ตอนที่ 3753 ความแค้นที่ไม่อาจเลิกราของอาวุโสฟง

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 3,753 : ความแค้นที่ไม่อาจเลิกราของอาวุโสฟง
  หลงเซียวนั้นจะอย่างไรก็แค่ลูกศิษย์คนหนึ่งของอาวุโสเหล่ย ถึงแม้ว่าจะเป็นศิษย์คนโปรด แต่สำหรับอาวุโสเหล่ยที่ใช้ชีวิตมาหลายหมื่นปี การสูญเสียศิษย์ไปสักคนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อมันมากนัก
  ที่ไฉนมันคิดล้างแค้นให้หลงเซียว ก็เพราะความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์เท่านั้น
  หากมีคนเอาไปพูดว่า ศิษย์ตายทั้งคนแต่อาวุโสเหล่ยไม่อาจทำอะไรได้เล่า?
  เรื่องนี้ถ้าแพร่ออกไปมันไม่เสียหน้าตาหรือ
  อย่างไรก็ตาม มาตอนนี้ยิ่งมันรู้เรื่องต้วนหลิงเทียนมากเท่าไหร่ ในใจของมันก็เริ่มบังเกิดความหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น และมันไม่อยากจะเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป ถึงจะหน้าละอายและขายหน้าแต่มันก็เลือกจะอดทน
  สิ่งที่ไม่รู้น่ากลัวที่สุด
  “ทราบแล้วท่านอาจารย์”
  พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของผู้เป็นอาจารย์ สองตาสือถงหมิงก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ยังลอบถอนหายใจอย่างลับๆในใจ
  มันเองก็กลัวไม่น้อยว่าอาจารย์จะรั้นและหาทางฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ได้ เช่นนั้นมันเองก็ไม่ทราบชะตาตัวเองว่าจะต้องกลายเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนเมื่อไหร่
  และหากกระทั่งศิษย์พี่ของมันอย่างหลงเซียวที่เก่งกาจเหนือกว่ามันมากยังตกตายคามือต้วนหลิงเทียน ลำพังตัวมันจะเอาปัญญาที่ไหนไปแข็งข้อต่อต้านต้วนหลิงเทียน ลองตกเป็นเป้าต้วนหลิงเทียนขึ้นมาเกรงว่ามันคงไม่ได้พบจุดจบที่ดีนัก
  “เอาล่ะ ข้าจะอยู่รอเจ้าที่นี่ เมื่อเจ้ากลับมาพวกเราจะกลับนิกายกันทันที”
  อาวุโสเหล่ยกล่าว
  “ทราบแล้วท่านอาจารย์”
  สือถงหมิงขานคำด้วยความเคารพอีกครั้ง ก่อนจะเร่งรุดออกจากเหลาอาหาร มุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลหลิงหูทันที
  “พี่ชาย ข้ามาขอพบต้วนหลิงเทียน อาคันตุกะของตระกูลหลิงหูของพวกท่าน”
  “ข้าคือสือถงหมิง ศิษย์ของอาวุโสเหล่ยแห่งนิกายหมอกเร้นลับ”
  “และข้ามิได้มาร้าย”
  หลังถูกหน่วยลาดตระเวนของหลิงหูเข้ามาหยุดไว้แถมมองมาด้วยสายตาไม่สู้ดี สือถงหมิงก็เร่งกล่าววัตถุประสงค์พร้อมแจ้งตัวตนของตัวเองออกไปทันที ว่ามันคือศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ
  “ท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะนำความไปแจ้งต่ออาคันตุกะต้วน”
  ขณะที่หน่วยลาตระเวนกล่าวว่า อาคันตุกะต้วน สองตาของมันก็ฉายแววเคารพเลื่อมไสออกมาให้เห็น
  เพราะอาคันตุกะต้วนนั้น บัดนี้ได้รับการยอมรับให้เป็นรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของตระกูลหลิงหูแล้ว และเมื่อรวมกับความสำเร็จในศาสตร์การหลอมโอสถ คนของตระกูลหลิงหูจำนวนมากก็ยกให้อีกฝ่ายเป็นแบบอย่างอันน่านับถือทันที
  หน่วยลาดตระเวนของตระกูลหลิงหูที่ออกมาขวางสือถงหมิงก็เช่นกัน
  “สือถงหมิง?”
