เหล่าศิษย์หลักที่มามุงชมเรื่องราวโดยรอบ เดิมทีก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพูด แต่พอต้วนหลิงเทียนบอกว่าจะกล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจ ความเชื่อของพวกมันก็สั่นคลอนทันที
ต่อมาพอเห็นว่าสีหน้าของซั่งกวนฉงเฟิงเปลี่ยนไปไม่สู้ดี พวกมันก็ตระหนักเรื่องราวได้
ดูเหมือนว่าที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาจะเป็นความจริง!
แต่กระนั้น หนังศีรษะพวกมันก็รู้สึกด้านชาขึ้นมาในฉับพลัน หลังได้ยินคำพูดที่ต้วนหลิงเทียนใช้โต้ตอบกับซั่งกวนฉงเฟิง
ต้วนหลิงเทียนคนนี้เบื่อชีวิตแล้วหรือไร?
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีพรสวรรค์และความเข้าใจสูง ถึงขั้นยากที่จะปรากฏตัวขึ้นในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงเรื่องที่ไร้ใครหนุนหลังได้
แต่ซั่งกวนฉงเฟิงนั้นเป็นถึงศิษย์ของอาวุโสเหล่ย 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดที่ทรงอำนาจในนิกายหมอกเร้นลับ กระทั่งยังเป็นศิษย์รักอีกด้วย
วันนี้ต่อให้ซั่งกวนฉงเฟิงจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนด้วยโทสะ ก็เป็นไปไม่ได้ที่นิกายจะเอาผิดมันเพราะต้วนหลิงเทียน
ตัวตนของมัน ทำให้สามารถเพิกเฉยต่อกฏของนิกายได้
“ยังไงเล่า กล้าหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามซั่งกวนฉงเฟิงอีกครั้ง มุมปากยังยกยิ้มแสยะล้อเลียน
หลงเซียวที่อยู่ข้างๆซั่งกวนฉงเฟิง ตอนนี้ก็อดตกใจกับท่าทีแข็งกร้าวของต้วนหลิงเทียนไม่ได้…หรือต้วนหลิงเทียนคนีน้ไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าฆ่าคน?
ไม่เพียงแต่ยั่วโมโหมัน ยังจะกล้ายั่วโทสะซั่งกวนฉงเฟิงอีก?
“หลงเซียว ข้าต้องการชีวิตมัน!”
ซั่งกวนฉงเฟิงมีโมโหจนตัวสั่น และสุดท้ายมันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
หลงเซียวถึงกับหมดคำจะกล่าว
ข้าเรียกเจ้ามาเป็นกำลังเสริม เพื่อรอดูท่าทีหากไม่ไหวค่อยช่วย…
ไฉนอยู่ๆเจ้าถึงเป็นฝ่ายลงมือก่อน?
อย่างไรก็ตาม พอนึกได้ว่านี้มันมาเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อระบายโทสะ มันก็รู้สึกโล่งใจทันที
ขอเพียงต้วนหลิงเทียนที่หยอกมันราวกับลิงตกตายวันนี้ ไม่ว่าจะตายด้วยมือมันหรือซั่งกวนฉงเฟิงก็ได้ทั้งนั้น…
“ชีวิตมันข้าให้เจ้าจัดการก็ได้…แต่ถือว่าวันนี้เจ้าติดข้าเรื่องนึง”
หลงเซียวหันไปมองแผ่นหลังซั่งกวนฉงเฟิง พลางกล่าวออกมาเสียงดังก่อนที่อีกฝ่ายจะลงมือ
“ไม่มีปัญหา”
ได้ยินคำพูดของหลงเซียวที่ดังไล่หลังมา ซั่งกวนฉงเฟิงที่ย่ำเท้าเหยียบอากาศไปทางต้วนหลิงเทียน ก็หันกลับมาตอบคำเสียงเย็น
ด้านศิษย์หลักที่ชมดูเรื่องราวอยู่ แต่ละคนรู้สึกหนาวจับใจนัก
2 คนเบื้องหน้า เรียกว่าไม่ได้เห็นกฏของนิกายหมอกเร้นลับอยู่ในสายตาเลย หากคิดจะฆ่าใครสักคน ก็ลงมือกันดื้อๆ…พวกมันเองก็รู้ดีว่าหากวันนี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนแต่เป็นพวกมัน พวกมันก็คงต้องตายอนาถแน่!
