หวงเอ้อเพียงยืนอยู่ตรงนั้น ชุดกระโปรงสีรุ้งสั่นไหวเบาๆ มองไปดั่งภาพวาดโฉมงามบนกระบี่บิน แลดูงดงามสะดุดตาไม่น้อย
กลับกันด้านหยางเหมิง ถานจิน อสูรเพลิง และเหอชุนลี่ แต่ละคนหยุดร่างค้างกลางหาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เหงื่อกาฬหลั่งไหลทั่วร่าง พวกมันไม่อาจติดต่อกับเทพเบญจธาตุของตัวเองได้ แถมยังตระหนักว่าเทพเบญจธาตุของต้วนหลิงเทียนกำลังกลืนกินเทพเบญจธาตุของพวกมันอีก…
อนิจจา ด้วยมีหวงเอ้อท่องกระบี่หยุดขวางเบื้องหน้าแบบนี้ พวกกมันก็หวาดกลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหวส่งเดช
“ต้วนหลิงเทียน!”
เป็นหยางเหมิงที่หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง กล่าวออกเสียงหนัก “ขอเพียงเจ้ายินดีปล่อยปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินของข้าไป…ตัวข้าหยางเหมิงขอสาบาน ว่าหลังจากนี้ไปข้าจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูของเจ้าอีก กระทั่งข้าจะไม่โผล่หน้ามาให้เจ้าเห็น และหากบังเอิญเจอเจ้าข้าจะรีบหนีไปให้พ้นสายตาเจ้าทันที”
“ต้วนหลิงเทียน ข้าเองก็พร้อมจะทำเช่นนั้น”
ถานจินเร่งกล่าวตาม
สำหรับอสูรเพลิงและเหอชุนลี่ ถึงแม้พวกมันทั้งคู่จะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาเว้าวอนที่มองไปยังต้วนหลิงเทียนก็บอกเจตนาชัด
หากต้วนหลิงเทียนเต็มใจปล่อยหยางเหมิงกับถานจินไป พวกมันก็จะรับปากต้วนหลิงเทียนดุจเดียวกัน จะรีบพาเทพเบญจธาตุจากไปให้ไกล และไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีก
อย่างน้อยๆหลังจากนี้สักพักพวกมันก็จะไม่มาตอแยต้วนหลิงเทียน
“พวกเจ้าอยากทำอะไรก็เชิญ”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหยางเหมิงกับพวกทั้ง 4 ด้วยสายตาไม่แยแส กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าอุตส่าห์ตระเตรียมวางแผนไว้ตั้งหลายวัน หมายล่อให้พวกเจ้ามาติดกับ…วันนี้ในเมื่อพวกเจ้ามากันแล้ว แถมยังนำเทพเบญจธาตุมาส่งให้ข้าถึงที่ ข้าเองก็ไม่คิดจะล้มเลิกกลางคันหรอก”
“หากพวกเจ้าอยากได้เทพเบญจธาตุกลับไป ก็เชิญลงมือได้เลย”
“แต่พวกเจ้าเร่งมือหน่อยก็ดี…เพราะข้าเกรงว่ามันจะสายเกินไป สุดท้ายพวกเจ้าอาจจะทำได้แค่มองดูเทพเบญจธาตุของพวกเจ้าถูกเทพเบญจธาตุของข้ากลืนกินจนหมด”
คำพูดของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าทำให้พวกหยางเหมิงทั้ง 4 มีโมโหนัก สีหน้าของพวกมันแต่ละคนเปลี่ยนไปทันที พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในสายตาก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน
อนิจจาต้วนหลิงเทียนยังคงมองพวกมันอย่างไม่แยแส
วันนี้หากไม่ใช่เพราะเขาตระเตรียมการไว้ก่อนจนมีเปรียบ เกรงว่าคนที่ต้องตายก็คือเขา
ดังนั้นสำหรับทั้ง 4 คนเบื้องหน้า เขาไม่มีความคิดจะเมตตาสงสารพวกมันแม้แต่น้อย หากพวกมันจะโทษใครก็ได้แต่โทษตัวเอง!
“ลงมือเถอะ! ต่อให้ตายก็ต้องช่วยเทพเบญจธาตุของพวกเรากลับมาให้ได้ หาไม่แล้วอนาคตสดใสของพวกเราก็มีอันต้องพังทลายหมดสิ้น!”
