ตอนที่ 3569 หนึ่งคนชี้ขาดทุกสิ่ง

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

แปะ…
  เมื่อหยดเย็นคาวคลุ้งกระเซ็นถูกใบหน้าผู้คนของพันธมิตรขุนเขาและพันธมิตรเมฆยามสารท ก็ปลุกสติพวกมันให้ตื่นขึ้นจากอาการตกตะลึงทันที พอแต่ละคนเอามือลูบโดยไม่รู้ตัว ก็พบว่าเป็นละอองโลหิตที่พร่างพรมไปทั่วฟ้า แต่ถึงแม้ใบหน้าพวกมันจะรู้สึกเย็น ก็ยังเย็นไม่เท่าใจอันหนาวเหน็บ…
  ซีเหมินเจียงเฉิน ผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารท ตัวตนที่พลังฝีมือใกล้แตะถึงระดับเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ ตกตายลงในลักษณะนี้?
  กระบวนการดังกล่าว พวกมันยังไม่แม้แต่จะตอบสนองอันใด
  เรียกว่าซีเหมินเจียงเฉินถูกผู้อื่นฆ่าในเสี้ยวพริบตา!
  “นี่มัน…”
  ด้านคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ นอกจากตัวผู้นำอย่างหลัวอี้หมิงที่ฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริและท่าทางแลดูราวกับไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องนี้ คนอื่นๆล้วนทำตาปริบๆกันทั้งนั้น กระทั่งหลัวเฟิงรองผู้นำเองยังอ้าปากค้าง
  ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับพวกมัน ที่แท้ร้ายกาจขนาดนี้เชียว!?
  สมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับหลายๆคนที่ก่อนหน้ากังขาและไม่พอใจในตัวผู้คุมกฏอาวุโส ในปัจจุบันพวกมันรู้สึกเสมือนมีฝ่ามือหนึ่งฟาดตบใบหน้าดังฉาด พาลให้แก้มร้อนฉ่านัก
  ส่วนด้านคนของพันธมิตรเมฆยามสารทนั้น แต่ละคนได้แต่หันหน้ามองกันเลิกลั่ก ยังแลเห็นถึงความสิ้นหวังในแววตากันและกัน
  สวรรค์!!
  ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับเป็นเทพดาองค์ใดกัน!? แม้แต่ซีเหมินเจียงเฉินผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารทของพวกมันก็ฆ่าทิ้งได้ง่ายๆราวตัดหญ้าฆ่าไก่ แล้วเทพสงคราม 8 ดาราอีก 3 คนที่เหลือของพันธมิตรร่วมพวกมันยังจะมีใครรับมือได้อีก?
  จังหวะนี้พวกมันแทบจะสิ้นหวังแล้ว
  อันที่จริงไม่ใช่แค่พวกมันเท่านั้นที่สิ้นหวัง
  ไม่ว่าจะเป็นผู้นำพันธมิตรขุนเขาหยวนฝูกับรองผู้นำฉีคุน กระทั่งรองผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารทของพวกมันเองอย่างเถี่ยหมิง ก็ล้วนบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ
  ดังคำกล่าวที่ว่า คนนอกชมดูเอาสนุกสนาน แต่คนวงในแลเห็นลู่ทาง…เมื่อครู่ตอนที่ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับได้ลงมือจู่โจมใส่ซีเหมินเจียงเฉินนั่น ถึงแม้พวกมันจะเห็นเพียงแต่ชายเสื้อคลุมโบกสะบัดตัดฟ้าไปฉับไว จากนั้นเกิดอะไรขึ้นพวกมันก็ไม่อาจเห็นได้
  อย่างไรก็ตามพวกมันรู้ดีว่าชายเสื้อคลุมนั่นสมควรซัดการโจมตีบางอย่างออกไป และสิ่งนั้นก็ว่องไวเสียจนพวกมันมองตามไม่ทัน กระทั่งซีเหมินเจียงเฉินเองเผลอๆหัวหลุดจากบ่าไปแล้วยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! เป็นธรรมดาว่าการลงมือดังกล่าวจะทำให้พวกมันสิ้นหวังถอดใจ เพราะถ้าพวกมันตกเป็นเป้าบ้าง ก็มีแต่หนทางตายสถานเดียว…
  “ท่านผู้นำ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี!?”
