ตอนที่ 3576 ไปเยือนพันธมิตรฟ่านเทียน!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ในอดีตต้วนหลิงเทียนนั้นไม่แม้แต่จะรู้จักหวู่หลงผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียนด้วยซ้ำ เป็นอีกฝ่ายมาท้าทาเขาด้วยอัตตาของตัวเอง
  และถึงแม้หวู่หลงจะมาท้าสู้เขา แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะฆ่าอีกฝ่าย
  เพียงแค่หวู่หลงกลับคิดไม่ซื่อและลอบสังหารเขาก่อน เช่นนั้นมันจึงถูกลิขิตให้ต้องตาย!
  เรื่องที่การฆ่าหวู่หลงจะทำให้เขาเป็นศัตรูกับพันธมิตรฟ่านเทียน รวมถึงเป็นศัตรูกับจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนที่อยู่เบื้องหลังหวู่หลง เข่าย่อมรู้ดีเป็นธรรมชาติ แต่เขายังคงฆ่า…เพื่อให้ตัวเองสบายใจ!
  หากเขาปราณีหวู่หลงเพียงเพราะกริ่งเกรงจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ไม่ว่าเขาจะยกอ้างอะไรมาปลอบใจตัวเอง แต่ในใจเขาก็จะมีความรู้สึกอึดอัดไม่ยินยอมไปตลอด
  และความรู้สึกติดขัดในใจดังกล่าว ก็มากพอที่จะทำให้เขาไม่อาจสงบใจ กลายเป็นอุปสรรคในเส้นทางฝึกฝนหลังจากนี้
  ‘หากข้าไม่ได้ฆ่าหวู่หลงวันนั้น เกรงว่าวันนี้ข้าคงไม่อาจบรรลุถึง ครึ่งก้าวเทพได้…’
  จนถึงวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเสียใจแม้แต่นิดเดียวที่ฆ่าหวู่หลงทิ้งไป การไว้ชีวิตมันก็รังแต่จะขวางหนทางก้าวหน้าเท่านั้น เมื่อในใจมีปมหรือความรู้สึกติดค้าง ไหนเลยวันนี้เขาจะทะลวงถึงครึ่งก้าวเทพหรือเทพสงคราม 9 ดาราได้?
  ‘พันธมิตรฟ่านเทียน…’
  ในระหว่างที่เขาเก็บตัวฝึกฝนในพันธมิตรอุดรลี้ลับ เขาเองก็ไม่ถึงกับปิดกั้นข้อมูลจากโลกภายนอก ยังมีออกมาผ่อนคลายจิตใจและความตึงเครียดจากการฝึกอยู่หลายครั้ง ทำให้เขาได้ยินคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับพูดถึงความเคลื่อนไหวพันธมิตรฟ่านเทียน จึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตามหาตัวเขาให้วุ่น…
  พันธมิตรฟ่านเทียนนั่นยังตั้งค่าหัวเขาเอาไว้ไม่น้อย!
  ขอเพียงใครสามารถให้เบาะแสที่อยู่เขาได้ ก็จะได้รับรางวัลมากมายแล้ว
  สำหรับคนที่ฆ่าเขาแล้วนำศพเขาไปยืนยัน ก็จะได้รางวัลค่าหัวมหาศาล!
  ‘ข้าจะไปหาพวกมันถึงที่…หวังว่าพันธมิตรฟ่านเทียนคงไม่ทำให้ผิดหวังมากนัก’
  หลังออกจากค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าลงใต้ เนื่องจากเดิมทีเขาอยู่ในภาคเหนือ เช่นนั้นเมื่อมุ่งหน้าลงใต้ก็จะเจอภาคกลางก่อนจะถึงภาคใต้
  แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาก็คือภาคกลางไม่ใช่ภาคใต้
  กล่าวให้ชัดคือเขาจะไปเยือนพันธมิตรฟ่านเทียน!
  วูบ! วูบ! วูบ!
