“ไม่ได้หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่ามันน่าจะแลกได้ หากแลกไม่ได้ เช่นนั้นหมายความว่าเรื่องที่เขาจะได้รับโอสถเสริมโชคได้ในเวลาอันสั้น ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว?
เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือโอสถเสริมโชค
ตอนนี้ขอเพียงได้โอสถเสริมโชคสักเม็ดสองเม็ด เขามั่นใจว่าจะสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้แน่!
หากมีโอสถเสริมโชคเม็ดเดียว เขามั่นใจ 5 ใน 10 ส่วน
แต่ถ้าได้โอสถเสริมโชค 2 เม็ด เขามั่นใจว่าทะลวงผ่านได้ 10 ส่วนเต็ม!
แน่นอนว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ประสิทธิผลของโอสถเสริมโชคต้องไม่แตกต่างจากข่าวลือที่เล่าขานกันมา ว่ามันสามารถช่วยให้ผู้คนทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้แน่นอน
“อาวุโสถังชุน ในบรรดาของรางวัลที่ข้าเลือกได้ มันมีโอสถเสริมโชคอยู่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“โอสถเสริมโชครึ?”
ถังชุนผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหัวไปมา “ไม่มีหรอก โอสถเสริมโชคปกติแล้วมีแต่ขอบเขตเทพเท่านั้นที่ต้องการ ส่วนผู้ที่จะเป็นศิษย์หลักได้ก็มีแต่ศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพขึ้นไปทั้งนั้น โอสถเสริมโชคที่ไร้ประโยชน์จึงไม่นำมาเป็นของรางวัลเนิ่นนานแล้ว”
“อย่าได้บอกข้าว่าทั้งหมดที่เจ้ากล่าวถามมา…เพราะเจ้าต้องการโอสถเสริมโชค?”
ถังชุนถาม
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“หากเจ้าต้องการแค่โอสถเสริมโชค มันก็ง่ายนิดเดียว”
ถังชุนกล่าว “ตอนเจ้าเลือกรางวัลผ่านการทดสอบศิษย์หลัก เจ้าก็แค่เลือกของดีๆ จากนั้นก็นำไปหาแลกโอสถเสริมโชคเสีย ข้าเชื่อว่ามีหลายคนยินดีแลกเปลี่ยนกับเจ้าแน่”
“นอกจากนั้น โอสถเสริมโชคที่ข้าสะสมไว้ก่อนหน้า ก็พึ่งมอบให้อู๋เยียนไปไม่นาน…หาไม่แล้วข้าเชื่อว่ายาโถวนั่นต้องยินดีให้ข้ามอบมันแก่เจ้าแทนแน่”
พูดถึงจุดนี้ถังชุนก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ลอบมองไปยังต้วนหลิงเทียนหมายดูว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร
จนเมื่อมันพบว่าต้วนหลิงเทียนแลดูเฉยเมย ไม่เผยท่าทีใดๆทั้งสิ้น มันก็อดผิดหวังไม่ได้
เสน่ห์ของหลานสาวมันน้อยนิดนักหรือ?
“อาวุโสถังชุน ท่านพอรู้บ้างไหม ว่าในนิกายเราตอนนี้มีผู้ใดที่มีโอสถเสริมโชคอยู่กับตัวบ้าง? เผื่อข้ามีของที่พวกมันต้องการจะได้นำไปขอแลก…”
ต้วนหลิงเทียนถามถังชุน
“เรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่รู้หรอก”
ถังชุนส่ายหัวไปมา “สุดท้ายแล้วโอสถเสริมโชคก็มีประโยชน์กับตัวตนขอบเขตเทพมาก…หากมีข่าวว่าผู้ใดถือครองออกไป ก็มักจะมีกลุ่มคนมาขอแลกทันที และส่วนใหญ่ก็หมายนำไปให้ลูกหลานไม่ก็เหล่าศิษย์”
“ข้าจึงแนะนำให้เจ้ารับของรางวัลที่มีมูลค่าสูงๆมาอย่างไรเล่า พอเจ้านำไปประกาศว่าจะขอแลกมันกับโอสถเสริมโชค เช่นนั้นผู้ที่มีมันในมือและไม่รีบร้อนต้องใช้ก็จะมาแลกกับเจ้าเอง”
“ในนิกายเราก็มีตำหนักแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นสถานที่ๆเจ้าสามารถไปหาแลกโอสถเสริมโชคได้อยู่…ในเมื่อกล่าวถึงตำหนักแลกเปลี่ยนที่ว่าขึ้นมาแล้ว หรือพวกเราไปดูกันก่อนดีหรือไม่? เผื่อมีใครคิดจะแลกโอสถเสริมโชคกับของที่ต้องการ?”
