พอนึกถึงต้วนเฉียวอวี่ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่แท้นางเป็นใครมาจากไหนกันแน่
ด้านหลิงหูเหิงกับหลิงหูฮวน พอได้ยินคำตอบดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ก็พากันอึ้งไปทันที
“พวกมันกริ่งเกรงว่า คนที่พวกมันเข้าใจว่าเป็นน้องสาวของข้า…จะลงมือกับพวกมันหากข้าเป็นอะไรไป…”
และพวกมันก็เข้าใจคำตอบของต้วนหลิงเทียนชัดเจน
เพราะฟังจากคำตอบของต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า อาวุโสสูงสุดฟงกับเหล่ยของนิกายหมอกเร้นลับ ไม่กล้าฆ่าต้วนหลิงเทียนเพียงเพราะหวาดกลัวว่าน้องสาวของต้วนหลิงเทียนจะมาล้างแค้นในภายหลัง
พวกมันยังจับใจความสำคัญได้ชัดเจน
‘น้องสาว’ ที่ต้วนหลิงเทียนพูดถึง ไม่ใช่คนธรรมดา!
น่าขัน!
คนที่ทำให้อาวุโสสูงสุดทั้ง 2 ของนิกายหมอกเร้นลับหวาดกลัวการล้างแค้น จนไม่กล้าลงมือสังหารฆาตกรฆ่าศิษย์รักยังจะเป็นคนธรรมดาได้?
“ต้วนหลิงเทียน แล้วน้องสาวที่เจ้าพูดถึง เป็นผู้ใดหรือ?”
หลิงหูเหิงมองถามต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใบหน้าอ้วนๆของมันบัดนี้ฉายชัดถึงความจริงจังไม่น้อย
กับตัวตนที่สะกดอาวุโสสูงสุดทั้ง 2 ให้กลัวจนไม่กล้าทำอะไร กระทั่งพวกมันเองก็ยังต้องกลัวด้วยซ้ำ!
ได้ยินคำถามของหลิงหูเหิง ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มพลางกล่าว “อาวุโสเหิง เรื่องนี้ไว้ข้าจะบอกท่านภายหลัง”
ไม่ใช่เรื่องยากที่หลิงหูเหิงจะเดาได้ ว่าต้วนหลิงเทียนตั้งใจบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถาม แต่มันก็ไม่คิดเซ้าซี้อะไรสืบต่อ
เพราะเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่อยากบอก ต่อให้มันถามไปก็มีแต่จะสร้างความรำคาญให้อีกฝ่ายเปล่าๆ
อย่างไรก็ตาม จะหลิงหูเหิงก็ดีหรือหลิงหูฮวนก็ดี ตอนนี้พวกมันจำต้องมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกครั้ง
แต่ก่อนในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนก็เป็นเพียงรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์กับความเข้าใจสูงเท่านั้น
แต่บัดนี้ พวกมันตระหนักได้ว่า ต้วนหลิงเทียนยังมี ‘ความเป็นมา’ ที่พวกมันไม่รู้ และภูมิหลังดังกล่าวก็เป็นอะไรที่ทำให้อาวุโสสูงสุดทั้ง 2 ของนิกายหมอกเร้นลับหวาดกลัว
“ศิษย์น้องต้วน”
หลังเลิกคุยกับหลิงหูเหิง ต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศในห้องพักของเรือเหาะ ก็ได้ยินข้อความหนึ่งที่ส่งมาถึงเขา
และฟังจากเสียงข้อความ ผู้ที่ส่งมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากหวูเฟิง ที่ไปยังเทพซ่อนของจักรพรรดิเทพฉินหวู่กับเขา
ย้อนกลับไปนิกายหมอกเร้นลับคราวนี้ เขาได้เจอหวูเฟิงแล้ว เพราะตอนที่เขาฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวอีกฝ่ายก็อยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม พอเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับมาถึงสถานที่เกิดเหตุ มันก็สั่งให้ทุกคนนอกจากศิษย์หลักกับอาวุโสฝ่ายในล่าถอยออกไป
ตอนนั้นหวูเฟิงก็เลยล่าถอยออกไปเช่นกัน
เช่นนั้นหวูเฟิงจึงไม่รู้ว่าหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จนเมื่อหวูเฟิงรับทราบว่าทุกคนได้แยกย้ายกันแล้ว ก็เลยส่งข้อความมาถามต้วนหลิงเทียน “เจ้าสบายดีหรือไม่?”
“ยังดีอยู่”
ต้วนหลิงเทียนก็ส่งข้อความตอบกลับไปทันที “ขอบคุณศิษย์พี่หวูเฟิงที่เป็นห่วง”
“หืม?”
หวูเฟิงอดไม่ได้ที่จะงุนงง “ศิษย์น้องต้วน อาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยปล่อยเจ้าไปหรือ?”
