ตอนที่ 3698 8-9 ใน 10 เป็นเค่อเอ๋อ

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ต้วนหลิงเทียนที่ดึงสติกลับมาได้แล้ว ก็เร่งกล่าวทักทายหลิงหูชิงเจ๋อด้วยท่าทีสุภาพ กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสีงจริงใจว่า “ขออภัยท่านด้วย มิทราบสตรีในรถสัตว์อสูรคันนี้เป็นผู้ใดหรือ?”
  หลิงหูชิงเจ๋อผงะไปเล็กน้อย ค่อยกล่าวตอบเสียงเบาว่า “นั่นคือคุณหนูชูยิน คุณหนูแห่งตระกูลหลิงหูของพวกเรา และเป็นคนที่แม่เฒ่าคนนี้ต้องปกป้องด้วยทุกสิ่ง”
  คุณหนูชูยิน?
  ตระกูลหลิงหู?
  คำตอบของหลิงหูชิงเจ๋อทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปทันที เป็นไปได้ไหมว่านางจะเป็นเพียงสตรีที่มีหน้าเหมือนเค่อเอ๋อ?
  แต่ในโลกนี้มีผู้คนที่เหมือนกันขนาดนี้เชียวหรือ?
  ทุกรายละเอียดบนใบหน้ามันเหมือนกันทุกประการ ลักษณะพวงแก้มหว่างคิ้วไร้ซึ่งความต่างใดๆ แถมยังให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายกับเค่อเอ๋อเป็นที่สุด…ใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้จริงๆ?
  เป็นธรรมดาว่าไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนจะไม่เคยเจอคนที่หน้าตาคล้ายกันมันก่อน เขาย่อมเคยเห็นพี่น้องฝาแฝดมามากมายที่ไม่อาจแยกได้ออกว่าใครเป็นใคร
  กระทั่งเค่อเอ๋อเอง ก็มีพี่สาวฝาแฝดในชีวิตนี้เช่นกัน
  ทว่าความรู้สึกที่ส่งออกมา กลับแตกต่างราวคนละคน
  อย่างไรก็ตาม หลังเค่อเอ๋อฟื้นฟูความทรงจำสมัยอยู่ในระนาบเทพ นิสัยของนางก็กลายเป็นเข้มแข็งขึ้นหลายส่วน แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ก็เปลี่ยนไปอยู่บ้าง ทำให้นางกับพี่น้องฝาแฝดในระนาบโลกียะเริ่มแลดูแตกต่างกัน
  ฟังจากที่เค่อเอ๋อเคยบอกเขา รูปลักษณ์ของนางจะค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเหมือนชาติที่แล้วมากขึ้นทุกขณะ และสุดท้ายก็จะไม่แตกต่างกับชาติที่แล้วเลย
  และหน้าตาของเค่อเอ๋อที่เขาเห็นก่อนจะถูกอวิ๋นชิงเหยียนพรากไป อาจกล่าวได้ว่าเหมือนกับชาติที่แล้วมากๆ แทบไม่แตกต่างกันเลย
  ก่อนที่เค่อเอ๋อจะปลุกความทรงจำในชาติก่อน ยังมีพี่สาวฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนนาง…แต่เมื่อนางปลุกความทรงจำได้แล้ว เมื่อพลังค่อยๆหวนกลับมา รูปโฉมทั้งบุคลิกของนางก็เริ่มเปลี่ยนไป จนสุดท้ายพี่สาวฝาแฝดในระนาบโลกียะ ก็แค่ละม้ายคล้ายนาง 6-7 ส่วนเท่านั้น…
  ‘สตรีในรถสัตว์อสูรที่ข้าเห็นเมื่อครู่ หน้าตาของนางเหมือนกับหน้าตาของเค่อเอ๋อที่กลับไปเหมือนเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด…’
  เป็นไปได้หรือไม่ ที่สตรีในรถสัตว์อสูรคนนี้จะเป็นพี่น้องฝาแฝดของเค่อเอ๋อเมื่อชาติก่อน?
