จอมราชันเทพเดือดดาล บังเกิดสายธารโลหิตและศพกองเป็นภูเขา…
  สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
  ด้วยเหตุนี้เอง หลังต้วนหลิงเทียนได้ยินน้ำเสียงเย็นชาแฝงไว้ด้วยจิตสังหารของ หลิงหูชิงเจ๋อ จอมราชันเทพแห่งตระกูลหลิงหู ร่างเขาจึงสะท้านขึ้นมาทันที
  หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็กลับมาครองสติโดยสมบูรณ์
  เมื่อครู่เขาถูกความคิดถึงที่มีต่อเค่อเอ๋อ ภรรยาเขาครอบงำโดยสมบูรณ์ ทำใหสูญเสียความสงบทั้งเหตุผลไป
  ตอนนี้หลังจากได้สติโดยสมบูรณ์แล้ว เขาก็ไม่คิดดันทุรังไล่ตามรถสัตว์อสูรไปอีก หลังลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ก็เพียงมองรถสัตว์อสูรที่ห่างไกลออกไปเฉยๆ เพราะเขาทราบดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น
  หากเขายังทะเล่อทะล่าตามไป ได้โดนนางฆ่าตายจริงๆแน่
  และเป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้ ที่นี่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์เต็มไปหมด และนางก็ได้กล่าวเตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากเขาเป็นฝ่ายละเมิดคำเตือนนางก่อน ต่อให้นางจะฆ่าเขาทิ้ง ต่อให้เขาเป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ ทางนิกายก็ไม่มีทางออกหน้าให้เขาแน่
  “ต้วนหลิงเทียน”
  ตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนบนถนนคนหนึ่งที่ยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ได้หันมามองกล่าวพลางส่ายหน้าไปมากับต้วนหลิงเทียนว่า “อันที่จริงด้วยพรสวรรค์กับความเข้าใจของเจ้า ไม่จำเป็นต้องยึดติดถึงขนาดนี้…เจ้าเป็นถึงศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ นับว่ายังมีอนาคตสดใสรอเจ้าอยู่ วันหน้าต่อให้เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ก็มีคนคิดยกลูกสาวหลานสาวให้จนเจ้ารับไม่หวาดไม่ไหวแน่ ถึงตอนนั้นไม่มีใครกล้าพูดว่าเจ้าไม่คู่ควรอีก อย่าได้เสียเวลากับคุณหนูชูยินของตระกูลหลิงหูอีกเลย…”
  “ใช่แล้วๆ…ศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับเช่นเจ้ายังต้องกลัวอะไร เจ้าดูอาวุโสเชวียไห่ชวนเข้าเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่ถูกอาวุโสสูงสุดของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพยกหลานสาวให้แล้วหรือไร?”
  ชายอีกคนกล่าวออกมาอย่างเห็นด้วย
  “ถึงแม้คุณหนูชูยินจะเป็นโฉมงามอันดับ 1 ของตระกูลหลิงหู แต่นางก็เป็นถึงบุตรีของนายหญิงรองแห่งตระกูลหลิงหูผู้นั้น…และไม่ว่าใครก็รู้ดีว่านายหญิงรองแห่งตระกูลหลิงหูมากพรสวรรค์ทั้งดื้อรั้นเพียงใด คำพูดของนางนะ ข้าบอกเลยว่าต่อให้เป็นพี่ชายนางที่นั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลในตอนนี้ก็ไม่กล้าหือด้วยซ้ำ!”
  “ใช่ๆ แถมข้ายังได้ยินมาวว่าพลังฝีมือของนายหญิงรองของตระกูลหลิงหู ก็เหนือกว่าพี่ชายของนางที่นั่งตำแหน่งผู้นำเสียอีก และถึงขั้นไม่ด้อยไปกว่าบรรพบุรุษเฒ่าของตระกูลหลิงหูด้วยซ้ำ!”
