“ข้าหวังว่าหมี่ซวนเจ้าคงไม่จนตรอกถึงขั้นต้องทำลายผนึกตัวเองก็พอ…เพราะหากเจ้าโดนสมรภูมิ 9 ยมโลกกำจัด ข้าคงไม่มีโอกาสได้ฆ่าเจ้ากับมือ”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวประโยคนี้จบคำ หมี่ซวนก็ถึงกับผงะไปเล็กน้อยเพราะคาดไม่ถึง
แม้แต่คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับเองก็อึ้งไปจนพูดไม่ออก
“ท่านผู้คุมกฏอาวุโสมั่นใจถึงเพียงนี้…หรือว่าท่านจะทะลวงถึงเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว?!”
หลัวอี้หมิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำออกมาด้วยความแตกตื่น เพราะหากผู้คุมกฏอาวุโสของมันเป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ นั่นไม่ได้หมายความว่าตอนนี้อีกฝ่ายยังมีอายุไม่ถึง 700 ปีหรือไร? เช่นนั้นก็หมายความว่าคนอายุไม่ถึง 700 ปีบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา?
เรื่องนี้จะให้พูดอย่างไร?
หมายความว่ามีโอกาสสูงที่จะบรรลุถึงขอบเขตเทพทั้งๆที่ยังอายุไม่ถึงพันปี!
การบรรลุถึงขอบเขตเทพก่อนที่จะมีอายุพันปี หากเป็นอัจฉริยะบนระนาบเทพที่มีทรัพยากรบ่มเพาะก็คงไม่ยากอะไร และน่าจะมีคนประสบความสำเร็จดังกล่าวมากมายเกินจะนับ
อย่างไรก็ตาม ในระนาบเทวโลก มันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครทำอะไรแบบนั้นได้!
และฟังจากข่าวที่มันได้ยินมา ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ก็เป็นคนที่ขึ้นสวรรค์มาจากระนาบโลกียะ!!
ในบรรดาผู้ที่ขึ้นสวรรค์มา มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ว่าจะมีใครบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 6 ดาราได้ก่อนมีอายุครบพัน นับประสาอะไรกับการบรรลุถึงขอบเขตเทพ!
“เทพสงคราม 9 ดารา!?”
ด้านสมาชิกคนอื่นๆของพันธมิตรอุดรลี้ลับ พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อนนัก!
หากก่อนหน้าพวกมันตกใจเรื่องที่ผู้คุมกฏอาวุโสของพวกมันที่แท้เป็นรองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียน ที่กำลังโด่งดังแล้วล่ะก็ มาตอนนี้พวกมันก็ตกตะลึงเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราทั้งๆที่อายุไม่ถึง 700 ปี!
“ผู้คุมกฏอาวุโส…บรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราแล้วจริงๆ!?”
“ให้ตายเถอะ! ครั้งสุดท้ายที่ผู้คุมกฏอาวุโสลงมือสังหารเทพสงคราม 8 ดาราทั้ง 4 ในพริบตา ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าใกล้จะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราเต็มที…แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าวันนั้นมันจะมาถึงเร็วเยี่ยงนี้!!”
“แต่น่าเสียดายนัก…เมื่อความจริงเปิดเผยแล้วแบบนี้ ผู้คุมกฏอาวุโสไม่แคล้วต้องออกจากพันธมิตรอุดรลี้ลับเราแน่”
“จริง ในเมื่อตัวตนที่แท้จริงของผู้คุมกฏอาวุโสเปิดเผย เรื่องจะรั้งอยู่ในพันธมิตรอุดรลี้ลับเราคงเป็นไปไม่ได้…อีกทั้งข้าเกรงว่าแม้แต่พันธมิตรอุดรลี้ลับเรา ก็ต้องเผชิญกับภัยพิบัติถึงขั้นต้องยุบกองกำลังหนี”
“ยุบกองกำลัง? จะไปยุบทำไมเล่า?”
