ในเมื่อกระทั่งระนาบเทวโลกยังมีห้องลับแห่งกฏ เช่นนั้นในระนาบเทพเองก็มีห้องลับแห่งกฏเช่นกัน
หลังจากมาถึงดินแดนดาราพิศวงได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ทราบแล้วว่าในระนาบเทพนั้นมีห้องลับแห่งกฏ แถมยังมีหลากหลายระดับอีกด้วย
ห้องลับแห่งกฏนั้น สร้างขึ้นด้วยค่ายกลเฉพาะชนิดหนึ่ง และไม่ได้จัดตั้งยากเย็นอะไร ถือว่าเป็นค่ายยกลระดับพื้นฐานในระนาบเทพ
อย่างไรก็ตาม ห้องลับแห่งกฏส่วนใหญ่นั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขบางประการ กล่าวคือการสร้างห้องลับแห่งกฏนั้นต้องสร้างขึ้นเหนือสายแร่หินเทพ และยามเปิดใช้งานก็ต้องใช้หินเทพจำนวนหนึ่ง
และระดับของสายแร่หินเทพก็จะบ่งบอกระดับของห้องลับแห่งกฏเช่นกัน
เป็นธรรมดาว่ายังมีห้องลับแห่งกฏที่ไม่จำเป็นต้องสร้างขึ้นเหนือสายแร่หินเทพ และอาศัยการใช้หินเทพเพียงอย่างเดียวเพื่อเปิดใช้งาน
ก็แค่ห้องลับแห่งกฏประเภทนี้ ถือว่าเป็นระดับต่ำสุด
อย่างเช่น ห้องลับแห่งกฏของวิหารเฟิงฮ่าว ที่ต้วนหลิงเทียนเคยเข้าไปใช้งานในระนาบอิสระที่ตั้งของวิหารเฟิงฮ่าว
และห้องลับแห่งกฏประเภทนี้ ก็ทำได้แค่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบรรลุความเข้าใจในกฏใดกฏหนึ่งถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องใช้หินเทพขับเคลื่อนค่ายกลเป็นจำนวนมาก
แม้แต่ขุมกำลังระดับเทพทั่วไป ก็มีห้องลับแห่งกฏประเภทนี้ไว้ให้สมาชิกหลักในขุมกำลังใช้งาน
มีก็แต่ขุมกำลังระดับราชาเทพขึ้นไป ถึงจะเปิดห้องลับแห่งกฏประเภทนี้ให้สมาชิกทั่วไปใช้งาน
ส่วนห้องลับแห่งกฏที่มีระดับสูงขึ้น อาจช่วยให้ผู้เข้าใช้สามารถเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการได้ และโดยทั่วไปแล้วห้องลับแห่งกฏประเภทนี้จะสร้างขึ้นเหนือสายแร่หินเทพที่ถูกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพยึดครอง แถมราคาที่ต้องจ่ายก็ไม่ใช่น้อยๆ
ทุกครั้งที่เข้าใช้งานถึงระยะเวลาหนึ่ง มันจะสูบกลืนพลังในสายแร่หินเทพไป
เช่นนั้นในขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏเช่นนี้ได้ และผู้ที่จะได้เข้าใช้หากไม่ใช่ศิษย์หลักก็ต้องเป็นศิษย์ที่ได้รับรางวัลใหญ่อะไรสักอย่าง
ในขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ห้องลับแห่งกฏระดับนี้ไม่ได้เปิดให้ใครเข้าใช้ได้ง่ายๆ
อย่างเช่นตระกูลหลิงหู ห้องลับแห่งกฏดังกล่าวก็เพียงเปิดให้ตัวตนระดับสูงของตระกูลอย่าง ผู้นำตระกูล และทายาทสายโลหิตหลักที่มีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงมากจริงๆเท่านั้นเข้าใช้
และผู้ที่จะเข้าไปใช้งาน ไม่ว่าจะอาวุโสของตระกูล หรือทาทสายโลหิตหลัก ก็ต้องได้รับอนุญาตจากหลิงหูเหรินเจี๋ยก่อนถึงจะเข้าไปใช้ได้
หากทะลึ่งเข้าไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะถูกลงโทษ!