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากพวกมันตาย นิกายก็ไม่คิดจะคืนความเป็นธรรมอะไรให้พวกมันเลย!
กล่าวได้ว่าพวกมันได้แต่ตายเปล่า! เพราะไร้อาวุโสสูงสุดหนุนหลังเหมือนหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิง!!
จังหวะนี้พวกมันก็ทำได้แค่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนาสงสาร กระทั่งลึกลงไปในใจยังรู้สึกเศร้านัก
“เฮ่อ อัจฉิรยะเช่นนี้…น่าเสียดายยิ่ง”
“นิกายหมอกเร้นลับเรา กำลังจะสูญเสียอัจฉริยะที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสเชวียไห่ชวนเมื่อหมื่นปีก่อน เพราะหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงงั้นหรือ…”
…
ในใจของศิษย์หลักแต่ละคนได้แต่รู้สึกหดหู่
ห่างออกไปไกลๆ จางจิ้น อาวุโสฝ่ายในที่ตอนนั้นเป็นผู้พาต้วนหลิงเทียนมาส่งยังเขตที่พักศิษย์หลัก ก็ได้แต่เฝ้ามองเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเงียบๆ
อันที่จริงมันที่เป็นอาวุโสฝ่ายในที่รับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเขตที่พักของศิษย์หลักแบบนี้ หากเห็นศิษย์หลักมีเรื่องคิดเข่นฆ่าต่อยตีกัน ปกติแล้วมันต้องออกมาห้ามปราม
อนิจจาพอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิง มันก็ได้แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
เพราะไม่ว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร เต็มที่มันก็แค่โดนลงโทษทางวินัย แต่ไม่ถึงกับตายตก
หากทว่า ถ้ามันทะลึ่งออกไปทำตามหน้าที่ล่ะก็ วันหน้าต้องโดน 2 คนนั่นเอาคืนจนตายไร้ที่ฝังแน่!
ดังนั้นต่อให้มันจะรู้สึกสงสารต้วนหลิงเทียนมากแค่ไหน มันก็ไม่กล้าสอดมือเข้ามายุ่ง ทำได้แค่ลอบทอดถอนอยู่ในใจอย่างเงียบงัน ‘ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดอะไรของเจ้ากันแน่ ถึงแม้เจ้าจะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำแล้ว…แต่เจ้าก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของพวกมันคนใดคนหนึ่งได้’
‘แต่ตอนนี้เจ้ายังกล้ายั่วยุพวกมันทั้งคู่พร้อมกันแบบนี้..!’
จางจิ้นรู้สึกจนปัญญานัก
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์หลักที่มาชมดูเรื่องราวก็เร่งรุดส่งข้อความไปบอกสหายที่รู้จักเป็นการใหญ่ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวกำลังจะฆ่าต้วนหลิงเทียน!
แถมตอนนี้ซั่งกวนฉงเฟิงกำลังจะลงมือแล้ว!
ต้วนหลิงเทียนน่ากลัวจะจบไม่สวย!
…
ข่าวเรื่องราวดังกล่าวเริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งถังชุนที่เป็นอาวุโสฝ่ายในก็ได้รับทราบเรื่องราวในเวลาอันสั้น สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง “ต้วนหลิงเทียน เจ้าไปมีเรื่องกับหลงเซียวและซั่งกวนฉงเฟิงได้อย่างไร?”
“ที่หลงเซียวไปตามหาเจ้าครั้งก่อน…เพราะมันคิดฆ่าเจ้าเช่นนั้นหรือ?!”
