ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็ไม่ได้มีนักศึกษาระดับ 10 ดาวมากมายอะไร
  ปัจจุบันก็มีกันแค่ 30 คนทเท่านั้น
  สุดท้ายแล้วนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เมื่ออายุครบ 3,000 ปีเมื่อไหร่ ก็จะถือว่าจบการศึกษาจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และสามารถเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับได้ทันที
  เป็นธรรมดาว่านักศึกษา 10 ดาวที่จบจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ยามเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ ก็จะได้เป็นศิษย์สายในทันที ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนทำผลงานเหมือนศิษย์สายนอกทั่วไป เพราะปกติแล้วศิษย์สายนอกนั้นจำต้องดิ้นรนทำผลงานและมีพลังฝีมือเป็นอันดับต้นๆของศิษย์สายนอก ถึงจะเลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์ฝ่ายในได้
  ตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่มีนักศึกษา 10 ดาวคนใหม่เลย…
  ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีคนนอกจำนวนมากที่มาเข้าทดสอบประเมินเป็นนักศึกษา 10 ดาว แต่ทั้งหมดล้วนล้มเหลว…อีกทั้งนักศึกษา 9 ดาวของสถานศึกษาเอง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านการทดสอบยกระดับเป็นนักศึกษา 10 ดาวได้เลย กระทั่งอายุครบกำหนดแล้วก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ถูกขับออกจากสถานศึกษาไป
  แน่นอนว่านักศึกษา 9 ดาวที่ถูกขับออกดังกล่าว สามารถเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับได้ แต่จะเป็นได้แค่ศิษย์สายนอกเท่านั้น หากไม่เข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับในฐานะศิษย์สายนอก ก็คือไม่เข้าร่วมนิกายหมอกเร้นลับเลย เรียกว่าสิ้นสุดความเกี่ยวข้องกับนิกายหมอกเร้นลับไปโดยปริยาย
  อันที่จริง มีเพียงนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเท่านั้น ที่เข้าถึงทรัพยากรล้ำค่าที่แท้จริงของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
  ทรัพยากรล้ำค่าที่ว่า ก็ได้แก่เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับราชาเทพเป็นต้น
  ยังมีบางอย่างที่ช่วยให้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้มากขึ้น
  …
  ด้านต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ก็ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าชายชราด้านนอกกำลังคิดอะไรอยู่
  ตอนนี้เขากำลังเดินขึ้นบันได เพื่อไปยังชั้นที่ 2 ของเจดีย์ทดสอบ
  บันไดที่ว่าก็ไม่เคยปรากฏออกมาก่อน
  กล่าวให้ถูกคือมันยังไม่ปรากฏออกมา จนเมื่อต้วนหลิงเทียนผ่านด่านทดสอบทั้ง 10 ด่านของเจดีย์ทดสอบชั้นที่ 1
  ‘ด่านทดสอบทั้งหมดในชั้นที่ 1 ของเจดีย์ทดสอบ ถือว่าไม่ยากเย็นอะไร ขอเพียงเป็นผู้ที่ผ่านเกณฑ์เข้าทดสอบเป็นนักศึกษา 10 ดาวตามกำหนด ก็สามารถผ่านมันได้ไม่ยาก…และด้วยเกณฑ์ที่ค่อนข้างเข้มงวดนั่น เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ผ่านเกณฑ์ สมควรทำลายร่างวิญญาณค่ายกลแต่ละด่านได้ในกระบวนท่าเดียว’
  ขณะที่ครุ่นคิดไปเรื่อย ต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึงบันไดขั้นบนสุดแล้ว พอก้าวเท้าขึ้นไป ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็แปรเปลี่ยนไปทันที
  คราวนี้หลังฉากเปลี่ยนไป ก็ไม่มีพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่อะไรอีก แต่เสมือนหลุดมาอยู่ในขุมนรกแห่งความมืดก็ไม่ปาน เพราะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความมืดมิด กระทั่งยังเป็นความมืดมิดที่ไม่อาจแลเห็นแม้แต่นิ้วมือทั้ง 5
  พอพบเจอสถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร พลังเทพทั่วร่างพวพุ่งขึ้นมา และด้วยแสงพลัง ก็ทำให้อาณาบริเวณรอบกายเริ่มสว่างขึ้น
  แน่นอนว่ากฏที่เขาใช้ไม่ใช่กฏแห่งไฟ แถมไม่ได้เร่งเร้าพลังเทพอะไรมากมาย ทำให้แสงพลังของเขาเพียงส่องสว่างพื้นที่เล็กๆรอบตัวเท่านั้น…และรัศมีดังกล่าวก็อยู่ในขอบเขตของวิถีควบคุมเขาเช่นกัน
  ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องจะถูกซุ่มโจมตีแต่อยย่างใด
  ตั้งแต่ที่เห็นสภาพแวดล้อมอันมืดมิดของเจดีย์ทดสอบชั้นที่ 2 ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเดาได้ว่า การทดสอบของชั้นนี้สมควรเน้นหนักไปยังเรื่องการรับมือการลอบโจมตี
  เดิมทีด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ขอเพียงต้วนหลิงเทียนใช้วิถีควบคุม 1 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกเลย เขาก็สามารถรับมือกับการลอบโจมตีได้ทุกรูปแบบอย่างง่ายดาย…อย่างไรก็ตามพอเขาคิดได้ว่า อาจถูกชายชราแอบดูสถานการณ์ความเป็นไปอยู่ เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะใช้วิถีควบคุมทันที
  ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น….
