“เทพเบญจธาตุหรือ?”
“ขออภัย ข้าเองก็มีเหมือนกัน…”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ในขณะที่หยางเหมิง ถานจินและคนที่เหลือกำลังตกตะลึง พลังชีวิตอันกล้าแข็งขุมหนึ่งก็ปะทุออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน!
และนอกจากพลังชีวิตอันกล้าแข็งแล้ว ก็ยังปรากฏกลิ่นอายพลังอีก 5 ขุมที่แตกต่างกันพุ่งออกมา!
“ฮ่าๆๆๆ!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะของเด็กน้อยไม่หย่านมก็ดังขึ้นจากแสงพลังสีกากี “เจ้าหนูหลิงเทียน เจ้าทำได้ยอดมาก! ข้าไม่คิดเลยว่าวันนี้ข้าจะได้พบเจอกับความรู้สึก หนึ่งก้าวถึงฟ้า! อาจพัฒนารวดเดียวจากขั้นที่ 7 ไปถึงขั้นที่ 9!”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็น 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุของต้วนหลิงเทียน ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน
ในบรรดาเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของต้วนหลิงเทียนนั้น นอกจากเพลิงเทพโกลาหลที่บรรลุถึงขั้นที่ 8 แล้ว เทพเบญจธาตุที่เหลือก็ยังอยู่ในขั้นที่ 7 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในร่างต้วนหลิงเทียน ตอนนี้เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน สมัครสมานกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าใครหากเจอเทพเบญจธาตุขั้นสูงกว่าตัวเองและสู้ไม่ไหว อีก 4 ธาตุที่เหลือก็พร้อมจะช่วยกันกลุ้มรุมบั่นทอนพลังอีกฝ่าย ให้กลืนกินได้สะดวก…
ในสายตาของเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของต้วนหลิงเทียน การเลื่อนขั้นของสหายก็มีแต่เรื่องดีไม่มีเสีย เพราะสุดท้ายแล้ววันหน้าก็คนอื่นๆก็ต้องให้ความช่วยเหลือตัวเอง…
“เสี่ยวเทียน ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว…”
ตอนนี้เองวารีเทพชำระโลกาก็กล่าวขอบคุณออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับน้ำเสียงคึกคักของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินแล้ว เสียงของนางยังอิดโรยอยู่บ้าง เห็นชัดว่ายังไม่ฟื้นพลังจนกลับมาสมบูรณ์พร้อม
อันที่จริงแม้แต่เสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเมื่อครู่ ก็ไม่ได้เปี่ยมพลังเหมือนในอดีต
“ฮิฮิ..ดูเหมือนคราวนี้พวกเราอาจจะได้ยกระดับถึงขั้นที่ 9 กันถ้วนหน้า!”
เสียงดรุณีน้อยของพฤกษาเทพครองสวรรค์ก็ดังขึ้นด้วยความดีใจ ฟังดูก็รู้ว่านางตื่นเต้นไม่แพ้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน
ถึงแม้เพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับจะไม่ได้พูดอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าทั้งคู่ก็กำลังยินดีและรู้สึกขอบคุณเขาเช่นกัน…สุดท้ายแล้วทุกคนก็อยู่กับเขามานาน ผ่านอะไรมาด้วยกันก็เยอะ จึงเข้าใจกันดี บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องพูด…
เหมือนอย่างตอนนี้
“5 เทพเบญจธาตุ!?”
ในเวลาเดียวกันพวกหยางเหมิงกับคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นพลัง 5 ขุมรอบตัวต้วนหลิงเทียน และพลังทั้ง 5 ขุมนั่น ก็ทำให้พวกมันรู้สึกคุ้นเคยทั้งไม่คุ้นเคย เป็นเทพเบญจธาตุ…แค่ไม่ใช่เทพเบญจธาตุของพวกมัน!