และฟังจากคำพูดของหลิงหูเหรินเจี๋ยแล้ว เห็นได้ชัดว่าตราบใดที่ห้องลับแห่งกฏของตระกูลหลิงหูมีประโยชน์กับต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถเข้าใช้ได้ทันที
“ขอบคุณผู้นำตระกูลหลิงหูมาก”
ฟังจากน้ำเสียงของหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดลอยๆแต่ตั้งใจไว้เช่นนั้นจริง
“นายน้อย หากท่านมีสิ่งใด โปรดเรียกหาข้าน้อยได้ทุกเมื่อ”
หลังจากมอบลูกแก้ววิญญาณให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว พ่อบ้านหวางฟู่ก็ถอยออกไปด้วยท่าทีเคารพ “นายน้อย ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว”
หลังออกจากห้องไป หวางฟู่ก็ปิดประตูให้ต้วนหลิงเทียนอย่างเบามือ
ด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รีบร้อนบ่มเพาะพลัง เพียงนำลูกแก้วเงาลอยออกมาจ่ายพลังเทพลงไป จากนั้นฉากเรื่องราวก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้า
ฉากในลูกแก้วเงาลอยเม็ดแรก เป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ และมีร่าง 2 ร่างกำลังประมือกันเหนือที่ราบดังกล่าว หนึ่งในนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญกฏมิติ
ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จในกฏมิติของมันก็ไม่ได้ต่ำต้อย เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการหลายชุด และความลึกซึ้ง 3 ประการบางชุด ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่เข้าใจ
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงชมดูมันด้วยความเพลินใจ
…
หลังจากต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายหมอกเร้นลับพร้อมคู่แฝดตระกูลหลิงหู ข่าวเรื่องราวก็เริ่มแพร่กระจายออกมาจากนิกายหมอกเร้นลับ ไม่นานในนิกายหมอกเร้นลับก็ได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ศิษย์หลักต้วนหลิงเทียน ได้ถอนตัวออกจากนิกายหมอกเร้นลับ และเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูแล้ว!
พอมีข่าวดังกล่าวออกมา แน่นอนล่ะว่าต้องสร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคนเป็นธรรมดา
ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถูกคู่แฝดตระกูลหลิงหูพาตัวไปนั้น มีคนรู้ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น
เป็นธรรมดาว่าหลังข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกมา คนของนิกายหมอกเร้นลับก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่ากันอย่างไม่พอใจ “ต้วนหลิงเทียนนั่น ที่แท้ก็ตัวสารเลวเนรคุณ?”
“ข้าได้ยินมาว่า หลังต้วนหลิงเทียนฆ่าศิษย์พี่งซั่งกวนฉงเฟิง กับศิษย์พี่หลงเซียวที่เป็นศิษย์หลักดุจเดียวกัน ด้านอาวุโสสูงสุดฟงกับอาวุโสสูงสุดเหล่ยเพียงเพราะเล็งเห็นถึงพรสวรรค์กับความเข้าใจจึงบังเกิดจิตรักถนอมอัจฉริยะไม่ได้มอบโทษตายให้…แต่ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่สำนึกบุญคุณ กลับเลือกทรยศนิกายหมอกเร้นลับเราแล้วไปเข้าร่วมตระกูลหลิงหูแทน”
“จริงหรือ? เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนนับว่าจิตใจต่ำช้าน่ารังเกียจยิ่ง! น่าเสียดายที่ข้ามันไร้สามารถ หาไม่แล้วข้าต้องช่วยนิกายกำจัดคนสารเลวเนรคุณนี่ให้จงได้!”