เหอชุนลี่เอ่ยออกเสียงหนัก
ถึงแม้จะไม่มีเทพเบญจธาตุ แต่เหอชุนลี่ก็มั่นใจว่าตัวเองต้องบรรลุถึงขอบเขตเทพได้แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นตัวตนที่มีแม้แต่โอกาสจะบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด! อยู่ๆกลับต้องมาสูญเสียโอกาสเช่นนั้นไป ประหนึ่งร่วงตกฟ้ามาจมโคลน ความตกต่ำแบบนี้ นางไหนเลยจะรับได้
ไม่เพียงแต่เหอชุนหลี่เท่านั้น แต่อีกสามคนก็เช่นเดียวกัน
ผู้ที่เคยยืนอยู่ที่สูง ไหนเลยจะอยากตกต่ำ
“อสูรเพลิง! เจ้ากับหยางเหมิงไปรับมือจิตวิญญาณกระบี่เทพขั้นสูงเล่มนั้น ส่วนข้ากับเหอชุนลี่คนหนึ่งจะไปจัดการต้วนหลิงเทียน ส่วนอีกคนจะไปช่วยเทพเบญจธาตุของพวกเรา!”
สีหน้าถานจินเต็มไปด้วยความเคร่งขึม เร่งกล่าวนัดแนะแผนการออกมาเสียงเครียด แลดูเอาจริงเอาจังนัก
“ไฉนต้องเป็นพวกเราที่ไปพัวพันกับจิตวิญญาณกระบี่ด้วย?”
อสูรเพลิงเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จิตวิญญาณกระบี่เทพขั้นสูงนั่นน่ากลัวมาก พลังอีกฝ่ายร้ายกาจขนาดไหนเมื่อครู่มันก็เห็นกับตาแล้ว หากเลือกได้มันไม่อยากเผชิญหน้ากับนางจริงๆ
“อสูรเพลิง ไม่ใช่ว่าข้าจงใจมอบงานยากให้พวกเจ้า…แต่เจ้ามีกองทัพสัตว์อสูร แถมการป้องกันของหยางเหมิงก็แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเราทั้ง 4 เช่นนั้นคนที่เหมาะจะไปถ่วงรั้งนางเอาไว้ก็คือพวกเจ้า…”
ถานจินไม่แปลกใจที่อสูรเพลิงจะตั้งคำถามกับการตัดสินใจของมัน จึงอธิบายให้อีกฝ่ายฟังทันที
“อสูรเพลิง!”
ตอนนี้เอง หยางเหมิงก็เร่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ “ตอนนี้มีแต่ต้องทำเช่นนี้เท่านั้น รีบลงมือเถอะ…หาชักช้าข้าเกรงว่าเทพเบญจธาตุของพวกเราคงโดนกลืนกินไม่เหลือแล้ว!”
“ข้าคิดว่า เจ้าเองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นกระมัง?”
“เจ้าอย่าได้ห่วงไป ข้าเจ้ารวมถึงกองทัพสัตว์อมตะของเจ้าแค่พยายามถ่วงรั้งนางเท่านั้น ข้าจะนำเองเจ้าคอยหนุนเสริมข้าด้านหลัง ทั้งให้กองทัพสัตว์อมตะคอยก่อกวนนางไปก็พอ”
หลังได้ยินคำพูดของหยางเหมิง อสูรเพลิงก็ไม่คิดยึกยักอะไรอีก ทั้งคู่มอบสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นภายใต้การนำของหยางเหมิง พวกมันก็ลงมือพร้อมกัน ปรี่ตรงเข้าใส่ร่างสตรีงามในชุดสีรุ้งบนกระบี่บินทันที
ส่วนด้านถานจินกับเหอชุนลี่ คนหนึ่งปะทุพลังเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน ส่วนอีกคนเร่งรุดพุ่งร่างไปยังร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว ที่เทพเบญจธาตุของพวกมันถูกจับอยู่อย่างไม่รอช้า
ต้องกล่าวเลยว่า พวกมันเลือกลงมือได้เหมาะสมดีจริงๆ
อนิจจาพวกมันมองข้ามปัญหาไปข้อหนึ่ง ทั้งยังเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
นั่นก็คือ ตอนนี้พวกมันอยู่ในค่ายกล!