อย่างไรเสียพวกมันก็เคยสัมผัสถึงกลิ่นอายพลังแบบนี้มาบ่อยครั้งแล้ว
เนื่องเพราะเทพเบญจธาตุในร่างของพวกมัน ก็ได้กลืนกินเทพเบญจธาตุของคนอื่นมานักต่อนัก จนพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ได้
ในสมรภูมิ 9 ยมโลก หากพวกมันพบเจอผู้ใดถือครองเทพเบญจธาตุที่มีธาตุเดียวกับพวกมัน พวกมันก็จะฆ่าทิ้งและกลืนกินเทพเบญจธาตุของอีกฝ่าย ทำให้เทพเบญจธาตุของพวกมันสามารถยกระดับจนมาถึงทุกวันนี้ได้
ให้บอกว่าการปล้นชิงเทพเบญจธาตุของผู้อื่นในสมรภูมิ 9 ยมโลกนั้นต้องอาศัยดวงเป็นหลักก็ไม่ผิด เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอผู้ถือครองเทพเบญจธาตุที่มีธาตุเดียวกันกับตัวเองเสมอไป แถมนอกจากจะต้องพบเจอเทพเบญจธาตุที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องดูด้วยว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้หรือไม่…
ในสมรภูมิ 9 ยมโลก จะทำอะไรก็ต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งทั้งสิ้น
พวกมันทั้ง 5 คน ไม่ว่าใครก็ล้วนเคยผ่านพ้นวันเวลาที่ต้องหลบซ่อนปกปิด ไม่กล้าที่จะเปิดเผยเทพเบญจธาตุของตัวเองออกมา เพราะถ้าพบเจอผู้ที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าหรือเทพเบญจธาตุของอีกฝ่ายทรงพลังเหนือกว่าเทพเบญจธาตุของตัวเอง ก็เสี่ยงจะถูกอีกฝ่ายฆ่าทิ้ง กลายเป็นฝ่ายถูกฆ่ารวมถึงถูกกลืนกินเสียเอง…
จนเมื่อเติบโตถึงระดับหนึ่ง มีพลังมากพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว ถึงขั้นไม่มีผู้ใดต่อกรด้วยได้ จึงกล้าเปิดเผยตัวอย่างอาจหาญ
ตลอดหลายปีที่ผ่าน พวกมันทั้ง 5 ล้วนยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของสมรภูมิ 9 ยมโลก เนื่องเพราะเทพเบญจธาตุของพวกมันใกล้บรรลุถึงขั้นที่ 9 แล้ว! แถมพลังของพวกมันเองก็อยู่ระดับเทพสงคราม 9 ดารา ให้พูดว่าไร้เทียมทานในสมรภูมิ 9 ยมโลกก็ไม่เกินเลย
และครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณมันเย้ายวนใจเกินไป พวกมันก็ไม่คิดจะปรากฏตัวออกมา
ถึงแม้พวกมันทั้ง 5 ต่างรู้จักกันดี แต่วันนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกมัน 5 คนมารวมตัวกัน
“ผิดท่าแล้ว! เทพเบญจธาตุของต้วนหลิงเทียน กำลังกลืนกินเทพเบญจธาตุของพวกเรา!!”
หลังสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันกล้าแข็งพร้อมกับเห็นเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของต้วนหลิงเทียนพุ่งเข้าไปหยุดนิ่งบริเวณโคนต้นไม้เทพสนหลิว เหอชุนลี่ก็โพล่งออกมาเสียงดัง เพราะตอนนี้ต้นไม้เทพสนหลิวเริ่มปรากฏพลังดูดกลืนอันน่ากลัวหนึ่ง ปกคลุมไปทั่วเทพเบญจธาตุของนาง และอีก 4 คนที่เหลือ! สูบพลังไปส่งมอบให้เหล่าเทพเบญจธาตุของต้วนหลิงเทียน!!..
“ไม่—!!”
สีหน้าหานเซวียนเปลี่ยนไปใหญ่หลวง พริบตาต่อมาเส้นผมยาวสลวยของนางก็ปลิวสยายขึ้นมาปานงูเกงกอง ไอพลังเยียบเย็นแผ่ซ่านออกมาทั่วร่าง ใต้ฝ่าเท้าปรากฏแท่นน้ำแข็งหนึ่ง นำพาร่างนางให้พุ่งไปยังร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวเร็วไว! หมายช่วยเหลือวารีเทพชำระโลกาของนาง!!
ก่อนหน้าไม่ว่านางจะเรียกหาเท่าไหร่ วารีเทพชำระโลกาก็ไม่ตอบสนองนางเลย!
พอสัมผัสได้ถึงพลังกลืนกินจากร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว นางจึงตระหนักได้ทันทีว่าหากยังชักช้าไม่ลงมือ น่ากลัวว่าว่ารีเทพชำระโลกาของนางได้ถูกผู้อื่นกลืนกินไปแน่!
ถึงตอนนั้นนางจะสูญเสียวารีเทพชำระโลกาที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลนางมาโดยตลอดไปชั่วกาล!
นางไม่มีวันยอมให้เรื่องพรรค์นั้นเกิดขึ้น!
“ไปช่วยเทพเบญจธาตุของพวกเรากลับมาเร็ว!”
จังหวะนี้ ไม่ว่า หยางเหมิง ถานจิน เหอชุนลี่ และอสูรไฟ ต่างก็ปะทุพลังออกมาวุ่นวาย คนกลับกลายเป็นลำแสง 4 สายพุ่งจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนเร็วไว!