“เจ้ายังจะถามอีกหรือว่ายุบทำไม? เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าตอนนี้ผู้นำของพันธมิตรฟ่านเทียนกำลังตามล่าตัวผู้คุมกฏอาวุโสเราเรื่องฆ่าหวู่หลงอยู่…”
“เอ่อ…จะว่าไปมันก็ใช่ แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆ พันธมิตรฟ่านเทียนอาจเอาโทสะไปลงที่พันธมิตรสวรรค์ได้…แต่พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราไม่เหมือนกันมิใช่หรือ เพราะอย่างน้อยๆพวกเราก็ไม่รู้ว่าผู้คุมกฏอาวุโสก็คือต้วนหลิงเทียนแต่แรก มาลงมือกับพวกเรามันจะไม่มีเหตุผลไปหน่อยหรือไร?”
“แล้วเจ้าคิดว่าพันธมิตรฟ่านเทียน กับกองกำลังอื่นๆที่สนับสนุนพันธมิตรฟ่านเทียน จะใช้เหตุผลกับเจ้าหรือไม่เล่า?”
…
ฟังจากเสียงกระซิบกระซาบของสมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับ เห็นได้ชัดว่าหลายต่อหลายคนเริ่มตระหนักถึงวิกฤตการณ์แล้ว…
ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนยังสังหรณ์ว่า เวลาที่พันธมิตรอุดรลี้ลับจะต้องยุบตัวมันอยู่อีกไม่ไกล
“เจ้าบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว?”
พอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดทำนองบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว ต่อให้เป็นหมี่ซวนก็เผลอชักสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที ต่อให้มันจะพยายามสงบอารมณ์ทำสีหน้าให้เป็นปกติเร็วแค่ไหน แต่ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ชัดเจน
“ต้วนหลิงเทียน ต่อให้เจ้าบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราแล้วอย่างไร…เจ้ามันก็แค่เทพสงคราม 9 ดาราหน้าใหม่เท่านั้น! คิดจะอาศัยข้าหมี่ซวนเป็นหินลับมีด? ฝันละเมอของตัวโง่งม!!”
หมี่ซวนกล่าวปรามาสออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะยังไม่อาจสำแดงพลังของกฏที่ข้าเคยเข้าใจได้เต็มที่…แต่คิดจะจัดการเจ้า นั่นเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก!”
พอกล่าวจบคำ หมี่ซวนก็ลงมือจู่โจมทันที!
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
ท่ามกลางอากาศว่างเปล่า อยู่ดีๆก็อุบัติรอยแยกมิติขึ้น 9 รอย จากนั้นคมมีดมิติสีเทา 9 สายก็พุ่งออกจากรอยแยกเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วปานเงาเลือน!
4 กฏสูงสุดนั้น นอกจากกฏแห่งความตายแล้ว หมี่ซวนยังเข้าใจกฏมิติเช่นกัน!
เป็นธรรมดาว่าในอดีต หมี่ซวนทำได้แค่ผสานพลังวิญญาณเข้ากับกฏมิติเพื่อใช้พลังของกฏมิติเท่านั้น แต่บัดนี้มันได้ใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกับพลังเทพขับเคลื่อน!..
เทพสงคราม 9 ดารา หรือครึ่งก้าวเทพ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดได้เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพไปแล้วบางส่วน พอมาใช้กฏมิติแบบนี้ นอกจากรอยแยกทั้ง 9 ตามปกติแล้ว ยามคมมีดมิติทั้ง 9 สายพุ่งเข่นฆ่าออกมา ความว่างเปล่าตามรายทางก็ถูกกรีดผ่าจนปริฉีกเช่นกัน!
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!
…
คมมีดมิติทั้ง 9 สายเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะพลังอันน่ากลัวนัก!
“เทพสงคราม 9 ดาราผู้นั้น มันก็เก่งกฏมิติเหมือนกันหรือ!?”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าย่อมทำให้คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับอดประหลาดใจไม่ได้ ผู้คุมกฏอาวุโสของพวกมันอย่างต้วนหลิงเทียนเข้าใจกฏมิตินั้น พวกมันรู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าศัตรูของผู้คุมกฏอาวุโสมันที่แท้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ 1 ใน 4 กฏสูงสุดอย่างกฏมิติด้วยอีกคน!
