ได้ยินคำพูดของเถ้าแก่โรงน้ำชาท่องเมฆ สองตาต้วนหลิงเทียนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เพราะเขารู้ว่าขั้นตอนแรกของแผนได้ลุล่วงแล้ว
นายน้อย 4 แห่งตระกูลหลิงหู หลิงหูอวิ๋นต้องการพบเจอเขาด้วยตัวเอง!
“ได้”
ต้วนหลิงเทียนลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตามเถ้าแก่โรงน้ำชาไปยังห้องอีกด้านของโถงที่กั้นไว้ด้วยผ้าม่าน จากนั้นเถ้าแก่ก็มาเลิกม่านก่อนผายมือทำท่าเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียน “น้องชายเชิญเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเกรงใจ ก้าวอาดๆลอดม่านเข้าไปทันที
ส่วนเถ้าแก่โรงน้ำชาท่องเมฆ ไม่ได้ติดตามเข้ามา แต่มันเลือกจะเดินถอยออกไปทันที เพราะหลังจากต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามา มันก็ได้ยินเสียงผ่านพลังจากหลิงหูอวิ๋นให้มันออกไป
หลังมันถอยออกมา มันก็บอกให้เสี่ยวเอ้อที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าให้ออกไปกับมันแล้วปิดประตูห้องโถงด้วย
คงเหลือแต่ต้วนหลิงเทียน หลิงหูอวิ๋น กับชายชราในห้องส่วนตัวรวมถึงโถงหลักของโรงน้ำชา
“ต้วนหลิงเทียน”
พอต้วนหลิงเทียนมาหยุดยืนเฉยๆไม่พูดไม่จา ก็เป็นหลิงหูอวิ๋นที่เอ่ยขึ้นมาก่อน “เจ้าพยายามไม่น้อยที่จะเล่าเรื่องราวให้ผู้ฟังติดกันงอมแงมเช่นนี้ เพราะคิดพบข้ากระมัง?”
“นายน้อย 4 นับว่ามีไหวพริบเป็นเลิศสมคำร่ำลือจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ไม่ได้กล่าวปฏิเสธอะไร
“พบข้าเพื่ออะไรเล่า? หรือเพราะอยากเจอเปี่ยวเม่ยของข้า หลิงหูชูยิน?”
หลิงหูอวิ๋นยิ้มถาม
“ไม่ผิด”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดหลอกลวงอะไรหลิงหูอวิ๋น เช่นนั้นพอได้ยินอีกฝ่ายถามเรื่องนี้ เขาก็กล่าวตอบออกไปตามตรง
“ข้าแนะนำให้เจ้าล้มเลิกความตั้งใจนั้นจะดีกว่า”
หลิงหูอวิ๋นส่ายหัวไปมา “ตั้งแต่ที่เปี่ยวเม่ยชูยินติดตามท่านน้าของข้ากลับมาตระกูลหลิงหูของพวกเรา จนความงามของนางเปิดเผยออกไปจนกลายเป็นที่โจษจัน ก็มีคนคิดสู่ขอนางไปตบแต่งมากมาย…บางคนถึงกับทำให้ท่านพ่อของข้ายินดีออกหน้า แต่สุดท้ายก็ถูกท่านน้ายืนกรานปฏิเสธทั้งหมด”
“กระทั่งท่านน้าของข้ายังลั่นวาจาไว้แล้ว ว่าตลอดชั่วชีวิตของเปี่ยวเม่ยชูยินจะไม่มีวันตบแต่งกับผู้ใด”
หลิงหูอวิ๋นคิดว่าพอต้วนหลิงเทียนได้ยินเรื่องนี้แล้ว อีกฝ่ายต้องตัดใจและล่าถอยแน่
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น เพียงพูดออกมาเสียงเรียบว่า “เรื่องนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน”
“อะไร? หรือเจ้าคิดว่าอาศัยพรสวรรค์กับความเข้าใจของเจ้า จะสามารถเปลี่ยนใจท่านน้าของข้าได้? ข้าขอแนะนำว่าเจ้าอย่าได้คิดมากอีกเลย…ยามที่ท่านน้าของข้าตัดสินใจอะไรไปแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใชแค่ท่านพ่อของข้าเท่านั้น กระทั่งเหล่าอาวุโสในตระกูลก็ไม่อาจ”
หลิงหูอวิ๋นส่ายหัวไปมา
“ข้าว่าท่านคงเข้าใจอะไรข้าผิดแล้วกระมัง…”
ต้วนหลิงเทียนมองหลิงหูอวิ๋นพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ที่ข้าอยากพบเจอหลิงหูชูยินไม่ใช่เพราะข้าคิดไล่จีบนาง…”
“หืม?”
คำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทำให้หลิงหูอวิ๋นอึ้งไปทันที “เจ้าไม่ใช่คิดไล่จีบนางหรอกหรือ หาไม่แล้วไฉนเจ้าถึงอยากพบนางนักเล่า? กระทั่งลงทุนทำถึงขนาดนี้?”
ในความเห็นของหลิงหูอวิ๋น การกระทำก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าใช้ความพยายามไม่น้อย แต่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนกลับบอกว่าไม่ได้อยากเจอลูกพี่ลูกน้องของมันเพราะอยากจีบ? แต่ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็บอกมันออกมากับปาก ว่าอยากพบเจอนาง…
“ที่ข้าอยากพบนาง เพราะหน้าตาของนางเหมือนกับภรรยาที่พลัดพรากไปนานของข้า…”
เมื่อเห็นถึงความสงสัยของหลิงหูอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวให้หลิงหูอวิ๋นฟังเหมือนที่เคยเล่าให้หวูเฟิงฟังก่อนหน้า “ที่ข้ามายังโรงน้ำชาท่องเมฆเพื่อเข้าหาท่านวันนี้ เพียงเพราะอยากให้ท่านพาข้าไปยืนยัน ว่านางใช่ภรรยาของข้าหรือไม่…”
“ทั้งหมดเพราะนางดูเหมือนกับภรรยาของข้ามากจริงๆ ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่บุคลิกทั้งความรู้สึกยังหาความต่างไม่เจอ…”
พอต้วนหลิงเทียนเอ่ยถึงจุดนี้ สีหน้าเขาก็ฉายชัดถึงความจริงจัง “หากพวกท่านกังวลว่ายามข้าพบเจอนาง จะทำอะไรนาง เช่นนั้นก็ให้คนมาเฝ้าจับตาข้าอยู่ข้างๆก็ได้…หากข้าส่อพฤติกรรมคิดร้ายหรือล่วงเกินนางออกมา อาศัยพลังของจอมราชันเทพอย่างท่านผู้เฒ่าข้างกายท่าน ก็สามารถหยุดข้าได้ทันก่อนจะทำอะไรหลิงหูชูยิน กระทั่งจะฆ่าข้าทิ้งไปเลยก็ได้…”
ก่อนที่จะมาที่นี่ ต้วนหลิงเทียนก็สืบข่าวมาจนรับทราบแล้วว่า แม้นายน้อย 4 แห่งตระกูลหลิงหู หลิงหูอวิ๋นคนนี้ จะมีด่านพลังฝึกปรือแค่ขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ แต่ข้างกายกลับมีตัวตนระดับจอมราชันเทพคอยติดตามให้ความคุ้มครอง
ชายชราที่เป็นจอมราชันเทพคนนี้ เป็นข้ารับใช้เก่าแก่ในตระกูลหลิงหู ชื่อว่าหลิงหูซวน เดิมทีอีกฝ่ายรับใช้บิดาของผู้นำตระกูลอวิ๋นคนปัจจุบัน และคอยดูแลผู้นำคนปัจจุบันมาตั้งแต่ยังเล็กเป็นเด็กน้อย จนในที่สุดผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบันก็เห็นอีกฝ่ายเป็นดั่งพ่อทูนหัว