ค่ายกลกลืนวิญญาณเบญจธาตุ ต้วนหลิงเทียนได้จัดตั้งตามคำชี้แนะของวารีเทพชำระโลกา 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุของเขาอย่างพิถีพิถัน และวัตถุประสงค์ของค่ายกลนี้ก็คือ สะกดเทพเบญจธาตุทั้งกลืนกินมัน! แน่นอนว่าไม่ใช่เทพเบญจธาตุของต้วนหลิงเทียนแต่เป็นเทพเบญจธาตุคนอื่นๆ!
ไม่ว่าจะเป็นเทพเบญจธาตุใดๆ หากตกอยู่ในค่ายกลกลืนวิญญาณเทพเบญจธาตุ พวกมันไม่เพียงแต่จะถูกบังคับให้จ่ายพลังเพื่อประคองค่ายกล แต่ยังถูกสะกดสำนึกสติให้อยู่ในห้วงนิทราไม่อาจตื่นขึ้นมาได้เอง
นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ไฉนพวกหยางเหมิงกับคนอื่นๆ ถึงไม่อาจติดต่อกับเทพเบญจธาตุของตัวเองได้
และตอนนี้ค่ายกล กลืนวิญญาณเทพเบญจธาตุ ก็ใช้พลังของเทพเบญจธาตุของพวกหยางเหมิงเป็นแหล่งจ่ายพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่เทพเบญจธาตุของต้วนหลิงเทียน…แน่นอนว่าหากคิดจะทำลายค่ายกลนี้ เพียงแค่ทำลายตาค่ายกลที่อยู่บริเวณใจกลางเท่านั้น เพียงแต่ตาค่ายกลที่ว่าบัดนี้มีร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียนครอบเอาเอาไว้
การจะทำลายค่ายกล เป็นเรื่องง่าย……
แค่ทำลายร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียนให้ได้เสียก่อน…
เพียงแต่ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวในปัจจุบัน ได้รับความคุ้มครองจากเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของพวกหยางเหมิง เพราะพวกมันกลายเป็นขุมพลังที่คอยขับเคลื่อนค่ายกลไปแล้ว เช่นนั้นพวกมันก็ต้องจ่ายพลังเพื่อรักษาร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวด้วย!..
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
เผชิญหน้ากับหยางเหมิง อสูรเพลิง รวมถึงกองทัพสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลของอสูรเพลิง สีหน้าหวงเอ้อยังคงเย็นชาไร้แส คนลงมือฉับไวปานอัสนีฟาด รังสีกระบี่อันแหลมคมพุ่งออกจากกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนไปสายแล้วสายเล่า ดั่งห่าฝนกระหน่ำเข้าใส่ศัตรู…
“มาได้ดี!”
หยางเหมิงตะโกนออกมาเสียงดังลั่น พลังสีกากีทะลักล้นออกมาจากร่างมหาศาล ก่อเกิดเป็นโล่ป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่าป้องกันรังสีกระบี่ของหวงเอ้ออย่างแข็งขัน
ถึงแม้ว่าโล่ป้องกันแต่ละชั้นจะทนรังสีกระบี่หวงเอ้อได้ไม่กี่สาย แต่มันก็อาศัยการสร้างโล่ติดต่อไม่หยุด ทำให้รังสีกระบี่ของหวงเอ้อไม่อาจทำร้ายมันได้ง่ายๆ
จะอย่างไร หยางเหมิงก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนหนึ่ง และเชี่ยวชาญกฏแห่งดินที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘เอกอุในการป้องกัน’
แต่เป็นธรรมดาว่าอาศัยหยางเหมิงคนเดียว คงไม่พอจะหยุดการโจมตีของหวงเอ้อได้นาน
“จิตวิญญาณกระบี่เทพ มาดูกันเถอะว่าข้าจะทำลายเจ้าอย่างไร!”
เพลิงไฟทั่วร่างอสูรเพลิงเองก็ลุกโชนโชติช่วง พริบตาคนก็คล้ายกลับกลายเป็นยักษ์เพลิงตัวเขื่อง เพียงยกมือขึ้นปานจะเผาฟ้า ย่ำเท้าปานจะเผาปฐพี สภาวะพลังแกร่งกล้าน่าเกรงขามนัก
“ฮู่มมม!!”