ที่สำคัญคู่ต่อสู้ดังกล่าวยังเป็นเทพสงคราม 9 ดารา!
“ถอยเร็ว!!”
เมื่อคมมีดมิติ 9 สายปรากฏขึ้น และแหวกฟ้ากรีดความสว่างจนแตกเป็นทาง คลื่นพลังอันน่ากลัวก็กำจายออกมาสะท้านสะเทือนไปในบรรรยากาศ หลัวอี้หมิงแม้จะเร่งสั่งให้คนของมันล่าถอยแล้ว แต่บางคนที่ล่าถอยไม่ทันและพลังอ่อนด้อยก็ได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง
เรียกว่าพริบตาเดียว คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับหลายคนตกอยู่ในความโกลาหลไม่น้อย มีเพียงหลัวอี้หมิงกับหลัวเฟิงผู้นำและรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับเท่านั้น ที่เร่งเร้าพลังต้านทานคลื่นกระแทก ไม่ได้ล่าถอยเหมือนคนอื่นๆ
“กฏมิติ?”
เผชิญหน้ากับคมมีดมิติทั้ง 9 ที่หมี่ซวนเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่ ต้วนหลิงเทียนพลันคลี่ยิ้มเฉยเมยบางๆ “พอดีเลย ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ากฏมิติของข้าตอนนี้ เมื่อขับเคลื่อนด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกับพลังเทพที่พึ่งก่อเกิดแล้วบางส่วน มันจะมีอานุภาพขนาดไหน…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างไร แต่เหนือศีรษะเขาพลันปรากฏรอยแยกมิติ 9 รอย จากนั้นคมมีดมิติทั้ง 9 ก็พุ่งออกมาจากรอยแยกดังกล่าวทันที!
คมมีดมิติ 9 สายพุ่งไปปะทะเข้ากับคมมีดมิติ 9 สาย!
การเปิดฉากจู่โจมครั้งแรก ทั้งคู่ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งแต่อย่างใด อาศัยการใช้ความลึกซึ้งผ่ามิติหยั่งเชิงกันเท่านั้น และเมื่อคมมีดมิติทั้ง 9 สายของทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศ มันก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนอะไรเลย พากันสลายหายไปในอากาศอย่างเงียบงัน ราวกับหักล้างกันไปเอง!
และนี่ก็เป็นคุณสมบัติหนึ่งของกฏมิติด้วย
เมื่อพลังอำนาจจากกฏมิติ 2 ขุมต้องมาปะทะกัน หากผู้ใช้กฏมิติมีพลังเท่าๆกัน พวกมันก็จะสลายหายไปอย่างเงียบงัน
‘ร่างกายของถังซานเป่าเองก็บ่มเพาะพลังมาจนถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้วงั้นเหรอ?’
หลังการลงมือหยั่งเชิงครั้งแรก ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่า ร่าง ถังซานเป่า ที่ตอนนี้ถูกหมี่ซวนช่วงชิงไปแล้วนั้นได้บ่มเพาะพลังจนบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศเรียบร้อย พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดยังเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วเหมือนกัน
“ต้วนหลิงเทียน ข้าอยากจะรู้นัก ว่าตอนนี้เจ้ามันจะแน่สักแค่ไหน!”
หลังการโจมตีระลอกแรกถูกหักล้าง หมี่ซวนก็แสยะยิ้มเย็นชา ร่างมันวูบไปปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนในฉับพลัน จากนั้นก็ตบฝ่ามือหนึ่งออกไป!
ปงงง!!
ครืนนนน!!
…
ทันใดนั้นพายุมิติอันน่าสะพรึงกลัวก็โถมกระหน่ำเข้าใส่จุดที่ต้วนหลิงเทียนลอยร่างอยู่ ความว่างเปล่าจุดนั้นกลายเป็นวิปริตแปรปรวน ราวกับจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ!
และร่างต้วนหลิงเทียนที่โดนพายุมิติถล่มเองก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ!
แต่พอดูให้ดี ร่างที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆดังกล่าว กลับเป็นแค่ภาพติดตาของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!