ถังชุนที่กล่าวพึมพำไม่ทันจบ ก็นิ่งไปราวถูกอัสนียามแล้ง “ย่ำแย่แล้ว! ความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนไม่ธรรมดา…หากมาตายที่นิกายหมอกเร้นลับ เช่นนั้น…”
ถังชุนไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
ในอดีตตอนมันเดินทางไปยังสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ เพื่อรับตัวต้วนหลิงเทียนกลับมานิกายหมอกเร้นลับ ตอนไปเหลาอาหารของตระกูลจ้ง มันก็ได้เห็นกับตาว่าตระกูลจ้งหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนขนาดไหน
วันนั้น มันจึงตระหนักได้รางๆว่าต้วนหลิงเทียนอาจมีขุมกำลังอยู่เบื้องหลัง และอย่างน้อยๆก็ต้องขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
หลังจากนั้นมันก็ได้สอบถามบรรพบุรุษของตระกูลจ้งอยู่หลายรอบ และนั่นก็คืออาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่งที่ส่งข้อความมาหยุดมันตอนที่จะลงมือวันนั้น เพียงแต่อีกฝ่ายไม่คิดจะบอกมัน
จนกระทั่งไม่นานมานี้ อีกฝ่ายทนการรบเร้าของมันไม่ไหว สุดท้ายก็เลยบอกเรื่องที่รู้ออกมาทั้งหมด
ต้วนหลิงเทียนเคยอู่กับเด็กสาวนางหนึ่ง และท่าทางยังแลดูสนิทสนมกันราวพี่น้องแท้ๆ
และเด็กสาวนางนั้น ก็มีผู้ติดตามที่เป็นถึงจอมราชันเทพ! กระทั่งไม่ใช่แค่จอมราชันเทพขั้นต่ำอีกด้วย!!
ต้องทราบด้วยว่าในนิกายหมอกเร้นลับนั้น อาวุโสสูงสุดทั้ง 4 ที่แข็งแกร่งที่สุด ก็เพียงเป็นชนชั้นยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำเท่านั้น
ส่วนจอมราชันเทพในนิกายที่เหลือ ก็เป็นแค่จอมราชันเทพขั้นต่ำธรรมดาๆ
แต่ผู้ติดตามข้างกายเด็กสาวนั่น กลับเป็นตัวตนที่น่าจะเหนือกว่าอาวุโสสูงสุดทั้ง 4 เช่นนั้นฐานะของเด็กสาวเป็นเช่นไร มันก็พอจะจินตนาการได้ออก
กล่าวได้ว่าอย่างน้อยๆนางก็ต้องเป็นตัวตนระดับสูงๆของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอันทรงพลัง เผลอๆอาจจะเป็นคนของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพเลยก็เป็นได้!
และต้วนหลิงเทียนก็มีสัมพันธ์อันดีกับเด็กสาวนางนั้น…
“บ้า…บ้าไปแล้ว!”
ใจถังชุนสะท้านไปทันที หากต้วนหลิงเทียนตกตายด้วยน้ำมือหลงเซียวและซั่งกวนฉงเฟิงในนิกายหมอกเร้นลับขึ้นมา มันย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยากว่าเด็กสาวนางนั้นจะระบายโทสะอย่างไร…
“ท่านปู่เล็ก!”
ในขณะที่ถังชุนกำลังตกใจกลัวจนตัวสั่นถึงขั้นทำอะไรไม่ถูก หลังยืนอึนไปครู่หนึ่ง ก็มีข้อความของถังอู๋เยียนส่งมาถึง “ท่านรีบไปช่วยต้วนหลิงเทียนในเขตที่พักของศิษย์หลักเร็ว!!”
ข้อความที่ถังอู๋เยียนส่งมา น้ำเสียงของนางยังฟังดูร้อนรนเป็นกังวลนัก
ด้านถังชุนที่หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก พอได้ยินข้อความดังกล่าวมันก็กลับมารู้สึกตัว จากนั้นร่างก็พุ่งลิ่วออกไปราวสายลม พลางส่งข้อความ “ได้” ตอบกลับถังอู๋เยียนอย่างรีบร้อน
มันต้องหยุดซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวให้ได้!