กล่าวให้ชัด พวกมันไม่ได้พุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน แต่พุ่งเข้าใส่ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว ที่ต้วนหลิงเทียนใช้มันเป็นดั่งตาค่ายกล สามารถสะกดเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของอีกฝ่ายให้ตกอยู่ในสภาวะนิทราอย่างประหลาด
พวกมันต้องการปลุกเทพเบญจธาตุของตัวเองให้ตื่นขึ้นและนำกลับมาโดยเร็วที่สุด!
ไม่มีใครอยากให้เทพเบญจธาตุของตัวเองแน่นิ่ง นอนรอความตาย!
พวกมันไม่อยากสูญเสียเทพเบญจธาตุไป!
หลังอยู่ร่วมกับเทพเบญจธาตุมาหลายปี และอาศัยพลังของเทพเบญจธาตุจนมีอย่างทุกวันนี้ได้ ใครจะอยากสูญเสียที่พึ่งสำคัญไป? และหากต้องเลือกจริงๆ ต่อให้พวกมันต้องล้มเลิกเรื่องช่วงชิงอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณของต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันไม่มีวันยอมเสียเทพเบญจธาตุของพวกมันไปแน่ เพราะนี่คือรากฐานอันสำคัญของพวกมัน!
ด้วยมีเทพเบญจธาตุ ในอนาคตแม้พวกมันจะขึ้นไปยังระนาบเทพ พวกมันก็สามารถเติบโตก้าวหน้าได้อย่างราบรื่น…
ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วพวกมันอาจจะไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด แต่การจะทะลวงถึงขอบเขต ‘อริยะเทพ’ ที่เป็นรองก็แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุด ขอแค่ไม่ตกตายไปกลางทาง พวกมันก็มั่นใจว่าทำได้
สำหรับอุปกรณ์เทพขั้นสูงนั้น รอจนพวกมันบรรลุถึงขอบเขตเทพและมีด่านพลังสูงๆ ยังกลัวหาไม่ได้อีกหรือ?
พวกมันไม่ต้องรอให้บรรลุถึงขอบเขตอริยะเทพหรือจักรพรรดิเทพด้วยซ้ำ ขอแค่บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพไม่ก็จอมราชันเทพ พวกมันก็สามารถอาศัยพลังฝีมือของตัวเองหาอุปกรณ์เทพระดับนั้นมาใช้ได้แล้ว…
ต่อหน้าเทพเบญจธาตุขั้นสูงแล้วแบบนี้ อุปกรณ์เทพขั้นสูงยังจะนับเป็นอะไรได้?
ในเวลานี้ ในใจของพวกมันล้วนเต็มไปด้วยความเสียใจนัก!
‘ไม่น่าเลย ข้าไม่น่าโลภเลย!’
‘หากต้องเสียทองเทพสุดลี้ลับไปเพราะอุปกรณ์เทพขั้นสูง ข้าได้เสียใจไปจนตายแน่!’
‘ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องช่วยพฤกษาเทพครองสวรรค์กลับมาให้ได้!’
…
เรียกว่าในเวลานี้สิ่งที่หยางเหมิงกับคนที่เหลือทั้ง 5 กังวลมากที่สุด ก็คือการช่วยเหลือเทพเบญจธาตุของตัวเองกลับมา! สำหรับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วของต้วนหลิงเทียน พวกมันลืมเลือนไปเสียสิ้น คล้ายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกมันอีกต่อไป!!
“ขอบคุณสำหรับเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของพวกเจ้ามาก…”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ หานเซวียน เคลื่อนไหว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน ร่างเขาพลันอันตรธานหายไปจากเบื้องหน้าร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว ปรากฏตัวอีกทีก็ไปดักขวางหานเซวียนเอาไว้แล้ว
พร้อมกันนั้นเขาก็ปล่อยให้ตัวกระบี่เหินบินออกไป “หวงเอ้อ พวกมันที่เหลือข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการ”
“เมื่อครู่เทพเบญจธาตุของพวกมันจับเจ้าไว้แบบนั้น เจ้าคงมีโมโหไม่น้อย…เช่นนั้นก็นำโทสะไประบายใส่พวกมันให้เต็มที่เถอะ”
“ส่วนเทพเบญจธาตุของพวกมัน…ขอเพียงเจ้าถ่วงเวลาพวกมันได้มากพอ พวกพี่สาวสุ่ยกับคนอื่นๆย่อมสามารถกลืนกินพวกมันได้สมบูรณ์แน่ อย่างไรเสียมหาค่ายกล ‘กลืนวิญญาณเทพเบญจธาตุ’ ก็ทรงอานุภาพเลิศล้ำนัก”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยให้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเหินทะยานออกจากมือ เขาก็ไม่ลืมกล่าวบอกหวงเอ้อ
หลังจากนั้นเขาก็ลอยร่างแน่นิ่งกลางหาว สองมือยกขึ้นกอดอก มองเรื่องราวด้วยความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่กำลังพุ่งเข้าใส่หานเซวียนก็ดี หรือร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวที่มีเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของเขาแฝงตัวคอยกลืนกินเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของอีกฝ่ายอยู่ก็ดี
ฟั่ฟฟฟ!
