“อุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้ว…”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนสองตาหวูเฟิงก็ร้อนผ่าว แต่ไม่ทันไรมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน จากนั้นในแววตาก็เริ่มบังเกิดความโลภขึ้นมาปานเพลิงไฟ
“ศิษย์พี่หวูเฟิง”
ต้วนหลิงเทียนที่สังเกตเห็นแววตาของหวูเฟิง ก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ จึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “หากพวกเราได้รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณที่ว่าจากจักรพรรดิเทพฉินหวู่ ท่านก็เอาไปเถอะ”
“ศิษย์น้องต้วน…”
หวูเฟิงถึงกับตะลึงไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน และเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะเมื่อครู่มันพึ่งบังเกิดความโลภต่ออุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่า
แต่ตอนนี้ศิษย์น้องต้วนของมัน พอเปิดปากกล่าวคำ ก็บอกว่าหากได้มาจะยกให้มันเสียอย่างนั้น
“ศิษย์น้องต้วน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก”
ถึงแม้ว่าหวูเฟิงเองก็อยากได้อุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่าจับใจ แต่พอมันเห็นถึงความจริงใจต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็รู้สึกผิดขึ้นมาจากนั้นก็เริ่มสลายความโลภที่ก่อตัวในใจทิ้งไปหมดสิ้น “ข้าว่าพวกเราแข่งขันกันอย่างยุติธรรมเถอะ…ผู้ใดทำผลงานได้ดีกว่า ก็รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่าไป”
“สิ่งนี้นับว่ายุติธรรมต่อเจ้าและข้า”
เป็นธรรมดาว่าเมื่อหวูเฟิงกล่าวออกมาเช่นนี้ ก็เสมือนมันยอมรับกลายๆแล้วว่าจะยกให้ต้วนหลิงเทียน
หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะส่ายหัวบอกปัด “ศิษย์พี่หวู เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว ท่านไม่ต้องกล่าวอีก”
“อุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่า ข้าบอกว่ามอบให้ท่านก็คือมอบให้ท่าน ต่อให้จะเป็นข้าที่ได้มันมา ข้าก็ไม่ต้องการ…อย่างไรก็ตาม เมื่อข้ามอบอุปกรณ์เทพขั้นสูงให้ท่านแล้ว ข้าก็มีเรื่องจะขอ”
“นั่นคือ…นอกจากอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่า หากมีสมบัติอื่นใด ข้าต้องเป็นคนเลือกก่อน”
“ท่านตกลงไหม?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ศิษย์น้องต้วน เรื่องนี้ย่อมไม่มีปัญหา…แต่ทรัพย์สมบัติชั่วชีวิตของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ ให้สิ่งอื่นรวมกัน ข้าเกรงว่ายังไม่อาจมีมูลค่าเทียบกับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณได้ เรื่องนี้เหมือนข้าเอาเปรียบเจ้าเกินไป”
ยิ่งต้วนหลิงเทียนใจกว้างมากเท่าไหร่ หวูเฟิงก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น มันคิดว่าความโลภที่มีก่อนหน้านั้น ไม่อาจอภัยให้ได้จริงๆ
“ศิษย์พี่หวูเฟิง สิ่งใดที่ข้าพูดไปแล้วข้าไม่คิดคืนคำ”
“เอาตามนี้ล่ะ…หากพวกเราได้อุปกรณ์เทพขั้นสูงนั่นมา มันเป็นของท่าน ส่วนที่เหลือข้าขอเลือกก่อน 3 อย่าง”
ดวงตาต้วนหลิงเทียนเผยความแน่วแน่ น้ำเสียงเด็ดขาด
