ณ เขตที่พักศิษย์หลัก
ในขณะที่ซั่งกวนฉงเฟิงเริ่มเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน ดุจเดียวกับ จางจิ้น อาวุโสฝ่ายใน เหล่าศิษย์หลักเองก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะรอดพ้นความตายไปได้
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเปิดเผยความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาออกมาในอดีต และตอนนี้จะบรรลุถึงราชาเทพขั้นต่ำแล้วก็ตาม…
หากทว่าซั่งกวนฉงเฟิงนั้นเป็นศิษย์หลักที่พลังฝีมือเหนือกว่าอาวุโสฝ่ายในขอบเขนราชาเทพขั้นสูงส่วนใหญ่เสียอีก! ความเข้าใจยังถือว่าเป็นอันดับต้นๆของนิกายหมอกเร้นลับ
ในแง่ความลึกซึ้งของกฏที่มันเข้าใจ ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าต้วนหลิงเทียนเลย
แถมในแง่พลังฝึกปรือ ซั่งกวนฉงเฟิงก็สูงกว่าต้วนหลิงเทียนขั้นหนึ่ง
ด้านอุปกรณ์เทพนั้น เต็มที่ทั้งคู่ก็ได้แค่ควักอาวุธเทพขั้นกลางออกมาใช้
ด้านพลังสายเลือด ต้วนหลิงเทียนในฐานะผู้ที่มาจากระนาบเทวโลก และไม่ใช่ชนพื้นเมืองของระนาบเทพย่อมไม่มีเป็นธรรมดา
แต่ซั่งกวนฉงเฟิงมี แถมยังแข็งแกร่งพอสมควร
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนยังมีพื้นฐานมรรคากระบี่ ที่ไม่ทราบเข้าใจโดยบังเอิญหรือด้วยความสามารถ แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ใช่มรรคากระบี่ที่แท้จริงจึงไม่ได้มีพลังอำนาจอะไรมากมาย
ทำให้พลังจากพื้นฐานมรรคากระบี่ของต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่มีทางถมกลบความต่างของขั้นพลังรวมถึงพลังสายเลือดของซั่งกวนฉงเฟิงได้เลย
เพราะพื้นฐานมรรคากระบี่นั้น เต็มที่ก็ได้แค่เทียบเท่าพลังสายเลือด
เช่นนั้นจะเอาอะไรไปกลบความต่างของขั้นพลัง?
“ต้วนหลิงเทียนตายแน่!”
“เฮ่อ เป็นฟ้าริษยาอัจฉริยะโดยแท้”
…
พอเห็นซั่งกวนฉงเฟิงปะทุพลังโจนทะยานเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานนกเหยี่ยว กระทั่งยังควักอุปกรณ์เทพออกมาใช้โดยตรง เหล่าศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับก็ไม่เห็นทางรอดของต้วนหลิงเทียนเลย
หลายคนที่ชมมองเรื่องราวอยู่ก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนาสงสาร ในใจยังอดรู้สึกเศร้าทั้งหดหู่ขึ้นมาไม่ได้
ศิษย์ของอาวุโสสูงสุดนั้น ถึงจะทำผิดก็ไม่พ้นต้องรอดตัวไปอย่างไร้เรื่องราว
กล่าวได้ว่าหากคิดเข่นฆ่าศิษย์หลักคนไหน ก็เท่ากับว่าศิษย์หลักคนนั้นโชคร้ายและถึงคราวชะตาดับสูญอย่างแท้จริง
“กล้าหลอกข้าหลงเซียวคนนี้…ตัวบัดซบสมควรตาย!”
หลงเซียวที่ลอร่างชมดูเรื่องราวกลางหาวไกลๆ กอดอกมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวเย้ยเยาะ ในแววตายังเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
“ต้วนหลิงเทียน ความกล้าหากมีมันก็ดี…แต่หากกล้าโดยที่ไร้สามารถก็ไม่ต่างอะไรจากคนโง่! หากชาติหน้ามีจริง ต่อไปก็หัดทำตัวต่ำต้อยยอมรับสภาพขี้ข้าเสีย!”