  ด้านต้วนหลิงเทียนที่กำลังพยายามหลอมโอสถระดับราชาอยู่ในห้อง ก็อึ้งไปครู่หนึ่งหลังได้รับแจ้งจากหวางฟู่ พ่อบ้านที่อยู่ด้านนอกประตู จากนั้นก็เอ่ยออกมาตรงๆว่า “เช่นนั้นรบกวนพ่อบ้านหวางไปพามันมาที่นี่เถอะ”
  “ทราบแล้วนายน้อย”
  จากนั้นภายใต้คำพูดของหวางฟู่ เหล่าหน่วยลาดตระเวนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่สืบต่อ ส่วนสือถงหมิงก็ถูกมันพาไปบ้านพักของต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง
  ด้านต้วนหลิงเทียนเอง ตอนนี้ก็ออกมารอสือถงหมิงที่โต๊ะหินอ่อนในลานด้านหน้า
  “ไม่เจอกันเสียนาน”
  พอเห็นสือถงหมิงอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนเวลามันผ่านไปนานแล้ว
  ครั้งแรกที่พบเจอสือถงหมิงนั้น ก็เป็นบริเวณแท่นยอดยุทธ์ วันนั้นหลังจากที่เขาฆ่า ถูเฟิง ศิษย์ของอู่ฟงหยินอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับ สือถงหมิงก็มาหาเขาเพื่อชักชวนเขาไปเป็นศิษย์ของอาวุโสเหล่ย
  อย่างไรก็ตาม สือถงหมิงไม่ใช่คนเซ้าซี้พูดยาก หลังได้รับคำตอบปฏิเสธ อีกฝ่ายก็จากไปโดยดี
  และในวันนั้น สือถงหมิงที่เป็นศิษย์หลักและศิษย์ของอาวุโสเหล่ย ยามเผชิญหน้ากับเขาแม้มันจะแลดูสุภาพ แต่ความเย่อหยิ่งถือดีแม้จะไม่แสดงออกให้เห็นชัดๆก็ยากจะเก็บซ่อนไว้ได้
  ทว่าวันนี้
  พอสือถงหมิงเห็นเขา อีกฝ่ายก็เร่งประสานมือโค้งคารวะกล่าวทักด้วยความนอบน้อม “ยินดีที่ได้พบอีกครั้ง อาคันตุกะต้วน”
  “ว่าแต่ พี่สือมาหาข้าแบบนี้ มีอะไรหรือ?”
  ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเห็นภูผา มองถามสือถงหมิงออกมาตรงๆ
  สือถงหมิงก็ พยักหน้ากล่าวว่า “อาคันตุกะต้วน ท่านอาจารย์ข้าที่ตอนนี้ก็อยู่ในเมืองหลิงหูด้วย ให้ข้ามาพบท่าน”
  “หืม? อาวุโสเหล่ยอยู่ในเมืองหลิงหูรึ?”
  ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น พลางยิ้มกล่าว ท่าทางไม่ได้แลดูแปลกใจอะไร “แล้วว่าอย่างไรเล่า คงไม่ใช่ว่าอาวุโสเหล่ยหมายให้พี่สือพาข้าออกไป จากนั้นก็ฉวยโอกาสจับตัวข้ากลับนิกายหมอกเร้นลับหรอกนะ?”
  ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สือถงหมิงก็คลี่ยิ้มแห้งๆด้วยความละอายเล็กน้อย ค่อยกล่าวว่า “อาจารย์มายังเมืองหลิงหูครั้งนี้ อันที่จริงแล้วก็คิดหาโอกาสจับตัวอาคันตุกะต้วนกลับไปนิกายหมอกเร้นลับจริงๆ”
  “และท่านอาจารย์กับอาวุโสฟงก็ตกลงกันไว้ว่า จะผลัดกันมาเฝ้าจับตาดูท่านที่เมืองหลิงหูคนละปี”
  “เมื่อไม่นานมานี้อาวุโสฟง ก็มาดักรอท่านพร้อมท่านอาจารย์ที่เมืองหลิงหูอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับไป…”
  “แต่ว่า…”
  กล่าวถึงจุดนี้ สือถงหมิงก็หยุดลงเล็กน้อย หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง มันค่อยกล่าวสืบต่อ “วันนี้พอท่านอาจารย์ทราบว่าท่านสามารถหลอมโอสถเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดได้ ท่านอาจารย์ที่ไตร่ตรองดูแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจได้…”
  “ท่านอาจารย์จึงให้ข้ามาบอกต่อท่าน ว่าที่หลงเซียวถูกท่านฆ่าตาย ทั้งหมดเป็นเพราะหลงเซียวหาเรื่องท่านก่อน และบัดนี้หลงเซียวก็ถูกกรรมตามสนองไปแล้ว…นับจากนี้ต่อไป ท่านอาจารย์ไม่ติดใจเอาความเรื่องที่ท่านฆ่าหลงเซียวอีก กระทั่งจากนี้ต่อไปท่านอาจารย์กับท่านถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีก”
  ต้องบอกเลยว่าคำพูดของสือถงหมิงทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เขาหลอมโอสถเทพขั้นสุดยอดได้เตาเดียว อาวุโสเหล่ยแห่งนิกายหมอกเร้นลับกลับตัดสินใจแบบนี้ออกมา
  “ไม่ใช่ว่าอาวุโสเหล่ยแสร้งปล่อยเพื่อจับ ให้ข้าคลายความระวังก่อนจะจัดการข้าหรอกนะ?”
  ต้วนหลิงเทียนมองลึกไปยังสือถงหมิงพลางถาม
  และคำตอบของสือถงหมิงก็คือ การสาบานต่อโลหิตมารหัวใจต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ยืนยันเรื่องที่อาวุโสเหล่ยผู้เป็นอาจารย์ของมัน ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป ยังบอกว่าเท่าที่มันเห็น อาจารย์ของมันไม่น่าจะพูดโกหก
  “เข้าใจแล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “เช่นนั้น ฝากพี่สือไปบอกอาวุโสเหล่ยด้วยว่า…เดิมทีข้าก็ไม่มีเรื่องขุ่นเคืองกับอาวุโสเหล่ยอยู่แล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะหลงเซียวศิษย์ของอาวุโสเหล่ยมาหาเรื่องข้าก่อน ตอนนี้ในเมื่อหลงเซียวก็ตายไปแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าข้าได้จบเรื่องราวความบาดหมางทั้งหมด”
  “วันหน้า หากอาวุโสเหล่ยไม่คิดเป็นศัตรูกับข้าอีก เช่นนั้นข้าก็ไม่เห็นอาวุโสเหล่ยเป็นศัตรูเช่นกัน”
  ที่สือถงหมิงมาที่นี่ ทั้งหมดก็เพราะต้องการวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียนนั่นเอง
  เช่นนั้นพอมันได้ยิน รอยยิ้มสดใสก็คลี่กางขึ้นบนใบหน้าทันที เร่งป้องมือประสานโค้งให้ต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าขอขอบคุณอาคันตุกะต้วนแทนท่านอาจารย์ไว้ ณ ที่นี้ด้วย”
  “อาคันตุกะต้วน วัตถุประสงค์ข้าลุล่วงแล้ว เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเวลาของท่าน ขอตัวลา”
  หลังสือถงหมิงออกจากบ้านพักต้วนหลิงเทียน มันก็เร่งรุดออกจากจวนตระกูลหลิงหู ก่อนจะบึ่งตรงกลับไปหาอาวุโสเหล่ยที่เหลาอาหาร จากนั้นศิษย์อาจารย์ก็เดินทางกลับนิกายหมอกเร้นลับทันที
  หลังกลับมาถึงนิกายหมอกเร้นลับแล้ว ด้านอาวุโสเหล่ยก็ไปเข้าพบเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ ก่อนจะเล่าถึงสิ่งที่ได้รับทราบจากเมืองหลิงหู รวมถึงการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของมัน
  “ข้าไม่แนะนำให้เป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป…ตอนนี้ต่อให้มันไร้ภูมิหลังอันใด แต่อาศัยความสามารถส่วนตัวของมัน ข้าเกรงว่าวันที่มันจะผงาดขึ้นมาคงอยู่อีกไม่นานแล้ว”
  “เผลอๆอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาศัยมันเพียงลำพังก็สามารถกวาดล้างนิกายหมอกเร้นลับของพวกเราได้…”
  “ท่านก็สมควรรู้ดีกระมัง…ว่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ ที่สามารถหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดออกมาได้หมายความเช่นไร”
  อาวุโสเหล่ยเอ่ยคำเสียงหนัก
  พอเฉียนหยิ่นได้ยินดังนั้น สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปทันที และหลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว มันก็พยักหน้าเห็นด้วย “เรื่องที่ท่านกังวลนั้นไม่ผิด…และในเมื่อกระทั่งท่านยังละวางความแค้นที่มันฆ่าหลงเซียวได้ ไฉนข้าจักปล่อยวางไม่ได้”
  “จากนี้ต่อไป นิกายหมอกเร้นลับของพวกเรา ไม่คิดเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป!”