เพราะในเวลาเดียวกันกับที่หมี่ซวนเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาปรากฏตัว และตบฟาดฝ่ามืออันน่ากลัวใส่ต้วนหลิงเทียนนั้น ด้านต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ วูบไปปรากฏตัวยยังอากาศว่างเปล่าเหนือศีรษะหมี่ซวน ยังลงมือจู่โจมออกมาอย่างดุดัน ปราณกระบี่นับพันที่ควบสร้างจากพลังมิติเข่นฆ่าลงมาด้วยความเร็วอัศจรรย์!
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!
…
ห่าพิรุณกระบี่ร่วงฟ้าลงมาด้วยสภาวะแหลมคมน่ากลัว ยังรวดเร็วเสียจนเสมือนเงาเลือน เห็นอีกทีก็อยู่ห่างจากศีรษะหมี่ซวนไม่ไกลแล้ว!!
การจู่โจมออกครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่ใช้พลังมิติเท่านั้น แต่ยังใช้มรรคากระบี่มิติที่เข้าใจอีกด้วย
และหมี่ซวนที่พึ่งเคลื่อนย้ายข้ามมิติมา หากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติอีกครั้งก็เห็นได้ชัดว่าไม่ทันกาล!
“มรรคากระบี่มิติ? ร้ายกาจจริงๆ!”
เสียงหมี่ซวนดังขึ้น และน้ำเสียงฟังแล้วไม่คล้ายแปลกใจกับการลงมือของต้วนหลิงเทียน พริบตาดุจละอองไฟวาบดับ มันก็ชูสองมือขึ้นเหนือศีรษะ ปลดปล่อยพลังมิติอันคุ้มคลั่งออกไปหมายต้านทานกระบี่มิติของต้วนหลิงเทียน!
การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติหลาประการถูกใช้ออกเร็วรี่ ปรากฏกำแพงมิติสีมืด ปิดฟ้าบังตะวันกางกั้นเหนือศีรษะ ราวกับจะขีดเส้นแบ่งฟ้าดิน!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ห่าพิรุณกระบี่นับร้อยพันถล่มเข้าใส่ปราการมิติดังกล่าวอย่างดุร้าย! เสียงพลังระเบิดดั่งขึ้นสนั่นหวั่นไหว คลื่นพลังสะท้อนยังก่อเกิดเป็นคลื่นกระแทกมหาประลัย กวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศระลอกแล้วระลอกเล่า!!
ปราณกระบี่มากมายยังถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่มีวันหมดสิ้น!
และปราการมิติที่หมี่ซวนเร่งเร้าพลังทั้งหมดก่อสร้าง ก็เริ่มอ่อนจางลงทุกขณะ เห็นได้ชัดว่ายากจะต้านทานรับกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนได้นาน!
‘บัดซบ!’
สีหน้าหมี่ซวนเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยวทันที ‘เพราะข้ายังไม่อาจใช้งานร่างนี้ได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนตอนเป็นร่างวิญญาณ ก็เลยไม่อาจสำแดงพลังของกฏมิติที่เคยเข้าใจได้เต็มที่…หาไม่แล้วต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะใช้มรรคากระบี่มิติ มันก็ไม่ใช่คู่มือข้าแน่นอน!’
‘ตอนนี้พลังกฏมิติที่ข้าใช้ออกได้ อานุภาพยังไม่ถึงครึ่งจากที่ข้าเคยใช้ได้ในอดีตด้วยซ้ำ…ทำให้พลังอานุภาพก็แค่พอๆกับพลังของกฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจเท่านั้น’
‘แต่พอมันใช้พลังของมรรคากระบี่มิติ ทำให้ไม่ว่าจะพลังหรือความเร็ว มันก็สะกดข่มข้าทุกทาง!’
‘ตอนนี้หากคิดจะสยบมัน เห็นทีก็มีแต่ต้องพึ่งพลังวิญญาณเท่านั้น’
หลังครุ่นคิดถึงจุดนี้ ก็ปรากฏหอกยาว 7 ฉื่อจากความว่างเปล่าเข้ามือหมี่ซวน ตัวหอกยังเริ่มสั่นไหว ก่อนจะเปล่งแสงพลังเรืองรองขึ้นมา หนุนเสริมพลังอำนาจของปราการมิติเหนือศีรษะ จนยากที่ห่าพิรุณกระบี่ของต้วนหลิงเทียนจะทำลายได้สืบไป!