หลงเซียงส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความแดกดันถึงขีดสุด
และพอมันกล่าวจบคำ มันก็เห็นว่าต้วนหลิงเทียนเริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน คิดจะตอบโต้ซั่งกวนฉงเฟิงที่ป้อนกระบวนท่าสังหารเข้ามา
“เฮอะ! ตั๊กแตนคิดหยุดรถม้า!”
ความเย้ยหยันบนใบหน้าหลงเซียวยิ่งมายิ่งมาก
ด้านคนอื่นๆก็มีความคิดดุจเดียวกัน
“ต้วนหลิงเทียน หากวันนี้เจ้าไม่ตายคามือข้า เดี๋ยวข้าจะคืนโอสถเสริมโชค 2 เม็ดนั่นให้เจ้า!”
ซั่งกวนฉงเฟิงที่เห็นต้วนหลิงเทียนเริ่มลงมือต่อต้าน มันก็โพล่งคำออกมาเสียงเย็นแกมหยอกเย้า ราวกับได้ตัดสินชะตาต้วนหลิงเทียนเรียบร้อยแล้ว
“ข้าเกรงว่าต่อให้เจ้าอยากจะคืน เจ้าก็ไม่มีปัญญาคืน…”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนได้ตอบกลับซั่งกวนฉงเฟิงด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
หลังจากนั้นพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงเมื่อเห็นว่า…
พอพลังเทพของต้วนหลิงเทียนถูกเร่งเร้าขึ้นมาทั่วร่าง ความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการอีกชุดนอกเหนือจากข้อมูลที่เคยเผยออกมาในอดีตก็ได้ถูกใช้ออกมา กล่าวได้ว่าเหนือกว่าความเข้าใจในกฏของซั่งกวนฉงเฟิงโดยสมบูรณ์
จากนั้นเมื่อกระบี่เทพขั้นสูงที่ปรากฏขึ้นในมือต้วนหลิงเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ถูกตวัดฟันออกไปส่งๆตามอำเภอใจ พลังจากความลึกซึ้งของกฏมิติที่ผสานกับพื้นฐานของมรรคากระบี่จนเปล่งพลังอำนาจอันน่ากลัวชวนให้ใจผู้คนสะท้าน สภาวะพลังก็ได้ครอบงำการบุกจู่โจมของซั่งกวนฉงเฟิงอย่างเห็นได้ชัด…
ต้องทราบด้วยว่าซั่งกวนฉงเฟิงในปัจจุบัน นอกจากพลังสายเลือด อย่างอื่นก็ได้ใช้ออกมาโดยไม่มีการยั้งมือใดๆ
“อะไรกัน!?”
สีหน้าที่เคยสงบแกมเย้ยหยันของซั่งกวนฉงเฟิงเปลี่ยนไปในฉับพลัน จากนั้นทั่วร่างก็เริ่มปรากฏกระแสพลังสีแดงปานโลหิตพวยพุ่งขึ้นมาห้อมล้อม ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังอันร้ายกาจสะท้านสะเทือนไปในบรรยากาศ
อนิจจามันสายเกินไป ไม่อาจเร่งเร้าพลังสภาวะใดๆได้ทันแล้ว
ต้วนหลิงเทียนไม่ลงมือหรือลงมือแต่แรกก็แล้วไป แต่ต้วนหลิงเทียนดันลงมือตอบโต้ออกมาในห้วงเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ มันก็ได้แต่สิ้นหวัง
ร้อยพันหมื่นคาดซั่งกวนฉงเฟิงก็ไม่เคยคิด ว่าความเข้าใจในกฏที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาในอดีตจะไม่ใช่ทั้งหมด แถมพวกล่อชักกระบี่เทพขั้นสูงออกมาใช้หน้าตาเฉย!
