ในขอบเขตราชาเทพ แม้จะไม่มีโอสถเทพี่มีสรรพคุณท้าทายสวรรค์เหมือนกับโอสถเสริมโชค ที่ช่วยยกระดับการบ่มเพาะได้อย่างอัศจรรย์ แต่มันก็มีโอสถเทพบางขนานที่ราชาเทพทุกคนล้วนต้องการ
  และโอสถทะลวงราชัน ก็เป็นหนึ่งในโอสถเทพที่มีคนต้องการมากที่สุด
  อันที่จริงแล้วโอสถทะลวงราชันไม่ได้ส่งเสริมผู้ใช้ในแง่การบ่มเพาะพลังแต่อย่างใด แต่กระนั้นราชาเทพขั้นสูงทั้งหลายก็อยากได้มันใจแทบขาด
  เพราะอะไรน่ะหรือ?
  เพราะโอสถทะลวงราชัน สามารถเพิกเฉยจุดรอคอยขอบเขตราชาเทพขั้นสูงได้โดยสมบูรณ์! ทำให้ผู้ใช้ที่แม้จะมีแค่เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับราชาเทพ ทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำได้ทันที เสมือนไร้ซึ่งคอขวดจุดตีบตันอะไร บรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้สำเร็จ!
  กล่าวได้ว่า โอสถเทพทะลวงราชันนั้น เป็นดั่งบัตรผ่านสู่ขอบเขตจอมราชันเทพกลายๆ
  และเท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบมา คิดจะหลอมโอสถทะลวงราชันขึ้นมาสักเม็ด ต่อให้เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพก็เป็นเรื่องยากที่จะหลอมได้ในรอบร้อยปี
  แต่นิกายมังกรสวรรค์ ถึงกับนำโอสถทะลวงราชันออกมาเป็นของรางวัลให้ 10 อันดับแรกของการแข่งขันมังกรซ่อนติดต่อกัน 2 รอบเชียว?
  “ในนิกายมังกรสวรรค์มีปรมาจารย์หลอมโอสถระดับเทพ ที่สามารถหลอมกลั่นโอสถทะลวงเทพได้ถึง 10 เม็ดในรอบร้อยปีหรือ?”
  ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามหลิงหูเหรินเจี๋ยด้วยความสนใจ
  หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อดีตประมุขนิกายมังกรสวรรค์นั้น ครั้งยังเป็นประมุขินกายมังกรสวรรค์อยู่ นับว่ามันติดการหลอมโอสถเทพเป็นอย่างมาก เรียกว่าบางทีก็มัวแต่หลอมโอสถเพลินจนละเลยเรื่องในนิกายด้วยซ้ำ…”
  “ต่อมาหลังจากสละตำแหน่งประมุข กลายเป็นอาวุโสสูงสุดของนิกายมังกรสวรรค์แล้ว ก็มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น ไม่ต้องง่วนกับเรื่องราวใดๆในนิกายมังกรสวรรค์มากนัก จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหลอมโอสถที่ชอบ”
  “เมื่อหลายพันปีก่อน มันก็บังเกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในเส้นทางหลอมโอสถ ไม่เพียงแต่อัตราหลอมโอสถระดับจอมราชันเทพจะเพิ่มขึ้นมาก กระทั่งยังสามารถหลอมโอสถระดับจักรพรรดิเทพได้อีกด้วย”
  “หลังจากนั้น มันก็มีชื่อเสียงไม่น้อยในเขตคฤหาสน์ตงหลิง ถึงขั้นขุมกังระดับจักรพรรดิเทพมากมายในเขตคฤหาสน์ตงหลิงส่งคนมาทาบทาม ให้คำสัญญาหรูหรามากมาย”
  “และโอสถทะลวงเทพก็ยังเป็นโอสถระดับจอมราชันเทพเท่านั้น สำหรับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพทั่วไปในเขตคฤหาสน์ตงหลิง อัตราหลอมสำเร็จอาจจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน…แต่สำหรับมัน กลับไม่ได้ยากเย็นอะไร”