พอกล่าวถึงจุดนีถังชุนก็หยุดร่างลงกลางหาว
และข้อเสนอของถังชุน ต้วนหลิงเทียนก็เห็นด้วยทันที เพราะหากจะเทียบกับของรางวัลที่ผ่านการทดสอบศิษย์หลักแล้ว โอสถเสริมโชคน่าสนกว่าจริงๆ
เพราะตอนนี้โอสถเสริมโชคเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด
ภายใต้การนำทางของถังชุน ไม่นานนักต้วนหลิงเทียนก็มาถึงตำหนักแลกเปลี่ยนดังกล่าว ตัวอาคารเรียกว่าใหญ่กว่าโถงทดสอบเสียอีก ยังใหญ่กว่ากันหลายเท่าตัว เมื่อเดินเข้ามาก็พบเห็นแผงลอยเรียงรายเป็นตับๆ
หลังแผงก็มีศิษย์นิกายหมอกเร้นลับเฝ้าอยู่
และเมื่อมองไปยังป้ายที่ห้อไว้บริเวณเอว ก็พบว่าที่ตำหนักแลกเปลี่ยนแห่งนี้มีทั้งศิษย์สายในและศิษย์สายนอก
บริเวณหน้าแผงของพวกมันก็มีแท่นทรงปิระมิดสามเหลี่ยมตั้งอยู่ และมีข้อความเขียนแปะไว้แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วก็ระบุว่า มีสิ่งของอะไร ต้องการแลกกับอะไร และมีผู้คนไม่น้อยที่มาหาแลกโอสถเสริมโชค
กระทั่งโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เป็นชุด 3 เม็ด ก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมไม่น้อย
บางคนถึงกับระบุสิ่งของที่ตัวเองมีมากมาย เพื่อแลกกับของบางอย่างที่ต้องการ
‘ลองเดินดูก่อน ว่ามีใครมีโอสถเสริมโชคและอยากแลกกับของอย่างอื่นไหม…ถ้ามีข้าก็จะได้แลกเลย ถ้ามันไม่ใช่ของแปลกๆอะไร’
ขณะเดินดูตามแผงต่างๆต้วนหลิงเทียนก็ลอบคิดในใจอย่างวาดหวัง
“อาวุโสถังชุน!”
ระหว่างเดินดูแผง ก็มีหลายคนจดจำถังชุนที่นำต้วนหลิงเทียนมาได้ พวกมันจึงคารวะทักทายตามประสา
ต่อมาเมื่อมีคนจดจำต้วนหลิงเทียนได้ ความโกลาหลก็บังเกิดทันที
“ยินดีที่ได้พบศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”
“ศิษย์พี่ต้วน ข้าเห็นการต่อสู้กับถูเฟิงของท่านแล้ว ท่านมันจะร้ายกาจเกินไปแล้ว อาศัยขอบเขตเทพขั้นสูงแต่กลับฆ่าราชาเทพขั้นต่ำได้ นับเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์นิกายหมอกเร้นลับของพวกเราเย ที่สามารถเอาชนะข้ามขอบเขตได้เช่นนี้!”
“ศิษย์พี่ต้วนข้าขอชมท่านจากใจเลย!”