ด้วยความที่กระบี่ของอีกฝ่ายเป็นถึงกระบี่เทพขั้นสูง พลังอำนาจยามผสานเข้ากับพื้นฐานมรรคากระบี่รวมถึงพลังจากกฏมิติแล้ว ก็เหนือกว่าพลังชั่วชีวิตของมันไปไกลโพ้น…
“หนี!!”
จังหวะนี้ซั่งกวนฉงเฟิงย่อมรู้ดี ว่ามันไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป และหากมันยังดันทุรังสู้ต่อมันก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น เช่นนั้นมันจึงเลือกจะหยุดการจู่โจมและล่าถอยทันที
หาไม่แล้วมันได้ตายแน่
อนิจจา เร็วไวเพียงความคิด ตัวคนไม่อาจทำอะไรได้ทัน
ฟั่ฟฟฟ!!
แสงกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพายุมิติและพื้นฐานมรรคากระบี่ ซัดพุ่งออกจากกระบี่เทพขั้นสูงปานประกายแสง มองไปยังเสมือนดาวตกพุ่งวาบัตดฟ้ายามคืนค่ำ แลดูงดงามจนยากจะมีผู้ใดละสายตา
ปงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่น พลังกระบวนท่าที่ซั่งกวนฉงเฟิงซัดออกไปได้ถูกแสงกระบี่ทำลายจนย่อยยับ
หลังจากนั้นก็เป็นตัวซั่งกวนฉงเฟิงที่ถูกแสงกระบี่ดังกล่าวซัดเข้าอย่างจัง
พอแสงกระบี่กระทบร่างมัน พลังมิติอันน่าพรั่นพรึงก็ระเบิดออกมาทันที
“อ๊าคคคค—!!”
ก่อนที่ร่างซั่งกวนฉงเฟิงจะถูกพายุมิติป่นปี้จนกลายเป็นหมอกเลือด เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังลั่นไปทั่ว ผู้คนโดยรอบเพียงได้ยินก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
“เจ้าคิดจะชดใช้…ต้องดูว่าข้าอยากได้รึเปล่า”
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ต้วนหลิงเทียนที่คอนกระบี่เฉียงลงข้างตัวกลางหาวเบื้องหน้าหมอกโลหิตที่เริ่มโปรยปรายหล่นฟ้า พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
เรียกว่าต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างด้วยสภาวะแกร่งกร้าวอยู่ตรงนั้น ทำให้พวกมันรู้สึกเสมือนกำลังชมมองเทพกระบี่ก็ไม่ปาน
“อะ…เอาจริงรึ…”
“ข้าคงไม่ได้กำลังฝันไปหรอกนะ…ศิษย์พี่ซั่งกวนฉงเฟิงตายแล้วหรือ?”
“สวรรค์! ซั่งกวนฉงเฟิงนั่นนับเป็น 1 ใน 3 ศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุด…และต่อให้ศิษย์หลักอันดับ 1 ยังไม่กล้าพูดว่าจะฆ่ามันได้ แต่ต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าทิ้งง่ายๆในกระบี่เดียว?”
“เช่นนี้มิได้หมายความว่า…ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจที่สุดในบรรดาศิษย์หลักหรือไร? จากวันนี้ไปมันกลายเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 ของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว!!”
“เหอะๆ ศิษย์หลักอันดับ 1…เจ้าคิดมากไปแล้ว เจ้าคิดว่ามันฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงทิ้งไปแบบนี้ อาวุโสฟงจะปล่อยให้มันรอดชีวิตไปได้หรือ?”
“จริง ซั่งกวนฉงเฟิงเป็นศิษย์ที่อาวุโสฟงรักและเอ็นดูเป็นที่สุด…บางคนยังบอกว่าซั่งกวนฉงเฟิงอาจเป็นหลานชายแท้ๆ ไม่ก็ลูกชายนอกสมรสที่อาวุโสฟงแอบไปมีด้านนอกด้วยซ้ำ”
…
เหล่าศิษย์หลักที่ชมดูเรื่องราวกันอยู่ หลังตกตะลึงกับฉากเรื่องราวเบื้องหนักไปพักหนึ่ง พอฟื้นความรู้สึก ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็เต็มไปด้วยความตกใจทั้งเหลือเชื่อ
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…”
จางจิ้นเองก็ตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาในปัจจุบัน มากพอจะฆ่ามันได้ง่ายๆเหมือนตัดหญ้าฆ่าไก่!
