ครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนได้ชิงลงมือด้วยความเร็วสูง
ทันทีที่ถูเฟิงเริ่มเร่งเร้าพลังเทพ ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างไปผุดโผล่ด้านหลังถูเฟิงทันที จากนั้นก็ระเบิดพลังสังหารถูเฟิงในเสี้ยวพริบตา ก่อนที่ถูเฟิงจะทันได้ตอบสนองเรื่องราวเต็มพลัง
เมื่อครู่ ขอเพียงถูเฟิงมีเวลาแค่เศษเสี้ยวอึดใจ มันก็สามารถเร่งเร้าพลังต้านทานต้วนหลิงเทียนได้ทันเวลา
ทว่าช้าไปก็คือช้าไป…
ขาดไปหนึ่งชุ่น เสมือนห่างไกลออกไปพันลี้…
ต้วนหลิงเทียนได้อาศัยความได้เปรียบในเรื่องการเร่งเร้าพลังจากชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมกับการเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาอันลี้ลับ ก็สามารถทำให้เขาเข่นฆ่าถูเฟิงได้อย่างราบรื่น
คนทั่วไปหากไม่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย ต่อให้จะเข้าใจกฏมิติเหมือนเขา กระทั่งเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการ 2 ชุดพร้อมกับพื้นฐานมรรคากระบี่เหมือนกัน ก็คงไม่กล้าทำอะไรแบบเขา
เพราะมันเสี่ยงเกินไป!
ด้วยการนำพาตัวเองไปประชิดคู่ต่อสู้เช่นนั้น หากกระบวนท่าสังหารถูกถูเฟิงสกัดไว้ได้ ก็เกรงว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากกว่า
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าว สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันไม่มีอยู่จริง
เพราะความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาไม่ได้มีแค่นี้
ให้ถอยไปหมื่นก้าว ต่อให้การชิงลงมือสังหารของเขาจะล้มเหลว และตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปะทะกับถูเฟิงระยะใกล้จริงๆ เขาก็สามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย อย่างมากก็แค่เผยพลังออกมาเพิ่ม ไม่ก็หงายไพ่ตายสักใบ
เป็นธรรมดาว่าหากเก็บไพ่ตายไว้ได้ ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะเก็บเอาไว้
สำหรับต้วนหลิงเทียน นี่ก็เหมือนการพนันอย่างหนึ่ง
หากเขาชนะเดิมพัน ก็มีความสุขดี
แต่ถ้าแพ้เดิมพัน เต็มทีก็จะกลายเป็นจุดเด่นเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้ถูเฟิงได้ถูกลิขิตให้ต้องตาย ก็แค่มันจะตายแบบไหนเท่านั้น…
‘โชคดี ที่ข้าไม่ต้องเปิดเผยพลังเพิ่มเติม…’
ต้วนหลิงเทียนย่อมพึงพอใจเป็นอย่างมากที่สามารถชนะพนัน สามารถฆ่าถูเฟิงได้โดยไม่ต้องเผยไต๋เพิ่ม
ความแข็งแกร่งที่เขาเผยออกมาตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่เขาเผยออกตอนผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักในโลกใบเล็กภายในกายของหัวหน้าโถงทดสอบ
ด่านพลังขอบเขตเทพขั้นสูง
การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุด
พื้นฐานมรรคากระบี่
กระบี่เทพขั้นต่ำ
เป็นธรรมดาว่าการลงมือครั้งนี้ อาจจะทำให้ชีพจรสวรรค์ในร่างเขาถูกเปิดเผยว่ามีจำนวนมาก และอาจมีคนสงสัยว่าเขาน่าจะมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย แต่ตราบใดที่ไม่มีใครตรวจสอบโดยละเอียด เช่นนั้นก็คงยากจะรู้ว่าชีพจรสวรรค์ในร่างเขามีจำนวนเท่าไหร่กันแน่
กล่าวได้ว่าเต็มที่ก็มีแค่คนสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้จะเปิดเผยออกไปก็ไม่เป็นไร ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย หากไปอยู่ในระนาบเทวโลกคงเป็นอะไรที่หากประหนึ่งเขากิเลนขนหงส์ แต่พอมาอยู่ในระนาบเทพแล้ว แม้จะหายากมาก แต่ก็พอมีอยู่บ้าง…
อีกทั้ง สุดท้ายแล้วชนพื้นเมืองในระนาบเทพ ไม่ว่าใครก็เป็นลูกหลานผู้แข็งแกร่งที่สุด ทำให้ชีพจรสวรรค์ในร่างก็มี 90 จุดสายขึ้นไป สำหรับคนที่มีชีพจรสวรรค์เกิน 95 จุดสายแล้ว ข้อได้เปรียบของต้วนหลิงเทียนแม้จะมีอยู่ แต่ก็น้อยนิดนัก…
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…มันผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้วแน่นอน!”
