ร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายมังกรทะยานฟ้า โดยมีพายุมิติโหมกระหน่ำไปทั่วกาย จากนั้นพายุมิติดังกล่าวก็ระเบิดออกมาบีบอัด เกาะตัว ก่อเกิดเป็นกระบี่ยักษ์ไร้สภาพเล่มเขื่อง เสือกทะลวงขึ้นฟ้ามาอย่างน่าเกรงขาม
  ศิษย์สายในของนิกายหมอกเร้นลับที่พักอยู่ในหุบเหวสุดขั้ว ไม่เว้นจางเหยาจี้ อาชิว และชาอวี้ถิง บัดนี้ได้แต่ชมมองฉากเรื่องราวด้านบนกันอย่างไม่วางตา
  และในปัจจุบัน หุบเหวสุดขั้วอันมืดมิด คล้ายจะส่องสว่างไปด้วยแสงสีเทาที่เรืองรองออกมาจากกระบี่มิติไร้สภาพเล่มเขื่อง!
  ปราณกระบี่ยาว 30,000 ลี้ แสงกระบี่ทั้งกลิ่นอายเยียบเย็นสะกด 19 รัฐ!
  “ไม่อยากตายก็หลบไป!”
  ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายของต้วนหลิงเทียน กำลังเต็มไปด้วพลังเทพพุ่งพล่านราวมังกรคะนองศึก อีกทั้งยังหนุนเนืองต่อเนื่องราวไร้สิ้นสุด พวกมันรวมรั้งพลังจ่ายออกไปไม่หยุดยั้ง เมื่อผสานรวมเข้ากับความลึกซึ้งของกฏมิติตั้งแต่ในร่าง ทำให้พลังกระบวนท่ากระบี่มิติไร้สภาพของต้วนหลิงเทียนนี้ เต็มไปด้วยความหนักแน่นมั่นคงประหนึ่งจะไร้วันดับสูญ
  “กีซซซ—!!”
  สัตว์อสูรทุกตัวที่ขวางกระบี่ ได้แต่ถูกซัดทำร้าย ร่างปลิวละลิ่วไปพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัส
  กระทั่งทาสเดนตายบางคนที่ล่าถอยช้า พวกมันก็ถูกพลังกระบี่เชือดเฉือนป่นร่างจนตกตายไปไม่เหลือซาก พิรุณโลหิตพร่างพรมลงปังก้นเหวไม่ขาดสาย ราวกับกุหลาบสีเลือดเบ่งบานกลางหาว ยามต้องสะท้อนแสงกระบี่สีเทา ก่อเกิดเป็นฉากตระการตาประการหนึ่ง แลดูงดงามน่าหลงใหลพิกล…
  ด่านพลังฝึกปรือในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน แม้จะยังไม่ถึงสุดปลายของขอบเขตเทพขั้นสูงจนใกล้ทะลวงปังขอบเขตราชาเทพ แต่มันก็จวนเจียนเต็มที
  ความก้าวหน้าหลังจากได้รับโอสถเสริมโชค 6 เม็ด นั้นเทียบได้กับอัจฉริยะทั่วไปใช้โอสถเสริมโชค 8 เม็ดก็ว่าได้ ทำให้พลังเทพในร่างของเขาตอนนี้ ถือว่ามีปริมาณมหาศาลกว่าเทพขั้นสูงส่วนใหญ่
  ด้วยพลังเทพดังกล่าว เมื่อใช้ออกด้วยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุด ควบคู่ไปกับพื้นฐานมรรคากระบี่ที่เขาตั้งใจใช้ออก ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนพุ่งละลิ่วขึ้นฟ้าไปโดยไร้สิ่งใดขัดขวาง สภาวะรุกคืบยิ่งมายิ่งกล้าแข็งไม่มีทีท่าว่าจะถูกหยุดยั้งได้เลย
  และนี่เป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้เผยพลังระดับนี้ต่อหน้าคนอื่นๆ
  แม้จะเป็นการเข่นฆ่าฉีอวี่ในกระบี่เดียวก่อนหน้า แต่พลังเทพที่ใช้ออกยังไม่สูงถึงขนาดนี้
  “ขึ้นไปจะสุดทางแล้ว!!”
  ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของจางเหยาจี้และศิษย์สายในทั้งหลาย ต้วนหลิงเทียนประหนึ่งกลายเป็นศพแหลมคมที่ทะลวงผ่านทุกสิ่ง พุ่งยิงขึ้นฟ้าไปราวกับไร้สิ่งใดขวางกั้น แต่อันที่จริงแล้วในระหว่างทางนั้น…มีหลายสิ่งอย่างที่ปรากฏขึ้นมาขัดขวางกั้นทาง อนิจจาแค่พวกมันถูกจัดการได้ง่ายดายเกินไป
  ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน การทดสอบประเมินศิษย์หลักคล้ายเป็นเรื่องตลกฉากหนึ่ง
  เพราะพวกมันเสมือนชมดูต้วนหลิงเทียนเหาะออกจากหุบเหวสุดขั้วก็เท่านั้น
  “พ้นเหวแล้ว!!”
  “ให้ตายเถอะ ต้วนหลิงเทียนทำสำเร็จแล้ว!!”
  “ฮ่าๆๆๆ!! หลังจากวันนี้เป็นต้นไปนิกายหมอกเร้นลับของพวกเราปรากฏศิษย์หลักขึ้นมาอีกคนแล้ว!!”
  …
  ในขณะที่จางเหยาจี้ อาชิว และชาอวี้ถิง เผยสีหน้าซับซ้อนจนพูดอะไรไม่ออก สีหน้าเหล่าศิษย์สายในด้านล่างนั้นกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี พากันโพล่งตะโกนกู่ร้องออกมากันเสียงดังลั่น ราวกับคนที่ผ่านการทดสอบไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน แต่เป็นพวกมันเอง
  ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่บัดนี้เหินร่างขึ้นมาจนโผล่พ้นหุบเหวสุดขั้วแล้ว ก็ก้มลงไปมองหุบเหวสุดขั้วด่านล่างด้วยสีหน้าท่าทีสงบ
  เขาไม่ได้แปลกใจอะไรที่สามารถผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักได้ง่ายดายขนาดนี้
  กระทั่งยังเตรียมใจไว้แล้ว
  ยิ่งไปกว่านั้น การลงมือเมื่อครู่ก็ไม่ใช่พลังทั้งหมดของเขา เขายังกักเก็บซุกซ่อนพลังเอาไว้มากมาย ‘หลังจากทะลวงถึงขอบเขตเทพแล้ว คนอื่นนั้นการจะต่อสู้ข้ามระดับพิชิตชัยศัตรูที่มีด่านพลังฝึกปรือเหนือกว่าเป็นขั้น หรือข้ามขอบเขตไปเลยนับเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ’
  ‘แต่หากเป็นข้าในตอนนี้…แม้ด่านพลังจังมีแค่เทพขั้นสูง แต่ราชาเทพขั้นต่ำส่วนใหญ่คงไม่อาจทำอะไรข้าได้…’
  ด้วยความช่วยเหลือจากผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด ต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติถึง 4 ประการมานานมากแล้ว อีกทั้งในมือเขายังมีกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่เป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดอันมีจิตวิญญาณในครอบครองอีก
  และยิ่งด่านพลังฝึกปรือของเขาก้าวหน้าขึ้นมากเท่าไหร่ พลังอานุภาพที่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจะสำแดงออกมาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
  “นี่มัน…”
  จางเทียนเหิงผู้เป็นถึงหัวหน้าโถงทดสอบ ย่อมล่วงรู้สถานการณ์ในโลกใบเล็กภายในกายของมันราวกับหลังมือ อีกทั้งมันก็ได้เตรียมด่านทดสอบหุบเหวสุดขั้วไว้แต่แรก
  กล่าวได้ว่าหากคิดจะปีนขึ้นมาจากก้นหุบเหวสุดขั้ว หากไม่มีพลังฝีมือมากถึงขั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย…
  แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเอง หากอาศัยพลังที่ใช้ออกยามสังหารฉีอวี่ในกระบี่เดียวบนสังเวียนใหญ่ของแท่นยอดยุทธ์วันนั้น ก็ไม่กล้าแข็งพอจะบุกฝ่าหุบเหวสุดขั้วขึ้นมาได้…
  อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้วนหลิงเทียนกลับบุกฝ่าขึ้นมาจากหุบเหวสุดขั้วด้วยความเร็วปานสาฟ้าแลบ ทำให้มันอดตกใจไม่ได้จริงๆ “เจ้าหนูคนนี้…มิคาด ที่แท้มันกลับซุกซ่อนพลังอันร้ายกาจเอาไว้ถึงเพียงนี้!!”