  …
  ต้วนหลิงเทียยนอาศัยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติในการเดินทาง ทุกครั้งที่ร่างเขาวูบหายไป ก็ข้ามผ่านระยะทางนับหมื่นหมี่ ไม่ทันไรก็มาถึงพื้นที่ชายแดนระหว่างภาคเหนือกับภาคกลาง จากนั้นก็มาถึงภาคกลางในเวลาอันสั้น
  “พี่ชายท่านนี้ ท่านทราบหรือไม่ว่าพันธมิตรฟ่านเทียนอยู่ที่ไหน?”
  หลังเข้าสู่ภาคกลางแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างข้ามมิติไปหยุดลงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
  อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนเพียงหยุดลงเล็กน้อย ก่อนจะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาระแวดระวัง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงรำคาญว่า “ข้าไม่ทราบ”
  “ขอบคุณพี่ชาย”
  ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเซ้าซี้ชายวัยกลางคนสืบต่อ ร่างเขาอันตรธานหายไปจากสายตาของชายวัยกลางคนทันที กระทั่งยังอยู่นอกระยะตรวจสอบของสำนึกเทวะชายวัยกลางคนอีกด้วย ทำให้มันถึงกับหวาดกลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก “เจ้าหนุ่มนั่น…มันร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว?!”
  ถึงแม้จะเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ แต่ก็มีเพียงแค่คนที่แข็งแกร่งและทรงพลังเหนือกว่ามันมากเท่านั้น ถึงจะวูบหายไปต่อหน้าต่อตามันได้อย่างไร้ร่องรอย
  ด้วยเหตุนี้ชายวัยกลางคนจึงตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอีกฝ่ายทันที ในใจบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวทั้งยินดีเป็นอย่างยิ่ง…
  ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็ไปสอบถามทางจากหลายๆคน แต่ทว่าทุกคนที่เขาไปถามนั้นไม่มีใครคิดจะบอกทางเขาสักคน กระทั่งยังทำราวกับเขาเป็นศัตรูอันร้ายกาจทั้งนั้น
  ด้านต้วนหลิงเทียนเองไม่นานก็ตระหนักได้ถึงความประมาทเลินเล่อของเขา การใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติไปผุดโผล่เบื้องหน้าผู้คน โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวแบบนี้ ยังจะมีใครไม่กลัวเขาได้?
  ดังนั้นหลังจากเขาพบคนที่อยู่ในระยะตรวจสอบคนต่อไป เขาก็ไม่เลือกจะเคลื่อนมิติไปโผล่เบื้องหน้าอีกฝ่าย เพียงแค่ไปปรากฏตัวไม่ไกลและใช้การเหินร่างเข้าหาอีกฝ่ายแทน พอมาหยุดลงเบื้องหน้าก็ยิ้มถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “พี่ชายท่านนี้…ไม่ทราบท่านรู้ที่ตั้งค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนหรือไม่?”
  เป้าหมายที่ต้วนหลิงเทียนเข้าไปถามรอบนี้ ก็มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มวัยเดียวกับเขา
  เพียงแค่อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาปานกลางไม่หล่อเหลาอะไร ทว่าดวงตากลับฉายแววแหลมคมนัก สีหน้ายังฉายชัดถึงความมั่นใจเด็ดเดี่ยวประการหนึ่ง
  แน่นอนว่าท่าทีอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปอยู่บ้าง เมื่อโดนต้วนหลิงเทียนเข้ามาถามทางอย่างกะทันหัน
  ในสายตาของมันชายหนุ่มผู้นี้อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในความว่างเปล่าห่างจากมันไม่ไกล โดยที่มันไม่อาจสัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายมาจากไหน และเมื่อครู่หากไม่ใช่อีกฝ่ายปรากฏตัวห่างมัน แต่เลือกจะปรากฏตัวด้านหลังมันแล้วฆ่ามันเล่า? ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆเลยหรือไร?
  “พี่ชายไม่ต้องกังวล”..
  พอเห็นสีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไป แถมอีกฝ่ายยังพุ่งร่างฉีกระยะออกไปไกลห่างอย่างระแวดระวัง ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยต่อออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากข้าฆ่าคิดทำอะไร พี่ชายท่านคิดว่าตอนนี้ยังจะรอดชีวิตอยู่หรือ?”
  ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สีหน้าตึงเครียดของชายหนุ่มก็พอได้ผ่อนคลายลง “พันธมิตรฟ่านเทียนตั้งอยู่ในเขต 2 ของภาคกลาง”
  “เขต 2 หรือ?”
  ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น “แล้วตอนนี้พวกเราอยู่เขตไหน?”
  “พวกเราอยู่เขต 6”
  ชายหนุ่มมองต้วนหลิงเทียนด้วยความงุนงง ชายหนุ่มชุดม่วงที่มีพลังร้ายกาจถึงขั้นอาจฆ่ามันได้โดยไม่รู้ตัวคนนี้ กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ไหน?
  “พี่ชาย แล้วถ้าหากข้าอยากไปเขต 2 ต้องไปทางไหนหรือ?”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง
  พอได้ยินคำถามดังกล่าว ชายหนุ่มก็ชี้นิ้วไปทางตะวันออกเฉียงใต้ “ในทิศทางนี้ หากท่านมุ่งหน้าไปเรื่อยยๆก็จะถึงเขต 4 ของภาคกลางเรา และหากข้ามเขต 4 ไปแล้วก็จะพบเจอเขต 2…พันธมิตรฟ่านเทียนนั่นครองอำนาจเบ็ดเสร็จในเขต 2 ของภาคกลาง พอท่านไปถึงที่นั่นแล้ว เพียงถามใครสักคนก็จะรู้ได้ทันที ว่าที่ตั้งพันธมิตรฟ่านเทียนอยู่ตรงไหน”
  “ว่าแต่ท่านคิดไปทำอะไรที่พันธมิตรฟ่านเทียนกันแน่ ตอนนี้พันธมิตรฟ่านเทียนดูเหมือนจะปิดรับคนอยู่ไม่ใช่รึ?”
  กล่าวถึงประโยคนี้ ชายหนุ่มก็หยุดมองต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย ค่อยกล่าวแนะนำด้วยความหวังดี “ตั้งแต่ที่ผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียน หวู่หลง ถูกฆ่าตาย พันธมิตรฟ่านเทียนก็ได้หยุดรับคนเป็นการชั่วคราว…และยังไม่มีกำหนดว่าจะเปิดรับคนอีกเมื่อไหร่”
  “อ้อ ข้าไม่ได้คิดจะเข้าร่วมกับพันธมิตรฟ่านเทียนหรอกพี่ชาย…”
  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อยค่อยเผยประกายแหลมคมหนึ่งวาบขึ้น “ที่ข้าถามที่ตั้งค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน เพราะข้าคิดจะไปหาเรื่องพวกมัน”
  “ขอบคุณพี่ชายมากที่บอกทาง”
  จากนั้นไม่ทันที่ชายหนุ่มจะกลับมารู้สึกตัว ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างอันตรธานหายไปจากสายตาของมันอย่างไร้ร่องรอย
  จนเมื่อต้วนหลิงเทียนหายไปสักพัก ชายหนุ่มจึงค่อยกลับมารู้สึกตัว “ปะ…ไปหาเรื่องพันธมิตรฟ่านเทียน?!”
  “ว่าแต่…ไฉนชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นทำให้ข้ารู้สึกคุ้นๆนักนะ?”
  พอชายหนุ่มย้อนนึกถึงชายหนุ่มชุดม่วงที่มาถามทางเมื่อครู่ มันก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นๆอย่างไรชอบกล แต่ปุบปับกลับนึกไม่ออก
  หลังจากสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบสติอยู่ราวๆสิบลมหายใจ ในที่สุดชายหนุ่มก็พอจะนึกขึ้นได้ว่าไฉนชายหนุ่มชุดม่วงเมื่อครู่ถึงทำให้มันรู้สึกคุ้นๆนัก “จะ…เจ้านั่น มันมิใช่ต้วนหลิงเทียนที่พันธมิตรฟ่านเทียนตั้งค่าหัวหรือไร!? ที่แท้ตัวจริงกลับดูดีกว่าภาพวาดยิ่ง ข้าจึงนึกไม่ออกแต่แรก!”