แสงพลังที่เรืองรองออกมาทั่วหอกยาว 7 ฉื่อในมือหมี่ซวน ยังเป็นสีเลือดแดงฉาน แลดูน่ากลัวอย่างไรชอบกล
จะอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อมันอยู่ในมือหมี่ซวนและปลดปล่อยอานุภาพหนุนเสริมพลังให้ผู้ใช้ เช่นนั้นปราการมิติของมันก็ทรงพลังขึ้นกว่าเดิมมาก จนสามารถป้องกันกระบวนท่าต้วนหลิงเทียนได้หมดจด ไม่แลดูอ่อนจางใกล้จะพังทลายเหมือนก่อนหน้า
“อุปกรณ์เทพ?”
ตั้งแต่ที่หอก 7 ฉื่อปรากฏขึ้นในมือหมี่ซวน ต้วนหลิงเทียนที่มองไปปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอุปกรณ์เทพ
และเขาไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องที่หมี่ซวนจะมีอุปกรณ์เทพไว้ในครอบครอง
“เจ้าคิดว่าเจ้ามีอุปกรณ์เทพคนเดียว?”
มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มพลางถามประชด ทันใดนั้นฝ่ามือเขาพลันปรากฏแสงพลัง 7 ส่องสว่างออกมาเจิดจ้า ก่อนจะควบรวมเป็นกระบี่ 7 สีที่ใสปานผลึกแก้วออกมาเล่มหนึ่ง ไม่ใช่ใดอื่น เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน อุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด!
และทันทีที่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนปรากฏขึ้นมา มันก็เปล่งแสง 7 สีสว่างจ้า พาลให้ห่าพิรุณกระบี่ที่กำลังถล่มเข้าใส่ปราการมิติของหมี่ซวนอยู่นั้น มีพลังอานุภาพเพิ่มพูนขึ้นในฉับพลัน! และคราวนี้ไม่เพียงแต่ปราการมิติของหมี่ซวนจะต้านทานได้ง่ายๆเหมือนเคย แต่ยังเริ่มอ่อนแสงจางลงด้วยความเร็ว! ส่อแววว่าจะพังทลายลงเร็วกว่าก่อนหน้าหลายเท่าตัว!!
แต่ฉากเรื่องราวดังกล่าวไม่ได้ทำให้สีหน้าหมี่ซวนเปลี่ยนไปแต่อย่างใด ราวกับมันคาดคิดไว้แต่แรกว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้
เพราะแทบจะพร้อมๆกันกับที่ห่าพิรุณกระบี่ของต้วนหลิงเทียนทรงพลังขึ้น ร่างหมี่ซวนก็ได้อันตรธานหายไปจากจุดเดิมในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็ลอยร่างห่างจากต้วนหลิงเทียนไม่ไกล สองตาเย็นชาของมันมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง
“ต้วนหลิงเทียน ได้เวลาจบเรื่องแล้ว”
ตอนนี้หมี่ซวนไม่มีความคิดจะไว้ชีวิตต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป มันเตรียมจะใช้การโจมตีทางวิญญาณที่มันถนัดที่สุด เพื่อบดขยี้ทำลายวิญญาณของต้วนหลิงเทียนให้สิ้นซาก! ฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายเพื่อจบเรื่องราว!!
เพราะในสถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่อาจจับตัวต้วนหลิงเทียนทั้งเป็นได้อีกต่อไป!
ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนอยู่เหนือความคาดหมายของมันมาก
หากมันรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้แข็งแกร่งขึ้นถึงขนาดนี้ ให้มันถือดีแค่ไหน มันก็ไม่มีทางมาที่นี่คนเดียวแน่
เพราะก่อนที่มันจะมา มันหลงคิดว่าต้วนหลิงเทียนยังคงเป็นแค่ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราระดับต้นๆเท่านั้น