“กรรร!!”
…
เหล่าทัพสัตว์อสูรเองก็ไม่ได้อยู่เฉย พวกมันบุกตะลุยเข้าใส่หวงเอ้ออย่างพร้อมเพรียง ถึงแม้ลึกลงไปในแววตาของพวกมันแต่ละตัวจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ความเคลื่อนไหวก็ไม่เชื่องช้าแต่อย่างใด ด้วยจำนวนมหาศาลทำให้สัตว์อสูรด้านหลังไม่เห็นว่าด้านหน้าเกิดอะไรขึ้น ทำให้พวกมันดันไถบุกตะลุยเข้าไปไม่หยุด
ไม่ว่าจะหยางเหมิงกับอสูรเพลิงเอง ก็รู้ดีว่าหน้าที่ถ่วงรั้งจิตวิญญาณกระบี่เทพเอาไว้สำคัญขนาดไหน เพื่อไม่ให้นางมีเวลาไปเข่นฆ่าถานจินกับเหอชุนลี่ พวกมันต้องลงมือเต็มกำลัง!
เป็นธรรมดาว่าหากสบโอกาสเหมาะ พวกมันก็คิดจะทำลายจิตวิญญาณกระบี่เบื้องหน้าเสีย!
อนิจจาเพียงเริ่มปะทะกับอีกฝ่ายได้ไม่ทันไร พวกมันก็สำเหนียกตัวเองดีว่าลำพังจะป้องกันนางก็เต็มกลืน นับประสาอะไรกับจะทำลายอีกฝ่าย!
“ถานจิน เหอชุนลี่ เร่งมือเร็วเข้า! พวกเราถ่วงรั้งนางไว้ได้ไม่นานหรอกนะ!!”
หยางเหมิงที่เร่งเร้าพลังสุดตัวเพื่อสร้างโล่ปฐพี ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ ตอนนี้ใบหน้าแผ่นหลังมันชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ แลดูเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
ด้านอสูรเพลิงที่กลายสภาพเป็นยักษ์ไฟตัวเขื่องได้ล้มเลิกความคิดโจมตีไปหมดสิ้น มันได้แต่ดิ้นรนหลบการโจมตีของห้วงเอ้อย่างหวาดเสียวเท่านั้น และถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยกองทัพสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลกลุ้มรุมเข้าใส่หวงเอ้อจากทุกทิศทาง เพื่อไม่ให้หวงเอ้อเล่นงานมันได้ง่ายๆ…มันอาจตกตายไปแล้ว!
ตอนนี้หยางเหมิงกับอสูรเพลิงเรียกว่ากำลังดิ้นรนกันสุดชีวิต!
พวกมันไม่อาจไม่ดิ้นรนสุดชีวิต ทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือเทพเบญจธาตุของพวกมัน!
ส่วนอีกด้านนั้น ถานจินที่บัดนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยแสงพลังสีทองก็ห้อเหยียดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง! มองไกลๆคล้ายดาบทองเล่มเขื่องกำลังเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง…
ด้านเหอชุนลี่ นางก็ปลดปล่อยทั้งหมดสร้างเถาวัลย์เส้นเขื่องจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งจู่โจมเข้าใส่ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวอย่างดุดัน
“ถานจิน…”
เมื่อเห็นร่างคนที่ปกคลุมไปด้วยแสงพลังสีทองเข่นฆ่าเข้ามา ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเล็กน้อย เขาย่อมจดจำได้ว่าอีกฝ่ายชื่อถานจิน และข้อมูลที่เขารู้มาก็คืออีกฝ่ายเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง พลังโจมตีของมันนับว่าสูงเป็นอันดับต้นๆของสมรภูมิ 9 ยมโลก…
ด้วยมีตัวตนเช่นนี้บุกเข่นฆ่าเข้ามา ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกกดดันอยู่บ้าง แต่เลือดทั่วร่างก็สูบฉีดแล่นพล่าน มากล้นไปด้วยความกระหายในการต่อสู้!
จิตต่อสู้อันน่าเกรงขามแหลมคมยังพวยพุ่งขึ้นมาปานจะทะลุฟ้า!