ถึงแม้พลังฝีมือของมันจะเหนือกว่าอาวุโสฝ่ายในส่วนใหญ่ แต่เต็มทีก็ได้แค่เสมอกับหลงเซียวเท่านั้น ยังด้อยกว่าซั่งกวนฉงเฟิงอยู่บ้าง
“ไม่…เป็นไปไม่ได้….เป็นไปไม่ได้!!”
หลงเซียวที่ลอยร่างไกลๆ บัดนี้ได้คลายมือที่กอดอก ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ได้ชะงักค้างเติ่ง ถูกความตกตะลึงเข้ามาแทนที่ ในแววตายังเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“หลงเซียว ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าจะฆ่าข้าได้อีกไหม?”
และในขณะที่หลงเซียวกำลังตกตะลึงยากยอมรับเรื่องราว ต้วนหลิงเทียนก็หันมามองถามมันเสียงเรียบ
แถมจิตสังหารที่ฉายชัดในแววตาต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้หลงเซียวถึงกับตัวสั่นไปเพราะความกลัว มันเร่งหันหลังปะทุพลังชั่วชีวิตหมายหลบหนีไปทันที!
พลังฝีมือของมันไม่สู้ซั่งกวนฉงเฟิงด้วยซ้ำ!
แต่ซั่งกวนฉงเฟิงกลับตกตาภายใต้คมกระบี่ต้วนหลิงเทียนในพริบตา เช่นนั้นมันจะเอาอะไรไปรอด!!
“หนี!!”
ในหัวหลงเซียวคงเหลือเพียงความคิดเดียวเท่านั้น รีบหนีกลับไปยังสถานที่พักบ่มเพาะของอาจารย์ ถึงตอนนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจฆ่ามันได้อีกต่อไป
ขณะเดียวกัน หลังจากมันหันหลังและปะทุพลังชั่วชีวิตพุ่งร่างหนีไปปานดาวตก มันที่คิดจะติดต่อไปหาอาจารย์ อนิจจามันพึ่งจะหยิบลูกแก้ววิญญาณของอาจารย์ออกมาได้ไม่ทันไร…
“ไม่—-!!”
อยู่ๆร่างต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติมาผุดโผล่เบื้องหน้ามันปานภูตผี! แถมรังสีกระบี่ที่ตวัดฟันออกมาปานประกายแสงนั่น ก็ทำให้มันไม่มีโอกาสได้ติดต่อไปหาอาจารย์อีกต่อไป!!
หลงเซียวที่ไม่เหลือความคิดจะสู้กับต้วนหลิงเทียนแต่แรก บวกกับความหวาดกลัวล้นใจ พอเห็นต้วนหลิงเทียนลงมือเข่นฆ่าเข้ามา ต่อให้มันจะเร่งมือลงมือต่อต้าน ก็สายไปแล้ว
ปงงง!!
พายุมิติอีกระลอกอุบัติขึ้นอีกครั้ง ร่างหลงเซียวก็กลับกลายเป็นหมอกโลหิตตามรอยซั่งกวนฉงเฟิงไปติดๆ
พอฉากเรื่องราวดังกล่าวอุบัติขึ้น เหล่าศิษย์หลักที่พึ่งฟื้นคืนสติ ก็ได้แต่ยืนเหม่อไปราวตัวโง่งมอีกครั้ง
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ขณะเดียวกัน ก็ปรากฏเงาร่างมากมายพุ่งมายังจุดเกิดเหตุปานภูตพราย ทั้งหมดเร่งรุดมาทันทีที่ได้รับทราบข่าว เป็นศิษย์หลักและอาวุโสชุดแรกที่มาถึง
อนิจจาสิ่งที่พวกมันแลเห็น ก็คือละอองโลหิตที่กำลังโปรยปรายอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอย่างสงบ
กระบี่เทพขั้นสูงได้ถูกต้วนหลิงเทียนเก็บเข้าแหวนพื้นที่ไปเรียบร้อยแล้ว
“สถานการณ์เป็นเช่นไรกันแน่!?”