  “ต้วนหลิงเทียน เมื่อครู่แม่เฒ่าชิงเจ๋อกล่าวไว้ล้วนชัดเจนแล้ว เจ้าเองก็อย่าเสี่ยงตายโดยใช่เหตุอีกเลย…เจ้ายังมีอนาคตไร้สิ้นสุดรออยู่ อย่าได้เอาชีวิตไปทิ้งเพราะสตรีคนเดียวให้เสียเปล่า…”
  …
  หลายๆคนเริ่มกล่าวออกมาทำนองเดียวกัน หมายเกลี้ยกล่อมให้ต้วนหลิงเทียนล้มเลิกความตั้งใจ
  และสิ่งนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกขมปร่าในลำคอ ดูเหมือนไม่ว่าใครก็พากันคิดเหมือนหิงหูชิงเจ๋อ ว่าเขาตกหลุมรักคุณหนูชูยินผู้นั้น จึงพยายามเข้าหานางทุกทาง…
  อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีอารมณ์จะอธิบายให้ใครฟัง และเลือกจะจากไปเงียบๆ
  ผู้คนมากมายก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนจากไป พลางส่ายหัวเบาๆ
  และเขาไม่เพียงแต่จะออกจากถนนเส้นนั้น เขายังเหินร่างออกจากเมืองจวินหลิงไปเลย เพราะเขารู้ดีว่าเมืองจวินหลิงแห่งนี้เขาอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะอีกไม่นานข่าวที่เขาปรากฏตัวที่นี่ไม่พ้นต้องแพร่ออกไปแน่
  ถึงตอนนั้นหลงเซียวย่อมได้รับข่าวแน่นอน จากนั้นก็ต้องมาหาเขาทันที
  และเมื่อหลงเซียวเจอตัวเขา 9 ใน 10 ส่วนไม่พ้นต้องลงมือเข่นฆ่าเขาด้วยโทสะ เพราะรู้ว่าถูกเขาหลอก
  ในนิกายหมอกเร้นลับ หลงเซียวกล้าลงมือฆ่าเขาโดยไม่สนกฏ
  อย่าว่าแต่ข้างนอกแบบนี้เลย…
  ‘ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่าคงไม่อาจรีบร้อนได้อีก…หากคุณหนูชูยินผู้นั้นเป็นเค่อเอ๋อจริงๆ ดูจากท่าทีของหลิงหูชิงเจ๋อวันนี้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของนางอีก’
  ‘ต่อไปก็มาดูกัน ว่าข้าจะหาทางเจอหน้านางได้ไหม’
  ‘รอจนไปยัง เทพซ่อน นั่นแล้วกลับมาก่อนค่อยว่ากัน…ถึงตอนนั้นหากเทพซ่อนนั่นมันเป็นมรดกสถานของจักรพรรดิเทพจริงๆ ข้าสมควรได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมา ไม่แน่ด่านพลังก็อาจจะบรรลุถึงราชาเทพได้แล้ว…’
  ‘เมื่อระดับพลังบ่มเพาะของข้าถึงขอบเขตราชาเทพ ความแข็งแกร่งย่อมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ต่อไปอะไรหลายๆอย่างคงง่ายกว่านี้มาก’
  หลังคิดได้ดังว่า ต้วนหลิงเทียนก็เลยตัดสินนใจออกจากเมืองจวินหลิงทันที
  “ท่าน่าชิงเจ๋อ…ด้านนอกเกิดอะไรขึ้นหรือ? ไฉนท่านออกไปนานนักเล่า?”
  เมื่อหลิงหูชิงเจ๋อกลับเข้ามาในรถสัตว์อสูร สตรีอีกนางที่นั่งอยู่ด้านใน อันเป็นสตรีที่ต้วนหลิงเทียนได้เห็นรูปโฉมที่เหมือนกับเค่อเอ๋อไม่ผิดเพี้ยนของนาง ก็ได้กล่าวถามหลิงหูชิงเจ๋อออกมาด้วยความสงสัย
  เนื่องเพราะในห้องของรถสัตว์อสูรรได้ติดตั้งอาคมปิดกั้นเสียงเอาไว้ และเสียงผสานพลังก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนก็ถูกหลิงหูชิงเจ๋อหยุดเอาไว้ นางก็เลยไม่ทราบว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง
  ที่นางรู้ก็คืออยู่ๆรถม้าหยุดจนทำให้นางเกือบคะมำ 2 ครั้งเท่านั้น
  “ไม่มีอันใดหรอกคุณหนู แค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ ข้าจัดการหมดแล้ว”
  หลิงหูชิงเจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น มากล้นไปด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ “คุณหนูรอให้เสร็จเรื่องที่นี่แล้ว พวกเราจะกลับตระกูลทันที จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
  สตรีในรถสัตว์อสูรก็คือ หลิงหูชูยิน คุณหนูแห่งตระกูลหลิงหู
  …
  หลังต้วนหลิงเทียนออกจากเมืองจวินหลิงได้สักพัก เรื่องราวที่เกิดขึ้นกลางถนนก็เริ่มแพร่กระจายออกไป
  “เฮ่? พวกเจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วรึยัง? ต้วนหลิงเทียน ศิษย์อัจฉริยะของนิกายหมอกเร้นลับคนนั้น ได้ผ่านการทดสอบศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีแล้ว!!”
  ก่อนอื่นเลย ข่าวที่แพร่ออกมาก็คือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบศิษย์หลัก
  ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนโดดไปขวางรถสัตว์อสูรของตระกูลหลิงหูกลางถนน
  “วันนี้ต้วนหลิงเทียนคนนั้นไปปรากฏตัวที่เมืองจวินหลิง แถมยังโดดไปยืนขวางรถสัตว์อสูรกลางถนนอีกด้วย…พวกเจ้าลองเดาดูสิ ว่ามันไปขวางเพราะอะไร?”