สูงขึ้นไปบนฟ้า หลิวอี่เจี้ยน ได้กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “นี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่ข้าพบเจอเทพขั้นสูงที่สามารถเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุด…”
“การทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพ สำหรับผู้อื่นแล้วมันอาจยากเย็นจนแทบเป็นไปไม่ได้ แต่กับต้วนหลิงเทียนผู้นี้เกรงว่าคงไม่ได้ยากอะไรเลย”
ศิษย์หลักอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ต้วนหลิงเทียน!”
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำที่ยืนอยู่บนแท่นศิลาลอยฟ้า อยู่ๆก็โดดลงจากแท่นศิลาก่อนจะลงจอดยังสังเวียนใหญ่ของแท่นยอดยุทธ์ในพริบตา จากนั้นก็มองทักไปยังต้วนหลิงเทียน
ด้วยการปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันของชายในชุดคลุมดำ สายตาของทุกคนก็แทบจะจับจ้องมองไปที่มันอย่างพร้อมเพรียง
“นั่นมันศิษย์พี่ ฉือถงหมิงนี่!”
“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าหลังจากผ่านไปหลาปี ในที่สุดข้าก็ได้เห็นศิษย์พี่ฉือถงหมิงอีกครั้งที่นี่”
“ศิษย์พี่ฉือถงหมิงครั้งยังเป็นศิษย์สายใน ก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของศิษย์สายใน…ต่อมาหลังจากทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำ ก็เก็บตัวฝึกฝน พอปรากฏตัวออกมาอีกครั้งก็ไปเข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลัก แถมยังผ่านการทดสอบจนกลายเป็นศิษย์หลัก!”
“เรื่องนั้นยังไม่นับเป็นอะไร…สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ศิษย์พี่ฉือถงหมิงคนนี้หลังจากกลายเป็นศิษย์หลักแล้ว เนื่องจากผลงานอันโดดเด่น ก็ถูกอาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับเราอย่างอาวุโสเหล่ยรับเป็นศิษย์ส่วนตัว!”
“อาวุโสเหล่ย? 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดที่กล่าวกันว่ามีอำนาจมากที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับของพวกเราน่ะหรือ!?”
“ไม่ผิด! 4 ผู้อาวุโสสูงสุดที่มีอำนาจมากที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับเราได้แก่ อาวุโสฟง อาวุโศเหล่ย อาวุโสอวิ๋น และอาวุโสหวู่ ทั้งหมดเป็นอาวุโสสูงสุดที่มีลำดับอาวุโสในนิกายหมอกเร้นลับเราสูงมาก กระทั่งท่านประมุขยามพบเจอยังต้องทำความเคารพเยี่ยงรุ่นเยาว์พบเจอผู้อาวุโส และศิษย์พี่ฉือถงหมิง ก็เป็นศิษย์ส่วนตัวของอาวุโสเหล่ย!!”