“มาได้ดี!”
เมื่อเห็นว่าร่างสีทอง อันปกคลุมไปด้วยดาบพลังสีทองเล่มเขื่องเข่นฆ่าเข้ามาถึงเบื้องหน้า ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลง จากนั้นคนก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่เหนือศีรษะถานจิน!
ถานจินเองก็คล้ายมีดวงตางอกเงยอยู่บนหัว สองเท้าย่ำลงอย่างแรงจนอากาศแตกระเบิด คนพุ่งขึ้นฟ้าฉับไวปานประกายแสง! คลื่นพลังอันน่ากลัวยังระเบิดออกมาในฉับพลัน มวลพลังกวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ ไอน้ำในอากาศบัดนี้ยังระเหยหายไปหมดสิ้น!!
ดาบสีทองของมันคล้ายทวีพลังอานุวภาพขึ้นในฉับพลัน มองให้ดีจะเห็นอัสนีสีทองปานอสรพิษแล่นวาบแปลบปลาบไปทั่วตัวดาบ ราวกับรอให้ต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนมิติแต่แรกค่อยปะทุพลังทั้งหมด!
ด้านต้วนหลิงเทียนเอง ก็ไม่มีเวลาใช้เคลื่อนมิติอีกครั้ง
“วิถีควบคุม”
สองตาต้วนหลิงเทียนควบแน่น ใช้ออกด้วยวิถีควบคุม สร้างอาณาเขตมิติอันทรงพลังอำนาจ จากนั้นก็ตวัดกระบี่ในมือออกตามมรรคากระบี่มิติที่บรรลุส่วนเข้าใส่ดาบสีทองทันที! แม้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนไม่ได้อยู่กับเขา แต่เขาก็ยังมีกระบี่เทพที่ไม่มีจิตวิญญาณกระบี่เก็บไว้ในแหวนพื้นที่อีกหลายเล่ม!!
“บัดซบ! มันยังมีกระบี่เทพอีกเช่นนั้นรึ?!”
เดิมทีถานจินคิดว่ามันจะสามารถจัดการสยบต้วนหลิงเทียนได้ง่ายๆ! เพราะอุปกรณ์เทพขั้นสูงของต้วนหลิงเทียนถูกถ่วงรั้งเอาไว้ไม่อาจใช้ได้ แต่มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะชักกระบี่เล่มอื่นออกมาเสียอย่างนั้น แถมจากกลิ่นอายพลังแหลมคมอันน่ากลัวของตัวกระบี่ มันก็บอกได้ทันทีว่าเป็นอุปกรณ์เทพ!
ที่แท้ต้วนหลิงเทียนมีอุปกรณ์เทพเท่าไหร่กันแน่?!
ซัว! ซัว! ซัว!
…
รังสีกระบี่อันอัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจของกฏมิติ พุ่งสวนเข้าใส่ดาบพลังสีทองของถานจินด้วยความเร็วสูง สภาวะพลังคมกล้าดุร้ายไม่ใช่ชั่ว!
ทันใดนั้น ถานจินที่พุ่งมาด้วยสภาวะพลังดุร้าย เลือกจะชกหมัดขวาขึ้นฟ้าไปสุดตัว ในมือมันสวมไว้ด้วยสนับมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ พลังกฏแห่งทองที่ระเบิดออกมา พุ่งออกไปหนุนเสริมปลายดาบพลังสีทองฉับไว จนอัสนีพลังสีทองที่แลบลั่นทวีจำนวนขึ้นจนนับไม่ถ้วน เปล่งแสงจ้าแสบตายิ่ง!
ไม่นานนักรังสีกระบี่มิติก็ปะทะเข้ากับดาบพลังสีทอง!
พลังสองขุม แรกปะทะก็ไร้ซึ่งสำเนียงใด
หากทว่าหลังเงียบได้ไม่ทันไร ก็บังเกิดการระเบิดของพลังอันน่าสะพรึงกลัว ฟ้าดินสว่างไสวไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆหวนกลับสู่ปกติ!
จากนั้นร่างต้วนหลิงเทียนกับถานจินก็ผละถอยออกไป สองคนหยุดลอยเผชิญหน้ากันกลางหาว ท่าทางแต่ละคนยังแลดูงุ่มง่ามอยู่บ้าง