“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่ถังอู๋เยียนจะล่วงรู้ว่าเขาออกจากการปิดด่าน สุดท้ายก็มีศิษย์สายในหลายคนที่เห็นเขา แถมในบรรดาศิษย์เหล่านั้นต้องมีหลายคนรู้จักของถังอู๋เยียนแน่นอน พวกมันไม่พ้นต้องส่งข้อความบบอกให้ถังอู๋เยียนรู้ว่าเขาออกมาแล้ว
“เมื่อ 3 เดือนก่อน ศิษย์สายใน ที่ติดอันดับ 10 ศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุด ฉีอวี่ ได้ท้าประลองกับเจ้า แต่เจ้าไม่ตอบ… 2 เดือนก่อนมันก็มาท้าทายเจ้าอีกครั้ง แต่เจ้าก็ไม่ตอบ กระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วมันก็มาท้าเจ้าเป็นครั้งที่ 3 แต่เจ้าก็เงียบ…”
ถังอู๋เยียนบอกอีกว่า “หลายคนคิดว่าเจ้าไม่มีความกล้าที่จะสู้กับมัน…แต่แน่นอนว่ามีหลายคนที่รู้ว่าเจ้าสมควรปิดด่านบ่มเพาะอยู่ เช่นนั้นเจ้าจึงไม่อาจตอบรับคำท้ามันได้สุดท้ายแล้วเจ้ายังไม่ได้รับแม้แต่ข้อความด้วยซ้ำ”
“อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีคนฉวยโอกาสให้ร้ายเจ้า…ป่าวประกาศไปทั่วว่าเจ้า ต้วนหลิงเทียน เป็นตัวขี้ขลาด ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะรับคำท้า จึงพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นคำท้าของฉีอวี่”
พอถังอู๋เยียนกล่าวถึงจุดนี้ นางก็กล่าวปลอบมาว่า “ต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าผู้คนเหล่านั้นจะคิดอย่างไร เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก แค่เป็นตัวของตัวเองอย่าได้ให้ความเห็นคนนอกมากวนใจ”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง”
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินคำปลอบของถังอู๋เยียนเขาก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายกริ่งเกรงเขาได้รับผลกระทบจากคำครหาดังกล่าว จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง
เขา ต้วนหลิงเทียน จากระนาบโลกียะไปต่อที่ระนาบเทวโลก จวบจนมาถึงระนาบเทพแห่งนี้ ไม่ทราบผ่านการเคี่ยวกรำทางอารมณ์มาเท่าไหร่ จะมาได้รับผกระทบจากเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ได้อย่างไร?
“เช่นนั้นก็ดี”
ข้อความตอบกลับของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้จะสั้นๆ แต่ถังอู๋เยียนก็สัมผัสได้ถึงความไม่แยแสในน้ำเสีงอันนิ่งสงบของต้วนหลิงเทียน นางจึงตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่สนใจคำครหาเหล่านั้นจริงๆ
“ตั้งแต่วันนี้ไป ตลอดจนหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็ถือว่าอยยู่ในช่วงการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์…เจ้าสนใจไปชมดูให้บันเทิงใจหรือไม่? หรือเจ้าจะลงแข่งด้วย?”