  แต่ฟังจากที่เค่อเอ๋อเล่ามา ในชาติที่แล้วนางเป็นลูกสาวคนเดียวของบิดา และนางมีแต่พี่ชาย ไม่มีพี่สาว กระทั่งไม่มีน้องชายน้องสาวเลย
  ดังนั้นเขาจึงตัดเรื่องที่สตรีเมื่อครู่จะเป็นพี่น้องฝาแฝดของเค่อเอ๋อออกไปทันที
  เช่นนั้น นางเป็นใครกันแน่ถึงได้หน้าตาเหมือนเค่อเอ๋อราวกับแกะแบบนี้?
  ‘บางที…นางอาจเกิดอุบัติเหตุอะไรตอนกลับไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพหรือไม่? สุดท้ายก็เลยจับพลัดจับผลูหลงมายังดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้ ถึงแม้ตอนนี้ระนาบสมรภูมิจะเปิดอยู่ทำให้ช่องทางเชื่อมต่อของมิติถูกปิด แต่ไม่ใช่ว่าข้าก็มาถึงดินแดนดาราพิศวงได้หรือไร?’
  ‘เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่เค่อเอ๋อจะมาถึงดินแดนดาราพิศวงเช่นกัน’
  ‘เมื่อครู่ ถึงแม้หลังจากเห็นหน้าข้าแล้วสตรีนางนั้นจะไร้ความรู้สึกใดๆ…แต่นั่นก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่นางจะเป็นเค่อเอ๋อ!’
  ‘ไม่แน่อาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเค่อเอ๋อตอนอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ จนมีเหตุทำให้นางสูญเสียความทรงจำและถูกพาตัวมายังดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้?’
  ต้วนหลิงเทียนจดจำได้ว่า ครั้งยังอยู่ในระนาบโลกียะ เขาเองก็เคยสูญเสียความทรงจำไปเช่นกัน กระทั่งถึงกับจดจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร และนั่นมันเกิดขึ้นเพราะเขาประสบอุบัติเหตุหลังใช้ตราผนึกมาร
  เรื่องสูญเสียความทรงจำไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน
  ‘8-9 ใน 10 ส่วน นางสมควรเป็นเค่อเอ๋อ!’
  ต้วนหลิงเทียนได้เหม่อคิดในใจไม่หยุด ทำให้คนอื่นที่เห็นเขานิ่งไปจนคล้ายตัวโง่งมอยู่บ้าง
  แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเขาคิดถึงภรรยาเขาอย่างเค่อเอ๋อมาก เขาดั้นด้นบากบั่นตั้งแต่ระนาบโลกียะไปถึงระนาบเทวโลก จวบจนมาจบลงที่ดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้ ทั้งหมดมีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นคือการพาเค่อเอ๋อออกจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพและกลับไปกับเขา ครอบครัวจะได้พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
  ด้วยเหตุนี้พอเขาได้เห็นคนที่มีหน้าตาเหมือนเค่อเอ๋อทุกประการ ทั้งความรู้สึกทื่เขาสัมผัสได้ยังไม่ต่างกันเลย เช่นนั้นเขาย่อมไม่มีทางพลาดการสืบหาความจริงเรื่องนี้แน่ เพราะนางอาจคือเค่อเอ๋อภรรยาเขาก็เป็นได้!
  ‘สตรีเมื่อครู่นางให้ความรู้สึกคล้ายกับเค่อเอ๋อในอดีตมาก ยังให้ความรู้สึกแตกต่างจากก่านหรูเยี่ยนอย่างเห็นได้ชัด…เพราะบุคลิกของก่านหรูเยี่ยนนั้นแตกต่างจากเค่อเอ๋อคนละเรื่อง แต่สตรีเมื่อครู่กลับทำให้ข้ารู้สึกเหมือนได้เจอเค่อเอ๋อจริงๆ’
  ‘เค่อเอ๋อจากระนาบโลกียะมานานปี แม้ลักษณะนิสัยและความรู้สึกอาจเปลี่ยนไป แต่ข้ากลับไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆที่ชัดเจนเลย…’
  ยิ่งคิดต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าสตรีในรถสัตว์อสูรสมควรเป็นเค่อเอ๋อ ภรรยาเขา!
  และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิด คิ้วเขาก็บัดเดี๋ยวขมวดบัดเดี๋ยวคลาย
  ผู้คนโดยรอบตอนนี้ก็เริ่มคุยกันเสียงดังระงม
  “คุณหนูชูยิน? หรือนางจะเป็นคุณหนูชูยินที่ร่ำรือของตระกูลหลิงหู? โฉมงามอันดับ 1 ของตระกูลหลิงหูผู้นั้นน่ะรึ?!”
  “คุณหนูชูยินคนนี้ที่พึ่งปรากฏตัวในตระกูลหลิงหูได้ราวๆ 200 ปีก่อนน่ะหรือ? ข้าได้ยินมาว่านางคือคุณหนูแห่งตระกูลหลิงหูที่หายตัวไป และตระกูลหลิงหูพึ่งจะพาตัวนางกลับมา…เห็นบอกว่ายังเป็นลูกสาวแท้ๆของน้องสาวผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบันด้วย!”
  “ไม่ผิด ข้าได้ยินมาว่าตอนที่คุณหนูชูยินหายตัวไป ผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบันยังไม่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลด้วยซ้ำ”
  “ข้าได้ยินมาว่า พรสวรรค์กับความเข้าใจของคุณหนูชูยินนั้นธรรมดามากเรื่องนี้จริงหรือไม่? นางใช่ยังมีด่านพลังขอบเขตเทพอยู่หรือไม่? ไม่ทราบจริงๆว่านางมีอายุเท่าไหร่แล้ว หากอายุมากแต่ยังรั้งอยู่ในขอบเขตเทพ พรสวรรค์กับความเข้าใจก็ถือว่าธรรมดาจริงๆ”
  “เจ้าถามแบบนี้เดี๋ยวก็โดนดีหรอก ไม่รู้หรือไรว่าอายุเป็นความลับของสตรี? เห็นว่าในตระกูลหลิงหูยังมีน้อยคนนักที่รู้ว่าคุณหนูชูยินอายุเท่าใด…”
  …
  บทสนทนาโดยรอบ ทำให้ร่างต้วนหลิงเทียนสะท้านไปทันที
  เพราะเขาจับใจความสำคัญได้ 2 เรื่อง
  หนึ่งในนั้นก็คือ คุณหนูชูยินแห่งตระกูลหลิงหูคนนี้ พึ่งจะปรากฏตัวในตระกูลหิงหูเมื่อ 200 ปีก่อน
  อีกอย่างก็คือคุณหนูชูยินสมควรมีด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพ และน้อยคนนักที่จะล่วงรู้อายุของนาง หลยคนคิดไปว่านางอายุมากแล้ว เช่นนั้นพรสวรรค์กับความเข้าใจก็ไม่น่าจะสูงนัก
  หากนางเป็นเค่อเอ๋อที่สูญเสียความทรงจำจริงๆ เรื่องราวทั้งหมดก็ชัดเจน!
  “เค่อเอ๋อ!!”
  พอต้วนหลิงเทียนมองไปยังรถสัตว์อสูรอีกครั้ง 2 ตาเขาก็เป็นประกายจนแทบิงลำแสงความร้อนออกมาได้
  อย่างไรก็ตามหางตาเขาก็เหลือบไปเห็นหลิงหูชิงเจ๋อที่แลดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์เข้าพอดี จึงเร่งหันไปประสานมือโค้งคารวะกล่าวกับนางว่า “ท่านผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าท่านสะดวกให้ข้าพบปะคุณหนูชูยินและสนทนากันสัก 2-3 คำหรือไม่?”