  เขาไม่คิดจะเปิดเผยความเข้าใจในจตุรวิถีสวรรค์และโลกของเขาเร็วเกินไป
  อย่างน้อยๆในระหว่างอยู่ที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ กระทั่งนิกายหมอกเร้นลับเขาก็ไม่คิดจะใช้
  ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
  …
  แว่วเสียงสายลมแผ่วๆดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ทันทีว่ามีร่างที่แฝงตัวในความมืดมิดได้เปิดฉากจู่โจมเข้ามาจากทุกทิศทาง! เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ ชั้นที่ 2 เป็นการทดสอบการรับมือสถานการณ์ถูกซุ่มโจมตี
  ไม่นานนักร่าจิตวิญญาณค่ายกลของชั้นที่ 2 ก็ปรากฏขึ้นในสายตาเขา เป็นร่างภูตผีมีลักษณะคล้ายผู้คนกว่าโหล ที่จู่โจมเข้าใส่เขาจากทั่วสารทิศ และการลงมือของพวกมันก็จี้ตรงเข้าใส่จุดที่รับมือยากอย่างพร้อมเพรียง
  ‘ความแข็งแกร่งของร่างจิตวิญญาณค่ายกลรอบนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างจากร่างจิตวิญญาณค่ายกลด่านสุดท้ายในชั้นที่ 1 เท่าไหร่’
  ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะคิดถึงจุดนี้ พลังเทพทั่วร่างของเขาก็ได้ปะทุขึ้นมา อัดแน่นไปด้วยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ อาศัยกระบวนท่าเดียวก็จัดการร่างจิตวิญญาณค่ายกลกว่าโหลได้ในคราเดียว เป็นการลงมืออันรวบรัดหมดจดนัก
  ต้วนหลิงเทียนค่อยๆผ่านด่านทดสอบของชั้น 2 ไปทีละด่านๆ อย่างไม่ได้เปลืองแรงอะไร
  จนเมื่อมาถึงด่านที่ 6 ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าร่างจิตวิญญาณค่ายกลนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก แม้ระดับพลังของพวกมันจะยังเป็นเทพขั้นต่ำอยู่ แต่ทว่าพวกมันเริ่มใช้การผสานความความลึกซึ้งของกฏแล้ว แม้จะเป็นการผสานความความลึกซึ้งของกฏทั่วไป 2 ประการชุดเดียว แต่เมื่อเทียบกับร่างจิตวิญญาณค่ายกลก่อนหน้า พลังของพวกมันก็แตกต่างกันคนละเรื่อง!
  เรียกว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
  ‘ตอนนี้ก็ได้เวลาทำตัวให้ไม่เด่นเกินไป…’
  ถึงแม้ด้วยพลังของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน เขาก็สามารถกวาดล้างร่างจิตวิญญาณค่ายกลได้ในกระบวนท่าเดียวอย่างไม่เหนื่อยแรง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น หลังจากทำทีเป็นหลีกหลบป้องกันอยู่สิบกว่าลมหายใจ เขาก็อาศัย 3 กระบวนท่าต่อเนื่องเพื่อทำลายร่างจิตวิญญาณค่ายกลทั้งหมด
  ‘ใช้ไปสิบกว่าลมหายใจแบบนี้…ก็ถือว่านานมากพอแล้วกระมัง?’
  ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ
  อันที่จริงต้วนหลิงเทียนได้เริ่มออมมือตั้งแต่ที่ผ่านด่านแรกของชั้นที่ 2 แล้ว แต่ละด่านเขาเริ่มประวิงเวลามากขึ้นเรื่อยๆ ด่านหลังๆที่พึ่งผ่านมา เขาก็ประวิงเวลาเป็น 10 ลมหายใจ
  ในเวลาเดียวกัน…
  ด้านนอกเจดีย์ทดสอบ
  “ด่านที่ 6 ของชั้น 2…เจ้าหนูนั่นมันใช้เวลาเพียงแค่ 15 ลมหายใจกระนั้นรึ!?”
  เดิมทีเมื่อเห็นผงานก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าชายชราก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจแล้ว และมันเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนต้องผ่านการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวและกลายเป็นนักศึกษา 10 ดาวคนใหม่ในรอบ 30 ปีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้แน่นอน…แต่พอพบว่าอีกฝ่ายกลับผ่านด่านที่ 6 ของชั้นที่ 2 ได้ในเวลาแค่ 15 ลมหายใจ มันก็ตกตะลึงจนตัวแข็งแล้วจริงๆ
  ต้องทราบด้วยว่า ด่านที่ 6 ของชั้นที่ 2 เสมือนเป็นอีกระดับที่แตกต่างกัน
  ในด่านที่ 5 ของชั้น 2 ก็มีผู้คนมากมายในสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่ใช้เวลาในการผ่านมันไม่ถึง 10 ลมหายใจ
  อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่ใช้เวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจในด่านที่ 5 ของชั้นที่ 2 นั้น ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ยยังต้องใช้เวลากว่า 50 ลมหายใจเพื่อผ่านการทดสอบด่านที่ 6 ของชั้นที่ 2!
  ทว่าตอนนี้ ชายหนุ่มที่อยู่ในเจดีย์ทดสอบ กลับใช้เวลาเพียง 15 ลมหายใจเท่านั้น!
  ล้อกันเล่นหรือไร!?
  “หรือว่า…ค่ายกลสร้างร่างวิญญาณทดสอบในเจดีย์จักทำงานผิดปกติ?”
  พอคิดถึงจุดนี้ สำนึกเทวะของชายชราก็แผ่พุ่งปังยอดเจดีย์ทันที จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบค่ายกลที่จัดตั้งไว้ อย่างไรก็ตามหลังตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ 10 กว่าลมหายใจ แถมยังทำการตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ…ในที่สุดมันก็ยืนยันได้ว่า…
  ค่ายกลในเจดีย์ทดสอบไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
  “หืม?”
  พอชายชรากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พอมองไปยังชั้นที่ 2 ของเจดีย์ทดสอบที่ลอยล่องอยู่เบื้องหน้า มันก็พบว่าความเข้มของแสงที่ส่องสว่างออกมานั้น มากกว่าก่อนหน้าที่จำได้คนละเรื่อง “อะไร? ไม่ทันไรมันก็ผ่านไปอีก 3 ด่านแล้ว?”
  ชายชราถึงกับอึ้ง
  มันไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
  เจ้าหนูที่อยู่ด้านในนั่น ในขณะที่มันง่วนอยู่กับการตรวจสอบค่ายกลของเจดีย์ พวกก็ผ่านด่านทดสอบไปอีก 3 ด่านแล้ว?!
  “ตั้งแต่เมื่อครู่ จนถึงตอนนี้…ดูเหมือนจะยังผ่านไปไม่ถึง 50 ลมหายใจกระมัง?
  ร่างชายชราเริ่มสั่น ในใจเสมือนมีมรสุมกระหน่ำมันตกตะลึงแล้วจริงๆ
  อย่างไรก็ตาม ยิ่งเวลาผ่านไป ชายชราก็ยิ่งตกใจมากขึ้น
  และสิ่งที่ทำให้มันตกใจมากที่สุดก็คือ
  แม้เจ้าหนูที่เข้าร่วมการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับคนนี้ จะใช้เวลาในการผ่านด่านทดสอบของชั้น 2 เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…อย่างไรก็ตาม ด่านที่ 10 ของชั้น 2 อีกฝ่ายก็สามารถผ่านได้ในเวลาไม่ถึง 50 ลมหายใจ!
