ทุกเรื่องราวมันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตา
หลิวตงหมิงกับสหายถูกฆ่าทิ้งทันที…
ก่อนหน้านี้…
หลิวตงหมิงกับสหายพอเห็นว่า ไม่เพียงแต่ตู้เชียนจวินจะนำอุปกรณ์เทพระดับกลางออกมาเท่านั้น แม้แต่สหายของตู้เชียนจวินก็นำอุปกรณ์เทพระดับกลางออกมาด้วย จิตต่อสู้และความฮึกเหิมของพวกมันก็หดหายไปไม่มีเหลือ
ต้องทราบด้วยว่า จากข้อมูลที่หลิวตงหมิงล่วงรู้เกี่ยวกับตู้เชียนจวินหรือที่มันรู้จักในนาม ‘ตู้เหยียน’ แม้พลังฝึกปรือจะอยู่ในขอบเขตขีดขั้นเดียวกัน แต่ถึงอีกฝ่ายจะใช้แค่อุปกรณ์เทพขั้นต่ำก็ยังแข็งแกร่งกว่ามันอยู่ดี เพราะความเข้าใจในกฏอีกฝ่ายสูงกว่ามัน…
ทว่าตอนนี้ตู้เชียนจวินกลับควักอุปกรณ์เทพขั้นกลางออกมา
นอกจากนั้นคู่หูของตู้เชียนจวินก็มีพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตู้เชียนจวินเลย มิหนำซ้ำในมือยังถืออุปกรณ์เทพขั้นกลางอีก!
ความแข็งแกร่งระดับนี้ ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะต่อกรด้วยได้!
ดังนั้น มันจึงเหลือความคิดเดียวเท่านั้น คือให้ซือหม่าหานกับพวกช่วยพวกมันต้านทานรับมือฝ่ายตู้เชียนจวิน และหาทางล่าถอยเข้าไปในเทพซ่อน และฉวยโอกาสหลบหนีไปด้านใน…
อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันเลย…
ว่ามันที่พึ่งหันหน้ามาหมายตะโกนบอกให้พวกซือหม่าหานถอยร่นเข้าไปในเทพซ่อน กลับพบเห็นกระบวนท่าสังหารของซือหม่าหานที่เข่นฆ่าเข้าใส่มัน ทำให้มันบังเกิดความเย็นยะเยียบจับใจ กระทั่งทำให้มันรู้สึกสิ้นหวังถึงขีดสุด…
ไม่ใช่ว่าซือหม่าหานเก่งกฏแห่งน้ำหรือไร?
ไฉนกฏน้ำแข็งที่ใช้กลับทรงพลังมากนักเล่า?
และทำไม?
ทำไมซือหม่าหานต้องจู่โจมใส่มันด้วย…
หลิวตงหมิงที่ไม่อาจเข้าใจได้แม้กระทั่งถูกฆ่าตาย มันยังตกตายอย่างโง่งม ในหัวสงสัยก็แต่เพียง เพราะอะไร…
และสหายของหลิวตงหมิงเองก็ตกตายคามือชายหนุ่มชุดแดงที่มากับซือหม่าหานเช่นกัน
กฏที่ชายหนุ่มชุดแดงเชี่ยวชาญก็คือกฏสายฟ้า ดาบคลื่นดาบอัสนีที่มันซัดมา สหายของหลิวตงหมิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกปลิดชีพในพริบตา…
หลังจากฆ่าตงหมิงกับสหายแล้ว ชายหนุ่มชุดแดงก็สะบัดมือเก็บอุปกรณ์เทพของทั้งคู่เข้าแหวนพื้นที่อย่างไร้เรื่องราว ส่วนแหวนพื้นที่ของอีกฝ่าย ได้ทำลายตัวเองไปเรียบร้อย
หลังชายหนุ่มชุดแดงกลับมายืนอยู่ด้านหลังซือหม่าหานแล้ว ด้านซือหม่าหานก็หันไปมองถามตู้เชียนจวินด้วยความสงสัย “เชียนจวินในเมื่อพวกเจ้ามาพร้อมหวูอี้ซาน…ไฉนพวดเจ้าไม่ฆ่ามันทิ้งแต่แรก?”
“ด้วยพลังฝีมือของพวกเจ้า คิดจะฆ่าพวกมันสองคนทิ้งคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกระมัง?”