  ฉีคุนเร่งส่งเสียงผ่านพลังถามหยวนฝูอยางร้อนใจ ตอนนี้มันได้แต่ลอบโอดครวญในใจว่าวันนี้มันไม่น่าบุกมาพันธมิตรอุดรลี้ลับด้วยเลย!
  ราวกับมันลืมเลือนไปหมดสิ้น
  การบุกมาเข่นฆ่าล้างบางพันธมิตรอุดรลี้ลับ เป็นมันระริกระรี้เห็นดีด้วยกว่าใคร…
  “ตะ…ใต้เท้าลี่เฟิง”
  ท่ามกลางทุกสายตาชมมอง หยวนฝู ผู้นำพันธมิตรขุนเขา ได้ประสานมือโค้งคารวะกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความนอบน้อม “เรื่องราววันนี้พวกเราเพียงมุ่งเป้าไปยังพันธมิตรอุดรลี้ลับเท่านั้น พวกเราไม่คิดตอแยท่าน”
  “หากใต้เท้าลี่เฟิงเพิกเฉยไม่ยุ่งเรื่องราวใดในวันนี้ รอให้พันธมิตรขุนเขาเรากับพันธมิตรยามสารทจัดการพันธมิตรอุดรลี้ลับแล้วเสร็จ ไม่ว่าทรัพย์สมบัติของพันธมิตรอุดรลี้ลับจะมีกี่มากน้อย พวกเราพันธมิตรร่วมยินดีมอบให้ใต้เท้าลี่เฟิงเป็นของกำนัลทั้งหมด”
  พอหยวนฝูปริปากออกมาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่มันจะถ่อมตัวนอบน้อม แต่ยังใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพันธมิตรอุดรลี้ลับมาล่อลวงต้วนหลิงเทียน
  ตัวหยวนฝูผู้นำพันธมิตรขุนเขาเอง ตอนนี้ก็บังเกิดความเสียใจนัก
  หากฟ้าเมตตาให้โอกาสมันอีกสักครั้ง ต่อให้คนของพันธมิตรเมฆยามสารทจะเอามีดมาจ่อคอหอย มันก็ไม่มีวันร่วมมือกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน!
  ล้อกันเล่นหรือไร!?
  ไม่ต้องให้เทพสงคราม 8 ดาราอีก 2 คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับช่วยด้วยซ้ำ! อาศัยชายเบื้องหน้าคนเดียวก็มากพอจะทำลายพันธมิตรขุนเขากับพันธมิตรเมฆยามสารทให้ราบเป็นหน้ากลองแล้ว!!
  พอได้ยินคำพูดของหยวนฝูผู้นำพันธมิตรขุนเขา สีหน้าสมาชิกส่วนใหญ่ของพันธมิตรอุดรลี้ลับก็เปลี่ยนไปทันที พวกมันได้แต่ลอบมองไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยความกังวล ด้วยกลัวว่าผู้คุมกฏอาวุโสคนนี้จะหวั่นไหว
  มีแต่หลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงที่พบเจอต้วนหลิงเทียนมาก่อน และใช้เวลาอยู่กับต้วนหลิงเทียนมากกว่าใครในที่นี้เท่านั้น ที่รู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนอย่างนั้น
  ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนระดับต้วนหลิงเทียนจะสนใจสมบัติของพวกมันหรือ?
  อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแสดงท่าที หลัวอี้หมิงจึงตัดสินใจก้าวออกมาหมายให้คำมั่นกับผู้คุมกฏอาวุโสพันธมิตรอุดรลี้ลับของมัน ว่าหลังจากทำลายพันธมิตรขุนเขากับพันธมิตรเมฆยามสารทแล้ว พวกมันยินดีจะยกสิ่งที่ได้ให้
  “ท่านผ…”
  ทว่าหลัวอี้หมิงพึ่งจะกล่าวออกมาได้พยางค์เดียว มันก็จำต้องปิดปากลงอีกครั้ง
  เนื่องเพราะผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันได้ลงมือแล้ว…
  พั่บบ!!