“ผู้อาวุโสสูงสุดทั้ง 4 ฟง เหล่ย อวิ๋น หวู่ นั้นไม่ค่อยยอมรับผู้ใดเป็นศิษย์ เว้นเสียแต่จะมีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงล้ำจริงๆ หาไม่แล้วไม่มีท่านใดสนใจรับไปเป็นศิษย์ทั้งสิ้น…การที่ศิษย์พี่ฉือถงหมิงได้รับการยอมรับจากอาวุโสเหล่ย เช่นนั้นพรสวรรค์กับความเข้าใจของศิษย์พี่จะสูงล้ำขนาดไหน ทุกคนคงจินตนาการได้ออก…”
…
ทันทีที่ฉือถงหมิงปรากฏตัว แม้มันจะไม่ทันได้แนะนำตัวเอง แต่จากเสียงสนทนาโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนก็ล่วงรู้ตัวตนของอีกฝ่ายทันที
เรื่องที่มีอาวุโสสูงสุด 4 คนเป็นดั่งเสาหลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น ต้วนหลิงเทียนล่วงรู้มานานแล้ว
และกล่าวกันว่าพลังฝีมือของอาวุโสสูงสุดทั้ง 4 นั้น ยังเหนือล้ำกว่าประมุขนิกายหมอกเร้นลับคนปัจจุบันเสียอีก และต่อหน้าอาวุโสสูงสุดทั้ง 4 ประมุขนิกายคนปัจจุบันก็เหมือนกับรุ่นเยาว์คนหนึ่ง
ถึงแม้กล่าวกันตามตรงฐานะในนิกายจะไม่ได้ต่ำกว่า แต่ประมุขนิกายก็ยังเคารพนับถืออีกฝ่ายประหนึ่งผู้อาวุโส
ท้ายที่สุดแล้วโลกนี้ก็นับถือผู้เข้มแข็ง
“ไม่ทราบศิษย์พี่ฉือมาหาข้าเช่นนี้ ท่านมีเรื่องอันใดหรือ?”
หลังได้รับทราบตัวตนของฉือถงหมิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายที่อยู่ๆก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาออกไปตรงๆ
“เจ้าสมควรผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้วกระมัง?”
ฉือถงหมิงกล่าวถาม
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคำ
ถึงแม้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าได้กระทั่งถูเฟิง ทุกคนก็พอจะคาดเดาได้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้วแน่ๆ แต่พอต้วนหลิงเทียนยอมรับออกมาเอง ก็ทำให้หลายๆคนอดตกใจไม่ได้
“ยอดเยี่ยม!”
ฉือถงหมิงมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวด้วยความชื่นชม จากนั้นมันก็เอ่ยเข้าเรื่องทันที “ต้วนหลิงเทียน อาจารย์ของข้าก็คืออาวุโสเหล่ย ไม่ทราบเจ้ายินดีกราบท่านอาจารย์ของข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
“หากเจ้ายินดี เช่นนั้นจากนี้ต่อไป เจ้าก็จะเป็นศิษย์น้องเล็กของข้า ฉือถงหมิง!”
“ในนิกายหมอกเร้นลับแห่งนี้ ต่อไปผู้ใดหาญกล้าตอแยเจ้า ก็เหมือนกับพวกมันหาเรื่องข้า ฉือถงหมิง!”
ฉือถงหมิงไม่ใช่คนพูดเก่ง เช่นนั้นพอกล่าวคำออกมา มันก็พูดเข้าประเด็นทันที
พอเสียงกล่าวของฉือถงหมิงดังจบคำ ผู้คนโดยรอบก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาด้วยความแตกตื่นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย “ให้ตายเถอะ! ผู้อาวุโสเหล่ยคิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์จริงๆหรือ?!”
“เจ้าไม่ได้ยินเรื่องที่ศิษย์พี่ฉือถงหมิงเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าหรือไร ว่าใช่ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักแล้วหรือยัง? ข้าเชื่อว่าไม่พ้นอาวุโสเหล่ยเองก็ไม่ใช่คิดจะรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ง่ายๆ เพียงกำหนดว่าอย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนต้องผ่านการทดสอบเป็นศิษย์หลักก่อนจึงจะรับ!”