แต่ต้นจนจบซือหม่าหานเพียงเอ่ยถามถึงหวูเฟิงที่ใช้นามแฝงว่า หวูอี้ซาน เท่านั้น คล้ายยึดถือว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีตัวตน
แต่อันที่จริงในสายตาของมัน เทพขั้นสูงก็ไม่แตกต่างอะไรจากไร้ตัวตนในสายตา…
ด้านตู้เชียนจวินพอได้ยินคำถามดังกล่าว มันก็ได้แต่หันไปมองซือหม่าหานพลางคลี่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบว่า “นายน้อยหาน ก่อนหน้านี้ข้ารู้ตัวตนของท่านที่ไหน…เช่นนั้นข้าจึงคิดจะเก็บหวูอี้ซานไว้เพื่อคานอำนาจกับพวกท่านทั้ง 6”
“เพราะในเมื่อข้าไม่รู้จักตัวตนของท่าน ข้าไหนเลยจะรู้ว่าพวกท่านใช่คิดอาศัยคนมากกลุ้มรุมเข่นฆ่าพวกเราเพื่อลดคู่แข่งหรือไม่…”
กล่าวถึงจุดนี้ ตู้เชียนจวินก็หยุดลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวสืบต่อ “หากข้ารู้ตัวตนของนายน้อยหานแต่แรก ข้าต้องจัดการพวกมันทั้งคู่ระหว่างทางแน่นอน”
“สุดท้ายอาศัยหวูอี้ซานแค่คนเดียว ด้วยมีพวกข้าสองคนกลุ้มรุมคิดจะฆ่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยาก…ส่วนเทพขั้นสูงที่หวูอี้ซานพามานั่น ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง ข้าแค่สะบัดมือส่งๆก็ทุบมันตายได้ในกระบวนเดียว!”
ตู้เชียนจวินกล่าวคำด้วยความมั่นใจถึงที่สุด
“นี่ก็ช่วยไมได้ เพราะคราวก่อนมีคนอยู่กันเยอะเกินไป ข้าจึงไม่ทันได้สังเกตเจ้าให้ละเอียดพอ ทำให้ข้าไม่พบความละม้ายคล้ายคลึงระหว่างเจ้ากับอาจารย์อาตู้…มาครั้งนี้ข้าสังเกตเห็นว่าลักษณะเจ้าช่างคล้ายกับอาจารย์อาตู้หลายส่วน พวกกับบท่านอาจารย์ของข้าเองก็เคยกล่าวถึงเรื่องที่อาจารย์อาตู้ก็มีหลานชายอยู่ 2 คน ข้าก็เลยเดาได้ว่าเป็นเจ้า…”
ซือหม่าหานนั้นมีชื่อจริงว่า ฉู่หาน เป็นศิษย์ของนิกายระดับจักรพรรดิเทพ และนิกายระดับจักรพรรดิเทพที่ว่าก็เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่อยู่เบื้องหลังนิกายหมอกเร้นลับ นิกายหมื่นปีศาจ รวมถึงตระกูลหลิงหู!
3 ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพมักส่งบรรณาการให้กับนิกายระดับจักรพรรดิเทพดังกล่าวทุกปี เพื่อแลกกับสันติ
เพราะหากนิกายระดับจักรพรรดิเทพนั่นคิดควบรวมยึดครองพวกมัน พวกมันก็ไม่มีปัญญาตอบโต้ได้เลย
โชคดีที่นิกายระดับจักรพรรดิเทพดังกล่าวไม่ได้ยื่นมือเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน ทำให้พวกมันบังเกิดความโล่งใจ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าสิ่งบรรณาการที่จ่ายออกไปทุกปีนั้นไม่เสียเปล่า…
แต่เป็นธรรมดาว่า เรื่องนี้ยังเป็นเพราะทั้ง 3 ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพดังกล่าว ยินดีที่จะส่งผู้มีพรสวรรค์ไปเข้าร่วมนิกายระดับจักรพรรดิเทพนั้นก่อน
การที่ 3 ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพส่งอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่สุดที่มีไปเข้าร่วมกับนิกายระดับจักรพรรดิเช่นนี้ บ่งบอกว่าทั้ง 3 ขุมกำลัง ยินดีสละโอกาสยกระดับฐานะเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ และในระดับหนึ่งเสมือนบอกเป็นนัยว่ายินดีอยู่ใต้อาณัติของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ!