ด้วยเหตุนี้หลังจากลูกชายคนที่ 4 ของมัน หลิงหูอวิ๋นหมดโอกาสทะลวงถึงขอบเขตเทพเพราะช่วยชีวิตมัน มันจึงขอให้พ่อทูนหัวคนนี้ช่วยดูแลลูกชายคนที่ 4 แทนมันที่มีภาระหน้าที่มากมาย
หลิงหูซวนเองก็ไม่เคยแต่งงาน มันเองก็เห็นผู้นำตระกูลหลิงหูคนปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับลูกชายแท้ๆ ย่อมเห็นหลิงหูอวิ๋นเป็นดั่งหลานชายคนหนึ่ง ยิ่งหลิงหูอวิ๋นได้ช่วยชีวิตคนที่มันเห็นไม่ต่างอะไรจากลูกชายเอาไว้ มันก็เต็มใจคอยติดตามดูแลหลิงหูอวิ๋นเป็นธรรมดา
ในบรรดาชนรุ่นหลังของตระกูลหลิงหู มีก็แต่หลิงหูอวิ๋น กับหลิงหูชูยินเท่านั้น ที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจนมีตัวตนระดับจอมราชันเทพติดตามคุ้มครองเช่นนี้
เพราะหลิงหูอวิ๋นเอาตัวเข้าช่วยบิดาอย่างไม่คิดชีวิต จนทำให้ไม่อาจบ่มเพาะพลังได้อีกต่อไป
ส่วนหลิงหูชูยินนั้น เพราะมีมารดาที่เอาใจใส่
“เจ้าหนุ่ม นับว่าเจ้าทำการบ้านมาดีพอสมควร ถึงได้รู้ว่าข้าผู้เฒ่าเป็นจอมราชันเทพ…”
หลิงหูซวนที่นั่งเงียบมาตลอดกล่าวขึ้น และหลังจากมองต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง ใบหน้ามันก็อดชะงักค้างไปไม่ได้ “เจ้า…นี่เจ้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว?”
เพราะในขณะที่มันกล่าว สำนึกเทวะของมันได้แผ่ออกไปตรวจสอบต้วนหลิงเทียน จนค้นพบได้โดยไม่คาดคิด ว่าที่แท้อีกฝ่ายไม่ใช่แค่เทพขั้นสูงอย่างที่ร่ำลือกัน แต่เป็นราชาเทพขั้นต่ำ!
“พอดีข้าพึ่งทะลวงผ่านมาได้ไม่นาน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบชายชรา ก่อนจะหันไปมองกล่าวกับหลิงหูอวิ๋นอีกครั้ง สองตายังทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “หากนายน้อย 4 เต็มใจช่วยเหลือข้า ข้าต้วนหลิงเทียนถือว่าติดค้างหนี้บุญคุณท่านครั้งหนึ่ง”
หลิงหูอวิ๋นมองต้วนหลิงเทียนอยู่นาน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นสักพัก มันก็กลับมารู้สึกตัว และหันไปมองถามหลิงหูซวนข้างๆว่า “ท่านปู่ซวน เรื่องนี้ท่านมีความคิดเห็นเช่นไร?”