  “อ้อ เรื่องนี้รึ! พี่สาวข้าพึ่งส่งข้อความมาบอกข้าเมื่อครู่เอง เห็นว่าต้วนหลิงเทียนไปขวางรถสัตว์อสูรของคุณหนูชูยินแห่งตระกูลหลิงหู…เห็นว่าพี่ท่านบังเกิดรักแรกพบก็เลยคิดจะจีบนางแน่ะ!!”
  “เหอะๆ โบราณว่าไว้ วีรบุรุษยากฝ่าด่านหญิงงาม…จึกๆๆ กล่าวไปแวด้วยความสำเร็จในวัยเพียงเท่านี้ของต้วนหลิงเทียน ก็รับว่าคู่ควรกับคุณหนูชูยินแห่งตระกูลหลิงหูอยู่นะ”
  “คู่ควรแล้วอย่างไร ไม่คู่ควรแล้วอย่างไร เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่นายหญิงรองแห่งตระกูลหลิงหูเคยประกาศไว้หรือ ว่าคุณหนูชูยินจะครองตัวเป็นโสดและอยู่ข้างกายนางไปชั่วชีวิต ไม่คิดหมั้นหมายหรือตบแต่งกับผู้ใดทั้งสิ้น…อีกทั้งนางยังให้ แม่ม่ายดำ ที่เคยโด่งดังในอดีตของตระกูลหลิงหูผู้นั้นคอยติดตามข้างกายอีก อย่าหวังเลยว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้นางได้…”
  “แม่ม่ายดำ? หลิงหูชิงเจ๋อคนนั้นน่ะรึ?!”
  “มิผิด! เป็นนางเอง แถมฟังจากผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เห็นว่าตอนที่นางลงมือสั่งสอนต้วนหลิงเทียน พลังเทพที่นางใช้ออก มันแผ่กลิ่นอายขอบเขตจอมราชันเทพชัดเจน! นางไม่ใช่ราชาเทพอย่างในอดีตแต่สมควรบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว!!”
  “หากแม่ม่ายดำผู้นั้นบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้วจริงๆ…การที่นางเต็มใจติดตามดูแลคุณหนูชูยินเช่นนี้ อำนาจของนายหญิงรองแห่งตระกูลหลิงหูสูงแค่ไหน ก็ไม่ต้องสืบแล้ว!”
  “เรื่องนี้กล่าวไปเห็นว่า ในอดีตตอนที่แม่ม่ายดำทำผิดครั้งใหญ่นั่น เป็นเพราะนายหญิงรองได้ออกหน้าปกป้องนางไว้ นางก็เลยรอดตายมาได้…แต่มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น จริงเท็จประการใดยากจะทราบ”
  …
  เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนโดดไปขวางรถสัตว์อสูรของคุณหนูชูยินแห่งตระกูลหลิงหู หมายเข้าหานาง แต่กลับถูกแม่ม่ายดำสั่งสอนบทเรียนกลางถนน และประกาศเรื่องที่คุณหนูชูยินไม่มีวันแต่งกับผู้ใด ไม่ทันไรก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองจวินหลิง
  หากเรื่องนี้เป็นชายคนอื่นที่ลงมือ ไม่พ้นผู้คนต้องมองว่า คางคกอยากกินเนื้อฟงส์ฟ้าเป็นแน่…
  อย่างไรก็ตามพอเป็นต้วนหลิงเทียน เรื่องราวจึงต่างออกไป
  ชายหนุ่มที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี แต่ด่านพลังกลับบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูง ทั้งมีความเข้าใจในกฏมิติไม่ใช่ชั่ว
  ในสายตาของผู้คน อัจฉริยะระดับนี่ย่อมคู่ควรกับคุณหนูชูยินแห่งตระกูลหลิงหู ต่อให้เป็นลูกสาวผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบันก็ยังคู่ควร
  “แต่น่าเสียดายนัก…โฉมงามอันดับ 1 ของตระกูลหลิงหูกลับไม่คิดตบแต่งกับผู้ใด…”
  “เฮ่อกพหล่ำปลีเลิศล้ำเช่นนี้…สุกรทั่วหล้าถูกลิขิตให้อดรับประทานแล้ว”
  “ต่อให้ประมุขนิกายคิดไปสู่ขอคุณหนูชูยินของตระกูลหลิงหู พอมาได้ยินคำประกาศนั่น ก็คงทำได้แต่ระงับความคิดดังกล่าว…”
  …
  อันที่จริงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองจวินหลิงวันนี้ สิ่งที่ผู้คนกล่าวขานถึงมากที่สุดก็มีอยู่ด้วยกัน 2 เรื่อง…
  เรื่องแรกก็คือ ต้วนหลิงเทียนศิษย์อัจฉริยะของนิกายหมอกเร้นลับ ได้ผ่านการทดสอบประเมินศิษย์หลักขอบเขตเทพเป็นคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ
  เรื่องที่ 2 ก็คือ คุณหนูชูยินโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งตระกูลหลิงหูผู้นั้น ไม่คิดตบแต่งกับผู้ใด
  สำหรับความกล้าหาญของต้วนหลิงเทียนที่โดดไปขวางรถสัตว์อสูรหมายไล่ตามสตรีที่ชมชอบนั้น ก็มีบางคนชื่นชมว่าใจมันได้ แต่ก็มีบางคนส่ายหน้า…
  “ต้วนหลิงเทียน…มาเมืองจวินหลิง?”