  “ท่านหัวหน้าโถง เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
  ชายชราผู้เป็นรองหัวหน้าโถงทดสอบและรับผิดชชอบการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตราชาเทพ ไม่ทราบมายืนข้างๆจางเทียนเหิงตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเห็นท่าทีของจางเทียนเหิงผิดแปลกไป มันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
  “ก็เจ้าหนูต้วนหลิงเทียนนั่น มันพึ่งจะผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักของข้าน่ะสิ…”
  จางเทียนเหิงกล่าวตอบด้วยสายตาซับซ้อน
  “ท่านว่าอะไร!?”
  ชายชราถึงกับโพล่งออกมาตกใจ ราวได้ยินว่าบ้านไฟไหม้ “ข้าจำได้ว่า…การประเมินของท่านสมควรเริ่มหลังจากข้าตั้งนาน ไฉนถึงผ่านเร็วนักเล่า!?”
  “ท่านหัวหน้าโถง ที่แท้บททดสอบที่ท่านใช้ทดสอบประเมินครั้งนี้คืออะไรหรือ?”
  ชายชราเอ่ยถามด้วยความสงสัย
  เพราะการทดสอบประเมินศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดก็ได้รับการเห็นชอบจากประมุขและผู้อาวุโสแล้วว่าเป็นเกณฑ์การประเมินอันยอดเยี่ยม แต่แน่นอนว่าเกณฑ์การประเมินทั้งหลายก็ไม่ใช่ว่าจะมีระดับความยากทัดเทียมกัน
  และการทดสอบบางรูปแบบ ทางนิกายหมอกเร้นลับก็มองว่ามันยากเกินไป
  “หุบเหวสุดขั้ว”
  จางเทียนเหิงกล่าวพลางทอดถอนใจ
  หุบเหวสุดขั้วก็ถือเป็นการทดสอบประเมินศิษย์หลักที่ทางนิกายหมอกเร้นลับลงความเห็นว่าเป็นด่านทดสอบที่ยากที่สุด และยังเป็นการทดสอบแบบเรียบง่ายเป็นที่สุดอีกด้วย…พลัง!
  “อะไรกัน!? ท่านใช้หุบเหวสุดขั้วเป็นบททดสอบ แต่ต้วนหลิงเทียนยังผ่านได้รวดเร็วถึงขนาดนี้เชียว?”
  ทันใดนั้น คล้ายตระหนักใดได้ ลูกตาชายชราพลันหดเล็กลงแทบปิด “หรือว่า…ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าหนูนั่นมันปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้?!”
  มันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้วนหลิงเทียนสังหารฉีอวี่บนแท่นยอดยุทธ์ในกระบี่เดียว จนชื่อเสียงเลื่องลือขึ้นมาในนิกาหมอกเร้นลับ ทำให้หลาคพากันคาดเดาว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะกลายเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพที่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักได้คนแรกในรอบหมื่นปี…
  อย่างไรก็ตาม แม้ทุกคนจะกล่าวกันหนาหู แต่มันกลับไม่กล้าพูดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถผ่านการทดสอบได้…
  ในฐานะที่มันเป็นถึงรองหัวหน้าโถงทดสอบ มันย่อมรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากเย็นแค่ไหนที่ศิษย์สายในขอบเขตเทพจะผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลัก และอาศัยพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนที่เผยออกตอนฆ่าฉีอวี่วันนั้น ยังไม่เพียงพอ!