หลิงหูซวนพยักหน้า “หากมีข้าเฝ้าอยู่ข้างๆ เจ้าหนุ่มนี่ไม่มีโอกาสเล่นกลอะไรทั้งสิ้น”
หลิงหูอวิ๋นพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองพูดกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มว่า “ต้วนหลิงเทียน ข้าสามารถพาเจ้าไปยังตระกูลหลิงหู และพบเปี่ยวเม่ยชูยินของข้าได้…แต่นอกจากเรื่องที่เจ้าสัญญาว่าจะติดค้างข้าครั้งหนึ่งแล้ว ข้ายังทราบเรื่องราวของมหาจักรพรรดิตงหวงหลังจากที่เจ้าเล่ามาด้วย…”
“หากเจ้าไม่สะดวกจะเล่าให้ข้าฟังทั้งหมด เช่นนั้นเจ้าสามารถบันทึกเรื่องราวไว้ในป้ายหยกเก็บความทรงจำ และให้ข้าค่อยๆอ่านเอาเองภายหลังก็ได้”
“เพราะข้าอยากรู้จริงๆว่าตัวเอกโจวตงหวงในเรื่อง จะทำให้เฉินตันตันที่ทรยศแม่บุญธรรมของมันอย่างหลินหลานตกตายอย่างไร…กระทั่งข้าอยากจะรู้ด้วยว่ามันที่ย้อนกลับมาจากอนาคตพันปี จะสามารถช่วยบิดามารดาแท้ๆให้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าได้หรือไม่…”
หลิงหูอวิ๋นกล่าว
“ไม่มีปัญหา”
ต้วนหลิงเทียนเร่งตอบตกลงทันที “ป้ายหยกบันทึกความทรงจำข้าจะมอบมันให้ท่านหลังได้พบเจอหลิงหูชูยิน…ส่วนเรื่องที่ข้าติดค้างท่าน หากท่านต้องการความช่วยเหลืออะไรจากข้าสามารถบอกข้าได้ตลอดเวลา ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ข้าไม่มีทางปฏิเสธแน่”
“แต่แน่นอนว่า เขาคำขอของท่านต้องไม่ขัดกับหลักการของข้ารวมถึงสามัญสำนึกของผู้คน”
หลังตอบตกลง ต้วนหลิงเทียนยังไม่ลืมเพิ่มเงื่อนไขต่อท้าย
ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้หลิงหูอวิ๋นขอให้เขาทำเรื่องที่ขัดต่อมโนธรรมในใจ
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ข้าหลิงหูอวิ๋นเองก็ไม่คิดทำเรื่องต่ำช้าผิดมโนธรรมเช่นกัน”
หลิงหูอวิ๋นคลี่ยิ้มร่า
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกันไว้ เพื่อใช้ติดต่อกันในภายภาคหน้า
“ว่าแต่นายน้อย 4 ท่าน สามารถพาข้าไปพบแม่นางหลิงหูชูยินได้เมื่อไหร่หรือ?”
หลังแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผาเอ่ยถามออกมาตรงๆ เพราะหากเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียว
“ไม่นานนักหรอก”
หลิงหูอวิ๋นกล่าว “บังเอิญท่านน้าของข้าพึ่งออกไปทำธุระด้านนอก และจะไม่กลับมาที่ตระกูลสักพัก…ข้างกายเปี่ยวเม่ยชูยินก็เลยเหลือแต่อาวุโสชิงเจ๋อคนเดียว…”
“หลิงหูชิงเจ๋อ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว เพราะครั้งสุดท้ายที่พบกันในเมืองจวินหลิง ก็เป็นหลิงหูชิงเจ๋อคนนี้ที่หยุดเขาไม่ให้พบเจอหลิงหูชูยินและยืนยันว่านางใช่เค่อเอ๋อภรรยาเขาหรือไม่
“เจ้าไม่ต้องกังวล”
หลิงหูอวิ๋นยิ้มกล่าว “กับอาวุโสชิงเจ๋อ ข้าจะขอให้ท่านปู่ซวนแสร้งมีเรื่องบางอย่างเพื่อขอให้นางออกไปช่วยได้”
พอได้ยินวาจาดังกล่าวของหลิงหูอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ติดตามหลิงหูอวิ๋นออกจากโรงน้ำชาท่องเมฆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังฝั่งตะวันออกของเมืองหลิงหู ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งจวนของตระกูลหลิงหู
“อาวุโสซวน นายน้อยอวิ๋น”
พอต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆมาถึงพี้นที่ใกล้จวนหลิงหู จนแลเห็นจวนหลังใหญ่ของตระกูลหลิงหูไกลๆ หน่วยลาดตระเวนของตระกูลหลิงหู ก็ออกมาหยุดขวางเอาไว้ พอพบเห็นว่าเป็นใครพวกมันก็เร่งคารวะทักทายด้วยความเคารพทันที
“พวกเจ้ากลับไปเถอะ”
พอหลิงหูซวนเปิดปาก คนของตระกูลหลิงหูที่รับผิดชอบลาดตระเวนพื้นที่ส่วนนี้ก็เร่งรุดล่าถอยไปทันที แม้พวกมันจะเห็นต้วนหลิงเทียน ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
คนที่หลิงหูอวิ๋นกับหลิงหูซวนพามาด้วยตัวเองแบบนี้ นับประสาอะไรกับเรื่องที่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ต่อให้มีปัญหาขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะจัดการได้ไหว
“นายน้อย 4 ว่าแต่ท่านรู้เรื่องราวของหลิงหูชูยินมากแค่ไหน…นางเป็นลูกสาวแท้ๆของน้าท่านจริงหรือไม่?”
