ตอนที่ 3577 เทพสงคราม 9 ดารา ‘ฉูเตาเค่อ’

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ในพันธมิตรฟ่านเทียน แทบไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนมาหาที่ตาย
  ล้อกันเล่นหรือไร!?
  หากพลังฝีมือไม่สูงพอ ต้วนหลิงเทียนจะมาเยือนถึงหน้าประตูทำอะไร?
  เหนือฟ้าหน้าประตูค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างกอดอกกลางหาวนั้น สีหน้าท่าทีแลดูสงบ ไร้ซึ่งความยินดียินร้ายใดๆ
  หลังผ่านไปสักพัก ก็ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งของพันธมิตรฟ่านเทียนเหินร่างออกมาจากในค่าย ก่อนจะหยุดลงน่านฟ้าเหนือประตูค่าย ขณะเดียวกันก็มีผู้คนเหินร่างมาจากทุกทั่วสารทิศและหยุดชมดูเรื่องราวอยู่ห่างๆ
  “เจ้านั่นน่ะหรือต้วนหลิงเทียน?”
  “ถึงแม้หน้าตาจะแลดูเยาว์วัยก็เถอะ…แต่มันอายุไม่ถึง 700 ปีจริงๆหรือ? ข้าไม่กล้าตรวจสอบมัน…”
  “ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจากหลายฝ่ายแล้ว เจ้าคิดว่ายังจะแปลกปลอมได้อีกไหมเล่า?”
  …
  สำหรับทุกคนที่มารวมตัวกัน ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด
  ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน!
  ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งล่าสุดที่พึ่งจบไปไม่นานนัก ต้วนหลิงเทียนก็ได้เผยพลังระดับเทพสงคราม 7 ดาราออกมา
  และไม่นานมานี้ ต้วนหลิงเทียนก็มาปรากฏตัวในสมรภูมิ 9 ยมโลก แถมยังลงมือเข่นฆ่าผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียน หวู่หลง ผู้ที่เคยได้ชื่อว่าอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราได้อีก!
  จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราในสมรภูมิ 9 ยมโลกแทนหวู่หลง
  ต่อมาพันธมิตรฟ่านเทียนก็ได้ออกตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนกันจ้าละหวั่น แต่คนกลับหายเข้ากลีบเมฆไปเลย จนวันนี้ต้วนหลิงเทียนกลับเป็นฝ่ายบุกมาถึงหน้าประตูพันธมิตรฟ่านเทียนด้วยตัวเอง!
  “ดูเหมือนศิษย์เอกของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียนผู้นั้น จะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราแล้วจริงๆ”
  เหล่าผู้คนจากทุกสารทิศที่มาจากละแวกใกล้เคียง เร่งรุดส่งข้อความถึงสหายและคนรู้จักเป็นการด่วน
  ผู้ที่มาถึงก่อนไม่เพียงแต่จะอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น แต่ทั้งหมดเป็นคนที่มีสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรฟ่านเทียนทั้งสิ้น พวกมันที่ได้รับข่าวจากคนของพันธมิตรฟ่านเทียน พอยืนยันได้แล้วว่าเป็นเรื่องราวใด ก็เร่งุรดส่งข้อความบอกต่อสหายและคนรู้จักที่ไม่ได้อยู่ในละแวกใกล้เคียงให้เร่งรุดมาชมดูเรื่องราวสนุกสนานทันที
  “การมาของต้วนหลิงเทียนวันนี้ มันร้ายมากกว่าดีแน่นอน…เพียงแต่ข้าไม่ทราบว่าพลังฝีมือของมันจะสูงพอทำอะไรพันธมิตรฟ่านเทียนได้หรือไม่…”
  “ผู้คนทยอยกันมารอชมดูเรื่องราวกันใหญ่…ไม่ทราบว่าเหล่าเทพสงคราม 9 ดาราในภาคกลางจะมาร่วมสนุกด้วยหรือไม่?”