  “ด้วยพลังฝีมือของมัน…เกรงว่าคงผ่านด่านที่ 5 ของชั้น 3 ได้กระมัง?”
  ชายชราลอบกล่าวในใจ
  และในขณะที่หัวใจชายชรายิ่งมายิ่งเต้นระรัว ต้วนหลิงเทียนก็ได้เดินขึ้นไปถึงชั้นที่ 3 ของเจดีย์ทดสอบ และเริ่มลุยด่านทดสอบเป็นที่เรียบร้อย
  “ชั้น 3 นี่มัน…”
  แค่ด่านแรกของชั้นที่ 3 ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอยู่บ้าง…แน่นอนว่าแค่รู้สึกกดดัน ‘อยู่บ้าง’ เท่านั้น
  ‘ระดับนี้…ต่อให้เป็นผู้ที่ผ่านเกณฑ์เข้าทดสอบนักศึกษา 10 ดาวอันเข้มงวดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ แต่ก็เกรงว่ายยังยากจะผ่านไปได้ ดูเหมือนเกณฑ์ผ่านการทดสอบเป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ขอแค่ผ่านด่านทดสอบชั้น 2 ทั้งหมดจนมาเหยียบชั้น 3 ก็พอ…’
  ในขณะที่เผชิญกับการกลุ้มรุมจู่โจมของร่างจิตวิญญาณค่ายกลในด่านแรกบนชั้นที่ 3 ของเจดีย์ทดสอบ ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างหลีกหลบเพื่อประวิงเวลาไปเรื่อยๆ ไม่คิดจะลงมือทำลายร่างจิตวิญญาณค่ายกลแต่อย่างใด
  ด้านนอกเจดีย์ทดสอบ ชายชราอดขมวดคิ้วไม่ได้ “นี่มันก็หนึ่งเค่อเข้าไปแล้ว…หรือเจ้าหนูนั่นจักรู้ตัวแล้ว ว่าการทดสอบของนักศึกษา 10 ดาวเราจบลงแต่เพียงเท่านี้ จึงไม่คิดผ่านด่านต่อ?”
  ในความเห็นของมัน ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนที่สามารถผ่านด่านทดสอบทั้ง 10 ของชั้นที่ 2 ไดในเวลาที่รวดเร็วจนเหลือเชื่อ ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากเย็นอะไรหากคิดจะผ่านด่านทดสอบ 5 ด่านในชั้นที่ 3
  ยิ่งไปกว่านั้น จากที่มันคำนวณ อีกฝ่ายสมควรผ่านด่านแรกของชั้นที่ 3 ได้นานแล้ว
  ในขณะที่ชาชราขมวดคิ้วยู่ย่น มันก็พบว่าแสงที่สาดส่องออกมาจากชั้นที่ 3 ของเจดีย์ได้เข้มขึ้นหลายส่วน…บ่งบอกว่าผู้ทดสอบได้ผ่านด่านแรกของชั้นที่ 3 ไปยังชั้นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว
  “ดูเหมือนมันจะยังไม่รู้…”
  พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนผ่านด่านทดสอบแรกของชั้นที่ 3 ไปแล้ว ชายชราก็คลี่ยิ้มบางๆ ในดวงตาเริ่มฉายแววสงสัยใคร่รู้ “เจ้าหนูนี่…ไม่ทราบจะผ่านไปถึงด่านทดสอบที่ 6 ของชั้นที่ 3 ได้หรือไม่? และเมื่อเผชิญหน้ากับด่านทดสอบที่ 6 ไม่ทราบมันจักทำหน้าอย่างไร?”
  ในด่านทดสอบที่ 6 ของเจดีย์ทดสอบชั้นที่ 3 นั้น ในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่มีนักศึกษาแม้แต่คนเดียวที่สามารถผ่านมันไปได้
  กระทั่งในประวัติศาสตร์ของนิกายหมอกเร้นลับเอง ก็ไม่มีศิษย์คนไหนที่อายุต่ำกว่า 3,000 ปี แล้วจะสามารถผ่านได้!