  เฉียนหยิ่นก็ตัดสินใจได้ทันที
  ”ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
  กล่าวถึงจุดนี้ อาวุโสเหล่ยก็มองลึกไปยังเฉียนหยิ่น “สำหรับเรื่องที่ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับเราคิดว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนทรยศเนรคุณ…ข้าหวังว่าท่านจะจัดการลบล้างข่าวลือดังกล่าวไปเสีย”
  “บางครั้งท่านก็ต้องกินผลไม้ที่ท่านปลูก และเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านหว่าน…”
  วาจาของอาวุโสเหล่ย ทำให้เฉียนหยิ่นหน้าเจื่อนไปทันที “ท่านทราบ…”
  “นิสัยเจ้าข้ายังไม่รู้อีกหรือไร?”
  หลังอาวุโสเหล่ยกล่าวคำดังกล่าวทิ้งท้าย คนก็หันหลังกลับเตรียมจากไปทันที
  ด้านเฉียนหยิ่นพอเห็นอาวุโสเหล่ยกำลังจะไป ก็เร่งกล่าวรั้งออกมา “ช้าก่อน ท่านช่วยไปบอกอาวุโสฟงในนามข้าที…เพราะหากให้ข้าไปพูดด้วยตัวเอง…เกรงว่าอาวุโสฟงจะไม่ฟัง”
  “ข้ารู้”
  อาวุโสเหล่ยตอบคำเสียงแผ่ว “ข้าจะไปหามันเดี๋ยวนี้”
  และเมื่ออาวุโสเหล่ยไปหาอาวุโสฟงถึงบ้าน มันก็ได้รายงานเรื่องราวทั้งหมดที่ได้รับทราบจากเมืองหลิงหูแก่อีกฝ่ายทันที ด้านอาวุโสฟงพอได้ฟังก็เงียบไปพักใหญ่
  จากนั้นอาวุโสเหล่ยก็บอกว่ามันไม่ต้องการตั้งตัวเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป กระทั่งนิกายหมอกเร้นลับเองก็ไม่คิดเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว
  “เข้าใจแล้ว”
  อาวุโสฟงพยักหน้ารับคำ แต่ต้นจนจบสีหน้ามันเรียบเฉยไร้อารมณ์ ไม่เผยความยินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น
  “เหล่าฟง…”
  อาวุโสเหล่ยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ค่อยกล่าวว่า “ก้าวต่อไปเถอะ…อยู่ต่ออีกไม่กี่ปี กับข้ามผ่านหายนะสวรรค์ที่เป็นจุดหมายสูงสุดของพวกเรา..”
  “เจ้าเองก็คงไม่อยากด่วนตายไปก่อนกระมัง”
  “ถึงแม้คำพูดของข้าอาจจะไม่เป็นจริง แต่ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
  อาวุโสเหล่ยแนะนำ
  “ข้ารู้”
  ในที่สุดมุมปากของอาวุโสฟงก็ยกยิ้มบางๆ
  เห็นดังนั้น อาวุโสเหล่ยก็จากไปอย่างวางใจ
  อย่างไรก็ตามหลังอาวุโสเหล่ยจากไปลับตา รอยยิ้มบางๆที่มุมปากของอาวุโสเหล่ยก็ยกขึ้นจนกล้ายเป็นรอยยิ้มแสยะเย้ยหยัน
  ดวงตาที่เคยนิ่งสงบ บัดนี้ฉายประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “หลงเซียวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดอะไรกับเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ลืมเลือนทั้งปล่อยวางได้โดยง่าย…”
  “แต่…ฉงเฟิงเป็นหลานชายของข้า!”