  “ข้าคิดว่าหากพวกมันว่าง ย่อมไม่พลาดชมดูอะไรดีๆเช่นนี้หรอก”
  …
  กลุ่มคนที่มาหยุดร่างกลางหาวชมมองต้วนหลิงเทียนจากไกลๆ ซุบซิบคุยกันอย่างคึกคัก
  ยิ่งมาจำนวนผู้ที่มาถึงก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
  “นั่น ฉินเจิ้งอี้ ทูตซ้ายของพันธมิตรฟ้าเอกอุมิใช่รึ มันก็มาด้วย!”
  เมื่อชายชราในชุดคลุมสีเทาผู้หนึ่งมาถึง ก็มีเสียงผู้คนฮือฮากันไม่น้อย
  พันธมิตรฟ้าเอกอุ ก็เป็นกองกำลังชั้นนำในภาคกลาง และพลังรบของพันธมิตรฟ้าเอกอุก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพันธมิตรฟ่านเทียนเลย
  หากจะบอกว่าในเขต 2 ของภาคกลาง พันธมิตรฟ่านเทียนเป็นอันดับ 1 แล้วล่ะก็…
  เช่นนั้นในเขต 3 ของภาคกลาง พันธมิตรฟ้าเอกอุก็เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด!
  ผู้นำพันธมิตรฟ้าเอกอุเองก็เป็นตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราเช่นกัน!
  ฉินเจิ้งอี้ ทูตซ้ายของพันธมิตรฟ้าเอกอุ เป็นเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือคนหนึ่ง และมันยังโลดแล่นอยู่ในภาคกลางของสมรภูมิ 9 ยมโลกมานานแล้ว จึงเป็นคนที่มีชื่อเสียงพอตัวเลยทีเดียว
  “ทูตซ้ายฉิน ท่านก็มาร่วมชมด้วยหรือ!”
  “ทูตซ้ายฉิน วันนี้จะอย่างไรก็ต้องมีการปะทะกันแน่ แล้วท่านคิดว่าระหว่างจี้หยิ่งผู้นำพันธมิตรฟ่านเทียนกับต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ผู้ใดจะอยู่ผู้ใดจะไปเล่า?”
  หลายคนที่รู้จักมักคุ้นกับฉินเจิ้งอี้ก็เร่งเหินร่างเข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร พวกมันแต่ละคนแลดูคึกคักนัก อยากรู้ความเห็นของฉินเจิ้งอี้ สำหรับการต่อสู้ที่น่าจะปะทุขึ้นหลังจากนี้ไม่น้อย
  “เรื่องนี้ข้าก็พูดยาก พี่น้องทั้งหลายรอดูชมดีกว่า”
  ฉินเจิ้งอี้คลี่ยิ้มตอบ
  หลังจากที่ฉินเจิ้งอี้มาถึง เหล่าผู้ที่มีชื่อเสียงพอสมควรในภาคกลางคนอื่นๆก็เริ่มปรากฏตัวเช่นกัน และเมื่อเหล่าเทพสงคราม 8 ดาราที่มีชื่อเสียงพอๆกับฉินเจิ้งอี้ทยอยกันมาถึง พวกมันก็ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่ต่าง
  แน่นอนว่าผู้ที่สามารถมาถึงได้ทันเวลา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้รับทราบข่าวและอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ทั้งสิ้น และเป็นธรรมดาว่ายังมีอีกหลายคนที่กำลังเร่งรุดเดินทางมา เพราะอยู่ไกลจากที่นี่
  สำหรับผู้ที่อยู่ห่างไกลมากเกินไป ก็เลือกที่จะยอมแพ้เรื่องมาชมดูด้วยตัวเอง เพียงรอฟังข่าวเรื่องราวจากสหายกันหมด
  เรื่องวันนี้จะจบลงอย่างไร ก็มีหลาย..คนให้ความสนใจไม่น้อย
  ด้านหนึ่งเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ต้วนหลิงเทียน
  ส่วนอีกด้านก็คือ จี้หยิ่ง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน
  “ในเมื่อต้วนหลิงเทียนกล้าบุกมาถึงหน้าประตูพันธมิตรฟ่านเทียน…หมายความว่าต้วนหลิงเทียนต้องมั่นใจมากแน่ๆ เช่นนั้นข้าว่าการต่อสู้วันนี้ จี้หยิ่ง มีโอกาสแพ้สูง!”