…
ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับส่วนใหญ่ที่ไม่รู้เรื่องราว ย่อมก่นด่าทั้งสาปแช่งต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดา
และเหตุไฉนที่พวกมันพากันก่นด่าต้วนหลิงเทียนไปในทิศทางเดียวกันแบบนี้ ทั้งหมดเพราะมีคนอยู่เบื้องหลัง ยังเป็นประมุขนิกายหมอกเร้นลัอย่างเฉียนหยิ่นที่ส่งคนไปแพร่ข่าวปลอม เพื่อป้ายสีต้วนหลิงเทียน
ในฐานะที่มันเป็นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ เมื่อเห็นศิษย์หลักคนหนึ่งฆ่าศิษย์หลัก 2 คน แต่สุดท้ายไม่เพียงแต่จะรอดพ้นจากโทษทัณฑ์อย่างไร้เรื่องราว ยังไปเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแห่งอื่นอีก เฉียนหยิ่นจะไม่มีโมโหได้อย่างไร?
แต่มันเลือกจะระงับโทสะเอาไว้ไม่ลงมือผลีผลามเป็นธรรมดา
ก็เลยมาระบายโทสะในลักษณะนี้
ข่าวลวงที่มันให้คนมาปล่อย เพียงกล่าวว่าต้วนหลิงเทียนถอนตัวออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปเข้าร่วมตระกูลหลิงหู…แต่ไม่ได้บอกต้นสายปลายเหตุให้แน่ชัด กระทั่งยังสาดโคลนซ้ำเข้าไปเล็กน้อย
ด้วยวิธีนี้ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีความเป็นมายิ่งใหญ่จริงๆ วันหน้าต่อให้คิดจะล้างแค้นอะไร เฉียนหยิ่นก็จะไม่ตกเป็นเป้าแต่อย่างไร
“ต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายหมอกเร้นลับแล้วจริงๆ?”
“ต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายหมอกเร้นลับและไปตระกูลหลิงหู…เรื่องนี้ข้าต้องรีบรายงาน!”
…
สายของนิกายหมื่นปีศาจที่แฝงตัวอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับ หลังจากทราบข่าวดังกล่าว มันก็เร่งรายงานกลับไปยังนิกายหมื่นปีศาจทันที
ไม่นานนัก อาวุโสของนิกายหมื่นปีศาจที่รับผิดชอบเรื่องการผสานงาน ก็ได้รับข่าว
จากนั้นมันก็เร่งรุดไปเข้าพบประมุขนิกายหมื่นปีศาจ หลานชิง ก่อนจะรายงานข่าวที่ได้รับออกไปทั้งหมด
หลังได้รับทราบเรื่องราว หลานชิงก็อึ้งไปไม่น้อย “ต้วนหลิงเทียนนั่น อยู่ๆมันก็ทรยศนิกายหมอกเร้นลับไปเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหู?”
หลังอึ้งกับรายงานที่ได้รับทราบครู่หนึ่ง พอฟื้นสติ หลานชิงก็เร่งรุดปังสถานที่พักบ่มเพาะของของ ตู้จ้าน อาวุโสสูงสุดของนิกายหมื่นปีศาจ เพื่อแจ้งเรื่องราวให้อาจารย์อาของมัน กวงเทียนเจิ้ง ที่เดินทางมาจากนิกายมังกรสวรรค์ได้สักพักแล้ทราบทันที
กวงเทียนเจิ้ง อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ ด่านพลังขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลาง ที่มันถ่อมาถึงนิกายหมื่นปีศาจครั้งนี้ ก็เพื่อล้างแค้นให้ ฉู่หาน ศิษย์ของมันโดยเฉพาะ
จนถึงตอนนี้มันก็เชื่อหมดใจ ว่าการตายของศิษย์มัน ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียนและหวูเฟิงที่เป็นศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับแน่นอน
เรื่องที่หวูเฟิงกลับมานิกายหมอกเร้นลับแล้ว มันทราบแต่แรก หากแต่ยังไม่คิดลงมือเคลื่อนไหวอะไร เพียงรอให้ต้วนหลิงเทียนกับมาก่อน ค่อยลงมือจัดการทั้งคู่พร้อมๆกัน
วันนี้ ในที่สุดมันก็ได้รับทราบข่าวเรื่อง ต้วนหลิงเทียน ได้เดินทางกลับมายังนิกายหมอกเร้นลับ
อย่างไรก็ตาม พึ่งจะรับทราบข่าวการกลับมาของต้วนหลิงเทียนจนสองตาลุกวาวไม่ทันไร ประโยคถัดมาของหลานชิงก็ทำให้ประกายตาของมันหม่นลงทันที
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันทรยศนิกายหมอกเร้นลับ และออกไปอยู่ตระกูลหลิงหูแล้ว?”