  เป็นชายเสื้อคลุมสีดำที่สะบัดกวาดออกมาดั่งเคียวมรณะ ด้านหยวนฝูที่ไม่คิดไม่ฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือ ก็ถูกตัดหัวทิ้งในพริบตา…
  จากนั้นด้วยพลังมิติไล่หลัง กลางฟ้าก็อุบัติหมอกโลหิตฟุ้งขึ้นอีกกลุ่ม พอดีกับคลื่นลมจากการลงมือ ก็ได้พัดพาหมอกโลหิตดังกล่าวไปสาดกระทบกลุ่มคนพันธมิตรเมฆามสารทและพันธมิตรขุนเขาอีกรอบ…
  “ผู้นำ!!”
  สีหน้าฉีคุนเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ฉายชัดถึงความสิ้นหวังจับใจนัก
  หากเป็นเมื่อก่อน ความตายของผู้นำพันธมิตรขุนเขาคงทำให้มันดีใจปานลิงโลด เพราะนั่นหมายความว่าต่อไปมันจะกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของพันธมิตรขุนเขานั่นเอง…แต่ตอนนี้มันจะมีก็แต่ความสิ้นหวัง หาความสุขไม่เจอ!
  เพราะการตายของหยวนฝู ก็ไม่ต่างอะไรกับเบื้องหน้าของมันคือความตายดุจเดียวกัน…
  “หนี!”
  ฉีคุน รองผู้นำพันธมิตรขุนเขา กับเถี่ยหมิงรองผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารท เร่งกลอกตาเหลือบมองกัน จากนั้นต่างคนก็ส่งเสียงผ่านพลังออกมาอยย่างพร้อมเพรียง กระทั่งปะทุพลังชั่วชีวิตแยกย้ายกันออกไปคนละทางอย่างรู้ใจ
  “รองผู้นำ!?”
  สำหรับคนที่เหลือของพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขา พอเห็นที่พึ่งสุดท้ายอย่างรองผู้นำเปิดตูดหนีไปก่อนใครแบบนี้ ก็ได้แต่ร้องออกมาเสียงหลง สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ด้วยไม่คิดเลยว่าพวกมันจะโดนทิ้งเอาดื้อๆ ร่างพวกมันยังเริ่มสั่นไหวขึ้นมาเพราะเร่งเร้าพลัง เห็นชัดว่าหมายหลบหนีไปตายเอาดาบหน้าเช่นกัน…
  อย่างไรก็ตาม
  พร้อมกับเสียงเบาๆเสนาะหูดัง “พั่บ” 2 ครั้ง พวกมันก็เห็นว่ารองผู้นำที่แยกย้ายกันหลบหนีไปนั้น ศีรษะของทั้งคู่ได้ถูกตัดขาดเหมือนปลิดแตงโดยชายเสื้อคลุมดำที่ไม่ต่างอะไรจากเคียวมรณะ ไปปรภพตามรอยผู้นำไปติดๆ…
  ไม่ทันรู้ตัว เทพสงคราม 8 ดาราทั้ง 4 คนจากพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาก็ตกตายหมดสิ้น…
  แต่ต้นจนจบ ยังพึ่งผ่านไป 10 ลมหายใจเท่านั้น
  ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวจนถึงบัดนี้ นับเวลาได้ 10 ลมหายใจเท่านั้น แต่ก็ฆ่าเทพสงคราม 8 ดาราไปแล้ว 4 คน…
  บัดนี้ พอทุกคนที่อยู่ในค่ายยพันธมิตรอุดรลี้ลับมองร่างในชุดคลุมลมดำสวมหมวกฟางกลางหาวอีกครั้ง แววตาก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัว…กระทั่งผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับอย่างหลัวอี้หมิงเองก็ไม่เว้น
  “ที่เหลือเจ้าสมควรจัดการเองได้กระมัง?”
  ต้วนหลิงเทียนที่บัดนี้ชายเสื้อคลุมดำได้พลิ้วแผ่วเบาๆแม้ไร้ลม ค่อยๆหันกลับมามองถามไปทางหลัวอี้หมิงผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับเสียงเบา
  “อาศัยปลาซิวปลาสร้อยที่เหลือ ไหนเลยต้องถึงมือผู้คุมกฏอาวุโส ข้าน้อยย่อมจัดการเองได้”
  หลัวอี้หมิงพยักหน้าตอบคำเร็วไว “ครั้งนี้ ข้าในนามพันธมิตรอุดรลี้ลับ ต้องขอขอบคุณผู้อาวุโสคุมกฏยิ่ง ที่ออกหน้าช่วยเหลือพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรา”
  “อ่า”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นร่างก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาทุกคน
  มาเร็ว ไปไวดีแท้…
  ด้านคนของพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาที่เหลือ เมื่อครู่พอเห็นรองผู้นำถูกเข่นฆ่าในพริบตา พวกมันก็ขาตายไม่กล้าขยับ…ตอนนี้พอเห็นว่าชายในชุดคลุมดำหมวกฟางที่ไม่ต่างอะไรจากเทพแห่งความตายหายตัวไปแล้ว ค่อยรวบรวมความกล้าปะทุพลังแยกย้ายกันหลบหนีอีกครั้ง
  อย่างไรก็ตาม ปราศจากเทพสงคราม 8 ดาราที่นำพวกมันมา พวกมันที่ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรแตกพ่าย คิดจะไปก็ไปกันได้ง่ายๆหรือ?