“แต่ไม่พูดไม่ได้ เจ้าหนุ่มชุดม่วงที่อยู่ข้างกายหวูอี้ซานนั่น แม้มันจะเป็นแค่เทพขั้นสูง แต่จิตใจกลับไม่ง่ายดาย”
สองตาฉู่หานทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ที่มันทำตัวเรื่องมาก คล้ายกำลังสร้างความรำคาญและหาเรื่องใส่ตัว แต่อันที่จริงแล้วเป็นมันกำลังหาทางรอดให้ตัวเอง”
“เดิมทีแผนของพวกเราก็คือให้คนเข้าไปก่อน 6 คนรวมถึงพวกเจ้าด้วย และข้าจะเก็บอีก 2 คนที่รั้งอยู่ด้านนอกเพื่อลดคู่แข่ง ด้านเจ้าก็ทำทีเป็นร่วมมือกับหวูอี้ซานเก็บอีกคู่…”
“จากนั้นพอข้าจัดการเสร็จและตามเข้าไปในเทพซ่อน ก็เท่ากับว่าพวกเราเหลือคู่แข่งจริงๆ แค่พวกมัน 2 คนเท่านั้น…”
“แต่เพราะเจ้านั่นมันมายุ่งวุ่นวายยกอ้างเหตุผลฟังขึ้นออกมา ทำให้พวกเรามีโอกาสเก็บคู่แข่งได้ก่อนแค่ 2 คนเท่านั้น…เท่ากับว่าพวกเรายังเหลือคู่แข่งถึง 4 คนด้านใน”
ฉู่หานกล่าวออกเสียงขรึม
“ไอ้หนูนั่นช่างน่าตายนัก!”
พอได้คิดตู้เชียนจวินก็ตระหนักได้ทันที สองตายังเปล่งประกายเย็นชาออกมา “สารเลวน้อยนั่น ขอให้มันโชคดีไม่เจอข้าในเทพซ่อนเถอะ…หาไม่แล้วข้าจะสับร่างมันให้แหลกเป็นพันๆชิ้น!”
“พวกเราเข้าไปกันเถอะ…ไม่แน่ว่าพอพวกเราเข้าไป อาจไปปรากฏในสถานที่เดียวกัน และพวกหวูอี้ซานกับเยว่ฉีนั่นยังรอพวกเราอยู่…”
มุมปากฉู่หานยกยิ้มแสยะเย็นชา
“ฮ่าๆๆๆ…หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราก็สามารถฆ่าพวกมันให้หมดในคราวเดียว จากนั้นไม่ว่าสมบัติใดๆในเทพซ่อนก็มีแต่พวกเรา 4 คนที่ได้รับประทานแล้ว!”
ตู้เชียนจวินหัวเราะร่า จากนั้นทั้ง 4 ก็เริ่มเหินร่างผ่านประตูตำหนักเทพซ่อนเข้าไปด้านในทันที
“หืม? ไฉนถึงเหลือกันแค่ 4 คนเล่า?”
เยว่ฉีกับสหายที่รอคอยอย่างร้อนใจอยู่สักพัก พอเห็นว่ายังไม่มีใครตามเข้ามาเสียที ก็เริ่มฉุกคิดว่า 6 คนที่ตามเข้ามาภายหลังใช่ถูกสุ่มเคลื่อนย้ายให้ไปปรากฏตัวที่อื่นหรือไม่?
เนื่องเพราะในเทพซ่อนเองก็มีการเคลื่อนย้ายในลักษณะนี้เช่นกัน คนที่เข้ามาไล่เลี่ยจะปรากฏตัวที่เดียวกัน ส่วนคนที่เข้ามาห่างกันช่วงเวลานึง จะถูกส่งไปโผล่ที่อื่น
หากทว่าในขณะที่พวกมันกำลังจะจากไป พวกมันก็พบว่าความว่างเปล่าเริ่มกระเพื่อมสั่นไหว จากนั้นก็มีร่าง 4 ร่างปรากฏตัวออกมา
“ซือหม่าหาน แล้วหลิวตงหมิงเล่า?”
หลังจากมองจ้องตู้เชียนจวินกับสหายอย่างระแวดระวัง เยว่ฉีก็พาชายชราผู้ติดตามเดินไปสมทบกับซือหม่าหานกับชายหนุ่มชุดแดง “ไม่ใช่ว่าพวกมันสมควรเข้ามาพร้อมกับพวกเจ้าหรือ?”
“หืม?”
ซือหม่าหาน หรือที่จริงมีนามว่า ‘ฉู่หาน’ พอได้ยินคำถามของเยว่ฉีก็ชักสีหน้าแปลกใจ จากนั้นก็หันไปมองรอบๆพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “อ่าว? พวกมันเล่า…ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่ก็เข้ามาพร้อมกันหรอกหรือ?”