  หลายคนเริ่มคิดไปทำนองดังกล่าว
  “โอย นี่ก็นานแล้ว…ยังไม่ออกมากันอีกหรือ?”
  พอมีคนมารอดูชมเรื่องราวมากขึ้นเรื่อยๆ และเห็นว่าคนของพันธมิตรฟ่านเทียนเองก็ออกมาออกันเหนือฟ้าหน้าประตูค่ายหนาตา แต่จี้หยิ่งผู้นำพันธมิตรฟ่านเทียนกลับไม่ออกมาเสียที หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นกันด้วยความสงสัยอยู่บ้าง “อย่าได้บอกเชียว ว่าจี้หยิ่งมันกลัวต้วนหลิงเทียนก็เลยไม่กล้าออกมา?”
  “หากมันไม่กล้าออกมาสู้หน้าต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแต่มันกับพันธมิตรฟ่านเทียนจะต้องอับอายขายหน้า กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนเองก็ตองพลอยเสียชื่อไปด้วย!”
  “ผู้ใดจะไปรู้เล่า เรื่องนี้มันก็ไม่แน่นักหรอก”
  …
  หลังเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วแต่จี้หยิ่งยังไม่ปรากฏตัวเสียที เสียงบ่นด้วยความไม่พอใจของผู้คนก็เริ่มดังขึ้นระงม
  “ดูเหมือนว่าข้าจะมาทันเวลา…”
  ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากฟ้าไกล ดึงดูดความสนใจของทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียน
  จากนั้นท่ามกลางสายตาสนใจของทุกคน ก็ปรากฏร่างชายชราในชุดคลุมสีฟ้าหลวมๆ ย่ำฟ้ามาเหนือเมฆ ใบหน้าแลดูหนักแน่น หว่างคิ้วปรากฏปานรูปเพชรสีเลือดเด่นหรา ในมือถือดาบพร้อมฝักเล่มหนึ่ง
  ด้วยเส้นผมยาวสีดอกเลาของมันกำลังปลิวไสวหยอกเย้าสายลม จึงชวนให้แลดูสง่างามไม่มอซอ
  “นั่น…หรือว่า…จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ!”
  เมื่อผู้มาใหม่ปรากฏตัวให้เห็นชัดๆ หลายคนก็หยีตาย่นคิ้วเป็นปม ด้วยพยายามนึกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และไม่นานนักก็มีคนที่รู้จักชายชราผู้นี้โพล่งออกมาเสียงดังให้ทุกคนรับทราบตัวตนของมัน!
  “ฉูเตาเค่อ? จอมดาบเดียวดายผู้นั้นรึ?!”
  จากนั้นหลายๆคนก็เริ่มมองชายชราด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
  ฉูเตาเค่อ ไม่ได้เข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรใดๆ
  และไม่มีใครทราบว่าอีกฝ่ายมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ เพียงแต่รู้กันว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ อีกฝ่ายเป็นดั่งหมาป่าเดียวดาย หนึ่งคนหนึ่งดาบท่องไปทั่วภาคกลางเพียงลำพัง
  และที่ไฉนฉูเตาเค่อถึงมีชื่อเสียงเลื่องลือในภาคกลางนัก ก็เพราะว่ามันเป็นถึงเทพสงคราม 9 ดาราคนหนึ่ง!
  “ผู้น้อยขอคารวะอาวุโสฉูเตาเค่อ!”
  ในขณะที่หลายๆคนกำลังตกตะลึงทั้งสงสัยในตัวตนของชายชรา ฉินเจิ้งอี้ ทูตซ้ายของพันธมิตรฟ้าเอกอุ ก็เร่งรุดเหินร่างไปหยุดลงเบื้องหน้าชายชราฉับไว ยังประสานมือคารวะทักทายด้วยท่าทีเลื่อมไส
  “คารวะอาวุโสฉู!”
  เมื่อมีฉินเจิ้งอี้เป็นผู้นำ เหล่าเทพสงคราม 8 ดาราที่มาถึงก่อน ก็เร่งไปคารวะทักทายอีกฝ่ายเช่นกัน
  ไม่ทันไร ตัวตนของชายชราก็ได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้ว
  เทพสงคราม 9 ดารา จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ!