ด้วยพลังอำนาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หวงเอ้อย่อมฆ่าหานเซวียนทิ้งได้ในชั่วพริบตา…
หานเซวียนนั้นเป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่แข็งแกร่งที่สุดคนในในสมรภูมิ 9 ยมโลก ถึงแม้นางจะไม่มีวารีเทพชำระโลกาเป็นที่พึ่ง แต่อาศัยพลังฝีมือส่วนตัวของนาง กล่าวไปก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ฉูเตาเค่อ เยว่เชาฉวิน หรือจี้หยิ่งที่หวงเอ้อเคยฆ่าทิ้งไปก่อนหน้าเลย..
อนิจจาใจนางไม่สงบทั้งกระวนกระวาย เพราะเห็นวารีเทพชำระโลกากำลังถูกกลืนกิน
ถึงแม้จะรู้สึกตัวตอนที่ต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาดักขวาง ทั้งเห็นหวงเอ้อท่องกระบี่จี้ดัชนีเข้าใส่ แต่มันก็สายไปแล้ว…
รู้ตัวอีกที แสงพลังทำลายล้างก็ทะลวงเจาะหว่างคิ้วไปเรียบร้อย…
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ทันทีที่หานเซวียนตายตก พวกหยางเหมิงทั้ง 4 ก็เสมือนถูกน้ำเย็นราดรดลงหัว ฟื้นสติกันทันที แต่ละคนหยุดร่างกลางหาว หวาดกลัวจนเหงื่อเย็นชุ่มโชก!
แม้แต่กองทัพสัตว์อสูรเองที่เริ่มเคลื่อนไหวหลังอสูรเพลิงพุ่งร่าง ก็พากันหยุดนิ่งกลางหาวอย่างพร้อมเพรียง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ความคึกคักฮึกเหิมและพลังเพลิงที่ลุกโชนโชติช่วงก่อนหน้าพลันซบเซาลงถนัดตา แต่ละตัวแลดูหวาดกลัวไม่น้อย
สัตว์อสูรเหล่านี้จะอย่างไรก็เป็นสัตว์อมตะ แม้จะด้อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นไร้สติปัญญา…
อีกทั้งพวกมันได้รับการฝึกฝนโดยวิชาฝึกสัตว์อสูรบางอย่างจากอสูรเพลิง จิตวิญญาณของพวกมันจึงเชื่อมโยงกับอสูรเพลิง…
เมื่ออสูรเพลิงตกอยู่ในความหวาดกลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหว พวกมันเองก็สัมผัสถึงความรู้สึกดังกล่าวได้เช่นกัน เช่นนั้นพวกมันก็เลยพลอยหวาดกลัวไปด้วย
ตอนนี้ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะอยู่ห่างต้นไม้เทพสนหลิวพอสมควร และพวกหยางเหมิงทั้ง 4 ก็อยู่ห่างร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวที่มีเทพเบญจธาตุของพวกมันอยู่แค่ไม่กี่สิบก้าว แต่พวกมันก็ไม่กล้าขยับไปต่อ เพราะเบื้องหน้านั้น ปรากฏร่างสตรีในชุดหลากสียืนอยู่บนกระบี่ขวางอยู่…พวกมันกลัวว่าหากก้าวออกไปต่อแม้ก้าวเดียวจะตามรอยหานเซวียนไป!
หวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งที่ยืนบนกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน มองจ้องไปยังพวกหยางเหมิงทั้ง 4 ด้วยสายตาไร้แยแส กลิ่นอายพลังทำลายล้างกำจายออกจากทั่วร่างไม่หยุด กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเองก็ปรากฏแสงพลังเรืองรองขึ้นมาตลอดเวลา ราวกับขอเพียงพวกหยางเหมิงกล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว นางจะลงมือเข่นฆ่าปานสายฟ้าฟาดทันที!
เรียกว่าหวงเอ้อที่ท่องกระบี่ค้างกลางหาวเบื้องหน้า สภาวะไม่ต่างอะไรกับเทพกระบี่เลย…
หนึ่งคนหนึ่งกระบี่พร้อมต่อกรทั้งใต้หล้า…
ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น