ก่อนเข้าจวนของตระกูลหลิงหู ต้วนหลิงเทียนก็อดถามออกมาไม่ได้
“อันที่จริงข้าเองก็ไม่ทราบ…”
หลิงหูอวิ๋นส่ายหน้าไปมา
”ไม่ทราบหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง “ไม่ใช่ว่านางเป็นน้าของท่านหรือไร ไฉนท่านไม่รู้เรื่องนางเล่า?”
พอได้ยินสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนถามออกมา หลิงหูอวิ๋นก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆ “ถึงนางจะเป็นท่านน้าของข้า แต่ก่อนที่นางจะกลับมาครั้งนี้ ข้าเคยเห็นนางครั้งเดียวตอนที่ข้ายังเด็กเท่านั้น…ที่ข้ารู้มาก็คือนางเดินทางไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ ก่อนจะเงียบหายไปไร้ข่าวคราว”
“นางไม่ได้กลับมายังตระกูล จนกระทั่งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้เอง”
“และพอนางกลับมา นางก็พาเปี่ยวเม่ยชูยินกลับมาด้วย”
หลิงหูอวิ๋นกล่าว
“นายน้อย 4…ท่านแน่ใจหรือไม่ ว่าหลิงหูชูยิน ถูกนางพากลับมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววร้อนแรงขึ้นมาปานเปลิงไฟ
“ใช่”
หลิงหูอวิ๋นพยักหน้า “เรื่องนี้ไม่ผิดพลาดแน่ เพราะนางเองก็กลับมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ”
“ว่าแต่ ช่วงนี้ไม่ใช่ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพมันปิดตัวอยู่หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้ว “เช่นนั้นนางกลับมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพได้อย่างไร”
“ผ่านระนาบสมรภูมิเอาน่ะ”
หลิงหูอวิ๋นกล่าวตอบว่า “กำแพงมิติของระนาบสมรภูมิค่อนข้างอ่อนแอ ตราบใดที่มีเครื่องชี้พิกัด เจ้าก็สามารถเปิดช่องว่างมิติเพื่อไปยังระนาบสมรภูมิที่ต้องการไปได้”
“เครื่องชี้พิกัด?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มันเป็นอุปกรณ์เทพ ที่มีไว้บันทึกพิกัดและทิศทางของระนาบเทพโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ผู้คนหลงทางในห้วงมิติ”
หลิงหูอวิ๋นอธิบายสืบต่อ “เป็นธรรมดาว่าอุปกรณ์เทพเช่นนี้ถึงแม้จะไม่มีความสามารถในด้านโจมตีหรือป้องกัน แต่มันก็ยากจะหลอมสร้างขึ้นมาได้สักชิ้น และถือเป็นอุปกรณ์เทพระดับสูง…แม้แต่ในตระกูลหลิงหูของพวกเราก็มีมันอยู่แค่ 2 ชิ้นเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็เป็นของท่านน้าข้าเอง”
พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที หากเป็นแบบนี้ ก็สามารถอธิบายได้ไม่ยากว่าไฉนนายหญิงรองแห่งตระกูลหลิงหู ถึงสามารถเดินทางไปมาระหว่างดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ กับดินแดนดาราพิศวงได้…