  จนด่านทดสอบที่ 6 นั้น ถูกสถานศึกษาหมอกเร้นลับ หรือแม้แต่นิกายหมอกเร้นลับขนานนามว่า ‘ด่านมรณะ’
  ในขณะที่ความคิดของชายชราเริ่มล่องลอยไปเรื่อย ต้วนหลิงเทียนก็ได้ผ่านด่านที่ 2 ของชั้นที่ 3 เรียบร้อยแล้ว
  ด่านทดสอบนี้ อันที่จริงสำหรับเขาแล้วมันช่างผ่านได้ง่ายดายนัก
  อย่างไรก็ตาม เขายังเลือกยั้งมือและประวิงเวลาอยู่นาน
  …
  เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
  ต้วนหลิงเทียนที่กำลังสู้…ต้องกล่าวว่ากำลังถ่วงเวลา หลังจากเห็นว่าเนิ่นนานพอสมควรแล้ว เขาก็ผ่านด่านทดสอบที่ 5 ของชั้นที่ 3 ได้อย่างราบรื่น
  หลังจากนั้นพอเห็นระดับพลังของร่างจิตวิญญาณค่ายกลในด่านทดสอบที่ 6 ของชั้น 3 เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่อาจผ่านมันได้อีกต่อไป…เพราะถ้ายังผ่านมันไปได้ เกรงว่าคณบดีสถานศึกษาอย่างมู่หรงสุยเฟิงต้องมาหาเขาเป็นการส่วนตัวแน่นอน กระทั่งประมุขนิกายหมอกเร้นลับ หากล่วงรู้ก็คงนั่งไม่ติด
  เพราะจากการประเมินของเขา ด่านทดสอบที่ 6 ในชั้นที่ 3 ของเจดีย์ทดสอบ ไม่ใช่อะไรที่นักศึกษา 10 จะสามารถผ่านมันไปได้เลย
  กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังมั่นใจอีกด้วย
  ในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เกรงว่าคงไม่มีนักศึกษา 10 ดาวคนไหนผ่านมันไปได้
  เพราะต่อให้เป็นเขาในปัจจุบัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบในด่านที่ 6 ของชั้นที่ 3 ในเงื่อนไขที่ไม่ใช้จตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หากเขาคิดจะผ่านมัน ก็ต้องใช้อุปกรณ์เทพทั่วไป และลงมือเต็มกำลังถึงจะผ่านมันได้…
  ความยากของด่านทดสอบที่ 6 ในชั้นที่ 3 ไม่ใช่อะไรที่ด่านที่ 5 ของชั้น 3 จะเทียบได้เลย เรียกว่าเสมือนต่างกันคนละโลก คนละระดับโดยสิ้นเชิง
  ในด่านทดสอบที่ 5 ของชั้นที่ 3 แม้ต้วนหลิงเทียน จะไม่ได้ใช้จตุรวิถีของสวรรค์และโลกรวมถึงกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ขอแค่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำไร้จิตวิญญาณ เขาก็สามารถผ่านมันได้ในไม่กี่อึดใจ
  ทว่าด่านที่ 6 เกรงว่าคงต้องลงมือเหนื่อยแรงแล้วจริงๆ ถึงจะผ่าน
  “ท่านผู้เฒ่าช่วยข้าด้วย!!”
  ต้วนหลิงเทียนที่หลีกหลบการกลุ้มรุมจู่โจมของร่างจิตวิญญาณค่ายกลในด่านทดสอบที่ 6 ของชั้นที่ 3 ได้อย่างไม่ยากเย็น หลังละเล่นอยู่ไม่กี่ลมหายใจ เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือออกมาอย่างกระดากปาก…
  ถึงแม้มันจะน่าอาย แต่เขาก็ไม่อาจไม่ทำแบบนี้
  เพราะสุดท้ายแล้ว ด้วยสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ เขามีแต่ต้องตะโกนขอความช่วยเหลือในเวลาอันสั้นเท่านั้นเสมือนเขาสู้ไม่ไหวเท่านั้น หาไม่แล้วหากเขาอยู่รอดได้หลายลมหายใจ มันก็จะผิดสังเกตทันที…
  ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกช่วยไม่ได้อยู่บ้าง
  เขาก็แค่อยากทำตัวไม่โดดเด่นเท่านั้น
  ไฉนถึงได้ลำบากนัก?