  ได้ยินคำอธิบายของหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที
  เหตุผลที่เขาสงสัยก่อนหน้า เพราะถึงแม้นิกายมังกรสวรรค์จะเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ แต่ทว่าในปัจจุบันก็ไร้ซึ่งตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ แค่ในอดีตเคยปรากฏตัตนระดับจักรพรรดิเทพขึ้นไม่น้อยเท่านั้น
  และในเขตคฤหาสน์ตงหลิง ก็มีขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพมากมาย ที่มีสภาพการณ์คล้ายๆนิกายมังกรสวรรค์
  ตอนที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงระนาบสมรภูมิจากสมรภูมิอเวจีเป็นครั้งแรก ชายชรานาม เย่เป่ยหยวน ที่พาเขาไปส่งยังค่ายทหารของดินแดนดาราพิศวง ก็เป็นคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่มีลักษณะคล้ายๆนิกายมังกรสวรรค์
  และขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่ว่าก็เป็นนิกายระดับจักรพรรดิเทพ เรียกว่า นิกายฟ้าจรัสแสง
  ยังเป็นนิกายระดับจักรพรรดิเทพในเขตคฤหาสน์ตงหลิงเช่นกัน
  และโดยปกติแล้ว ในนิกายระดับจักรพรรดิเทพที่ไร้ตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอู่ในปัจจุบัน ก็แทบเป็นไปไมได้เลยที่จะปรากฏปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิ…
  เพราะปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดินั้น โดยเฉพาะผู้ที่สามารถหลอมโอสถทะลวงราชันได้เกิน 10 เม็ดในรอบร้อยปี ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นยอดในเขตคฤหาสน์ตงหลิงก็คงมาคว้าตัวไปหมดแน่
  ‘หากตอนนี้ข้าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพเช่นนั้นบ้าง ขุมกำลังในเขตคฤหาสน์ตงหลิงคงวิ่งโร่มาชักชวนข้าด้วยตัวเอง และไม่ว่วาจะขุมกำลังไหนก็คงไม่มีทางปฏิบัติต่อข้าอย่างเลวร้ายแน่’
  ‘อีกทั้งข้ายังจะได้รับสถานที่พักบ่มเพาะ รวมถึงทรัพยากรบ่มเพาะอย่างดีที่สุดอีกด้วย…’
  คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
  ตอนอยู่ในระนาบโลกียะนั้น กล่าวได้ว่าเขาหลอมยาเก่งพอตัว ต่อมาพอไปยังระนาบเทวโลกแล้ว แม้ช่วงแรกๆจะติดๆขัดๆแต่ก็พอจะหลอมยาได้บ้าง ทว่าหลังจากที่มีเรื่องวุ่นวายประดังเข้ามา เขาก็ไม่มีเวลามากพอจะหลอมยา ได้แต่ง่วนกับการบ่มเพาะฝึกฝน
  ส่วนในระนาบเทพนั้น กระบวนการหลอมโอสถเทพของที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเลย
  บางที อาจจับมันขึ้นมาเคาะฝุ่นเพื่อดูว่าจะประกอบอาชีพเก่าได้หรือไม่?
  ไม่แน่ทำไปทำมา อาจจะเอาดีด้านนี้ได้ สุดท้ายก็อาจใช้มันเป็นทางลัดเข้าสู่ขุมกำลังระดับสูงๆท่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้นในภายภาคหน้า?