  “ยังเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของข้าที่ยังเหลืออยู่!”
  “แค้นฆ่าหลานชาย ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้!”
  หลังจากระเบิดอารมณ์ออกมา อาวุโสฟงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่คำ ก่อนที่สีหน้าจะหวนกลับสู่ความสงบ ยังนิ่งสงบราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเมื่อครู่
  “ต้วนหลิงเทียนนั่น มันเคยอยู่ในเมืองวายุสวรรค์มาก่อน”
  หลังอาวุโสฟงกับมาสงบสติได้แล้ว มันก็เหินร่างออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปตัวปลิวราวเซียนอมตะย่ำเมฆ และไม่นานนักก็บรรลุถึงเมืองวายุสวรรค์
  เมืองวายุสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับนิกายหมอกเร้นลับ และขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกนี้ก็คือสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ที่อยู่ใต้การควบคุมของนิกายหมอกเร้นลับ
  ทว่าการมาเมืองวายุสวรรค์ครั้งนี้ อาวุโสฟงไม่ได้ปังสถานศึกษาหมอกเร้นลับ กระทั่งไม่ทำให้คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับรู้ว่ามันมา
  ทำราวกับคนนอกคนหนึ่งที่ผ่านมาเมืองวายุสวรรค์เท่านั้น
  หลังจากรั้งอยู่ในเมืองวายุสวรรค์เงียบๆหนึ่งเดือน มันก็ออกจากเมืองวายุสวรรค์กลับไปยังนิกายหมอกเร้นลับ
  ตลอดเดือนที่ผ่านมาแม้มันจะไม่ได้ไปยังสถานศึกษาหมอกเร้นลับ รวมถึงไม่ได้กระตุ้นเตือนให้คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับรับทราบการมาถึงของมัน แต่มันก็ลอบสืบจนได้รับทราบอะไรมามากมาย
  “สารเลวต้วนหลิงเทียนนั่น ตอนอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับมันมีเพื่อนอยู่ 2 คน และดูสนิทกันพอสมควร…”
  “คนที่ชื่อติงเหยียนนั่นได้ออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับไปแล้ว…”
  “แต่อีกคนที่ชื่อโหวชิ่งหนิงอันเป็นนายน้อยของนิกายระดับราชาเทพคนหนึ่งยังอยู่…”
  “ดักรอเจ้าโหวชิ่วหนิงอะไรนั่นสักพัก ดูว่าจะขู่มันให้มันหาทางดึงต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลหลิงหูได้หรือไม่…หากได้ พอถึงตอนนั้นก็แค่หาทางฆ่ามันทิ้งเสีย!”
  อาวุโสที่มีแผนในใจ หลังกลับมาถึงนิกายหมอกเร้นลับแล้ว มันก็ทำตัวสงบไม่เผยพิรุธใดๆ
  ไม่ว่าจะเป็นเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับหรืออาวุโสเหล่ย ก็พากันคิดว่าอาวุโสฟงได้ละวางความแค้นที่มีต่อต้วนหลิงเทียนได้แล้ว
  ช่วงเวลาต่อมา ด้านเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ ก็เริ่มสั่งให้ผู้คนลบล้างข่าวลือผิดๆเกี่ยวกับต้วนหลิงเทียน โดยบอกว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ทรยศหรือเนรคุณนิกายหมอกเร้นลับแต่อย่างใด และที่ฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวไป ก็เพราะทั้งคู่คิดลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนก่อน ทั้งหมดเป็นแค่การป้องกันตัวเท่านั้น
  ทางนิกายได้เพิกถอนความผิดของต้วนหลิงเทียน
  นอกจากนั้นนิกายหมอกเร้นลับ ยังอวยพรให้ต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จที่ตระกูลหลิงหู