ตอนที่ 3631 นักศึกษา 10 ดาว

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ชายชราที่อยู่ด้านนอกเจดีย์ทดสอบ คลี่ยิ้มบางๆอย่างอดไม่ได้
  มันไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้
  หากอีกฝ่ายไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือสิมันถึงจะแปลกใจ เพราะสุดท้ายด่านทดสอบที่ 6 ของชั้นที่ 3 นั้น อย่าว่าแต่เทพขั้นต่ำเลย ต่อให้เป็นเทพขั้นกลางที่พลังฝีมือร้ายกาจที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับของพวกมัน ก็ยากที่จะผ่านได้
  และนั่นยังอู่ในกรณีที่ใช้อุปกรณ์เทพแล้ว
  วู้ม!
  ชายชราโบกมือคราหนึ่ง ก็ปรากฏลำแสงพุ่งออกจากมือ เป็นลูกแก้วที่เปล่งแสงจ้าลูกหนึ่ง พริบตามันก็ไปหยุดลงเหนือเจดีย์ทดสอบ 3 ชั้น จากนั้นลูกแก้วดังกล่าวก็ร่วงลงมาวางลงบนปลายยอดเจดีย์ที่เป็นร่องพอดิบพอดี
  พริบตาต่อมา เจดีย์ทดสอบ 3 ชั้นก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า ตัวลูกแก้วที่พึ่งฝังตัวลงบนอดเจดีก็แผ่วงแหวนพลังออกมา จากนั้นวงแหวนพลังดังกล่าวหมุนคว้างทั้งปกคลุมไปทั่วเจดีย์
  ทันใดนั้นเอง ทั้ง 3 ชั้นของเจดีย์ทดสอบก็เรืองแสงขึ้นมาวาบหนึ่ง ก่อนจะยิงลำแสงไปยังความว่างเปล่าเร็วไว
  ลำแสงที่ยิงไปยังความว่างเปล่าดังกล่าว ทำให้ห้วงอากาศบังเกิดการกระเพื่อมปานละลอกน้ำ จากนั้นก็มีร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมา
  เป็นต้วนหลิงเทียนที่เข้าสู่เจดีย์ทดสอบ 3 ชั้นก่อนหน้า
  “ยินดีด้วย…”
  พอต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมา ชายชราก็มองกล่าวแสดงความยินดีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เจ้าหนู เจ้าผ่านการทดสอบเป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับของเราแล้ว…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรา”
  “ข้าเองก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เรียกว่า อวิ๋นฮุ่ย”
  เมื่อชายชราพูดกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใบหน้ามันหาได้เฉยเมยไร้แยแสเหมือนเคย ยังแลดูกระตือรือรั้นนัก “เจ้าหนู แล้วเจ้ามีชื่อว่าอะไร?”
  “ต้วนหลิงเทียน”
  แม้ต้วนหลิงเทียนจะพบว่าท่าทีของชายชราผิดจากก่อนหน้าราวหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แม้ก่อนหน้าอีกฝ่ายจะคล้ายเย่อหยิ่งไปบ้าง เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดแปลกแต่อย่างใด
  ในโลกที่ผู้เข้มแข็งได้รับการนับถือ ก่อนที่ท่านจะร้ายกาจมากพอ ก็มีแต่จะโดนผู้อื่นดูหมิ่นรังแกเท่านั้น
  “ชื่อดี!”
  ชายชราคลี่ยิ้ม ก่อนจะถามสืบต่อ “ว่าแต่เจ้ามาจากที่ใดรึ?”