ถังอู๋เยียนกล่าวถาม
“ข้าว่าจะลองแข่งดู”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“หวังว่าเจ้าจะได้อันดับดีๆ”
หลังถังอู๋เยียนกล่าวอวยพร และต้วนหลิงเทียนตอบกลับว่าขอบคุณ นางก็เงียบไปเลย และไม่ได้บอกว่าตัวนางเองจะไปด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถังอู๋เยียนจะไปก็ดีไม่ไปก็ดี ไม่ได้มีผลกระทบอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพียงมองไปยังเหล่าศิษย์สายในที่พากันเหินร่างข้ามฟ้า และโจนร่างขึ้นฟ้าติดตามไปทันที
รอบนี้เขาไม่จำเป็นต้องถามใคร เพราะเขาเชื่อว่าศิษย์สายในเหล่านี้สมควรมุ่งหน้าไปยังสถานที่แข่งขันไต่บันไดสวรรค์แน่นอน
เพราะสำหรับศิษย์สายในแล้ว นับเป็นงานใหญ่งานหนึ่ง หลายคนยังหวังจะทำผลงานในการไต่บันไดสวรรค์ให้ดี อีกทั้งยังอยากได้ของรางวัลจากการชนะ ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือได้หน้า…
ต้วนหลิงเทียนเริ่มย้อนนึกถึงเรื่องราวที่ได้รู้จากคู่มือศิษย์สายใน เรียกว่ามันก็ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์เอาไว้เช่นกัน
คำว่าแข่งขันไต่บันไดสวรรค์นั้น ฟังแล้วคล้ายแข้งกันขึ้นบันไดอะไรทำนองนั้น แต่อันที่จริงมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
การไต่บันไดสวรรค์ เดิมทีเป็นการทดสอบที่บรรพบุรุษของนิกายหมอกเร้นลับสร้างไว้ ให้เหล่าศิษย์สายในใช้เคี่ยวกรำตัวเอง แต่ต่อมาภายหลังมันก็เริ่มกลายเป็นการแข่งขันที่ให้เหล่าศิษย์สายในมาเปรียบเทียบความสามารถกัน
และการแข่งขันประชันความสามารถดังกล่าว ทางนิกายหมอกเร้นลับก็เห็นดีด้วย กระทั่งยังส่งเสริมโดยการให้ของรางวัลดีๆสำหรับการแข่งขันแต่ละครั้ง ที่สำคัญผู้ชนะเลิศการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ยังได้รัของรางวัลที่ทำให้ผู้อื่นอิจฉาอีกด้วย
ครั้งนี้ก็ดุจเดียวกัน
“เห็นว่าผู้ชนะอันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้หากอู่ในขอบเขตเทพจะได้โอสถเสริมโชค ส่วนอันดับ 1 ในขอบเขตราชาเทพ จะได้ผลหายนะ!”
ระหว่างเดินทาง ต้วนหลิงเทียนที่เงี่ยหูฟังเรื่องราวโดยรอบ ในที่สุดก็ได้ยินบทสนทนาสำคัญของเหล่าศิษย์ที่เหินบินไม่ไกล
เป็นธรรมดาว่าอีกฝ่ายกำลังคุยกับสหายของตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจจะบอกต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร ทว่าด้วโสตประสาทรับฟังของต้วนหลิงเทียน เขาจึงได้ยินชัดเจน
“โอสถเสริมโชค?”
และพอได้ยินเสียงคุยกันดังกล่าวของศิษย์สายในคนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้ เพราะเขาไม่คิดเยว่านิกายหมอกเร้นลับจะใจป้ำถึงขั้นแจกโอสถเสริมโชคให้กับผู้ชนะอันดับ 1 ขอบเขตเทพ
โอสถเสริมโชคนั้น เป็นโอสถเทพที่ล้ำค่ามากสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในขอบเขตเทพ หากเป็นตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตเทพไปแล้ว ถึงจะใช้มันไปก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร
โอสถเสริมโชค 9 เม็ด บรรลุถึงราชาเทพ!
นี่คือคำแนะนำของโอสถเสริมโชค ในระนาบเทพ ตัวตนขอบเขตเทพขั้นสูงนั้น แม้จะมีพรสวรรค์ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน แต่หลังจากรับประทานโอสถเสริมโชค 9 เม็ด พวกมันก็จะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้เต็มสิบส่วน! สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ดีๆ โอสถเสริมโชคก็นับเป็นสิ่งที่ช่วยลดระยะเวลาบ่มเพาะได้อย่างยอดเยี่ยม…
มีข่าวลือกันว่า เคยมีผู้มากพรสวรรค์คนหนึ่ง แม้จะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตเทพขั้นสูงได้ในตอนเช้า แต่เมื่อรับประทานโอสถเสริมโชค 9 เม็ดในคราเดียว ไม่ทันค่ำมันก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้แล้ว!