  “ต้วนหลิงเทียน เจ้าลองคิดดูก่อนเถอะ หากตัดสินใจได้ความเช่นไรค่อยบอกข้า…และไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหนข้าก็พร้อมสนับสนุนเจ้า”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยคลี่ยิ้มสดใสพลางกล่าว “นอกจากนั้น ข้าเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์กับความเข้าใจของเจ้า ตัวเจ้าย่อมสามารถบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้แน่นอน แม้จะไม่ต้องใช้โอสถทะลวงราชันก็ตาม”
  “นอกจากนั้น แม้เจ้าจะเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ตอนนี้เลย แต่เจ้าก็มีโอกาสมากมายที่จะได้รับโอสถทะลวงราชันนั่นผ่านช่องทางอื่นๆ เพราะในนิกายมังกรสวรรค์เองก็มีตำหนักภารกิจ แต่โอสถทะลวงราชันอาจยากจะปรากฏเป็นของรางวัลเท่านั้น”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวแนะนำ
  “ผู้นำหลิงหู ข้ารอเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ผ่านการทดสอบรับศิษย์ทุกรอบร้อยปี ที่จะเกิดขึ้นในอีก 20 กว่าปีหลังจากนี้ดีกว่า”
  ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจตอบหลิงหูเหรินเจี๋ยแทบจะทันที
  “เจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
  ในขณะที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกำลังลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอกในใจ มันก็กล่าวถามต้วนหลิงเทียนย้ำ
  อันที่จริง ในมุมมองของมัน มันย่อมหวังให้ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเข้าร่วมการทดสอบที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 20 กว่าปี เพราะโอกาสที่จะได้โอสถทะลวงราชันไม่ใช่จะมีมาบ่อยๆ ไม่พลาดจะดีกว่า
  ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะติด 10 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนหรือไม่ มันไม่สงสัยแม้แต่นิดเดียว
  ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีก 20 ปีหลังจากนี้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนสมควรก้าวหน้าขึ้น
  กระทั่งต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ต่อให้ไปเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อน การจะติด 10 อันดับแรกนั้น เรียกว่าเป็นเรื่องนอนมาแล้ว…
  ต้องทราบด้วยว่า กระทั่งศิษย์หลักที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งติด 2 ใน 5 อันดับแรกของนิกายหมอกเร้นลับ ยังตกตายคามือต้วนหลิงเทียนง่ายๆ!
  และถ้าหลงเซียวกับซั่งกวนฉงเฟิงไปเข้าร่วมการทดสอบรับศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ล่ะก็ ถึงพวกมันจะไม่มีโอกาสติดอยู่ใน 10 อันดับแรก แต่ซั่งกวนฉงเฟิงนั้น เรื่องจะติดอยู่ใน 30 อันดับแรกไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนหลงเซียวก็น่าจะติดอยู่ใน 50 อันดับแรกได้…
  หากทว่า ตัวตนเช่นนี้กลับตกตายภายใต้หนึ่งคมกระบี่ของต้วนหลิงเทียน
  ถึงแม้จะมีข้อได้เปรียบเรื่องระดับของอาวุธ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง หากต้วนหลิงเทียนเผมรรคากระบี่มิติที่แท้จริงออกมา แม้จะใช้แค่อาวุธเทพขั้นกลางก็ฆ่าพวกมันได้ง่ายๆแล้ว!