  ในสมรภูมิ 9 ยมโลกมีแต่ตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้คนอย่างฉินเจิ้งอี้ทูตซ้ายของพันธมิตรฟ้าเอกอุ รวมถึงเหล่าเทพสงคราม 8 ดาราให้การยอมรับนับถือ
  “อ่า”
  ฉูเตาเค่อพยักหน้ารับคำทักทายจากผู้คนรอบๆ ค่อยกล่าวออกเสียงเรียบ “พวกเจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก ข้ามาที่นี่เพราะบังเอิญข้าอยู่แถวนี้พอดี พอได้ยินว่ามีเรื่องราวดีๆ จึงเร่งรุดมาดูชมด้วยคน”
  ขณะกล่าวกับผู้คนรอบๆ ฉูเตาเค่อก็เริ่มหันไปมองสำรวจชายหนุ่มชุดม่วง ที่ลอยร่างกลางหาวไม่ไกล พลางกล่าวถามออกมาว่า “เจ้าหนุ่มนั่นหรือ ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียน?”
  “มิผิดอาวุโสฉู เป็นมัน”
  ฉินเจิ้งอี้กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
  “ช่างเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์นัก”
  ฉูเตาเค่อพยักหน้า “เพียงแต่ไม่ทราบที่มันมาที่นี่เพียงลำพัง ที่แท้วู่วามหรือมีสามารถจริงๆ”
  “ผู้นำจี้หยิ่งออกมาแล้ว!”
  เหล่าผู้ที่ให้ความสนใจฉูเตาเค่ออยู่ พอได้ยินเสียงอุทานของใครบางคน ก็พากันละสายตากลับมาจากฉูเตาเค่อ แล้วหันไปชมดูทางประตูค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนทันที
  จึงเห็นว่ามีร่าง 2 ร่างเหินนำมาโดยมีผู้คนนับสิบติดตามอยู่ด้านหลัง
  “เป็นผู้นำจี้หยิ่งจริงๆ! ในที่สุดก็ออกมาเสียที!!”
  หลายคนเริ่มหันไปให้ความสนใจผู้ที่พึ่งปรากฏตัว และสามารถยืนยันได้ในเวลาอันสั้นว่าหนึ่งในผู้มาเป็น จี้หยิ่ง ผู้นำพันธมิตรฟ่านเทียนจริงๆ
  “ว่าแต่คนที่อยู่ข้างๆจี้หยิ่งเป็นผู้ใดกัน? หรือจะเป็นยอดฝีมือที่พึ่งเข้าร่วมพันธมิตรฟ่านเทียน?”
  หลังจากที่ทุกคนระบุตัวจี้หยิ่งได้แล้ว สายตาของพวกมันก็เริ่มหันไปจับจ้องมองคนที่เหินร่างมาข้างกายจี้หยิ่งด้วยความสนใจ เพราะในเมื่อคนผู้นั้นสามารถเหินเคียงไหล่จี้หยิ่งมาได้ เห็นชัดว่าไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามแน่แท้!
  ในอดีตภายในพันธมิตรฟ่านเทียน เกรงว่าคงมีแต่ผู้นำคนที่ 2 อย่างหวู่หลงที่เป็นศิษย์น้องของจี้หยิ่งเท่านั้นที่สามารถเคียงไหล่กับจี้หยิ่งได้
  และในขณะที่หลายๆคนกำลังสงสัยว่าข้างๆจี้หยิ่งเป็นใคร ก็มีชายคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาเสียงดังด้วยความประหลาดใจ “ช้าก่อน! หากข้าจำไม่ผิด…คนที่อยู่ข้างๆจี้หยิ่งผู้นั้น มิใช่เจ้าวิหารเฟิงฮ่าวววสาขาว่านโช่วเทียน เยว่เชาฉวิน หรือไร? แต่เจ้าวิหารเยว่มิใช่ว่าหายไปจากสมรภูมิ 9 ยมโลกนานแล้วหรือ ไฉนถึงกลับเข้ามาอีกเล่า?”