หาไม่แล้วทั้งคู่ได้ชักนำหายนะอันใหญ่หลวงมาสู่นิกายหมอกเร้นลับแน่!
ถึงตอนนั้นเว้นเสียแต่นิกายมังกรสวรรค์จะออกหน้าปกป้องนิกายหมอกเร้นลับด้วยกำลังทั้งหมด หาไม่แล้วเกรงว่านิกายหมอกเร้นลับคงไม่อาจรอดพ้นการถูกฆ่าล้างนิกาย!
“ท่านรองประมุขมู่หรง!”
ในขณะที่เร่งรุดเดินทางไปยังสถานที่พักของศิษย์หลัก ถังชุนก็ไม่ลืมส่งข้อความถึงมู่หรงสุยเฟิง รองประมุขนิกายหมอกเร้นลับ และคณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ เพื่อบอกว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นคร่าวๆทันที
กระทั่งน้ำเสียงยังรีบร้อนเป็นที่สุด
“รองประมุขมู่หรง ท่านเคยเข้าร่วมงานประมูลของสกุลโจวในเมืองวายุสวรรค์ และพบเจอเด็กสาวลึกลับนางหนึ่งที่มีตัวตนระดับจอมราชันเทพเป็นผู้ติดตามใช่หรือไม่? ท่านคงยังไม่ลืมเรื่องนี้กระมัง?”
“ในวันนั้น ชายหนุ่มที่ประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไป ก็คือต้วนหลิงเทียน!”
“เรื่องนี้คนของตระกูลจ้งได้ยืนยันข้อเท็จจริงแล้ว”
“เพราะก่อนที่ผู้ติดตามขอบเขตจอมราชันเทพของเด็กสาวลึกลับนั่นจะลงมือ คนของตระกูลจ้งได้เข้าไปในห้องส่วนตัวนั่นและเห็นต้วนหลิงเทียน!”
“รองประมุขมู่หรง ข้าไม่มีลูกแก้ววิญญาณของท่านประมุขนิกาย! ตอนนี้ท่านรีบส่งข้อความไปบอกท่านประมุขให้รีบหยุดซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวจากการฆ่าต้วนหลิงเทียนเร็วเข้า!!”
ถังชุนรู้สึกว่ากว่าที่มันจะไปถึงเขตที่พักของศิษย์หลัก เกรงว่าเรื่องราวอาจจะสายเกินไป
เช่นนั้นในระหว่างเดินทาง มันก็ได้ส่งข้อความไปแจ้งมู่หรงสุยเฟิง เพื่อให้อีกฝ่ายแจ้งประมุขนิกาย เพื่อหยุดซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวไม่ให้ฆ่าต้วนหลิงเทียน
มันเชื่อว่าตราบใดที่รองประมุขอย่างมู่หรงสุยเฟิงนำความไปบอกต่อประมุข แทบไม่ต้องคิดประมุขก็คงตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องราว และต้องเร่งสั่งให้อาวุโสสูงสุดทั้ง 2 ห้ามหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงแน่
ในขณะเดียวกัน
มู่หรงสุยเฟิงที่อยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ หลังได้รับข้อความของถังชุน มันก็ตกตะลึงอึ้งไปทันที
“ว่าอะไร!?”
“ต้วนหลิงเทียนนั่น เป็นชายหนุ่มปริศนาที่อยู่กับเด็กสาวลึกลับอันมีตัวตนระดับจอมราชันเทพเป็นผู้ติดตามในโรงประมูลสกุลโจววันนั้น?”
หลังอึ้งไปเพราะข้อความของถังชุนครู่หนึ่ง มู่หรงสุยเฟิง ก็หน้าเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง จากนั้นก็เร่งส่งข้อความไปหาประมุขนิกายหมอกเร้นลับปานสายฟ้าแลบ
ด้านประมุขนิกายหมอกเร้นลับพอได้รับแจ้งจากมู่หรงสุยเฟิง สีหน้าท่าทีก็เปลี่ยนไปทันที “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้วนหลิงเทียนเป็นชายหนึ่มปริศนาผู้นั้น?”