  นอกจากนั้น เหล่าคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับที่ฮึกเหิมกันมาสักพักแล้ว.. ด้วยได้รับขวัญกำลังใจอันสูงสุดจากผู้คุมกฏอาวุโส ก็ประหนึ่งเจ้าบ่าวเห็นเจ้าสาวในผ้าน้อยชิ้นนอนทอดกายเย้ายวนบนเตียง ยังจะระงับความพุ่งพล่านได้อย่างไรไหว! แต่ละคนแข่งกันพุ่งกระโจนเข่นฆ่าเข้าใส่คนของ 2 พันธมิตรที่แยกย้ายกันหลบหนีด้วยสภาวะเหี้ยมหาญปานพยัคฆ์ลงภู!!
  …
  “สินสงครามที่พวกเราได้มาทั้งหมดวันนี้ ข้าตั้งใจจะมอบให้ผู้คุมกฏอาวุโส…ผู้ใดมีความเห็นเป็นอื่นบ้าง?”
  หลังผ่านไปสักพักเมื่อเข่นฆ่าจบวิกฤตครั้งนี้ได้แล้ว หลัวอี้หมิงผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับที่ลอยร่างกลางหาว ก็หันไปกวาดตามองรอบๆพลางถามเสียงขรึม
  ถึงแม้มันจะรู้สึกว่าผู้คุมกฏอาวุโสไม่น่าจะต้องการของพวกนี้
  อย่างไรก็ตาม มีบางเรื่องที่ถึงท่านจะรู้ว่าอีกฝ่ายดูแคลนไม่สนใจ ท่านก็ไม่อาจไม่กระทำ…
  ยังคงต้องนำไปมอบส่งให้ผู้อื่นเขาก่อน แม้รู้ว่าจะถูกปฏิเสธก็ตาม!
  เพราะถ้าไม่เอาไปส่งมอบให้ มันก็ถือเป็นอีกเรื่องทันที
  ยังเป็น 2 เรื่องที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง!
  “ข้าไม่คัดค้าน”
  หลัวเฟิงเป็นผู้นำในการส่ายหัวตอบ
  “พวกเราก็ไม่!”
  “ท่านผู้นำ วันนี้หากไม่มีผู้คุมกฏอาวุโส ชะตากรรมของพวกเราในวันนี้ก็มีแต่นอนตัวเย็นใต้ธารน้ำแข็งอันมืดมิด…สินสงครามที่พวกเราได้มา สมควรนำไปมอบให้ท่านผู้คุมกฏอาวุโสดีแล้ว”
  …
  คำพูดของหลัวอี้หมิง ไม่มีใครในพันธมิตรอุดรลี้ลับมีความเห็นเป็นอื่น และทั้งหมดยังรู้สึกว่ามันสมควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
  และในเวลาเดียวกันคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความฮึกเหิมคึกคักนัก เพราะเหล่าคนของพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขาที่บุกมาวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นกระดูกสันหลังของกองกำลังทั้งสอง!
  สำหรับสมาชิกที่เหลือของพันธมิตรเมฆยามสารทกับพันธมิตรขุนเขา ต่อให้พวกมันไม่บุกไปเข่นฆ่า น่ากลัวว่าทันทีที่ได้รับทราบข่าวจากที่นี่ ก็คงต้องเร่งรุดหลบหนีกันดั่งผึ้งแตกรัง!
  เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า…จากนี้ต่อไปในเขต 2 ของภาคเหนือ พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันจะเป็นจ้าวผู้ครอบครองเพียงหนึ่งเดียว!