เยว่ฉีกับชายชราที่อยู่ด้านหลัง พอได้ยินคำพูดของซือหม่าหานก็เริ่มหันรีหันขวาง จากนั้นก็พบว่าตู้เชียนจวินที่ยืนอยู่ไม่ไกลอยู่ๆก็ปะทุพลังเทพขึ้นมา!
แถมอีกฝ่ายยังชักอาวุธเทพออกมาและถ่ายทอดพลังลงไปเร็วไว ความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจยังถูกเรียกใช้พร้อมๆกัน ไม่พูดไม่จาก็ป้อนกระบวนท่าจู่โจมเข้าใส่มันพวกมันทันที!
เรื่องราวทั้งหมดอุบัติขึ้นในชั่วพริบตา!
แม้แต่เยว่ฉีกับชายชราก็ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าทั้งๆที่พวกมันอยู่กับซือหม่าหานแล้วแท้ๆ แต่คนของนิกายหมื่นปีศาจยังกล้าเปิดฉากจู่โจมออกมาแบบนี้!
“ตู้เหยียนเจ้าคิดจะทำอะไร!?”
เยว่ฉีโพล่งตะโกนดังลั่น มันเร่งปะทุพลังชั่วชีวิตและออกกระบวนท่าตอบโต้ทันที หมายป้องกันการโจมตีพวกตู้เชียนจวินทั้งสอง
ด้านชายชราที่อยู่ด้านหลังของมัน ตอนนี้ก็เร่งก้าวออกมาด้านหน้า ไม่เพียงแต่จะชักอาวุธเทพออกมาพร้อมรบ ทั่วร่างยังปรากฏพลังเทพพวยพุ่งขึ้นมาปานเพลิงไฟ และจากสีสันของพลังกับกลิ่นอายก็เห็นได้ชัดว่ามันเชี่ยวชาญกฏแห่งไฟจริงๆ!
“ก็จะฆ่าเจ้าอย่างไรเล่า!”
ตู้เชียนจวินกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ เหินร่างนำพาชายวัยกลางคนเข่นฆ่าไปทางเยว่ฉีกับชายชราอย่างดุร้าย!
และฉากเรื่องราวทำนองเดียวกับที่เกิดขึ้นด้านนอก ก็เริ่มฉายวนซ้ำ
ละอองเลือดพร่างพรมคละคลุ้ง เป็นชายชราที่อยู่ข้างกายเยว่ฉีถูกชายหนุ่มชุดแดงลอบซัดพลังดาบสายฟ้าเข้าอย่างจัง จนร่างระเบิดเป็นหมอกโลหิต!
ส่วนฉู่หาน คราวนี้กลับไม่ได้ลงมือแต่อย่างไร
ปงงง!!
แต่กระนั้น ด้านเยว่ฉีที่ต้องรับมือการกลุ้มรุมจากตู้เชียนจวินและชายวัยกลางคน แม้ว่ามันจะรีบเร่งเร้าพลังตอบโต้แทบจะทันที กระนั้นมันก็ถูกซัดทำร้ายได้อย่างง่ายดาย เพราะพลังของมันไม่อาจต้านทานการจู่โจมของตู้เชียนจวินกับชายวัยกลางคนได้เลย คนปลิวละลิ่วไปกระแทกผนังถ้ำอย่างแรง ตัวยังฝังลงไปในผนังถ้ำเกือบครึ่ง
จากนั้นร่างมันก็ค่อยๆหลุดออกจากผนังถ้ำร่วงไปกองกับพื้น สภาพแลดูอเนจอนาถปานสุนัขป่วยใกล้ตาย
“อั๊ค—”
หลังกระอักโลหิตออกมาหลายคำใหญ่ เยว่ฉีที่ค่อยๆยันพื้นเงยหน้าขึ้นมามองอย่างยากลำบาก แววตาของมันก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ได้แต่มองไปยังทั้ง 4 ที่กำลังจับจ้องมันมาด้วยสายตาทำราวกับมองคนตายอย่างอื้ออึง
ซือหม่าหาน ที่มันหลงคิดว่าเป็นฝ่ายตัวเอง…ที่แท้กลับร่วมมือกับคนของนิกายหมื่นปีศาจ?
แล้วซือหม่าหานผู้นี้ ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัดเหมือนมันกับหลิวตงหมิงหรือไร?
ไฉนอยู่ๆไปร่วมมือกับคนของนิกายหมื่นปีศาจได้?
“ทำไม?”
เยว่ฉีเงยหน้ามองจ้องซือหม่าหานตาขวาง กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน “ซือหม่าหาน เจ้าไฉนถึงได้ทรยศพวกเรา ทั้งๆที่พวกเราไว้ใจเจ้า!?”