“เป็นธรรมดาว่าหากพวกเราไม่ได้รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่ามา ข้อตกลงของพวกเราก็ถือว่าเป็นโมฆะ และข้าก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกสมบัติใดก่อน”
“ศิษย์พี่หวูเฟิง ข้าต้วนหลิงเทียนรู้ว่าควรไม่ควร บอกว่าหนึ่งก็ไม่มีสอง…ที่สำคัญหากครั้งนี้ไม่ได้ท่านชวนมา ข้าไหนเลยจะมาอยู่ที่นี่ได้ เช่นนั้นข้าก็เสมือนไม่มีโอกาสได้เห็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่าด้วยซ้ำ”
คำที่ต้วนหลิงเทียนพูดย่อมมาจากใจ
ถึงแม้ว่าเหตุผลหลักที่เขาไม่สนใจอุปกรณ์เทพขั้นสูงนั่น จะเป็นเพราะเขามีอยู่แล้วทั้งยังมีจิตวิญญาณสมบูรณ์อีกด้วย แต่เหตุผลสำคัญก็คือ เทพซ่อนแห่งนี้เป็นหวูเฟิงพบเจอ ที่เขามาอยู่ในเทพซ่อนได้ก็ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้หวูเฟิง
หาไม่แล้วหากเป็นเขาที่มาพบเจอสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง และเขาได้รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่ามา ถึงเขาจะไม่ได้ใช้เองแต่ก็สามารถเก็บไว้ให้ครอบครัวหรือสหายไม่ก็นำออกไปและกับสมบัติอย่างอื่นได้
ด้วยมูลค่าของอุปกรณ์เทพขั้นสูงระดับนี้ ย่อมแลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่าได้มากมาย
เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ คิดไปคิดมาก็เพราะเขาไม่ต้องการติดค้างอะไรใครล้วนๆ
ในสายตาเขาหากได้อุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่ามา และมอบให้หวูเฟิง ก็เสมือนชดใช้ให้หวูเฟิง ถือเป็นการตอบแทนอีกฝ่ายที่ทำให้เขามีโอกาสมาที่นี่
พอเห็นท่าทีจริงจังของต้วนหลิงเทียน หวูเฟิงก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆ “ศิษย์น้องต้วนเจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น…เหตุผลที่ข้าบอกเจ้าเรื่องเทพซ่อนแห่งนี้ ว่าอาจเป็นมรดกสถานที่จักรพรรดิเทพเหลือทิ้งไว้ และยินดีพาเจ้ามาล้วนเป็นเพราะข้าใช้โอสถเสริมโชคแลกกับกระบี่เทพขั้นกลางของเจ้า ซึ่งนั่นถือว่าข้าเอาเปรียบเจ้ามาก”
“ต่อให้ข้าไม่บอกเจ้า และหาคนอื่นมา…แต่คนที่ข้าหามาได้ก็คงยากจะร้ายกาจเท่าเจ้า”
“พอกล่าวไป ถือว่ามันเป็นพรของข้าเสียอีกที่เจ้ามาด้วย”
“เรื่องนี้ไม่ต้องกล่าวไปไหนไกล…หากว่าวันนี้ที่มาด้วยไม่ใช่เจ้า ข้าเกรงว่าศิษย์สายในของนิกายมังกรสวรรค์ 2 คนนั่น ไม่ว่าราชาเทพขั้นต่ำคนไหนที่ข้าพามา ก็คงไม่มีปัญญาต้านทานรับมือพวกมันได้ เผลอๆตอนนี้อาจเป็นข้าที่กลายเป็นกองเลือดเปิดมรดกให้ฉู่หานไปแล้ว…”
ประโยคท้ายขณะกล่าว สีหน้าหวูเฟิงก็แลดูจริงจังทั้งจริงใจ
หากว่ารอบนี้ต้วนหลิงเทียนไม่พูดอะไรอีก เพียงมองหวูเฟิงด้วยสายตาแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยน
สุดท้ายหวูเฟิงก็ได้แต่เป็นฝ่ายยอมลง ยิ้มเจื่อนๆกล่าวว่า “เอาล่ะ ทำตามที่เจ้าว่าเถอะ’
“อย่างไรก็ตาม ข้าต้องเพิ่มเงื่อนไขอีก 2 ประการ…หากเจ้ารับปาก ข้าถึงจะตกลง แต่ถ้าเจ้าไม่รับปากข้าก็ไม่เห็นด้วย”
ขณะหวูเฟิงกล่าวประโยคนี้ น้ำเสียงของมันก็เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่เช่นกัน
“ศิษย์พี่หวูว่ามาเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนมองฟังอย่างตั้งใจ
หวูเฟิงก็มองพูดกับต้วนหลิงเทียนเสียงขรึมว่า “ก่อนอื่นถึงแม้พวกเราจะไม่ได้รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ว่า สมบัติใดๆที่ได้มาเจ้าเป็นฝ่ายเลือกก่อน 3 อย่าง”