…
เหล่าศิษย์สายในกับศิษย์สายนอกรีบกรูมาล้อมต้วนหลิงเทียนทันที แต่ละคนแลดูคึกคักทั้งกระตือรือร้นนัก ราวกับติ่งพบเจอไอดอลในโลกเก่าอย่างไรอย่างนั้น สำหรับกลุ่มศิษย์ที่กระตือรือร้นแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆพลางพยัยกหน้าเออออไปเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนคล้ายฉุกคิดอะไรได้ สองตาเป็นประกายจ้า กล่าวออกมาเสียงดังว่า “ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย ไม่ทราบว่ามีผู้ใดเห็นใครนำโอสถเสริมโชคมาหาแลกของบ้างหรือไม่?”
“พอดีข้าอยากได้โอสถเสริมโชคสักเม็ดสองเม็ด”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวเรื่องนี้ออกมา หลายคนก็เริ่มหันไปมองทิศทางหนึ่งทันที จากนั้นก็มีคนกล่าวบอกออกมาว่า “ศิษย์พี่ต้วน พอดีมีศิษย์พี่สายในคนหนึ่งด้านนั้นคิดใช้โอสถเสริมโชคที่มีแลกกับอุปกรณ์เทพขั้นกลาง และต้องการเฉพาะศาสตราเทพขั้นกลางเท่านั้น”
“โอ้?”
ดวงตาต้วนหลิงเทียนเป็นประกายขึ้นมาทันที อุปกรณ์เทพขั้นกลาง? เขามีไม่ขาดเลย
ในมือเขา ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในระนาบเทวโลก เขาก็ได้อุปกรณ์เทพขั้นกลางจากซากปรักหักพังของระนาบเทพมาแล้ว อีกทั้ง ‘ความจริงใจ’ ที่ตระกูลจ้งแห่งเมืองวายุสวรรค์มอบให้มา ก็มีศาสตราเทพขั้นกลางอยู่หลายชิ้น
“ศิษย์พี่ต้วน ศิษย์พี่สายในผู้นั้นโหดเหี้ยมเกินไป…คิดใช้โอสถเสริมโชคแค่ 2 เม็ดแลกกับศาสตราเทพขั้นกลางเชียว”
“ใช่แล้วศิษย์พี่ต้วน ท่านอย่าไปแลกเลย ปกติแล้วศาสตราเทพขั้นกลางสักชิ้น สามารถแลกโอสถเสริมโชคได้ไม่น้อยกว่า 4 เม็ดยา…กระทั่งบางคนต่อให้มีศาสตราเทพขั้นกลางในมือแล้ว แต่ในตัวมีโอสถเสริมโชค 5 เม็ดยา ก็ยังแลกศาสตราเทพขั้นกลางมาเก็บไว้เลย”
…
เหล่าศิษย์นิกายหมอกเร้นลับโดยรอบเร่งกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนทันที ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะเสีบเปรียบเพราะไม่รู้มูลค่าของศาสตราเทพขั้นกลาง
ในมุมมองของพวกมัน ถึงต้วนหลิงเทียนจะมีศาสตราเทพขั้นกลาง แต่ทั้งนี้เป็นเพราะผ่านการทดสอบเป็นศิษย์หลัก และคงมีเพียงชิ้นเดียวจากที่ได้เป็นรางวัลมาแน่!
เพราะแต่ไหนแต่ไรพวกมันก็เห็นว่าต้วนหลิงเทียนใช้แค่กระบี่เทพขั้นต่ำเท่านั้น
“ขอบคุณศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายที่กล่าวเตือน”
หลังต้วนหลิงเทียนส่งยิ้มให้ทุกคนที่กล่าวเตือนด้วยความหวังดี เขาก็ก้าวอาดๆมุ่งหน้าไปยังทิศทางสายตาของหลายคนก่อนหน้าทันที ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับที่เห็นดังนั้นก็เริ่มหลีกทางให้ต้วนหลิงเทียนเดินสะดวก
“เอ่อ…ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ต้องการแลกโอสถเสริมโชคจริงๆ?”
“ไฉนถึงยอมทำการค้าขาดทุนขนาดนี้เล่า?”
“อะไรกัน นี่ศิษย์พี่ต้องการโอสถเสริมโชคถึงขนาดนี้เชียว?”