  “ข้าคิดดีแล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ขณะเดียวกันก็สะบัดมือนำกระบี่เทพขั้นสูงที่ใช้ฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวออกมาจากแหวนพื้นที่ ก่อนจะส่งคืนให้กับหลิงหูเหรินเจี๋ย “ต้องขอบคุณผู้นำหลิงหูมากที่ให้ข้ายืมกระบี่ระดับเทพขั้นสูง”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยรับกระบี่เทพกลับคืน ส่ายหน้าไปมาพลางยิ้มกล่าวว่า “ข้าให้เจ้าหยิบยืมกระบี่เทพขั้นสูง เพียงเพราะไม่ต้องการให้เจ้าเปิดเผยมรรคคากระบี่ออกไป”
  หากเป็นอุปกรณ์เทพธรรมดาๆ หลิงหูเหรินเจี๋ยคงให้ต้วนหลิงเทียนไปเลย
  อย่างไรก็ตาม กับอุปกรณ์เทพขั้นสูงนั้น แม้มันจะเป็นผู้นำตระกูลหลิงหู แต่ก็ไม่สะดวกจะมอบให้ต้วนหลิงเทียน
  เพียงแค่มันไม่คิดเลย ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ขาดอุปกรณ์เทพขั้นสูงแม้แต่นิดเดียว กระทั่งในร่างต้วนหลิงเทียนยังมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดที่ซุกซ่อนอยู่ ยังเป็นอุปกรณเทพขันสูงสุดที่มีจิตวิญญาณอีกด้วย
  “ต้วนหลิงเทียน การแข่งขันมังกรซ่อนที่จะจัดขึ้นทุกๆรอบร้อยปีของนิกายมังกรสวรรค์ ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องได้อันดับดีๆแน่…และเรื่องจะติด 10 อันดับแรกไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และถ้าเจ้าสามารถไต่ถึง 3 อันดับแรกได้ล่ะก็ บางทีเจ้าอาจได้รับอุปกรณ์เทพขั้นสูงเป็นรางวัล”
  หลังหลิงหูเหรินเจี๋ยเก็บกระบี่เทพขั้นสูงเข้าแหวน มันก็คลี่ยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “สำหรับเจ้า 10 อันดับแรกคงไม่มีแรงกดดันอะไร…แต่ 3 อันดับแรกก็ไม่ได้ง่ายนัก”
  “ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้าเผยออกตอนนี้ แม้เจ้าจะใช้มรรคากระบี่ ก็ไม่น่าจะไต่ถึง 3 อันดับแรกได้…”
  “เพราะในการแข่งขันมังกรซ่อน เจ้าไม่อาจพึ่งพลังภายนอกอย่างอุปกรณ์เทพได้”
  “นอกจากนั้น ถึงเจ้าจะมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงไว้ใช้เพราะข้าให้ยืม แต่ผู้อื่นก็สามารถหยิบยืมได้เช่นกัน…”
  “เช่นนั้นเจ้าขยันบ่มเพาะให้มาก ก่อนจะถึงวันทดสอบรับศิษย์ทุกรอบร้อยปีของนิกายมังกรสวรรค์ ก็พยายามทะลวงให้ถึงราชาเทพขั้นกลางให้ได้ อย่าได้หวังพึ่งแต่พลังของอุปกรณ์เทพขั้นสูงมากนัก หาไม่แล้วเจ้าอาจได้อันดับไม่ดีนัก”
  ประโยคท้ายที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวออกมา ก็เป็นการตั้งใจเตือนต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ เนื่องจากมันกลัวต้วนหลิงเทียนจะย่ามใจเพราะมีกระบี่เทพขั้นสูงให้ยืม จนส่งผลต่อการบ่มเพาะพลัง
  “เรื่องนี้ขอผู้นำตระกูลหลิงหูไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเข้าใจความจริงข้อนี้ดี”
  เรื่องนี้ถึงหลิงหูเหรินเจี๋ยจะไม่พูด ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีแก่ใจ เพราะเขาไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนกระจก กระทั่งดั้นด้นมาจากระนาบโลกียะอันต้อต่ำจนมาถึงจุดนี้ได้