และประมุขนิกายหมอกเร้นลับ ก็เป็นคนรุ่นเดียวกันกับมู่หรงสุยเฟิง ตอนยังเยาว์ทั้งคู่ก็อยู่ในแวดวงเดียวกัน เช่นนั้นจึงสนิทกันไม่น้อย มักจะติดต่อคุยกันอยู่ตลอด
ด้วยเหตุนี้ มันจึงได้รับทราบจากมู่หรงสุยเฟิงนานแล้ว ว่าเคยมีเด็กสาวลึกลับอันมีสตรีขอบเขตจอมราชันเทพอันทรงพลังเป็นผู้ติดตาม ปรากฏตัวขึ้นในโรงประมูลสกุลโจว…
ตอนนี้พอได้รับทราบบว่าชายหนุ่มปริศนาที่อยู่กับเด็กสาวลึกลับวันนั้นเป็นต้วนหลิงเทียน และตอนนี้อีกฝ่ายกำลังจะถูกซั่งกวนหลงเฟิงกับหลงเซียวฆ่า มันก็หวาดกลัวจนตัวสั่นทันที
“ศิษย์พี่ประมุข เรื่องนี้ตระกูลจ้งยืนยันมาแล้ว…ตอนนี้ท่านรีบหยุดหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงเร็วเข้าเถอะ!!”
“หยุดพวกมันไม้ให้ทำอะไรโง่ๆเสีย ต้วนหลิงเทียนไม่อาจตายในนิกายหมอกเร้นลับได้!!”
“ท่านคิดจะยืนยันอันใด เอาไว้ทีหลัง!”
“เว้นแต่ท่านอยากจะเสี่ยง!”
ข้อความตอบกลับของมู่หรงสุยเฟิงได้ระดมส่งมาเป็นชุดติดๆ ปลุกสติของประมุขนิกายหมอกเร้นลับให้ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ และมันก็ไม่ลังเลใดๆ เร่งส่งข้อความไปหาอาวุโสสูงสุดแซ่ฟงกับเหล่ยทันที
หมายให้ทั้งคู่หยุดซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวไม่ให้ฆ่าต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียนนั่น อาจมีความเป็นมาไม่ธรรมดา เพราะมีคนเห็นมันใกล้ชิดสนิทสนมกับเด็กสาวลึกลับนางหนึ่งที่มีชนชั้นจอมราชันเทพอันทรงพลังเป็นผู้ติดตาม? กระทั่งอาจจะเป็นพี่น้องกัน?”
“ยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพผู้นั้นไม่น่าจะใช่แค่ยอดฝีมือจอมราชันเทพขั้นต่ำ?”
อาวุโสเหล่ย กับอาวุโสฟงก็ถึงกับอึ้งไปทันทีเมื่ออยู่ๆก็ได้รับข้อความดังกล่าว
โดยเฉพาะอาวุโสเหล่ยที่ตระหนักได้ทันที “มิน่าล่ะ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นถึงปฏิเสธไม่เข้าสำนักของข้า…ดูเหมือนมันจะมีภูมิหลังไม่ธรรมดา”
“ต้องรีบหยุดเซียวเอ๋อ!”
“ต้องรีบห้ามเสี่ยวเฟิง!”
พออาวุโสสูงสุดทั้ง 2 ของนิกายหมอกเร้นลับฟื้นสติ พวกมันก็เตรียมจะใช้ลูกแก้ววิญญาณของซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวเป็นสื่อเพื่อส่งข้อความไปห้ามปรามทันที…แต่มิคาด
พวกมันกลับพบว่าลูกแก้ววิญญาณของซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวในแหวนพื้นที่นั้น ได้แหลกลงเป็นเสี่ยงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ! กลายเป็นเศษแก้วนอนกองในแหวนอย่างเงียบงัน…!!