  ในเมืองจวินหลิงก็มีกิจการห้างร้านของนิกายหมอกเร้นลับมากมาย เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ดูแลกิจการพอทราบข่าวเรื่องราวก็อดตะลึงไม่ได้ “ไม่ใช่ว่ามันพึ่งผ่านการทดสอบเป็นศิษย์หลักได้หรือไร ไฉนอยู่ๆถึงมาเมืองจวินหลิงได้เล่า?”
  และตระกูลราชาเทพในเมืองจวินหลิง ที่ต้วนหลิงเทียนไปติดต่อขอซื้อหรือขอแลกโอสถเสริมโชคนั้น เหล่าระดับสูงที่ได้ทราบเรื่องราวก็พากันตกตะลึงกันใหญ่ “อะไร! ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นคือต้วนหลิงเทียน!?”
  “บ้าจริง! หากข้ารู้แต่แรกว่ามันคือต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างดี ทั้งจับลูกสาวมัดแล้วโยนใส่ห้องมันไปแล้ว! โอกาสงามๆเช่นนี้กลับพลาดไปเสียได้!!”
  “ให้ตายเถอะ ศิษย์หลักคนนั้นที่แท้กลับเป็นต้วนหลิงเทียน…ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยจริงๆ”
  …
  อันที่จริงขอเพียงใครสักคนในตระกูลราชาเทพเหล่านั้นแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบระดับพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน จนพบว่าเขาเป็นเทพขั้นสูงล่ะก็ คงสามารถเดาได้ทันทีว่าเขาคือต้วนหลิงเทียน…
  อนิจจาพวกมันเพียงแค่เห็นป้ายศิษย์หลักขอนิกายหมอกเร้นลับที่แขวนไว้บริเวณเอวของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็กริ่งเกรงว่าหากทะเล่อทะล่าใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือ อาจเป็นการทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจขึ้นมาได้
  ยิ่งไปกว่านั้น ป้ายศิษย์หลักนั่น พวกมันเพียงมองปราดเดียวก็ระบุได้ว่าเป็นของจริง และสามัญสำนึกของพวกมันก็บอกว่าศิษย์หลักต้องเป็นตัวตนขอบเขตราชาเทพแน่นอน
  ตัวตนเช่นนั้น เมื่อพวกมันใช้สำนึกเทวะตรวจสอบมีหรือที่จะไม่รู้ตัว? และนั่นต้องทำให้อีกฝ่ายมีโมโหแน่!
  สุดท้ายแล้วพวกมันก็เป็นแค่ราชาเทพ
  ไม่มีใครคิดฝันว่าชายหนุ่มที่พวกมันพบเจอ จะเป็นศิษย์หลักขอบเขตเทพของนิกายหมอกเร้นลับ เป็นศิษย์หลักขอบเขตเทพในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ!
  …
  ณ นิกายหมอกเร้นลับ
  ด้วยความที่ในเมืองจวินหลิงมีกิจการห้างร้านของนิกายหมอกเร้นลับมากมาย ทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองจวินหลิงก็ถูกรายงานกลับมายังนิกายในเวลาอันสั้น
  “ต้วนหลิงเทียน…คิดไล่จีบหลิงหูชูยินแห่งตระกูลหลิงหูหรือ?”
  พอถึงอู๋เยียนได้รับทราบข่าวดังกล่าว ในใจขอนางพลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง “มัน…ไม่ได้บอกว่ามีภรรยาแล้วหรือไร?”
  “แถมมิใช่เพราะมีภรรยากับลูกแล้ว ก็เลยไม่คิดสนใจสตรีคนไหนหรอกหรือ?”
  เป็นธรรมดาว่าเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้บอกให้ถังอู๋เยียนรู้แต่อย่างไร แค่ถังชุนบอกนางมาว่าต้วนหลิงเทียนเคยพูดแบบนี้เท่านั้น
  สุดท้ายถังอู๋เยียนก็อดไม่ไหว ได้แต่ส่งข้อความไปถามต้วนหลิงเทียน “เจ้า…เจ้ารู้จักหลิงหูชูยินหรือไม่?”