  ดังนั้นหลังจากมันได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบได้แล้ว ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวของมันก็คือ ก่อนหน้าเป็นต้วนหลิงเทียนได้ซุกซ่อนพลังที่เท้าจริงเอาไว้มาตลอด
  “เจ้าหนูนั่นไม่เพียงซุกซ่อนพลังเอาไว้ ยังซุกซ่อนเอาไว้อย่างมโหราฬ!”
  จางเทียนเหิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ค่อยกล่าวสืบต่อ “เจ้าหนูนั่น ที่แท้มันเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการได้ถึง 2 ชุดแล้ว!”
  เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการได้ถึง 2 ชุด!
  ทันทีที่จางเทียนเหิงกล่าวประโยคดังกล่าวออกมา สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไปทันที “อะไร! เจ้าหนูนั่นมันเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุดแล้ว!?”
  “มิผิด หากวัดกันในแง่ความเข้าใจกฏมิติ ข้าเกรงว่ามันจักมิได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย…”
  ชายชราเองก็เข้าใจกฏมิติด้วย
  ยิ่งไปกว่านั้น มันก็เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการได้ 2 ชุดเช่นกัน
  ด้วยความเข้าใจในกฏระดับนี้ ควบคู่ไปกับพลังสายเลือดของมัน ให้กวาดตามองไปทั่วนิกายหมอกเร้นลับ นอกจากอาวุโสหลักทั้ง 19 คนและตัวตนที่มีฐานะสูงกว่านั้น ภายใต้ผู้อาวุโสหลักทั้ง 19 คนมันเชื่อมั่นว่าไม่เป็นสองรองใคร
  อย่างไรก็ตามมันมีชีวิตอยู่มานานเท่าใด แล้วต้วนหลิงเทียนพึ่งจะมีอะไรเท่าไหร่?
  ต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีที แต่ความเข้าใจในกฏกลับทัดเทียมมัน?
  ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้มันอายุ 30,000 กว่าปีแล้ว!
  “ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วกระมัง ว่าไฉนมันถึงผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพได้เป็นคนแรกในรอบหมื่นปี”
  จางเทียนเหิงหัวเราะ
  “เอาล่ะ ข้าจะส่งลูกแก้วเงาลอยไปให้ท่านประมุขตรวจสอบ หากท่านประมุขเห็นว่ากระบวนการผ่านการทดสอบของต้วนหลิงเทียนไม่มีปัญหา เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มันก็จะกลายเป็นศิษย์หลักคนใหม่ของนิกายหมอกเร้นลับเรา!”
  ทันที่จางเทียนเหิงกล่าวจบคำ มันก็เร่งออกจากโถงทดสอบทันที
  “นั่นผู้พิทักษ์จางเทียนเหิง!”
  และพอจางเทียนเหิงมาปรากฏตัวด้านนอกโถงทดสอบ สายตาของศิษย์สายในที่มารวมตัวกันด้านนอกโถงทดสอบก็หันไปจับจ้องมันเป็นสายตาเดียวกัน
  ตอนนี้นอกจากเหล่าศิษย์สายในแล้ว ยังมีศิษย์หลักอีกหลายคนที่มารอฟังผลการทดสอบประเมินศิษย์หลักครั้งนี้ นับว่าบรรยากาศช่างคึกครื้นนัก
  เพราะจากข่าวลือที่พวกมันได้รับมา ศิษย์สายในนามต้วนหลิงเทียนนั้นมีความมั่นใจมากเหลือเกิน!
  ถ้าหากต้วนหลิงเทียนสามารถผ่านการประเมินทดสอบศิษย์หลักได้จริงๆ อีกฝ่ายก็จะกลายเป็นศิษย์สายในขอบเขตเทพคนแรกที่ได้เป็นศิษย์หลักในรอบหมื่นปี!
  “คนมาชมดูความครื้นเครงกันมากมายถึงเพียงนี้เชียว”
  จางเทียนเหิงที่กวาดตามองไปรอบๆ อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้ม
  “ท่านหัวหน้าโถงทดสอบขอรับ!”