เรียกว่าทะลวงด่านพลัง 2 ครั้งในวันเดียว!
และกรณีดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในระนาบเทพ
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ขุมกำลังระดับอระเทพมักส่งเสริมทายาทคนสำคัญด้วยวิธีนี้ กระทั่งขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ หรือแม้แต่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ก็มักจะส่งเสริมอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ของพวกมันเช่นนี้ แต่ตัวตนที่จะได้รับการส่งเสริมเลิศล้ำขนาดนั้น มันมีไม่ค่อยมาก…
ด้วยเหตุนี้จึงสามารถจินตนาการออกได้ไม่ยาก ว่าโอสถเสริมโชคมีคุณค่าขนาดไหน
‘สำหรับผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้ หากเป็นขอบเขตทางนิกายก็จะมอบโอสถเสริมโชคให้…แต่ถ้าเป็นขอบเขตราชาเทพนิกายจะมอบผลหายนะให้?’
โอสถเสริมโชคนั้นต้วนหลิงเทียนย่อมรู้จัก
และเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของผลหายนะมาก่อนเช่นกัน
และมันแตกต่างจานกโอสถเสริมโชคอันเป็นเม็ดยาที่ถูกหลอมปรุงขึ้นมาโดยผู้หลอมโอสถเทพที่ใช้วัตถุดิบสมุนไพรล้ำค่า ผลหายนะนั้นเป็นผลไม้เทพที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีพลังอำนาจช่วยให้ผู้ใช้ฝ่าฟันหายนะได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในระนาบเทพ ระนาบเทวโลก หรือแม้แต่ระนาบโลกียะ ตัวตนขอบเขตราชาเทพขึ้นไปนั้น จำต้องเผชิญหน้ากับหายนะอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!
ทันทีที่ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ ท่านก็จะเผชิญกับหายนะทุกๆรอบพันปี
ยิ่งไปกว่านั้นหายนะที่พบเจอยิ่งมาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หากความแข็งแกร่งไม่อาจก้าวหน้าติดตามความรุนแรงของหายนะที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อๆ เช่นนั้นก็มีเพียงชะตากรรมเดียวเท่านั้นที่รอคอยท่านอยู่…
ตกตายภายใต้หายนะ!
เป็นเพราะตัวตนตั้งแต่ขอบเขตราชาเทพขึ้นไป ต้องเผชิญหน้ากับหายนะภัพิบัติเช่นนี้ทุกๆรอบหนึ่งพันปี ทำให้มีเทพขั้นสูงจำนวนมากหวาดกลัวการทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ เช่นนั้นจึงมีเทพขั้นสูงมากมาย ที่กลัวตายเพราะหายนะจนเกิดมารในใจก็ดี หรือไม่กล้าบ่มเพาะพลังต่อก็ดี ได้ติดอยู่ในขอบเขตเทพขั้นสูงไปชั่วชีวิต ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้…
เพราะถึงจะไม่ทะลวงผ่านขอบเขตเทพขั้นสูงไปสู่ขอบเขตราชาเทพ ท่านก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยาวนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพียงแค่ความแข็งแกร่งจะอ่อนด้อยกว่าผู้ที่กล้าทะลวงด่านเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว ก็เสมือนได้เลือกเดินไปยังเส้นทางอันไร้หวนกลับ