“ไว้ใจ?”
ก่อนที่ซือหม่าหานจะทันได้ตอบอะไรกลับไป ก็เป็นตู้เชียนจวินที่กล่าวคำออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เยว่ฉีเจ้ากล่าวเช่นนี้จะเอาดีเข้าตัวเกินไปหรือไม่…นี่เจ้าไม่อายผู้อื่นบ้างหรือ? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่เจ้าก็หวังใช้ประโยชน์จากนายน้อยหานหรือไร ทั้งหมดก็แค่เพื่อตัวเจ้าเองเท่านั้น..”
“ต่อไปเมื่อเจ้าได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ไม่ใช่คิดจะละทิ้งนายน้อยหานหรือไร?”
ตู้เชียนจวินคลี่ยิ้มร่า
“นายน้อยหาน?”
พอได้ยินคำที่ตู้เชียนจวินใช้เรียกหาซือหม่าหาน สีหน้าเยว่ฉีก็เปลี่ยนไปอีกรอบ ลูกตายังหดเล็กลงครู่หนึ่ง “ซือหม่าหาน ที่แท้เจ้าก็เป็นศิษย์ของนิกายหมื่นปีศาจงั้นรึ?”
“พวกหวูอี้ซานเล่า? พวกมันไปทางไหนเจ้าเห็นหรือไม่?”
ซือหม่าหานไม่ได้สนใจจะตอบอะไรเยว่ฉี หลังจากมองไปรอบๆแล้วเห็นว่ามีแค่ 2 ช่องทางให้ไปต่อ มันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามเยว่ฉี
อย่างไรก็ตาม เยว่ฉีไม่สนใจจะตอบคำถาม เพียงกล่าวถามออกไปเสียงหนักว่า “พวกเจ้าทั้งคู่รวมหัวกันฆ่าหลิวตงหมิงไปแล้วกระมัง?”
“ใช่”
รอบนี้ซือหม่าหานกล่าวตอบไปด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
ทันใดนั้นเองตู้เชียนจวินก็ก้าวอาดๆมาเตะร่างเยว่ฉีจนปลิวกระแทกผนังอีกครั้ง จากนั้นก็เขี่ยให้เยว่ฉีหงายหน้าขึ้นมาก่อนจะย่ำเหยียบลงบนอก จากนั้นก็กระทืบลงไปซ้ำๆจนผืนดินรอบๆเริ่มปริร้าว
เมื่อกระทืบจนหนำใจแล้ว ตู้เชียนจวินก็เอ่ยถามออกมาเสียงเย็น “บัดซบ! เจ้าไม่ได้ยินที่นายน้อยหานถามหรือไร ยังไม่รีบตอบมาอีก!?”
ฉู่หานนั้นเป็นศิษย์สายในของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่อยู่เบื้องหลังนิกายหมื่นปีศาจ
นอกจากนี้อาจารย์ของฉู่หานที่เป็นชนชั้นอาวุโสของนิกายระดับจักรพรรดิเทพที่ว่า ยังเป็นศิษย์พี่ที่ปู่ของมันให้ความเคารพนับถือมากที่สุด
ในแง่ลำดับอาวุโสแล้ว มันต้องเรียกหาฉู่หานด้วยความเคารพว่า ‘อาจารย์ลุง’ ด้วยซ้ำ!
“บอกข้ามา ที่แท้พวกเจ้าเกี่ยวข้องกันอย่างไร…หาไม่แล้วต่อให้ข้าตาย ข้าก็ไม่มีวันบอกพวกเจ้าว่าหวูอี้ซานไปทางใด!”
เยว่ฉีที่กระอักเลือดท่วมปาก มองถามตู้เชียนจวินตาขวาง
“บอกเจ้าไปก็ไม่นับเป็นอะไร..”
ตู้เชียนจวินที่ได้ยินคำถามเยว่ฉี ก็กล่าวตอบออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย “ข้าไม่ได้ชื่อตู้เหยียนหรอก ที่จริงข้าเรียกว่าตู้เชียนจวิน และเป็นหลานของอาวุโสสูงสุดของนิกายหมื่นปีศาจ ตู้จ้าน… ”
หลานของอาวุโสสูงสุดนิกายหมื่นปีศาจ ตู้จ้าน?!
พอได้ยินคนตรงหน้าเปิดเผยตัวตนออกมา ลูกตาเยว่ฉีก็หดเล็กลงทันที
ตัวตนเช่นนี้ แค่ฐานะความเป็นมา ก็มากพอแล้วที่จะบดขยี้มันให้จมดิน!