  สำหรับคำถามดังกล่าวของชายชรา ต้วนหลิงเทียนเพียงปั้นแต่งเรื่องตอบไปอย่างขอไปที แม้ชายชราจะไปสืบค้น ก็เกรงว่าจะไม่พบเจออะไรเลย
  เนื่องเพราะสถานศึกษาหมอกเร้นลับเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ทุกปี และไม่ได้ใส่ใจกับความเป็นมาของนักศึกษามากนัก ขอเพียงมีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงพอ และเผยมันออกมาให้ประจักษ์ สถานศึกษาก็สนใจแค่ว่านี่คืออัจฉริยะที่จะประสบความสำเร็จอีกคนเท่านั้น
  และผู้ที่ผ่านเกณฑ์เป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ หากดูแค่ตระกูลราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์ ก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่ยากพานพบในรอบร้อยปี ยกตัวอย่างเช่นตระกูลโจว หนึ่งในตระกูลราชาเทพแห่งเมืองวายุสวรรค์ แต่ก็มีรุ่นเยาว์ที่เป็นนักศึกษา 10 ดาวในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ 2 คนเท่านั้น ตระกูลราชาเทพระดับแนวหน้าของเมืองวายุสวรรค์ที่เหลือก็พอๆกัน
  กระทั่งตระกูลราชาเทพบางตระกูล ยังมีแค่คนเดียวด้วยซ้ำ
  กล่าวได้ว่านักศึกษาระดับ 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงที่สุดแล้ว
  แน่นอนว่าสำหรับเมืองวายุสวรรค์เท่านั้น
  ในนิกายหมอกเร้นลับที่อยู่เบื้องหลังสถานศึกษาหมอกเร้นลับ มีศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากกว่า และมีจำนวนไม่น้อยกว่านักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับด้วยซ้ำ
  กล่าวได้ว่าในนิกายหมอกเร้นลับ มีตัวตนระดับเดียวกับนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับมาก แม้จะไม่ได้มากเท่าจำนวนเส้นขนบนวัว แต่ก็มีเป็นร้อย…
  ผู้คนเหล่านั้น ล้วนเป็นศิษย์นิกายหมอกเร้นลับ
  ตอนนี้ที่ไฉนอาจารย์ของสถานศึกษาอวิ๋นฮุ่ย ที่รับผิดชอบในนการสรรหานักศึกษา 10 ดาวถึงได้กระตือรือร้นกับต้วนหลิงเทียนนัก ไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนสามารถผ่านการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวได้…
  หากเขาเพียงผ่านการทดสอบประเมินธรรมดาๆ อวิ๋นฮุ่ยคงเฉยเมยกว่านี้
  แต่ตอนนี้มันไม่อาจอธิบายได้ว่ามันตื่นเต้นขนาดไหน
  เพราะการแสดงฝีมือในเจดีย์ทดสอบ 3 ชั้นของต้วนหลิงเทียนทำให้มันประหลาดใจมาก ยังถึงขั้นทำให้มันหวาดกลัวด้วยซ้ำ
  เพราะมันมั่นใจได้ว่า…
  ในบรรดานักศึกษา 10 ดาวทั้ง 30 คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับตอนนี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถบรรลุความสำเร็จอย่างต้วนหลิงเทียนได้
  ความเร็วในการผ่านการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวของต้วนหลิงเทียน ได้ทุบสถิติที่เคยมีมาทั้งหมด และกลายเป็นสถิติใหม่ที่น่าเหลือเชื่อนัก
  เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลย
  ถึงแม้ในชั้น 3 ของเจดีย์ทดสอบ ต้วนหลิงเทียนจะลดความเร็วในการผ่านแต่ละด่านลงแล้ว กระทั่งคนถึงขั้นแทบหาวน้ำตาไหล แต่มันก็ยังเป็นความเร็วอันน่าเหลือเชื่ออยู่ดี
  ‘ตลอดชั้น 2 ของเจดีย์ทดสอบ เวลารวมที่ใช้ผ่านทั้งสิ้นยังไม่ถึง 200 ลมหายใจด้วยซ้ำ’
  อวิ๋นฮุ่ยลอบกล่าวในใจ ‘สำหรับรายละเอียด คงต้องไปหาคณบดีเพื่อหาคำตอบ’
  หลังสนทนากับต้วนหลิงเทียนไม่กี่คำ อวิ๋นฮุ่ก็กล่าวเข้าประเด็นหลัก “เจ้าหนุ่ม เจ้าผ่านการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับของเราแล้ว บัดนี้เจ้าถือว่าเป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเราคนหนึ่ง…ตัวข้ายังต้องเฝ้ารออยู่ที่นี่เพื่อรอต้อนรับผู้สมัครคนอื่นที่อาจมาทำการทดสอบ เจ้ารอที่นี่สักครู่เดี๋ยวจักมีอาจารย์ท่านหนึ่งที่จะมาพาเจ้าไปลงทะเบียนเข้าเรียน”
  “อาจารย์ที่ข้าพึ่งเรียกไป เป็นศิษย์น้องข้าที่สอนอยู่ในสถานศึกษาเช่นเดียวกัน…มันจะคอยอำนวยความสะดวกให้เจ้าทุกอย่าง เพียงติดตามมันไปก็พอ”
  กล่าวถึงท้ายประโยคอวิ๋นฮุ่ยก็คลี่ยิ้มเป็นมิตร
  สำหรับอิจฉริยะอย่างชายหนุ่มเบื้องหน้า เรื่องที่จะสำเร็จการศึกษาออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับแล้วไปได้ดีในนิกายหมอกเร้นลับถือเป็นเรื่องราวอันแน่นอนแล้ว ถึงขั้นยามไปอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับอาจจะโดดเด่นอยย่างมากอีกด้วย
  กระทั่งยังมีโอกาสสูงที่จะบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพ!