…
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของหลายๆคน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาหยุดลงหน้าแผงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ชายวัยกลางคนผู้นี้หน้าตาแลดูธรรมดา หากแต่แววตากับแหลมคมไม่น้อย พอมันเห็นต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามา ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มคลี่กางทันที “ศิษย์น้องต้วน ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามานานแล้ว วันนี้ได้พบ นับว่าเจ้าหล่อเหลาสมคำร่ำลือจริงๆ”
“ศิษย์พี่ท่านนี้ก็ชมข้าเกินไป…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางหัวเราะเบาๆ จากคำเรียกหาของอีกฝ่าย เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพแน่นอน
“หวูเฟิง?”
ทันใดนั้นเอง ถังชุนที่เดินตามต้วนหลิงเทียนมาติดๆ พอเห็นชายวัยกลางคนก็เอ่ยทักทันที “ข้าไม่เห็นเจ้าเสียนาน นี่เจ้ากลับนิกายมาตั้งแต่เมื่อใดเล่า?”
“อาวุโสถังชุน”
พอเห็นว่าถังชุนตามต้วนหลิงเทียนมาด้วย หวูเฟิงเดิมทีที่นั่งตามอัธาศัยก็เร่งลุกขึ้นยืนและประสานมือโค้งคารวะทักทายถังชุนทันที “ข้าพึ่งกลับมาถึงนิกายเมื่อไม่กี่วันก่อนเองอาวุโสถังชุน จึงยังไม่ทันได้ไปเยี่ยมท่าน”
ต้วนหลิงเทียนแลดูแปลกใจอยู่บ้าง
เพราะมองจากท่าทีของหวูเฟิงคนนี้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเคารพถังชุนเป็นอย่างมาก
“โอสถเสริมโชคแลกกับศาสตราเทพขั้นกลางหนึ่งชิ้น…หากเจ้าต้องการศาสตราเทพขั้นกลาง ไฉนไม่บอกข้าเล่า?”
ถังชุนส่ายหัวไปมา จากนั้นก็ยกมือขึ้น ก่อนจะปรากฏดาบใหญ่ 5 ฉื่อที่เรือนดาบเป็นสีเงินขึ้นมา “เจ้าเอาดาบเทพขั้นกลางนี่ไปใช้เถอะ..ส่วนโอสถเสริมโชค 2 เม็ดที่เจ้ามีก็นำออกมาให้ต้วนหลิงเทียนเสีย”
ถังชุนกล่าวพลางมองไปทางต้วนหลิงเทียน
ในสายตาของถังชุน หากมีโอกาสมอบน้ำใจให้ต้วนหลิงเทียนได้ ก็มีแต่ผดีไม่มีเสีย…นอกจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างมันกับหวูเฟิงก็ไม่เลว หากอีกฝ่ายมาขอศาสตราเทพขั้นกลาง มันก็คิดยกให้อยู่แล้ว
เรื่องนี้นับว่ามันซื้อใจทั้ง 2 คนได้พร้อมๆกัน
“อาวุโสถังชุน”
หวูเฟิงคลี่ยิ้มแหยๆพลางส่ายมือไปมา “ข้ายังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณท่านที่เคยช่วยชีวิตข้าไว้เลย ข้ายังจะเอาของท่านได้อย่างไร?”