สีหน้ากวงเทียนเจิ้งตอนนี้แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
เพราะเมื่อเป็นแบบนี้ เรื่องราวก็เริ่มซับซ้อนแล้ว
ไม่เพียงแต่มันต้องไปจัดการหวูเฟิงในนิกายหมอกเร้นลับเท่านั้น แต่นี่ยังต้องไปจัดการต้วนหลิงเทียนในตระกูลหลิงหูอีก
“อย่างไรก็ตาม…อาวุโสสูงสุดฟงเหล่ยของนิกายหมอกเร้นลับ กลับไม่ได้ลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อล้างแค้นให้ศิษย์ทันทีเช่นนั้นรึ?”
“นอกจากนั้นเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนมีเรื่องบาดหมางกับหลงเซียวศิษย์ของอาวุโสเหล่ยแต่แรก จึงเดินทางไปยังเมืองจวินหลิงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและไม่กลับมาจนถึงวันเกิดเรื่อง?”
“พอกลับมานิกายไม่ทันไร เจอหน้าหลงเซียวก็ฆ่าคนเลย?”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นสมควรเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนจะกลับไปนิกายหมอกเร้นลับ…”
หลังไตร่ตรองเรื่องราวสักพัก กวงเทียนเจิ้งก็แทบจะสรุปประเด็นสำคัญได้ “ไม่แน่ตระกูลหลิงหูอาจส่งคนติดตามมันกลับไปนิกายหมอกเร้นลับด้วย”
“และคนที่สามารถพาตัวต้วนหลิงเทียนออกมาต่อหน้าต่อตา 2 เฒ่าฟงเหล่ยที่เสียลูกศิษย์ได้….ไม่พ้นต้องเป็นนายหญิงรองตระกูลหลิงหูหรือไม่ก็คู่แฝดเหิงฮวน”
“ในหมู่พวกมัน สมควรเป็นนายหญิงรองตระกูลหลิงหูที่ติดตามต้วนหลิงเทียนไปมากกว่า”
“เพราะสุดท้ายตอนต้วนหลิงเทียนอยู่ที่เมืองจวินหลิง เจ้านั่นก็ไล่เกี้ยวลูกสาวของนาง”
“ถึงแม้นางจะประกาศต่อสาธารณชนไว้แต่แรก ว่าชั่วชีวิตจะไม่ให้บุตรีตบแต่งกับผู้ใด…แต่ใครจะกล้ารับประกันว่านางจะไม่กลับคำพูดเพราะพรสวรรค์กับความเข้าใจของต้วนหลิงเทียน?”