ไม่ว่าจะเอาชนะหายนะทุกๆรอบพันปีได้เสมอ หรือตกตายภายใต้หายนะทุกรอบพันปีจนสาบสูญไปจากสวรรค์และโลก
และผลหายนะนั้น เป็นผลไม้เทพที่สามารถช่วตัวตนขอบเขตราชาเทพให้สามารถข้ามผ่านหายนะได้ง่ายขึ้น หลังจากรับประทานมันไป ก็สามารถชักนำพลังของผลหายนะไปผสานรวมเข้ากับพลังเทพในร่าง จากนั้นก็จะเกิดม่านพลังขึ้นมาชั้นหนึ่งซึ่งมีผลกระทบในการต้านทานหายนะโดยเฉพาะ แน่นอนว่ามันแค่ช่วยเหลือได้บางส่วนเท่านั้น และไม่มีวิธีใดที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถต้านทานหายนะภัยพิบัติได้อย่างสมบูณ์
แต่กระนั้น มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะข้ามผ่านหายนะภัยพิบัติได้เป็นอย่างมาก
หากแต่เดิมท่านมีโอกาสเพียง 5 ใน 10 ส่วนที่จะข้ามผ่านหายนะได้สำเร็จ แต่หลังจากได้รับประทาผลหายนะแล้ว โอกาสข้ามผ่านได้สำเร็จก็จะเพิ่มเป็น 8 ใน 10 ส่วนทันที
‘นิกายหมอกเร้นลับช่างทุ่มทุนสร้างจริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจกับความใจป้ำของนิกายหมอกเร้นลับ
นี่น่ะเหรอ รากฐานของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
“นายน้อยต้วน”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังต้วนหลิงเทียน เดิมทีเพราะเสียงอีกฝ่ายไม่คุ้นหู ต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้เรียกหาเขา จนเมื่อเจ้าของเสียงได้เร่งความเร็วจนแซงไปและหยุดลงเบื้องหน้าจวบจนมองมาไม่วางตา จึงตระหนักว่าอีกฝ่ายมาหาเขาจริงๆ
“เจ้าคือ?”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างที่หยุดขวางเบื้องหน้าด้วยความสงสัย อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าแน่วแน่ คิ้วเรียวแหลม อย่างไรก็ตามสายตาที่อีกฝ่าใช้มองมาทางเขานั้น มันฉายชัดถึงความหวาดกลัวไม่น้อย
“นายน้อยต้วน ข้าเรียกว่าจ้งเทียนอู่ เป็นคนของตระกูลจ้ง”
ชายวัยกลางคนเร่งกล่าวแนะนำตัวเองออกมา
จ้งเทียนอู่ไม่ใช่คนของตระกูลจ้งทั่วไป แต่เป็นเพียงบุตรบุญธรรมผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบันเท่านั้น ทำให้ในร่างมันไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลจ้งไหลเวียนอยู่เลย และเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ…
ในอดีตจ้งเทียนอู่ผู้นี้ได้กล่าวคำสาบานต่อเลือดมารหัวใจเรียบร้อยแล้ว ว่าจะไม่ทรยศระกูลจ้งหรือเป็นเหตุทำให้ตระกูลจ้งเสีผลประโยชน์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง….
เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ถึงแม้จ้งเทียนอู่จะเป็นแค่บุตรบุญธรรมคนหนึ่ง แต่ผู้นำตระกูลจ้งก็มักใช้สอยมันด้วยความเชื่อใจ
เป็นเพราะสาเหตุดังกล่าว เงื่อนไขประการที่ 2 ที่ต้วนหลิงเทียนพูดไว้วันนั้น ผู้นำตระกูลจ้งจึงให้จ้งเทียนอู่นำ ‘ความจริงใจ’ ของตระกูลจ้งมาส่งมอบให้ต้วนหลิงเทียนกับมือ…และมันก็รอส่งมอบ ‘ความจริงใจ’ ในแหวนพื้นที่ให้ต้วนหลิงเทียนหลายเดือนแล้ว
อนิจจาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนนั้นอู่ในช่วงปิดด่านบ่มเพาะ ดังนั้นให้จ้งเทียนอู่อยากส่งมอบของให้ต้วนหลิงเทียนมากแค่ไหนมันก็ทำไม่ได้
วันนี้เป็นวันที่การแข่งขันไต่บันไดสวรรค์จะเริ่มต้นขึ้น จ้งเทียนอู่ก็คาดเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเข้าร่วมสนุกด้วยก็เลยมาหาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามกว่ามันจะไปถึงบ้านศิลาของต้วนหลิงเทียน ก็พบว่าต้วนหลิงเทียนได้ออกจากบ้านไปแล้ว เช่นนั้นมันก็เลยเร่งรุดเหาะตามมา หมายมอบสิ่งของให้กับต้วนหลิงเทียน “นายน้อยต้วน ที่ข้าตามหาท่าน เพราะข้าต้องการมอบของที่ท่านพ่อบุญธรรมฝากข้ามาให้ท่าน…”
“พ่อบุญธรรม?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง เพราะเขาไม่รู้ว่าจ้งเทียนอู่มีความสัมพันธ์กับผู้นำตระกูลจ้งในลักษณะนี้
“พ่อบุญธรรมของข้าก็คือผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบัน จ้งต้า…”
จ้งเทียนอู่ค่อยๆกล่าวบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือเรียกแหวนพื้นที่วงหนึ่งออกมาจากแหวนพื้นที่ของตัวเอง ก่อนจะยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน “นายน้อยต้วน สิ่งของที่ท่านพ่อบุญธรรมตั้งใจมอบให้ท่านทั้งหมดอยู่ในแหวนพื้นที่วงนี้…”
เรื่องที่จ้งต้าเป็นผู้นำของตระกูลจ้งคนปัจจุบันนั้น…
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้แต่แรก
เช่นนั้นเขาจึงยื่นมือไปรับแหวนพื้นที่ๆจ้งเทียนอู่ส่งให้อย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยังทำการหยดเลือดผูกพันธะครอบครองต่อหน้าต่อตาจ้งเทียนอู่ด้วย
เพียงห้วงคิดเดียว พื้นที่กว้างใหญ่ของแหวนก็ปรากฏขึ้นในใจต้วนหลิงเทียน
และสิ่งของที่เก็บไว้ในพื้นที่ดังกล่าว ก็ทำให้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนถี่รัวขึ้นมาทันที
ถึงแม้เขาจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่สิ่งของที่อยู่ในแหวนพื้นที่วงนี้ก็ทำให้ใจเขาเต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะทันที…สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือภูเขาหินเทพ นอกจากนั้นยังมีสิ่งของหายากที่ต้วนหลิงเทียนเคยได้ยินเพียงแต่ชื่อและไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน วัสดุต่างๆ รวมไปถึงผลไม้เทพ สมุนไพรเทพ และโอสถเทพบางอย่าง
และขวดโอสถเทพแต่ละขวดก็มีอักษรเขียนบอกไว้ว่าด้านในเป็นเม็ดยาอันใด
‘โอสถเสริมโชค!?’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เห็นอักษรคำว่า โอสถเสริมโชค เขียนแปะไว้บนขวดโอสถขวดหนึ่ง…
เป็นโอสถเสริมโชค ที่ทางนิกายหมอกเร้นลับจะมอบให้เป็นของรางวัลศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ได้อันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์รอบนี้!
อย่างไรก็ตามของรางวัลที่นิกายหมอกเร้นลับมอบให้นั้น เป็นแค่โอสถเสริมโชค 1 เม็ดเท่านั้น
‘มีกี่เม็ดยากันนะ?’
ต้วนหลิงเทียนที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับความตื่นเต้นในใจ ก็อาศัยหนึ่งห้วงคิดเปิดจุกขวดโอสถเสริมโชค จากนั้นสำนึกเทวะของเขาก็แผ่ลงไปตรวจสอบทุกสิ่งในขวดโอสถ
1…
2…
3…
…