  “อะไร!? เจ้าจะบอกว่าผู้ที่อยู่ข้างๆจี้หยิ่งคนนั้น ก็คือเยว่เชาฉวิน จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียนผู้นั้นน่ะรึ?!”
  “เยว่เชาฉวินนับเป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งทีเดียว!”
  “ไฉนมันมาอยู่กับจี้หยิ่งได้เล่า หรือจี้หยิ่งเรียกมันมาเพื่อให้ช่วยจัดการต้วนหลิงเทียน?”
  “เหอะๆ ข้าเกรงว่าจี้หยิ่งคงไม่หน้าใหญ่ขนาดนั้นหรอก…ในสายตาข้าสมควรเป็นจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนขอความช่วยเหลือจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักมากกว่า เช่นนั้นทางวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักจึงส่งจ้าววิหารเยว่มา!”
  “หากมันมาช่วยจี้หยิ่งจัดการกับต้วนหลิงเทียนจริงๆ เช่นนั้นวันนี้ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะพลาดแล้วที่มา กระทั่งเผลอๆยังจะไม่ได้กลับอีกด้วย!”
  …
  พอรับทราบว่าที่แท้คนที่เหินร่างเคียงไหล่กับ จี้หยิ่ง เป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน เยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราที่เคยโด่งดังในอดีต หลายคนก็อดหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสารไม่ได้
  ‘จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน?’
  ต้วนหลิงเทียนที่รอคอยอยู่นาน พอได้ยินบทสนทนาโดยรอบ ก็หันไปเหลือบมองเยว่เชาฉวินรอบหนึ่ง จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมา ‘วิหารเฟิงฮ่าวมันส่งเทพสงคราม 9 ดารามาจริงๆ’
  ‘แค่ไม่ทราบว่ามันกับหมี่ซวนใครจะแน่กว่ากัน…’
  สองตาต้วนหลิงเทียนเริ่มเต็มไปด้วยจิตต่อสู้ทันที จากนั้นเพียงหนึ่งห้วงคิด ร่างก็อันตรธานหายไปจากกลางหาว ปรากฏอีกครั้งก็อยู่เบื้องหน้า จี้หยิ่ง กับ เยว่เชาฉวิน ที่อยู่หน้าประตูค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนแล้ว เผชิญหน้ากับทั้งคู่อย่างไร้ครั่นคร้าม!
  “เจ้ารึ ต้วนหลิงเทียน?”
  ถึงแม้จี้หยิ่งจะเคยเห็นรูปเหมือนต้วนหลิงเทียนหลายครั้ง แต่นับว่านี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่มันได้พบเจอต้วนหลิงเทียนตัวจริง
  ขณะเดียวกันเมื่อมันเห็นสีหน้าท่าทีสงบไม่แยแสของต้วนหลิงเทียน ในใจมันก็เริ่มบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้น จากนั้นก็ลอบกัดฟัน หันไปส่งเสียงผ่านพลังไปถึงฉูเตาเค่อทันที “อาวุโสฉู ข้าขอความร่วมมือจากท่าน ให้ช่วยพวกเราจัดการต้วนหลิงเทียนได้หรือไม่?”
  “วันนี้หากพวกเราจัดการต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ข้าจะขอให้ท่านพ่อบุญธรรมตอบแทนท่านอย่างงาม”
  จี้หยิ่งนั้นไม่ใช่คนที่ลงมือทำอะไรหากไม่มั่นใจ ถึงแม้มันจะมีคิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนยังสงบอยู่ได้ถึงตอนนี้ บางทีอาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเสแสร้งทำเป็นลึกลับ วางมาดยอดฝีมือ แต่มันก็ยังเลือกจะขอความร่วมมือจากยอดฝีมือคนอื่นๆเพื่อรับประกันความสำเร็จ
  ด้านฉูเตาเค่อ พอได้ยินเสียงผ่านพลังขอความช่วยเหลือจากจี้หยิ่ง สองตามันก็ลุกวาวเป็นประกาย สีหน้าฉายชัดถึงความโลภทันที!