  “ข้าไม่คิดเลยว่าในพันธมิตรอุดรลี้ลับเราจะมีตัวตนเยี่ยงผู้คุมกฏอาวุโสอยู่…พินิจจากพลังฝีมือของผู้คุมกฏอาวุโสแล้ว เผยให้รู้ว่าท่านสมควรเป็นเทพสงคราม 8 ชนชั้นยอดฝีมือแน่นอน!”
  สมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับบางคนได้แต่กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
  “เทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ? ข้าว่ามิน่าจะใช่แค่เทพสงคราม 8 ชนชั้นยอดฝีมือธรรมดาๆหรอก…เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็คงยากจะพลิกสถานการณ์ดั่งใช้หนึ่งมือบังฟ้าเช่นนี้ได้…สุดท้ายแล้วจะผู้นำพันธมิตรเมฆยามสารทหรือพันธมิตรขุนเขา ก็ใกล้เคียงกับพวกเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ!”
  “มิผิด ข้าว่าต่อให้เป็นในบรรดายอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา ผู้คุมกฏอาวุโสเราก็ร้ายกาจเป็นอันดับต้นๆแน่นอน…เผลอๆอาจจะเทียบได้กับหวู่หลงผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียนที่ตกตายไป หรือไม่ก็รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์อย่างต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่กำลังโด่งดังผู้นั้น”
  “ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น”
  …
  ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเลยว่าการลงมืออันน่าเกรงขามของเขาวันนี้ จะทำให้ท่าทีของพันธมิตรอุดรลี้ลับที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
  วันนี้เขาได้ถูกปลุกขึ้นมาจากภวังค์บ่มเพาะ
  เป็นหลัวอี้หมิงผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับที่ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือจากเขา หมายให้เขาออกไปลงมือคลี่คลายวิกฤตหายนะ
  ท้ายที่สุดแล้ว หากเขาไม่ออกหน้าลงมือ พันธมิตรอุดรลี้ลับไม่พ้นโดนทำลายสิ้น จากนั้นเขาก็จะถูกทิ้งให้เหลืออยู่เพียงลำพัง…ต้องลำบากลำบนไปหากองกำลังอื่นเพื่อเข้าร่วมอีก
  นี่เป็นอะไรที่เขาไม่อยากเจอ
  แน่นอนว่าต่อให้เขาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องดังกล่าว แต่เขาก็เคยรับปากหลัวอี้หมิงเอาไว้แล้วในกาลก่อน เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจไม่ออกหน้า
  เขาก็เลยออกหน้าลงมือ
  หลังลงมือเสร็จก็กลับมาบ่มเพาะพลังต่อ…
  และในปัจจุบัน ด้วยความที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขา ได้แตะธรณีประตูของการเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว ทำให้เขารู้สึกว่าอีกไม่นานพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขาต้องเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพได้แน่!
  ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราทันที สามารถท่องไปทั่วสมรภูมิ 9 ยมโลกได้ตามอำเภอใจ
  ตราบใดที่จี้หยิ่ง ผู้นำของพันธมิตรฟ่านเทียนกับมือดีของวิหารเฟิงฮ่าวมา เขาก็ไม่ต้องกลัว!
  ‘ปกติพลังวิญญาณฟ้าดินจากซากปรักหักพังของระนาบเทพ ก็เป็นอะไรที่เหล่าเทพใช้ฝึกฝนบ่มเพาะ…ด้วยการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินที่มีคุณภาพสูงล้ำแบบนี้แต่แรก ความเร็วในการเปลี่ยนเป็นพลังเทพก็นับว่าสูงนัก ไม่ทันไรพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าก็เริ่มส่อสัญญาณว่าจะเปลี่ยนแปลงแล้ว’
  ‘ช่างน่าทึ่งจริงๆ…’
  เมื่อเห็นอรุณรุ่งแห่งการเปลี่ยนแปลงของพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจตีเหล็กตอนร้อน เร่งโคจรดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน และควบรวมขัดเกลาพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างให้เริ่มกลายเป็นพลังเทพทันที
  และนี่เป็นขั้นตอนสำคัญอย่างยิ่งก่อนบรรลุถึงขอบเขตเทพ
  เมื่อขั้นตอนนี้แล้วเสร็จ เขาก็จะกลายเป็นตัวตน ครึ่งก้าวเทพ!