  “ดี”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยพยักหน้ารับด้วยความพอใจ จากนั้นก็กล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเลือกแล้ว เช่นนั้นอีก 20 กว่าปีหลังจากนี้ ตระกูลหลิงหูของพวกเราจะพยายามส่งเสริมเจ้าให้บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพขั้นกลางเต็มกำลัง”
  “สำหรับกฏมิตินั้น ข้าจะพยายามหาทางช่วยเจ้า”
  หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณ หลิงหูเหรินเจี๋ยก็เหินร่างจากไป
  “นายน้อย”
  หลังหลิงหูเหรินเจี๋ยจากไป พ่อบ้านชราหนึ่งก็ก้าวออกมาโค้งคำนับต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม “ข้าน้อยเรียกว่า หวางฟู่ เป็นพ่อบ้านที่ท่านผู้นำตระเตรียมไว้ให้รับใช้ท่าน อีก 20 ปีหลังจากนี้ข้าน้อยจะเป็นคนจัดการเรื่องทั่วไปในบ้าน และอำนวยความสะดวกให้ท่าน”
  “เช่นนั้นต่อไปข้าต้องขอรบกวนลุงฟู่แล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มให้หวางฟู่ จากนั้นก็พยักหน้าทักทายข้ารับใช้ที่มายืนเรียงแถวกันอยู่ด้านหลังหวางฟู่ จากนั้นก็ให้หวางฟู่พาเขาไปยังห้องพัก
  ในฐานะเป็นเจ้าบ้านหลังเขื่องปานคฤหาสน์ ห้องพักของต้วนหลิงเทียนก็กินพื้นที่เกือบครึ่งของบ้าน และนอกจากเตียงขนาดใหญ่แล้ว โต๊ะที่ตั้งห่างเตียงยังมีจานใส่ลูกแก้วอยู่หลายลูก
  “นายน้อย นี่เป็นลูกแก้วเงาลอยที่นายท่านตระเตรียมไว้ให้ท่าน ไม่มีข้อยกเว้น พวกมันทั้งหมดเป็นลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกฉากการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญกฏมิติ”
  พอต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาถึงห้องพัก เขาก็สังเกตเห็นกองลูกแก้วในจานที่วางไว้บนโต๊ะก่อนใดอื่น เพราะมันเด่นสะดุดตามาก และหวางฟู่ก็กล่าวเอ่ยขึ้นมาพอดี
  หลังได้ยินสิ่งที่หวางฟู่กล่าว สองตาต้วนหลิงเทียนก็เป็นประกายขึ้นมาวาบหนึ่ง ในใจยังรู้สึกขอบคุณไม่น้อย
  ‘ผู้นำตระกูลหลิงหู…ได้ใจจริงๆ’
  หลังระบายลมหายใจออกเบาๆ ต้วนหลิงเทียนก็นำลูกแก้ววิญญาณของหลิงหูเหรินเจี๋ยออกมา เพื่อส่งข้อความไปขอบคุณ
  “ลูกแก้วเงาลอยทั้งหมดนั่น เป็นลูกแก้วเงาลอที่บันทึกการต่อสู้ของผู้ใช้กฏมิติทั้งหมดที่ตระกูลหลิงหูเราสะสมไว้ ข้าหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเจ้า…พอพูดถึงลูกแก้วพวกนี้ แม้จะเทียบไม่ได้กับผลไม้เทพที่ช่วยให้เข้าใจกฏมิติ แต่เมื่อเทียบกับห้องลับแห่งกฏมิติของตระกูลหลิงหูเรา ก็นับว่าดีกว่ามาก”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยส่งข้อความสืบต่อ “เพราะถึงตระกูลหลิงหูเราจะมีห้องลับแห่งกฏมิติ แต่ก็เป็นแค่ห้องลับแห่งกฏมิติทั่วไปเท่านั้น ด้วยความเข้าในใจกฏมิติของเจ้าตอนนี้ เกรงว่ามันคงไม่อาจช่วยอะไรได้แล้ว”
  “กระทั่งข้ายังกล่าวได้ตรงนี้เลย ว่าความสำเร็จในกฏมิติของเจ้าตอนนี้ ต่อให้กวาดตามองไปทั่วเขตคฤหาสน์ตงหลิง ก็ไม่มีขุมกำลังใดที่จะมีห้องลับแห่งกฏมิติที่จะส่งเสริมความเข้าใจในกฏมิติของเจ้าได้อีกต่อไป”
  “ต่อไปข้าจะพยายามให้ความสนใจกับผลไม้เทพที่ช่วยส่งเสริมกฏมิติ ดุจเดียวกับแผ่นศิลาแห่งกฏที่ช่วยให้เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 4 ประการขึ้นไป…”