“ไม่ใช่พวกเจ้าบอกว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวฆ่าหรือไร แล้วพวกมันเล่า?”
“ติงอี้หมิง ข้ากำลังอยู่กับศิษย์น้องอิ๋งอิ๋งอย่างมีความสุขแท้ๆ แต่ต้องเร่งรุดออกมาเพราะเจ้า…นี่เจ้าคงไม่ได้หลอกข้าเล่นกระมัง?”
…
เหล่าศิษย์และอาวุโสที่พึ่งมาถึงหลังหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่พบหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงที่ไหนเลย พวกมันก็รู้สึกเสมือนถูกหลอกทันที
“ต้วนหลิงเทียน?”
ถังชุนก็มาถึงแล้วเช่นกัน พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังอยู่ดี มันก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าข้อความที่มันเร่งรุดส่งไปจะได้เรื่อง…
สักพักผู้คนก็ทยอยกันมาเรื่อยยๆ
และตอนนี้เหล่าศิษย์หลักที่อยู่ในจุดเกิดเหตุแต่แรก ก็ถูกเหล่าสหายยิงคำถามกันดังระงม
และเมื่อเผชิญกับคำถามของสหายที่พวกมันส่งข้อความชวนมาก่อนหน้า พวกมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนที่ลอร่างไกลๆด้วยสายตาหวาดกลัวก่อน ค่อยตอบกลับไปเสียงหนัก “ซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปแล้ว…”
“เดิมทีข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องถูกซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวฆ่าตายแน่…แต่ไม่คิดเลยมันกลับลงมือเข่นฆ่าสวนกลับซั่งกวนฉงเฟิงได้ในกระบี่เดียว จากนั้นหลงเซียวที่คิดหลบหนีก็ถูกต้วนหลิงเทียนฟันอีกกระบี่ฆ่าตาย…”
“เรื่องวันนี้ข้าเกรงว่าคงไม่จบง่ายๆแน่…อาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยคงไม่คิดเลิกรา”
“จริง แม้ซั่งกวนฉงเฟิงจะเป็นฝ่ายเปิดฉากเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก่อน และการลงมือของต้วนหลิงเทียนก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัวตามกฏ…แต่ทุกคนคงรู้กันดีว่าเรื่องมันหาได้ง่ายดายเช่นนั้น”
“หากจะโทษ ก็โทษต้วนหลิงเทียนที่ไร้ผู้ใดหนุนหลังเถอะ”
…
พอเหล่าศิษย์หลักในที่เกิดเหตุกล่าวตอบออกมา กลุ่มคนที่พึ่งมาถึงก็พากันตกตะลึงทันที
“ต้วนหลิงเทียนฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียว?”
ถังชุนที่ได้ยินเสียงคุยกันของศิษย์หลัก สีหน้าของมันก็ฉายความหวาดกลัวทั้งไม่อยากจะเชื่อออกมา มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตายังทำราวกับมองคนแปลกหน้า
เพราะหากเป็นความจริง ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน ก็มีแต่จะเหนือกว่าไม่อ่อนแอกว่ามันหรือไร?
เรื่องฆ่าซั่งกวนฉงเฟิง มันยังไม่มีปัญญาทำได้ด้วยซ้ำ!
“เซียวเอ๋อ!!”
“ฉงเฟิง!!”
และในขณะที่กลุ่มคนที่พึ่งมาถึงกำลังตกใจ เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยว 2 เสียงก็ดังก้องไปทั่วนิกายหมอกเร้นลับปานฟ้าลั่น!