  “หากบนถนนเช่นนี้ไม่สะดวก เช่นนั้นพวกเราไปหาที่สนทนากันเป็นการส่วนตัวก็ได้”
  “ขอผู้อาวุโสโปรดตอบรับคำขอของข้าด้วย”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำจากใจ
  อย่างไรก็ตามหลิงหูชิงเจ๋อกลับเหลือบมองเขาด้วยสายตารังเกียจ กล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน “เดิมทีข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนที่ร่ำรือจักยอดเยี่ยมถึงเพียงใด แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ไม่แตกต่างจากบุรุษอื่น!”
  “ถึงแม้เจ้าจะมีพรสวรรค์กับความเข้าใจอันดี แต่เจ้าคิดว่าสารรูปเจ้าในปัจจุบันคู่ควรกับคุณหนูชูยินรึ? อีกทั้งนายหญิงรองของข้ายังกำชับมาเป็นมั่นเหมาะว่ามิให้ผู้ใดเข้าใกล้คุณหนูชูยิน โดยเฉพาะบุรุษตัวดีเช่นเจ้า!”
  “นอกจากนี้นายหญิงรองยังประกาศไว้แล้ว ว่าคุณหนูชูยินจะอยู่เคียงข้างนางไปตลอดชีวิต ไม่มีการพิจารณาเรื่องหมั้นหมาย โดยเฉพาะเรื่องตบแต่งกับผู้ใดทั้งสิ้น…เช่นนั้นเจ้าตัดใจเสียเถอะ!”
  หลิงหูชิงเจ๋อกล่าว
  และพอกล่าวจบคำ หลิงหูชิงเจ๋อก็โบกมือขึ้นตามอำเภอใจ ปรากฏพลังไร้สภาพอันกล้าแข็งพุ่งกวาดออกมา ต้วนหลิงเทียนแม้จะรีบเร่งเร้าพลังป้องกัน แต่สุดท้ายก็โดนคลื่นพลังกระแทกจนปลิวกระเด็นไปทันที
  และก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะปลิวมาตกพื้น ผู้คนโดยรอบก็เร่งล่าถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว ปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนร่วงตกพื้นดังโครม…
  ‘ยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพ’
  ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันทีขณะถูกพลังมหาศาลซัดกระแทก เขายังตระหนักได้ทันทีว่าหญิงชราคนนี้ไม่ได้ง่ายดั่งเช่นราชาเทพตามข่าวลือ แต่ที่แท้นางเป็นจอมราชันเทพแล้ว!
  “อาจื่อ ไป!”
  เมื่อได้รับคำสั่งของหลิงหูชิงเจ๋อ ชายวัยกลางคนก็รีบขับรถสัตว์อสูรออกไปทันที
  “ท่านผู้อาวุโส!”
  ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นปาดเช็ดเลือดที่มุมปาก เมื่อลุกขึ้นยืนแล้วก็เร่งก้าวอาดๆตามรถสัตว์อสูรไปทันที “ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้มีเจตนาจะปีนป่ายขึ้นที่สูงอะไร…ข้าแค่เห็นว่าคุณหนูชูยินหน้าตาละม้ายคล้ายภรรยาข้าที่พรัดพรากจากกันหลายปี จึงคิดจะยืนยันว่านางใช่ภรรยาของข้าหรือไม่!”
  “หากข้าสามารถยืนยันได้ว่านางไม่ใช่ ข้ายินดีสาบานต่อเลือดมารหัวใจ ว่าชาตินี้ข้าจะไม่มีพบเจอคุณหนูชูยินของท่านอีก!”
  ต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ร้อนรนเป็นกังวลนัก
  เช่นนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะโพล่งความในใจออกมา เพราะเขาเชื่อว่าขอเพียงเขาพูดออกมาให้ชัดเจน อีกฝ่ายต้องเข้าใจแน่นอน จากนั้นก็จะได้ให้เขาเข้าพบคุณหนูชูยินที่ว่าเพื่อให้เขายืนยันความจริงว่านางใช่เค่อเอ๋อหรือไม่
  หากเขายืนยันได้ว่านางไม่ใช่เค่อเอ๋อจริงๆ ถึงแม้เขาจะผิดหวัง แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถยืนยันความจริงได้
  ถึงแม้อีกฝ่ายจะหน้าตาเหมือนเค่อเอ๋อมากแค่ไหน ขอเพียงนางไม่ใช่เค่อเอ๋อ ถึงจะให้เขาสาบานต่อเลือดมารหัวใจว่าจะไม่พบนางอีก เขาก็ไม่ขัดข้อง
  “น่าขันนัก!”
  อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลิงหูชิงเจ๋อที่กำลังเหินร่างกลับเข้ารถสัตว์อสูรก็อดไม่ได้ที่จะหยุดลง หันมากล่าวล้อเลียนเขาเคล้าเสียงหัวเราะ “เจ้าหนู ขออ้างนี้ของเจ้าแม้เฒ่าได้ยินมาตั้งแต่ยังสาวๆ ข้าคร้านจะฟังแล้ว!”
  “ท่านดูเหมือนภรรยาที่ตกตายไปแล้วของข้าบ้างล่ะ เหมือนรักแรกในวัยเด็กของข้าบ้างล่ะ เหมือนคู่หมั้นข้าที่ถูกโจรจับตัวไปบ้างล่ะ…เพ่ย! ขออ้างน้ำเน่าพรรค์นี้ข้าฟังมาตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ!!”
  “อย่างไรก็ตาม เจ้ายังโชคดีนักที่คุณหนูชูยินของข้าไม่ได้ยินข้ออ้างเหลวไหลของเจ้า หาไม่แล้วคงเป็นเสนียดหูนางนัก!”
  “เจ้าอย่าได้ตามมาอีก!”
  “หาไม่แล้ว อย่าได้โทษแม่เฒ้าผู้นี้ว่าไร้ปราณี!”
  กล่าวถึงจุดนี้สองตาหลิงหูชิงเจ๋อก็ฉายแววอำมหิต เป็นการเตือน
  “ผู้อาวุโสท่านฟงข้าก่อน นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่ข้าใช้เพื่อทำความรู้จักนาง! ข้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!!”
  พอได้ยินคำพูดของหลิงหูชิงเจ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่านางเข้าใจเขาผิดไปกันใหญ่ จึงเร่งกล่าวคำอธิบายออกไป “ทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นความสัตย์จริง ข้าสามารถสาบานต่อเลือดมารหัวใจตอนนี้ก็ยังได้!”
  “และตราบใดที่ข้ากล่าวอ้างอย่างที่ท่านคิดจริงๆ ถึงตอนนั้นข้ายินดีแบกรับผลของการผิดคำสาบานต่อเลือดมารหัวใจ แบกรับโทสะของผู้แข็งแกร่งที่สุด!!”
  ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ
  “พอได้แล้ว!”
  อย่างไรก็ตามหลิงหูชิงเจ๋อไม่คิดจะฟังคำพูดต้วนหลิงเทียนแม้แต่นิดเดียว พอเห็นต้วนหลิงเทียนไล่ตามมาอีกครั้ง นางก็ซัดต้วนหลิงเทียนจนปลิดปลิวละลิ่วอีกครั้ง รอบนี้ยังบาดเจ็บไม่น้อย ทั้งยังกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงรำคาญว่า “ต้วนหลิงเทียน ข้าจักไม่ปราณีเป็นครั้งที่ 3…หากเจ้ายังกล้าตามมาอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
  “ตอนนี้มีผู้คนมากมายเป็นพยาน และข้าได้เตือนเจ้าแล้วว่าจะลงมือฆ่าเจ้าให้ตาย! ถึงตอนนั้นแม้แต่นิกายหมอกเร้นลับก็ไม่อาจหาความอะไรจากข้าได้!!”
  ประโยคท้ายขณะกล่าว น้ำเสียงของหลิงหูชิงเจ๋อก็เต็มไปด้วยความเย็นชา จนผู้คนไม่ต้องสงสัยเลยว่านางกล่าวจริงหรือหลอก