  การสานไมตรีกับอีกฝ่ายตอนนี้ ก็มีแต่เรื่องดีไม่มีเสีย!
  “ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”
  ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม แม้เขาเองก็รู้ว่าที่ไฉนอวิ๋นฮุ่ยทำดีกับเขา ทั้งหมดเพราะคิดสานไมตรีหวังผล แต่ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจเรื่องราวเป็นธรรมดา เขาคิดว่ามันไม่แปลกอะไร และเป็นธรรมชาติของผู้คน
  แน่นอนว่ามีเพียงเขาเท่านั้น ที่รู้ว่าความเข้าใจที่อวิ๋นฮุ่ยมีต่อเขายังมีจำกัดนัก
  เป้าหมายของเขาไม่ได้คิดไปสร้างชื่อเสียงอะไรในนิกายหมอกเร้นลับเลย
  เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการใช้นิกายหมอกเร้นลับต่างแท่นกระโดด เพื่อไปโลดแล่นยังเวทีที่กว้างใหญ่ว่าในดินแดนดาราพิศวง!
  ไม่ว่าจะสถานศึกษาหมอกเร้นลับแห่งนี้ก็ดี หรือนิกายหมอกเร้นลับก็ดี มันก็แค่ทางผ่านของเขาเท่านั้น
  “ต่อไปเจ้าก็คือนักศึกษาคนหนึ่งของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรา ส่วนข้าก็เป็นอาจารย์…เช่นนั้นอย่าได้เรียกข้าว่าอาวุโสอันใด เรียกข้าว่าอาจารย์อวิ๋น หรือไม่ก็พี่อวิ๋นก็ได้”
  อวิ๋นฮุ่ยคลี่ยิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
  …
  “ศิษย์พี่”
  และหลังจากผ่านไปราวๆ 10 ลมหายใจ ก็มีเสียงหนึ่งที่ดังมาแต่ไกล เสียงยังมาก่อนตัวคนอีกด้วย
  พริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็เห็นร่างไวๆหนึ่งห้อเหยียดเข้ามา
  เป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างปานกลาง มาในชุดคลุมสีน้ำเงิน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลา คิ้วที่คมโค้งดั่งดาบของมันหางคิ้วปานจะทิ่มแทงไปยังขมับ สองตายังคมกริบ…อย่างไรก็ตามยามมันมองมายังร่างต้วนหลิงเทียน แววตาที่เคยคมกริบก็กลายเป็นอ่อนโยนลงหลายส่วน “เจ้าคือ ต้วนหลิงเทียนหรือ?”
  “ข้าเรียกว่าถงกู่เยว่ ศิษย์น้องของศิษย์พี่อวิ๋นฮุ่ย”
  ชายวัยกลางคนพอมาถึงก็กล่าวแนะนำตัวเองก่อน “ข้าเป็นอาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับแห่งนี้เช่นกัน…อย่างไรก็ตามต่างจากศิษย์พี่ที่เป็นอาจารย์ของนักศึกษา 10 ดาว ส่วนข้าเป็นเพียงอาจารย์ของนักศึกษา 10 ดาวเท่านั้น”
  ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ นึกศึกษาแต่ละระดับ ก็จะมีอาจารย์ผู้สอนแตกต่างกัน
  ยิ่งระดับของนักศึกษาสูงขึ้นเท่าไหร่ ระดับพลังฝึกปรือของอาจารย์ก็จะสูงขึ้นดุจเดียวกัน
  และอวิ๋นฮุ่ยถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ได้ยินมาว่าพลังฝีมือเพียงเป็นรองก็แต่คณบดีเท่านั้น และในสถานศึกษาหมอกเร้นลับก็มีแต่คณบดี ไม่มีรองคณบดี…หากต้องการให้มีตำแหน่งรองคณบดีจริงๆ เกรงว่าตำแหน่งดังกล่าวต้องเป็นของอวิ๋นฮุ่ยและอาจารย์ที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งอีกไม่กี่คนเท่านั้น
  ขณะเดียวกันอวิ๋นฮุ่ยกับอาจารย์ที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งไม่กี่คนที่ว่าของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็คืออาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับ…แน่นอนว่าเป็นอาวุโสฝ่ายในที่ไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย หากร้ายกาจและมีความสำคัญเข้าหน่อย คงไม่ถูกส่งมาเป็นอาจารย์ที่นี่
  “อาจารย์ถงกู่เยว่”
  ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มทักทายถงกู่เยว่ ในเมื่อผู้อื่นทักทายเขาอย่างมากอัธยาศัย เขาก็ไม่อาจละเลยผู้อื่นได้
  ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พลังของเขายังอ่อนด้อยกว่าถงกู่เยว่ ต่อให้พลังของเขากล้าแข็งกว่าถงกู่เยว่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายทักทายเขามาอย่างมากอัธยาศัย เขาก็ไม่อาจเพิกเฉยได้ เพราะเขาไม่ใช่คนเย่อหยิ่งแบบนั้น แค่ยึดหลักการอย่าง ‘ใครไม่รุกรานข้า ข้าไม่รุกรานใคร’ เท่านั้น
  “ศิษย์พี่ เช่นนั้นข้าจะพาต้วนหลิงเทียนไปลงทะเบียนก่อน”
  ถงกุ่ยเยว่กล่าวบอกอวิ๋นฮุ่ย
  “ไปเถอะ”
  อวิ๋นฮุ่ยยิ้มกล่าว “การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ ไม่พ้นต้องทำให้เหล่านักศึกษา 10 ดาวที่นิ่งสงบเหมือนน้ำบ่อโบราณบังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาแน่…ดีไม่ดีน้ำที่นิ่งมานานอาจจะกลายเป็นครึกครื้นขึ้นมาอย่างหาได้ยาก”
  สถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่มีนักศึกษา 10 ดาวคนใหม่มากว่า 30 ปีแล้ว
  นักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ นอกจากผู้ที่ถูกขับออกไปก่อน คนที่เหลือก็คุ้นเคยกันดี แต่ละคนยังรู้ความสูงต่ำของพลังฝีมือผู้อื่นหมด ปกติแล้วก็จะแยกกันอยู่ไม่ข้องแวะกัน มีข้อพิพาทเกิดขึ้นน้อยมาก
  นานทีจะเห็นนักศึกษา 10 ดาวคนหนึ่งลกขึ้นมาท้าประลองนักศึกษา 10 ดาวคนอื่น
  อวิ๋นฮุ่ยในฐานะอาจารย์คนหนึ่งของชั้นเรียนนักศึกษา 10 ดาว ปกติยามไปสอนนักศึกษา 10 ดาวพวกนี้ ก็เห็นแต่ความเฉื่อยชาไม่กระตือรือร้น เสมือนลูกแมวป่วยไม่ก่อการอะไร
  ทำให้บรรยากาศของชั้นเรียนนักศึกษา 10 ดาวแลดูเซื่องซึมอยู่บ้าง
  ตอนนี้ด้วยมีต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว มันเชื่อว่าชั้นเรียนนักศึกษา 10 ต้องร้อนๆหนาวๆกันแน่ และมันคล้ายจะได้เห้นฉากความวุ่นวายขึ้นมารำไรแล้ว…
  “ฮ่าๆ…ดูเหมือนศิษย์พี่จักมีความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมาก”
  ถงกู่เยว่หัวเราะ
  หลังถงกู่เยว่กล่าวเคล้าเสียงหัวเราะจบ มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนและพูดต่อว่า “ต้วนหลิงเทียน มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปลงทะเบียนเข้าหอพักนักศึกษา 10 ดาว”
  ก่อนที่จะพาต้วนหลิงเทียนจากไป ถงกู่เยว่ไม่ลืมรับใบรับรองของอวิ๋นฮุ่ยที่พิสูจน์ว่าต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบมาแล้ว…แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่เพียงอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนเท่านั้น
  มันยังเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่บอกว่าต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบของเจดีย์ 3 ชั้นแล้วจริงๆ
  และผู้ที่มีอำนาจตรวจสอบเรื่องราวในเจดีย์ 3 ชั้น ก็มีแต่คณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเท่านั้น มันสามารถชมดูการลงมือของต้วนหลิงเทียนผ่านลูกแก้วเงาลอยในเจดีย์ 3 ชั้นได้ตามใจ หากกังขาเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสอบผ่าน
  แน่นอนว่าคณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็จะสนใจตรวจสอบการประเมินเป็นนักศึกษา 10 ดาวชั้นเดียวเท่านั้น สำหรับนักศึกษาชั้นอื่นๆ มันไม่สนใจ
  เพราะนักศึกษา 10 ดาว ก็เสมือนเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับอยู่แล้ว