ในสายตาหวูเฟิง คราวนี้ต้วนหลิงเทียนน่าจะรอดยาก
ลงมือฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวซึ่งเป็นศิษย์รักของอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยแบบนี้ การที่ต้วนหลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่ได้ นับว่าเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ
“ทำไมเล่า ท่านคิดว่าข้าไม่น่ารอดงั้นหรือ?”
ได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อของหวูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็ส่งข้อความถามกลับด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“เอ่อ…แล้วตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน?”
หวูเฟิงถาม “เจ้า…คงไม่ได้ถูกขังอยู่ เพื่อรอเวลาขึ้นแท่นประหารหรอกนะ?”
“ศิษย์น้องต้วน เช่นนั้นข้าลองไปหาอาวุโสถังชุนดีหรือไม่…เผื่ออาวุโสถังชุนจะติดต่ออาวุโสเชวียไห่ชวนผู้นั้นได้ เพราะหากอาวุโสเชวียไห่ชวนคิดจะรับเจ้าเป็นศิษย์ ก็ต้องช่วยเจ้าได้แน่”
หวูเฟิงกล่าว
“ไม่ต้องหรอก”
เมื่อได้ยินถึงความกังวลของหวูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้ “ศิษย์พี่หวูวันนี้ได้เห็นท่านอีกครั้ง ดูเหมือนอาการท่านจะดีขึ้นมาก…ดูท่าเศษเสี้ยววิญญาณของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ จะไม่ได้มีอิทธิพลกับบท่านมากเกินไป”
“ใช่ แถมตอนนี้ระดับพลังฝึกปรือข้าก็ห่างจากราชาเทพขั้นกลางแค่ก้าวเดียว!”
หวูเฟิงกล่าว “ศิษย์น้องต้วนเรื่องข้าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มาว่าเรื่องของเจ้าต่อเถอะ…ตอนนี้เจ้าไปไหนแล้วเล่า ข้าไปหาที่บ้านเจ้าไม่เห็นเจอ?”
“พอดีข้าออกจากนิกายหมอกเร้นลับมาแล้วน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนตอบ
“หืม? เจ้าออกจากนิกายหมอกเร้นลับแล้ว?”
“ใช่”
“เอ๊า แล้วเจ้าออกไปได้อย่างไรเล่า อาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยปล่อยเจ้าไปหรือ?”
“พวกมันไม่ได้อยากปล่อยข้าไปหรอก กระทั่งยังคิดลงมือกับข้าด้วยซ้ำ…แต่ข้าไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีผู้ช่วยอีก 2 คนและด้วยพลังของทั้งคู่ อาวุโสฟงกับเหล่ยก็ทำได้แค่มองข้าจากไปอย่างไร้เรื่องราว”
“หือ! ผู้ช่วยเจ้าเป็นใครกัน…ถึงขั้นอาวุโสเหล่ยกับอาวุโสฟงรับมือไม่ได้?”
“เป็นคู่แฝดของตระกูลหลิงหู…ศิษย์พี่หวูเฟิง พอดีข้าไปติดต่อกับตระกูลหลิงหูมาก่อน เช่นนั้นการกลับมานิกายหมอกเร้นลับของข้าวันนี้ก็เลยมีคนของตระกูลหลิงหูติดตามมาช่วย และข้าก็ได้ประกาศถอนตัวออกจากนิกายหมอกเร้นลับ เพื่อเข้าร่วมตระกูลหลิงหูแล้ว”
“ตระกูลหลิงหู?”
หลังหวูเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง มันก็ส่งข้อความมาถามต่อ “ศิษย์น้องต้วน เจ้ามั่นใจแล้วหรือว่าหลิงหูชูยินเป็นภรรยาเจ้า”
ในความเห็นของหวูเฟิง ที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนไปเข้าร่วมตระกูลหลิงหู อาจเป็นเพราะเรื่องนี้
“ข้ายังไม่ได้เจอนางเลย จึงไม่อาจยืนยันตัวตนนางได้”
ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความมาอธิบาย “ที่ข้าเข้าร่วมตระกูลหลิงหูเป็นเพราะเรื่องนี้ส่วนนึง…แต่หลักๆก็คือนริกายหมอกเร้นลับไม่อาจมอบความเป็นธรรมให้ข้า”
“เฮ่อ ทั้งหมดเพราะเจ้าไปปฏิเสธอาวุโสเหล่ยวันนั้นนั่นล่ะ เจ้าไม่ควรปฏิเสธออกมาตรงๆต่อหน้าผู้คน สมควรไปหาที่คุยกันเป็นการส่วนตัว…หากเป็นแบบนั้นหลงเซียวมันก็คงไม่มาหาเรื่องเจ้า”
หวูเฟิงถอนหายใจ
มันรู้ดีว่าที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่านิกายหมอกเร้นลับไม่อาจมอบความเป็นธรรมให้ได้คืออะไร ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ที่หาเรื่องต้วนหลิงเทียนก็คือหลงเซียว และยังเป็นเพราะหลงเซียวก็เลยทำให้ซั่งกวนฉงเฟิงเพ่งเล็งต้วนหลิงเทียน
หากไม่มีเรื่องบาดหมางกับหลงเซียว ต้วนหลิงเทียนเสมือนแล่นเรือได้อย่างราบรื่นในนิกายหมอกเร้นลับ จากนั้นก็จะเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ในนามนิกายหมอกเร้นลับ
“นิกายหมอกเร้นลับ…สักวันจะต้องเสียใจแน่”
พอนึกถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ในนามตระกูลหลิงหู และวันหน้าที่นิกายมังกรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนก็จะอยู่ในแวดวงของตระกูลหลิงหูและมาแข่งขันกับนิกายหมอกเร้นลับ หวูเฟิงก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ
“มันผ่านไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเบาๆ “ศิษย์พี่หวูเฟิง วันหน้าไว้พวกเราค่อยพบกันใหม่ในนิกายมังกรสวรรค์…อย่างไรก็ตามท่านต้องรีบสักหน่อย เพราะข้าเกรงว่ากว่าท่านจะมาถึงนิกายมังกรสวรรค์ได้ ข้าก็จะออกจากนิกายมังกรสวรรค์ซะก่อน”
ขณะกล่าวกับหวูเฟิงถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสหายทั้ง 2 ที่พบเจอในสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์อย่าง ติงเหยียนกับโหวชิ่งหนิง
ครั้งสุดท้ายที่โหวชิ่งหนิงติดต่อมา ก็คือการบอกว่าติงเหยียนจากไปโดยไม่ลา
กล่าวได้ว่าในสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ ก็เหลือแต่โหวชิ่งหนิงเพียงคนเดียวที่พอจะบอกได้ว่าเป็นเพื่อนเขา
…
ซู่มม!
ด้วยความเร็วของเรือเหาะระดับจอมราชันเทพ ไม่นานก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลิงหู
หลังจากหลิงหูเหิงกล่าวลาต้วนหลิงเทียนไม่กี่คำ มันก็พาพี่น้องฝาแฝดอย่างหลิงหูฮวนจากไป เพราะตอนนี้หน้าที่เป็นคนคุ้มกันของพวกมันได้จบลงแล้ว
หลังจากทั้งคู่จากไปได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบเจอหลิงหูเหรินเจี๋ย ผู้นำตระกูลหลิงหูอีกครั้ง
พอพบกับต้วนหลิงเทียนอีกรอบ สายตาที่หลิงหูเหรินเจี๋ยใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไป
เพราะก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะกลับมาถึง มันได้รับทราบรายงานเรื่องราวทั้งหมดจากหลิงหูเหิงแล้ว จึงได้รู้ทุกอย่างในการเดินทางไปนิกายหมอกเร้นลับครั้งนี้
ในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘ความเป็นมา’ อันแสนลึกลับของต้วนหลิงเทียน
อาจกล่าวได้ว่า ความเป็นมาอันแสนลึกลับของน้องสาวปริศนาของต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียน ยินดีต้อนรับกลับตระกูลหลิงหู”
แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนปนเป แต่การแสดงออกของหลิงหูเหรินเจี๋ยก็แลดูกระตือรือร้น และไม่ได้ทำเหมือนต้วนหลิงเทียนเป็นชนรุ่นหลังอีก
“ครั้งนี้ที่ข้าไปนิกายหมอกเร้นลับและจากมาอย่างปลอดภัยได้ ทั้งหมดต้องขอบคุณผู้นำแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณหลิงหูเหรินเจี๋ยก่อนใดอื่น เพราะหากครั้งนี้ไม่ได้คู่แฝดตระกูลหลิงหูติดตามเขาไปนิกายหมอกเร้นลับล่ะก็ เกรงว่าถึงไม่ตายก็ต้องถูกจับขังเอาไว้แน่แล้ว
และเมื่อถูกกจับขัง เขาก็ทำได้แค่รอความตายเท่านั้น