…
หลังกวงเทียนเจิ้งไล่เรียงเรื่องราวแล้วกล่าวออกมา ไม่ว่าจะเป็นหลานชิงประมุขนิกายหมื่นปีศาจ หรือตู้จ้าน อาวุโสสูงสุดของนิกายหมื่นปีศาจก็พากันพยักหน้า เพราะทั้งคู่รู้สึกว่าการอนุมานของแซ่กวงมีเหตุผล
เป็นธรรมดาว่าการอนุมานของกวงเทียนเจิ้งนั้นค่อนข้างผิดจากความเป็นจริงอยู่บ้าง นั่นเพราะมันไม่ได้รู้จักนิสัยของนายหญิงรองตระกูลหลิงหูดี
และมันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะไล่เกี้ยวหลิงหูชูยินแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของเรื่องราวก็ถือว่าถูกต้อง
“ศิษย์น้อง”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กวงเทียนเจิ้งก็หันไปมองกล่าวกับตู้จ้านเสียงหนัก “รบกวนเจ้าเดินทางไปยังนิกายหมอกเร้นลับแทนข้า แล้วจับตัวหวูเฟิงนั่นเสีย รอให้ข้ากลับมาแล้วข้าจักจัดการมันเอง”
“เพียงบอกนิกายหมอกเร้นลับว่า หวูเฟิง เป็นคนที่ข้าต้องการตัว”
“กับศิษย์ตัวเล็กๆในนิกาย พวกมันไม่ควรหักหน้าข้า”
“ส่วนข้า…จะไปยังตระกูลหลิงหูนั่นด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้ตระกูลหลิงหูสมควรยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า หากข้าไม่ไปที่นั่นด้วยตัวเอง เกรงว่าพวกมันคงไม่ส่งมอบตัวต้วนหลิงเทียนออกมาเป็นแน่”
พอตู้จ้านรับคำ ร่างกวงเทียนเจิ้งก็อันตรธานหายไปจากสายตาตู้จ้านและหลานชิงทันที เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเร่งรุดเดินทางไปยังตระกูลหลิงหู
เห็นดังนั้น ตู้จ้านก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มันออกจากนิกายหมื่นปีศาจและมุ่งหน้าไปยังนิกายหมอกเร้นลับทันที
ฟิ้ววว!!
กวงเทียนเจิ้งนั้น ใช้เรือเหาะระดับจอมราชันเทพในการเดินทาง แถมมันยังใช้ความเร็วสูงสุดอันทัดเทียมตัวตนขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูงโดยไม่เสียดายหินเทพ ทำให้ใช้เวลาไม่นานมันก็เดินทางมาถึงเมืองหลิงหู สถานที่ตั้งของตระกูลหลิงหู
ครืนนน!!
การปรากฏขึ้นของเรือเหาะระดับจอมราชันเทพเหนือน่านฟ้าหน้าจวนตระกูลหลิงหู ย่อมกระตุ้นเตือนหน่วยลาดตระเวนของตระกูลหลิงหูเป็นธรรมดา
“มิทราบใต้เท้าผู้มาเป็นผู้ใดหรือ?”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งอันเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของตระกูลหลิงหู เมื่อเห็นร่างหนึ่งที่ออกมาจากเรือเหาะระดับจอมราชันเทพ มันก็ประสานมือกล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่กล้าละเลย
กับตัวตนที่มีเรือเหาะระดับจอมราชันเทพ ไหนเลยจะเป็นคนธรรมดาได้
แม้แต่ตระกูลหลิงหูของพวกมันเอง ก็มีเรือเหาะระดับจอมราชันเทพอยู่เพียง 2 ลำเท่านั้น ซึ่งอยู่ในมือของผู้นำตระกูลหลิงหู กับอาวุโสสูงสุดของตระกูลหลิงหูเท่านั้น
เรือเหาะระดับจอมราชันเทพนั้นมีมูลค่าสูงไม่น้อย ทำให้มันกลายเป็นตัวบ่งบอกอัตลักษณ์ประการหนึ่ง
“อาวุโสฝ่ายในแห่งนิกายมังกรสวรรค์ กวงเทียนเจิ้ง!”
เผชิญกับการสอบถามของหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนชราของตระกูลหลิงหู ชายชราที่ก้าวออกจากเรือเหาะก็ประกาศตัวตนออกมาเสียงเฉย