ได้ยินเงื่อนไขข้อแรกของหวูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็ตอบรับทันที “ไม่มีปัญหา”
เขาย่อมพึงพอใจกับเรื่องนี้ สุดท้ายในใจเขาก็คิดไว้แต่แรกว่าเขาต้องการเฉพาะสิ่งที่เขาใช้ได้เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีค่าที่สุด ขอแค่มันสำคัญกับเขาตอนนี้ที่สุดเป็นพอ
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนยอมรับเงื่อนไขแรก หวูเฟิงก็กล่าวสืบต่อ “ประการที่สอง หากเจ้ากับข้าโชคดีได้อุปกรณ์เทพขั้นสูงนั่นมาจริงๆ ข้ารับมันไปก็ได้…แต่ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว อย่างอื่นไม่ว่าอะไรเจ้าเอาไปให้หมด”
“ศิษย์พี่หวูเฟิง”
เงื่อนไขข้อที่ 2 ที่หวูเฟิงพูดมา ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง จึงอดคลี่ยิ้มขื่นขมไม่ได้ “ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก…อันที่จริงอาจมีหลายอย่างที่ข้าไม่ต้องการ ”
“เช่นนั้นเอาแบบนี้เถอะ อะไรที่ข้าต้องการข้าจะเอา อันไหนที่ข้าไม่ต้องใช้ท่านก็เอาไปดีหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ถึงเจ้าไม่ได้ใช้ เจ้าก็เอาไปแลกกับอย่างอื่นได้…”
หวูเฟิงรู้สึกไม่สบายใจ “หากเจ้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ข้าก็ไม่อาจทำใจรับอุปกรณ์เทพขั้นสูงนั่นได้จริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนเกลี้ยกล่อมอีก 2-3 คำ แต่สุดท้ายพบว่าหวูเฟิงยืนกรานถ่ายเดียว ก็ได้แต่โอนอ่อนเอาตามที่อีกฝ่ายว่า “ก็ได้ ข้าตกลงกับท่าน”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ…หากข้าเดาไม่ผิด ตราบใดที่พวกเราก้าวเข้าสู่ข่ายอาคมเบื้องหน้า พวกเราสมควรเผชิญกับบททดสอบที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่สร้างไว้ และหากผ่านการทดสอบตามกำหนด ก็จะได้รับสมบัติที่สอดคล้องกัน”
เทพซ่อนที่เป็นมรดกสถานแบบนี้ ถึงแม้หวูเฟิงจะพึ่งเคยเข้ามาเป็นครั้งแรก แต่อย่างที่พูดกันว่าถึงไม่เคยกินหมูแต่ก็เคเห็นหมูตัวเป็นๆ หวูเฟิงย่อมเคยได้รับข้อมูลจากป้ายหยกเก็บความทรงจำมาบ้างแล้ว
และสถานที่ๆหวูเฟิงกับต้วนหลิงเทียนอยู่ในตอนนี้ ก็คือหน้าห้องโถงขนาดใหญ่ ประตูโถงเปิดอ้ากว้าง ที่ทางโดยรอบแลดูวิจิตรงดงาม หรูหรายิ่งกว่าตำหนักด้านนอกเสียอีก
และประตูห้องโถงที่เปิดอ้าออก พอมองเข้าไปก็พบเห็นข่ายอาคมที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดิน ข่ายอาคมที่ว่ายังมีลักกษณะเป็นวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบหมี่ ไอพลังหนาแน่นถึงขั้นก่อตัวเป็นรูปลักษณ์คล้ายมังกร แหวกว่ายเหินบินไปทั่ว
จากนั้นต้วนหลิงเทียนกับหวูเฟิงก็เดินเข้าห้องโถงไปพร้อมๆกัน
จากนั้นต้วนหลิงเทียนกับหวูเฟิงก็พบว่า ประตูห้องโถงที่ผ่านเข้ามาได้ปิดตัวลง จากนั้นฉากเรื่องราวโดยรอบก็เสมือนพังทลายอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วงตกลงไปในพื้นดิน
จากนั้นพื้นดินที่ว่าก็ทรุดตัวลงไปอีก สุดท้ายทั้งคู่ก็ตกลงมาถึงแผ่นดินอันแห้งแล้งแตกระแหง
“ข้าไม่คิดให้พวกเจ้าต้องเสียเวลารอนาน…เช่นนั้นจะขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน”