“ให้ตายเถอะ นั่นอาวุโสเหล่ยเชียวนะ! 1 ใน 4 ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับของพวกเรา! หากต้วนหลิงเทียนกลายเป็นศิษย์อาวุโสเหล่ย ไม่ใช่จากนี้ต่อไปนิกายหมอกเร้นลับก็เสมือนสวนหลังบ้านของต้วนหลิงเทียนหรือไร จะเดินไปที่ใดก็ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น!”
“มารดามันน่าอิจฉาเกิน! ไฉนข้าไม่มีวาสนาเช่นนี้บ้างเล่า…”
…
ในปัจจุบันไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์สายในกับศิษย์สายนอกเท่านั้นที่อิจฉาต้วนหลิงเทียน แม้แต่อาวุโสฝ่ายในทั้ง 2 ที่รับผิดชอบดูแลแท่นยอดยุทธ์วันนี้ก็พากันมองต้วนหลิงเทียนด้วยความอิจฉาจับจิต
ในความเห็นของมัน ต้วนหลิงเทียนเสมือนแค่ก้าวออกไปก้าวเดียวก็ถึงฟ้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น!
“อาวุโสเหล่ย…”
ถังอู๋เยียนที่พึ่งฟื้นสติจากฉากสังหารถูเฟิงก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความยินดีมีสุขอย่างออกหน้าออกตา หากมีคนที่ไม่รู้มาเห็นเข้า คงคิดว่าอาวุโสเหล่ยคิดจะรับนางเป็นศิษย์ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน
และเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ถังอู๋เยียนรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้วนหลิงเทียนจะปฏิเสธเรื่องเป็นศิษย์ของอาวุโสเหล่ย ถึงแม้ว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนจะปฏิเสธคนของอาวุโสหลัก ผู้พิทักษ์ และแม้แต่อาวุโสสูงสุดที่มาทาบทามก็ตาม
อาวุโสเหล่ยไม่ใช่ตัวตนที่อาวุโสสูงสุดคนอื่นๆ รวมถึงชนชั้นผู้พิทักษ์กับอาวุโสหลักจะเทียบได้เลย
และบางทีต้วนหลิงเทียนอาจไม่เต็มใจกราบอาวุโสสูงสุดคนอื่น รวมถึงผู้พิทักษ์กับอาวุโสหลักเป็นอาจารย์ เพียงเพราะว่ากำลังรอคอยให้อาวุโสสูงสุดทั้ง 4 คนนั้นมาทาบทามก็เป็นได้!
ในเมื่อบัดนี้ ศิษย์ของอาวุโสเหล่ยอย่างฉือถงหมิงมาชวนต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง ไหนเลยจะปฏิเสธ?
“ศิษย์พี่ฉือ…”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังฉือถงหมิงด้วยรอยยิ้ม พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงท่าทีสุภาพ “โปรดช่วยข้าบอกกล่าวต่ออาวุโสเหล่ยด้วย ว่าข้า ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณสำหรับความเมตตาและความปรารถนาดีที่อาวุโสเหล่ยมีให้…”
“เพียงแต่ข้าต้วนหลิงเทียน มีอาจารย์อยู่แล้ว จึงได้ทำแค่ตอบรับความเมตตาและความปรารถนาดีของท่านอาวุโสเหล่ยด้วยใจเท่านั้น”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบประโยค ฉือถงหมิงก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง “เช่นนั้น ก็น่าเสียดายยิ่ง…”
พอกล่าวจบคำ ร่างฉือถงหมิงก็โจนทะยานขึ้นฟ้าไปฉับไว จากนั้นก็ปรากฏแท่นศิลาลอยฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นใต้เท้า ก่อนจะท่องทะยานนำพาร่างฉือถงหมิงพุ่งผ่านฟ้าหายไปทันที…
จนเมื่อฉือถงหมิงท่องศิลาบินฉิวหายลับตาไปแล้ว ทุกคนในที่เกิดเหตุถึงค่อยดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อีกครั้ง พวกมันตกใจกับการปฏิเสธอาวุโสเหล่ยของต้วนหลิงเทียนนัก!
ไม่มีใครคิดคาดมาก่อนเลย ว่าต้วนหลิงเทียนจะฝากฉือถงหมิงไปกล่าวปฏิเสธอาวุโสเหล่ยในลักษณะนี้!