  บัดนี้ชายหนุ่มจดจำได้แล้ว
  เหตุผลที่ไฉนมันถึงรู้สึกว่าชายหนุ่มชุดม่วงแลดูคุ้นๆ เพราะมันเคยเห็นภาพเหมือนอีกฝ่ายในประกาศจับ!
  “เมื่อครู่…มันบอกว่าจะไปหาเรื่องพันธมิตรฟ่านเทียน เป็นไปได้หรือไม่ที่มันคิดจะล้างบางพันธมิตรฟ่านเทียน?!”
  “แต่มันเป็นแค่ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราไม่ใช่หรือไร? ต่อให้เป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่น่าจะสู้จี้หยิ่งผู้นำพันธมิตรฟ่านเทียนได้เลย…เพราะสุดท้ายจี้หยิ่งนั่นก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในสมรภูมิ 9 ยมโลก พลังฝีมือยังร้ากาจอย่างยิ่ง!”
  “หรือว่า…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันบรรลุถึงเทพสคราม 9 ดาราแล้วเช่นกัน!?”
  ยิ่งคิดชายหนุ่มยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก หาไม่แล้วไฉนต้วนหลิงเทียนที่หายเข้ากลีบเมฆไปนาน อยู่ๆจะมาถามทางไปพันธมิตรฟ่านเทียนกับมัน?
  “ไปชมดูเรื่องบันเทิงดีกว่า!”
  หลังคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว ชายหนุ่มก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆสืบไป มันเร่งมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนหายตัวไปทันที
  แต่แน่นอนว่ามันไม่รู้หรอกว่าเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนหายตัวไปทางไหน
  แค่มันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนต้องมุ่งหน้าไปตามทางที่มันบอกแน่
  “หากข้าได้เห็นการประมือระหว่างต้วนหลิงเทียนกับ จี้หยิ่ง ผู้นำพันธมิตรฟ่านเทียนล่ะก็…ชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีอะไรเสียดายแล้ว!”
  สองตาชายหนุ่มเปล่งประกายขึ้นมาเจิดจ้า
  …
  พันธมิตรฟ่านเทียนนั้นตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขต 2 ของภาคกลาง
  และในฐานะที่เป็นกองกำลังที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในเขต 2 รอบๆค่ายกองกำลังพันธมิตรฟ่านเทียนก็ห้อมล้อมไปด้วยเมืองต่างๆ คล้ายดาวล้อมเดือน…
  และในค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน ไม่ว่าจะเป็นจี้หยิ่งหรือเยว่เชาฉวินเทพสงคราม 9 ดาราของวิหารเฟิงฮ่าว ก็ล้วนรอการกลับมาของหมี่ซวนอย่างอดทน
  พวกมันเองก็อยากรู้นัก
  ว่าที่แท้ ลี่เฟิง ผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับในเขต 2 ภาคเหนือ จะใช่ต้วนหลิงเทียนที่พวกมันตามหาหรือเปล่า
  เพียงแต่ว่าพวกมันที่เฝ้ารออย่างอดทน ไม่เพียงหมี่ซวนจะยังไม่ทันกลับมา กลับมีอาคันตุกะเหนือคาดมาเยือนเสียก่อน!
  “จี้หยิ่ง!”
  เสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังก้องไปทั่วพันธมิตรฟ่านเทียนในพริบตา “พันธมิตรฟ่านเทียนเจ้าไม่ใช่ตามหาตัวข้ากันให้วุ่นหรือไร? ตอนนี้ข้าต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าแล้ว จะไม่คิดออกมาสนทนากันสักหน่อยหรือ?”
  ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ด้านนอกประตูค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน คนกอดอกกล่าวคำด้วยท่าทีเฉยเมย แม้เสียงจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่มันก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนปานมีเวทมนตร์
  ด้านชนชั้นอาวุโสของพันธมิตรฟ่านเทียนรวมถึงสมาชิกทั่วไปอีกไม่กี่คนที่เฝ้าประตูค่าย ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแต่แรกเมื่อเห็นการมาเยือนของอีกฝ่าย เพราะพวกมันรู้สึกคุ้นๆนัก และกำลังจะถามว่าอีกฝ่ายมาเยือนพันธมิตรฟ่านเทียนด้วเรื่องอะไร
  ทว่าไม่ทันที่พวกมันจะได้เอ่ยถาม อีกฝ่ายก็กล่าวออกมาเสียก่อน และถ้อยคำยังทำให้พวกมันบังเกิดความหวาดกลัวนัก!
  “เจ้านั่น มันก็คือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?!”
  “ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น? คนที่ฆ่า หวู่หลง ผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียนเรา?”
  “ให้ตายเถอะ! นี่มันเป็นฝ่ายมาเยือนพวกเราถึงหน้าประตูเองเลยหรือ แถมยังเรียกให้ผู้นำจี้หยิ่งออกมาอีก?”
  “มันเบื่อชีวิตคิดอยากตายแล้วหรือไร?”
  “ไม่ใช่ว่ามันซ่อนตัวมาโดยตลอดหรือไร ไฉนตอนนี้ถึงโผล่หัวออกมาได้เล่า?”
  …
  ชนชั้นอาวุโสกับสมาชิกพันธมิตรฟ่านเทียนที่เฝ้าหน้าประตูอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปกับถ้อยคำของต้วนหลิงเทียน เพราะถ้าหากอีกฝ่ายก็คือต้วนหลิงเทียนจริง การมาที่นี่แบบนี้ ก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…
  ต้วนหลิงเทียนไม่กลัวพันธมิตรฟ่านเทียน…ไม่กลัวผู้นำพันธมิตรฟ่าสเทียนของพวกมันอีกต่อไป!
  “มัน…หรือมันจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว!?”
  จังหวะนี้ไม่ใช่แค่อาวุโสและสมาชิกทั่วไปที่เฝ้าหน้าประตูเท่านั้น ทุกคนในค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนที่ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ก็พลันตระหนักได้ถึงเรื่องนี้กันถ้วนหน้า!
  ตราบใดที่ผู้มาเยือนมิใช่ตัวปลอม เกรงว่าอีกฝ่ายสมควรบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราแล้วจริงๆ!
  “ต้วนหลิงเทียน?”
  แม้จะเป็นเยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราจากวิหารเฟิงฮ่าวเอง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาไม่น้อย “ดูเหมือนผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับจะไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนแน่แล้ว และในเมื่อตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมันอยู่ที่นี่ กระทั่งบุกมาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง หมายความว่ามันมีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดาราเป็นที่เรียบร้อย”
  เป็นธรรมดาที่เยว่เชาฉวินจะไม่คิดถึงกรณีที่หมี่ซวนแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียนที่ใช้นามแฝงลี่เฟิง
  มันคิดว่าหมี่ซวนยังคงไปตรวจสอบว่าผู้คุมกฏอาวุโสในพันธมิตรอุดรลี้ลับ ลี่เฟิง นั้น ที่แท้ใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไม่
  แต่ในปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียนที่พวกมันกำลังตางล่าหาตัว ได้มาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง!
  ‘อีกสักครู่ จี้หยิ่ง สมควรมาขอความช่วยเหลือจากข้ากระมัง’
  และเย่วเชาฉวินยังคิดไม่ทันจบดี มันก็ได้ยินเสียงของจี้หยิ่งจากด้านนอก “เจ้ากับข้าล้วนมีเป้าหมายเป็นต้วนหลิงเทียนดุจเดียวกัน เช่นนั้นก็ออกไปจัดการมันพร้อมกับข้าเป็นไร?”
  ได้ยินคำพูดทำนองชักชวนไม่ได้ขอความช่วยเหลือตรงๆของจี้หยิ่ง เยว่เชาฉวินก็ลอบเย้ยหยันในใจ
  จี้หยิ่งผู้นี้ไม่ใช่ปกติหยิ่งผยองถือดีนักหรือไร ตอนนี้เพราะไม่มั่นใจว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้ ก็เลยคิดจะมาขอความช่วยเหลือจากมัน?