ทันใดนั้นเอง เสียงคุ้นหูพลันดังขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนหรือหวูเฟิง ก็แลเห็นเงาร่างคล้ายภูตผีปรากฏขึ้นในอากาศไกลๆ ลักษณะแลแล้วเหมือนกันกับรูปปั้นก่อนหน้าไม่มีผิด
แม้แต่เสียงก็เหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นภาพลวงตาที่จักรพรรดิเทพหวู่ฉินสร้างไว้
“ข้าจะสร้างการทดสอบสำหรับพวกเจ้าที่มาถึงจุดนี้ได้ และข้าจะปรับการทดสอบให้เหมาะกับระดับพลังฝึกปรือของพวกเจ้าแต่ละคนโดยใช้ค่ายกลที่ข้าจัดตั้งไว้…ตราบใดที่พลังฝีมือของพวกเจ้าเด่นล้ำกว่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตขีดขั้นเดียวกัน ย่อมมีโอกาสได้มรดกของข้ามากกว่า นอกจากนั้นยังมีด่านทดสอบมากมายเพื่อวัดความสามารถทุกด้านของพวกเจ้า”
“และหากพวกเจ้าอยากได้ของที่ล้ำค่าที่สุดที่ข้าเหลือไว้…อุปกรณ์เทพขั้นสูงที่ตั้งครรภ์วิญญาณแล้วนั่น พวกเจ้าจำเป็นต้องผ่านการทดสอบของข้าทุกด่าน”
“หากว่าพวกเจ้ามีคนผ่านการทดสอบทุกด่านข้าได้เกินหนึ่งคน เช่นนั้นผู้ที่ผ่านการทดสอบเร็วที่สุดจะได้มันไป!”
“อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเจ้าจะผ่านการทดสอบทั้งหมดที่ข้าสร้างไว้…อย่างน้อยๆก่อนที่ข้าจะตาย ก็ไม่น่าจะมีใครในเขตคฤหาสน์ตงหลิงสามารถทำได้”
“แต่หากมีพวกเจ้าคนใดเป็นจักรพรรดิเทพขั้นกลาง…เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว”
“เพราะต่อให้เป็นด่านทดสอบที่ยากที่สุดที่ข้าสร้างไว้ ก็คงไม่อาจนับเป็นอะไรได้สำหรับจักรพรรดิเทพขั้นกลาง…เพราะสุดท้ายตัวข้าก็เป็นแค่จักรพรรดิเทพขั้นต่ำเท่านั้น”
พอเสียงพูดของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ดังจบ พลังไร้สภาพก็เริ่มแผ่มาปกคลุมต้วนหลิงเทียนกับหวูเฟิงราวสายลมพัด และทำให้ทั้งคู่รู้สึกเสมือนเปลือยเปล่า ไม่อาจปกปิดสิ่งใดได้
“มีผู้ทดสอบทั้งสิ้น 2 คน”
“เทพขั้นสูงหนึ่ง ราชาเทพขั้นต่ำหนึ่ง”
“ขอให้พวกเจ้าโชคดี”
หลังเสียงพูดของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ดังถึงจุดนี้ ภาพมายาของมันก็เริ่มสลายหายไปในความว่างเปล่า ราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
“บททดสอบจะอิงตามระดับพลังฝึกปรือเช่นนั้นหรือ?”
ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือหวูเฟิง พอได้ยินวาจาประโยคนี้ของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าก็เริ่มฉายความประหลาดใจออกมา
“ศิษย์น้องต้วน ด้วยพลังฝีมือของเจ้า เรื่องจะผ่านการทดสอบทั้งหมดของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ที่มีระดับเทพขชั้นสูงได้แน่ๆ…อุปกรณ์เทพขั้นสูงนั่นเสมือนอยู่ในกระเป๋าเจ้าแล้ว!!”
หวูเฟิงย่อมมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมาก “ข้าไม่คิดเลยว่าบททดสอบที่นี่จะอิงตามด่านพลังฝึกปรือของผู้เข้าทดสอบ…เกรงว่าครั้งนี้เป็นข้าที่ได้ประโยชน์จากศิษย์น้องต้วนเต็มๆ อาศัยความแข็งแกร่งข้าย่อมได้น้อยกว่าศิษย์น้องต้วนแน่นอน…”
“เรื่องนี้ขอให้สมพรปากท่านเถอะศิษย์พี่หวู่”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมั่นใจในพลังฝีมือตัวเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าบททดสอบที่จักรพรรดิเทพฉินหวู่สร้างไว้สำหรับเทพขั้นสูงมันยากง่ายแค่ไหน ดังนั้นเขาเองก็ไม่กล้ารับปากหวูเฟิงว่าจะผ่านมันหมดทุกด่าน…