  ทันใดนั้นเองมีศิษย์สายในคนหนึ่งที่กล้าหาญ ออกหน้ากล่าวถามจางเทียนเหิงออกมาเสียงดังลั่น “ในฐานะที่ท่านเป็นถึงหัวหน้าโถงทดสอบ ท่านคิดว่าต้วนหลิงเทียนมีโอกาสผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักครั้งนี้ และกลายเป็นศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีหรือไม่ขอรับ?”
  ตอนนี้เวลายังพึ่งผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเข้าไปในโถงทดสอบ
  จึงไม่มีใครคิดว่าการทดสอบได้สิ้นสุดลงแล้ว
  แทบทุกคนรู้สึกว่า ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนสมควรดิ้นรนอยู่กับการทดสอบ แต่ผลลัพธ์ยังไม่ออกมา เช่นนั้นพอเห็นจางเทียนเหิงที่อยู่ๆก็ออกมาจากโถงทดสอบ พวกมันจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และไฉนไม่อยู่รับผิดชอบการทดสอบ
  หลังจากที่มีศิษย์สายในคนหนึ่งกล้าถามออกมา คนอื่นๆก็หันไปมองรอฟังคำตอบจางเทียนเหินอย่างพร้อมเพรียง
  แม้แต่ศิษย์หลักเองก็หันไปมองรอฟังคำตอบของจางเทียนเหิงเช่นกัน
  จางเทียนเหิงกวาดตามองไปยังเหล่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับโดยรอบ ก่อนจะไปหยุดลงยังร่างศิษย์สายในที่กล่าวถาม จากนั้นก็คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “หากเป็นก่อนหน้านี้ ข้าเองก็คงไม่อาจตอบคำถามดังกล่าวของเจ้าได้…”
  “แต่สำหรับตอนนี้…”
  “บางที ข้าอาจให้ต้วนหลิงเทียนตอบพวกเจ้าได้…”
  แทบจะพร้อมกันกับที่จางเทียนเหิงกล่าวจบคำ เงาร่างคนผู้หนึ่งก็ผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าข้างกายจางเทียนเหิง
  เป็น ต้วนหลิงเทียน นั่นเอง
  หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนขึ้นมาจากหุบเหวสุดขั้วได้สำเร็จ เขาก็รอคอจางเทียนเหิงส่งเขาออกมา
  แน่นอนว่าหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง จางเทียนเหิงก็ส่งเขาออกมาจริงๆ
  อย่างไรก็ตาม พอกลับออกมา เขาก็พบว่าบัดนี้เขาไม่ได้อยู่ในโถงทดสอบอีกต่อไป แต่มาปรากฏตัวด้านอกโถงทดสอบแทน อีกทั้งยังมีศิษย์มากมายกำลังมองจ้องมาที่เขา
  “นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!?”
  “เอ๋า ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงออกมาเร็วนักเล่า!?”
  “ต้วนหลิงเทียนล้มเหลวหรือ?”
  …
  พอกลุ่มศิษย์สายในที่มารวมตัวกันเห็นร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมา พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง พอจะถามจางเทียนเหิง คนก็หายตัวไปราวภูตผีเสียแล้ว
  ต้วนหลิงเทียนที่ถูกจางเทียนเหิงทิ้งไว้ลำพัง ย่อมกลายเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของทุกคนทันที
  “ต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่เจ้ากล่าวอย่างมั่นใจนักมั่นใจหนาหรือไรว่าจักผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพได้เป็นคนแรกในรอบหมื่นปี? ไฉนถึงถูกคัดออกรวดเร็วนักเล่า?”
  ทันใดนั้นเอง เสียงกล่าวถามเสียดสีที่ผสานพลังเทพจนดังสนั่นกึกก้องไปทั่วพื้นที่หน้าโถงทดสอบ พลันดังขึ้น
  “ถูเฟิง?”
  เมื่อต้วนหลิงเทียนหันไปเห็นเจ้าของเสียง ดวงตาเขาก็ฉายประกายเย็นชาขึ้นมาโดยพลัน
  ผู้ที่กล่าวถามเสียดสีดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นศิษย์คนโตของอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับ ถูเฟิง!
  ในอดีตต้วนหลิงเทียนเคยพบเจอถูเฟิงที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์แล้ว เพียงมองปราดเดียวเขาก็จำอีกฝ่ายได้