลายคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับที่ได้รับทราบลักษณะของผู้คุมกฏอาวุโสคร่าวๆแล้ว พอเห็นร่างชายลึกลับในชุดคลุมลมดำสวมหมวกฟางที่ปรากฏขึ้นในฉับพลัน พวกมันจึงตระหนักได้ทันทีว่านี่สมควรเป็น ผู้คุมกฏอาวุโส ที่แสนจะลึกลับของพวกมัน
  “คารวะท่านผู้คุมกฏอาวุโส”
  ในขณะที่หลายๆคนคาดเดาตัวตนของผู้มาได้ หลัวอี้หมิงผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ประสานมือโค้งคารวะต้วนหลิงเทียนท่ามกลางสายตาของทุกคน “เรื่องในวันนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ จำต้องรบกวนผู้คุมกฏอาวุโสเช่นนี้ ขอท่านอภัยให้ข้าด้วย”
  ท่าทีของหลัวอี้หมิงนอบน้อมนัก…ยังนอบน้อมอย่างผิดปกติ!
  และสิ่งนี้ทำให้คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับถึงกับอื้ออึงไปหมด
  กระทั่งหัวเฟิง รองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ยังอ้าปากค้าง ไร้คำใดจะกล่าว
  ทันใดนั้นเอง ความคิดอุกอาจประการหนึ่งพลันผุดขึ้นในใจของมัน…บ่อเกิดความมั่นใจของลูกพี่ลูกน้อง หรือจะมาจากผู้คุมกฏอาวุโส?
  แต่ไม่ใช่ว่าถึงแม้ผู้คุมกฏอาวุโสจะมีพลังฝีมือร้ายกาจ ถึงขั้นอาจจะร้ายกาจเหนือกว่าลูกพี่ลูกน้องมัน แต่เรื่องจะร่วมมือกับลูกพี่ลูกน้องมันรวมถึงตัวมันเข่นฆ่าเทพสงคราม 8 ดาราทั้ง 4 ของอีก 2 กองกำลัง มันไม่เรื่องเกินจริงไปหน่อยหรือไร?
  ถึงแม้ผู้คุมกฏอาวุโสจะเป็นเทพสงคราม 8 ดาราที่ร้ายกาจ และอาจเป็นตัวตนระดับเดียวกับลูกพี่ลูกน้องมัน ที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของเทพสงคราม 8 ดาราจนเจียนจะเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราอยู่รอมร่อ…แต่ให้ต้องประมือกับเทพสงคราม 8 ดาราถึง 4 คนที่ไม่มีใครด้อยกว่ามันเลย จะไหวหรือ?
  3 ต่อ 4 แบบนี้ ดูแล้วไม่เห็นทางชนะเลยจริงๆ!
  ‘บางที ที่ท่านพี่มั่นใจนัก อาจเป็นเพราะอุปกรณ์เทพของผู้คุมกฏอาวุโส…อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เทพของผู้คุมกฏอาวุโสก็เป็นประเภทอาภรณ์สวมใส่ พลังอานุภาพของมันเมื่อเทียบกับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ ถึงจะเหนือกว่าแต่ก็คงไม่มากมายกระมัง?’
  หลัวเฟิงอดวิตกกังวลไม่ได้
  “ไฉนท่านผู้นำถึงแลดูเคารพทั้งนอบน้อมต่อผู้คุมกฏอาวุโสนักเล่า?”
  “เอ่อ…”
  ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอย่าว่าแต่คนอื่น กระทั่งคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับเองยังงุนงง
  ทันใดนั้นเอง ด้านหยวนฝูผู้นำพันธมิตรขุนเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หลัวอี้หมิง เจ้าคิดว่าเจ้าเสแสร้งทำแบบนี้แล้ว พวกเราจะพาลคิดไปว่ามันร้ายกาจกว่าเจ้า จนบังเกิดความกลัวและล่าถอยไปงั้นหรือ?”
  “วันนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้…เว้นเสียแต่มันจะเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 9 ดารา หรือร้ายกาจเท่าหวู่หลงผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียน หรือไม่ก็เป็นยอดฝีมืออันน่ากลัวเช่นต้วนหลิงเทียนรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ มิฉะนั้นวันนี้พันธมิตรอุดรลี้ลับของเจ้าต้องถึงกาลอวสาน! ต่อให้ไก่สุนัขสักตัวข้าก็จะฆ่าไม่ให้เหลือ!!”
  ทันทีที่หยวนฝูเอ่ยจบคำ มันก็มองไปยังชายในชุดคลุมลมดำสวมหมวกฟางทั้งคนของพันธมิตรอุดรลั้บด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
  “เหอะ! คิดจะเสแสร้งให้พวกเราหวาดกลัว? ฝันละเมอของตัวโง่งม!!”
  “ผู้นำพันธมิตรขุนเขาของพวกเรา มองปราดเดียวก็เห็นแจ้งลูกไม้ตื้นๆของพวกเจ้าแล้ว!!”
  “อย่างไรก็ตาม ถึงขั้นที่หลัวอี้หมิงต้องงัดลูกไม้ไร้เดียงสาเช่นนี้ออกมาใช้ ก็เห็นชัดว่ามันกลัวพวกเราแทบตายแล้ว!”