“โอสถเสริมโชค 2 เม็ด ข้ามอบให้ศิษย์น้องต้วนไปเลยก็ได้ ส่วนดาบเทพเล่มนี้ ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอก”
หวูเฟิงกล่าว จากนั้นก็นำขวดโอสถออกมายื่นให้ต้วนหลิงเทียน “ศิษย์น้องต้วน เนื่องจากเจ้าเองก็รู้จักอาวุโสถังชุน เช่นนั้นโอสถเสริมโชค 2 เม็ดนี้ ข้าขอมอบมันให้เจ้า”
“หวูเฟิง…”
ในขณะที่ถังชุนขมวดคิ้วย่นยู่หมายกล่าวอะไรบางอย่าง ก็เป็นต้วนหลิงเทียนที่เปิดปากกล่าวคำออกมาก่อน ยังมองหวูเฟิงด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่หวูเฟิง น้ำใจของท่านข้าซาบซึ้งนัก แต่ข้าต้วนหลิงเทียนไม่คิดรับของคนอื่นเปล่าๆ”
“ศาสตราเทพขั้นกลาง ข้าพอมีอยู่บ้าง”
กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งผุดจากความว่างเปล่า ตัวกระบี่มีสีเขียวปานมรกต แถมยังมีกระแสพลังลี้ลับสีเขียวม้วนวนราวพายุอ่อนๆ และตั้งแต่วินาทีแรกที่กระบี่เล่มนี้ปรากฏออกมา ก็เสมือนมันแผ่เจตจำนงอันแหลมคมออกมาฟาดฟันไปทั่ว ชวนให้ผู้คนรู้สึกถึงความเฉียบคมไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกระบี่เทพขั้นกลาง แถมยังมีคุณภาพสูงกว่าดาบสีเงินที่ถังชุนนำออกมาเสียอีก
ลูกตาหวูเฟิงเองก็เปล่งประกายสว่างวาบขึ้นมาโดยพลัน
ด้านถังชุนเมื่อเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนจะเก็บดาบกลับไปอย่างเงียบงัน
มาตอนนี้เองมันก็พึ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะธรรมดาสามัญ ถึงขั้นทำให้ตระกูลจ้งในเมืองวายุสวรรค์ถึงกับก้มหัวได้ เรื่องจะมีอุปกรณ์เทพขั้นกลางเก็บไว้ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ…อีกทั้งหากมันเดาไม่ผิด ตระกูลจ้งเองก็น่าจะมอบอุปกรณ์เทพขั้นกลางเป็นการขอขมาต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
วันนั้นฉากที่จ้งเอ้อ นายรองแห่งตระกูลจ้ง ถึงกับก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียนทั้งทำตัวลีบราวคนต้อยต่ำนั่น มันยังจำติดตามาถึงวันนี้
“ศิษย์น้องต้วน”
หวูเฟิงมองกระบี่เทพขั้นกลางตรงหน้าสักพัก ก็เงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง “ครั้งนี้ข้าขอใช้โอสถเสริมโชค 2 เม็ดแลกกับกระบี่ของเจ้า…”
“นอกจากนั้นให้เจ้าถือว่าข้าหวูเฟิง ติดค้างเจ้าเรื่องหนึ่ง…”
หวูเฟิงนั้นต้องการศาสตราระดับเทพขั้นกลางจริงๆ พอเห็นต้วนหลิงเทียนนำกระบี่เทพขั้นกลางออกมา มันก็ตัดสินใจแลกทันที
ขณะเดียวกัน มันยังขอแลกลูกแก้ววิญญาณกับต้วนหลิงเทียนด้วย
“ศิษย์พี่หวูเกรงใจไปแล้ว ในสายตาข้าตอนนี้ โอสถเสริมโชคทั้ง 2 เม็ดของท่าน มันมีค่าไม่น้อยไปกว่ากระบี่เทพขั้นกลางแม้แต่นิดเดียว”
หลังจากต้วนหลิงเทียนรับขวดโอสถมาเก็บไว้ แม้ภายนอกจะแลดูสงบ หากแต่ในใจกลับปั่นป่วนขึ้นมาไม่น้อย
เพราะตราบใดที่ประสิทธิภาพของโอสถเสริมโชคไม่ได้กล่าวเกินจริง…
เช่นนั้นหลังกินโอสถเสริมโชค 2 เม็ดนี้ไป เขาต้องทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้แน่นอน!
“สิ่งที่ข้าหวูเฟิงกล่าวออกไป ก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว ไม่มีทางถอนคืน…”
แม้จะได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน แต่หวูเฟิงก็ยังยืนกรานเรื่องติดค้างต้วนหลิงเทียนอยู่ดี ทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกดีๆกับศิษย์พี่ที่พึ่งรู้จักคนนี้อยู่บ้าง