เพราะเขาไม่มีภูมิหลังใดๆทั้งสิ้น
แม้แต่ต้วนเฉียวอวี่ที่พบเจอในเมืองวายุสวรรค์ตอนนั้น ก็เป็นแค่การพบเจอโดยบังเอิญ ยังไม่ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ จึงไม่อาจติดต่อขอความช่วยเหลืออะไรจากอีกฝ่ายได้แม้จะต้องการก็ตามที
และหากนิกายหมอกเร้นลับพบว่าเฝ้ารออยู่เนิ่นนาน แต่ไม่มีคนมาช่วยเขา เช่นนั้นพวกมันต้องสรุปได้ทันทีว่าเขาไม่ได้มีใครหนุนหลังทั้งนั้น สุดท้ายก็ต้องฆ่าเขาทิ้งแน่
“นี่นับเป็นสิ่งเดียวที่ตระกูลหลิงหูทำเพื่อเจ้าได้ตอนนี้…แถมวันหน้าทางตระกูลหลิงหูเราอาจต้องพึ่งเจ้าไม่น้อย”
หลิงหูเหินเจี๋ยหัวเราะ
“ตราบใดที่อยู่ในวิสัยที่ข้ากระทำได้ ข้าไม่มีทางปฏิเสธแน่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงขรึม
“ข้าเชื่อ”
หลิงหูเหรินเจี๋ยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนไปยังสถานที่พักที่ทางตระกูลหลิงหูจัดให้เป็นพิเศษ เป็นบ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวหลังหนึ่ง
บ้านหลังนี้ยังมีพื้นที่กว้างขวางมาก มีสาวใช้กับข้ารับใช้จำนวนมาก ยังมีพ่อบ้านที่คอยจัดแจงเรื่องราวทุกอย่างในบ้านให้เสร็จสรรพ
“หลังจากนี้ต่อไป เชิญเจ้าพักบ่มเพาะในตระกูลหลิงหูเราได้ตามอัธยาศัยเถอะ หากต้องการสิ่งใดก็บอกพ่อบ้านเสีย และหากพ่อบ้านมิอาจจัดการเรื่องราวได้ เจ้าก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อและข้าจะช่วยจัดการให้เจ้าเอง”
หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ส่วนเรื่องเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์…ถึงแม้ด้วยพรสวรรค์กับความเข้าใจของเจ้า ตระกูลหลิงหูของพวกเราสามารถส่งเจ้าเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ได้ตอนนี้เลย เพียงแต่ข้าไม่เห็นด้วยที่จะทำเช่นนั้น”
“หืม?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสงสัยว่าทำไม หลิงหูเหรินเจี๋ยก็กล่าวสืบต่อออกมาด้วยสายตาเร่าร้อน “อีก 26 ปีหลังจากนี้ จักเป็นวันครบรอบ 100 ปีที่นิกายมังกรสวรรค์จะเปิดรับศิษย์ ถึงตอนนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ยังมีอายุไม่ถึง 10,000 ปีสามารถเข้าร่วมการทดสอบประเมินเพื่อเป็นศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ได้”
“ตราบใดที่เจ้าผ่านการทดสอบประเมิน เจ้าก็จะมีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อน และผู้ที่ติด 100 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนก็จะได้รับรางวัลจากนิกายมังกรสวรรค์”
“กล่าวได้ว่า 10 อันดับแรกนั้น ได้รับรางวัลเป็นที่น่าพึ่งพอใจไม่น้อย”
“3 อันดับแรก ก็จะได้รับรางวัลดีๆมากขึ้น”
“การแข่งขันมังกรซ่อนของนิกายมังกรสวรรค์ มีแต่ศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบของนิกายมังกรสวรรค์เท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้ และเป็นศิษย์ที่ผ่านการทดสอบในแต่ละรอบร้อยปีที่เปิดรับศิษย์นั้นๆ”
“หากเจ้าเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ตอนนี้ การแข่งขันมังกรซ่อน เจ้าก็จะเป็นแค่ผู้ชมธรรมดา”
กล่าวถึงจุดนี้หลิงหูเหรินเจี๋ยก็หยุดลงครู่หนึ่งค่อยกล่าว “และในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งล่าสุด 10 อันดับแรก จักได้รับโอสถทะลวงราชัน”
“และข้าก็ได้ข่าวมาว่า…คราวนี้ทุกคนที่ติด 10 อันดับแรกก็จะได้รับโอสถทะลวงราชันเช่นกัน”
“และนี่เป็นแค่รางวัลพื้นฐานของผู้ที่ติด 10 อันดับแรกเท่านั้น ผู้ที่ติดอันดับสูงๆเกรงว่าจะได้ของรางวัลล้ำค่ามากกว่านี้อีก”
โอสถทะลวงราชัน!
แทบจะทันทีที่ได้ยินหลิงหูเหรินเจี๋ยพูดถึงโอสถทะลวงราชัน สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที กระทั่งลมหายใจยังหยุดลงโดยไม่รู้ตัว
“ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเห็นว่าเจ้าเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ผ่านช่องทางการทดสอบปกติจะเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า”
หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าว “แต่แน่นอนว่าหากเจ้าคิดจะเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ตอนนี้เลย ข้าก็เคารพการตัดสินใจของเจ้าเช่นกัน”