  …
  สายตาหวั่นไหวของคนพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาที่พึ่งปรากฏได้ไม่ทันไรพลันหายไปทันที จากนั้นก็พากันมองคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับด้วยสายตาดุร้ายยิ่งกว่าที่เคย ทำท่าราวกับหากไม่ได้ฆ่าให้สิ้นไม่เลิกรา!
  “เจ้าหรือที่อยากฆ่าข้า?”
  เสียงแผ่วเบาเหมือนเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ทุกคนได้ยินชัดเจน จึงบอกได้ว่าผู้พูดก็คือชายชุดคลุมลมดำสวมหมวกฟางนั่นเอง
  และใบหน้าที่ไม่อาจแลเห็นได้ชัดนอกจากเรียวคางนั่น ชัดเจนว่ากำลังหันไปมองทิศทางที่ ซีเหมินเจียงเฉิน ผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารทลอยอยู่
  “เป็นข้าแล้วอย่างไร?”
  สีหน้าซีเหมินเจียงเฉินเย็นชานัก ในลูกตายังเต็มไปด้วยจิตสังหารอันท่วมท้น “วันนี้ต่อให้เจ้าก้มหัวหดหางอย่างไร ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ตาย!”
  “อ้อ?”
  ต้วนหลิงเทียนในชุดคลุมลมดำสวมหมวกฟาง เอ่ยออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
  และแทบจะพร้อมๆกับที่เสีงคำดังขึ้น ร่างคนก็อันตรธานหายไปจากจุดเดิมในฉับพลัน
  “ระวัง!!”
  หยวนฝูเร่งกล่าวเตือนทันที
  ด้านซีเหมินเจียงเฉินพอเห็นร่างต้วนหลิงเทียนหายไป มุมปากมันก็ยกยิ้มแสยะขึ้น “ตั้งแต่ตอนที่เจ้าปรากฏตัวออกมา ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าใช้กฏมิติ!”
  “เคลื่อนย้ายมิติ? ข้ารออยู่นานแล้ว!!”
  แทบจะพร้อมๆกันกับที่ร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าซีเหมินเจียงเฉินในฉับพลัน พลังที่ซีเหมินเจียงเฉินลอบโคจรรวมรั้งเอาไว้ก็ปะทุออกมาดั่งทำนบกันน้ำทลาย เสียงพลังพุ่งออกมาช่างรุนแรงประหนึ่งจะบดขยี้ได้ทุกสิ่ง!
  หากเป็นเทพสงคราม 8 ดาราคนอื่น กระทั่งให้เป็นเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ การเคลื่อนไหวมาปรากฏตัวต่อหน้าซีเหมินเจียงเฉินและต้องพบเจอกับการลงมือจู่โจมในฉับพลันของซีเหมินเจียงเฉินพอดี อย่าว่าแต่จะได้ชิงลงมือก่อนเลย เกรงว่าจะต้องต้านรับไม่ทันจนมือไม้พันกันแน่นอน!
  อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ใช้ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราธรรมดาๆ
  ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้จะยังไม่ถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา แต่ก็เจียนจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราอย่างหาที่สุดไม่ได้!
  ที่สำคัญคือเขายังเข้าใจวิถีควบคุม และมรรคากระบี่มิติ 1 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลก ไม่ได้มีแค่พลังอำนาจแห่งกฏเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
  ‘วิถีควบคุม!’
  แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่พลังของซีเหมินเจียงเฉินปะทุออกมา พื้นที่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของวิถีควบคุมเขาแล้ว ทำให้พลังอันสุดไพศาลที่พรั่งพรูออกมาของซีเหมินเจียงเฉินถูกทำลายลงในฉับพลัน!
  พร้อมกันนั้นเองชายผ้าคลุมด้านหลังของต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงหวีดหวิวออกมาฉับไว ราวกับจะตวัดกรีดห้วงอากาศปริฉีก เจตจำนงกระบี่อันน่ากลัวกำจายสะท้านไปในบรรยากาศ เห็นเป็นแสงกระบี่ไร้สภาพพุ่งตัดฟ้าออกไปฉับไว ก่อเกิดเส้นทางสีแดงหนึ่งขึ้น…
  พอมองดีๆก็พบว่าเป็นเลือด
  “ท่านผู้นำ!!”
  เถี่ยหมิง รองผู้นำพันธมิตรยามสารทหวีดร้องออกมาเสียงหลงด้วยความหวาดกลัว!
  ท่ามกลางสาตาหวาดผวาทั้งไม่อยากจะเชื่อของทุกคนในที่นี้ ซีเหมินเจียงเฉิน 1 ใน 3 ผู้นำกองกำลังใหญ่ในเขต 2 ภาคเหนือแห่งสมรภูมิ 9 ยมโลก ศีรษะก็ได้ปลิดปลิวหลุดจากบ่าหมุนคว้างไปในอากาศ จากนั้นไม่ทันไรก็ถูกพลังมิติบดทำลายจนสลายเป็นละอองโลหิต…
  ซีเหมินเจียงเฉินที่ก่อนหน้าลั่นวาจาว่าจะฆ่าผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ก็ตกตายไปแต่เพียงเท่านี้…
  บรรยากาศบนฟ้าเหนือค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ กลายเป็นเงียบสงัดลงทันใด