สุดท้ายแล้ว ในนิกายหมอกเร้นลับ เรื่องดังกล่าวก็เสมือนหนึ่งก้าวถึงฟ้า!
“ต้วนหลิงเทียน…ถึงกับปฏิเสธเป็นศิษย์อาวุโสเหล่ยจริงๆ?”
“ให้ตายเถอะ! ข้าสมควรบอกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนซื่อหรือคนโง่ดี…มีอาจารย์แล้วอย่างไรเล่า? อาวุโสเหล่ยยินดีรับมันเป็นศิษย์ทั้งที ขอเพียงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ อาวุโสเหล่ยไหนเลยจะสนใจ?”
“บางที นี่อาจเป็นอัตตาของชนชั้นอัจฉริยะ…”
…
เหล่าศิษย์สายในรวมถึงศิษย์สายนอกหลายๆคนไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงเลือกแบบนี้
แม้แต่ถังอู๋เยียนก็เช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียน เมื่อครู่เจ้าควรตอบรับ…”
“เจ้าฆ่าถูเฟิงไปแล้วเช่นนี้ ถึงแม้ในนิกายอาวุโส 2 ไม่มีทางลงมือกับเจ้าโดยง่าย แต่อย่างไรมันก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่นอน! อาวุโส 2 ขึ้นชื่อเรื่องปกป้องพวกพ้อง มันย่อมไม่ปล่อยให้ถูเฟิงต้องตายเปล่าแน่”
“วันนี้ถ้าเจ้าตอบตกลงเรื่องเป็นศิษย์ของอาวุโสเหล่ย มันไม่พ้นต้องไตร่ตรองอีกครั้งว่าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้าดีหรือไม่…”
“เพราะถ้าเจ้าเข้าสำนักของอาวุโสเหล่ย ก็เสมือนเจ้ามียันต์กันตายพกติดตัว…”
ความคิดของถังอู๋เยียนก็เรียบง่ายนัก
ต้วนหลิงเทียนฆ่าถูเฟิงไป ย่อมสร้างความขุ่นเคืองให้อาวุโส 2 แน่นอน แต่ถ้าหากมีอาวุโสเหล่ยเป็นร่มบังลมฝน ต่อให้เป็นอาวุโส 2 ก็ไม่กล้าแตะต้องต้วนหลิงเทียนโดยง่าย!
ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับปฏิเสธ ทำให้เสมือนไร้สิ่งใดป้องกันตัวเลย
“ทุกคนมีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเอง”
ได้ยินวาจาเชิงตำหนิของถังอู๋เยียน ต้วนหลิงเทียนเพียงส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้แยแส ราวกับไม่รู้สึกผิดหรือเสียใจแม้แต่นิดเดียว
“เจ้า—!”
ถังอู๋เยียนถึงกับมีโมโหจนหน้าแดงก่ำ ยังแทบกระอักเลือดเพราะโทสะ กระทืบเท้าราวยาโถวน้อยดังตึงตัง จากนั้นก็เหินร่างจากไปอย่างฮึดฮัดปานเด็กสาวขี้โมโหที่พึ่งทะเลาะกับชายคนรัก…
ในเวลาเดียวกัน
“เฮ่อ~~~”
อู่ฟงหยิน อาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังทราบว่าต้วนหลิงเทียนได้กล่าวปฏิเสธฉือถงหมิง ปฏิเสธเรื่องเป็นศิษย์อาวุโสเหล่ย!
จากนั้นในดวงตาของมันก็พลันปรากฏประกายเยียบเย็นวูบวาบออกมา “ช่างเป็นเด็กน้อยที่โง่เขลานัก…หากเจ้าเข้าสำนักอาวุโสเหล่ย ข้าย่อมไม่มีความกล้าแตะต้องเจ้าอีกต่อไป…”
“ทว่าเจ้ากลับปฏิเสธอาวุโสเหล่ยเช่นนี้…ทำให้ข้าโล่งใจยิ่ง!”