ตอนที่ 3757 โอสถเทพราชาปฐพี

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 3,757 : โอสถเทพราชาปฐพี
  หลังจากหลิงหูเหรินเจี๋ยได้รับข้อความ มันก็เร่งติดต่อไปหาต้วนหลิงเทียนทันที และถามว่าไฉนอยู่ๆถึงได้เสี่ยงออกจากจวนตระกูลหลิงหูแบบนี้
  ใช่ลืมไปแล้วหรือไม่ ว่าอาวุโสกวงเทียนเจิ้งจ้องจะฆ่าอยู่?
  จะเกิดอะไรขึ้นหากอีกฝ่ายให้ยอดฝีมือเฝ้าจับตาดูไว้ ว่าจะออกจากเขตจวนตระกูลหลิงหูเมื่อไหร่?
  นอกจากนั้นถึงแม้ทางนิกายหมอกเร้นลับจะประกาศทำนองเลิกเป็นปรปักษ์แล้ว แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าอาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยใช่แสร้งปล่อยเพื่อจับ ที่แท้ซุ่มรอเล่นงานอยู่หรือไม่?
  นับว่าข้อความที่หลิงหูเหรินเจี๋ยส่งไปรัวๆนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นห่วงต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น
  ด้านต้วนหลิงเทียนที่บัดนี้ได้ออกมาห่างจากเมืองหลิงหูมากแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งใจในความห่วงใยของหลิงหูเหรินเจี๋ย ยังทำให้เขารู้สึกขอบคุณนัก
  “ขอผู้นำตระกูลหลิงหูอย่าได้กังวล ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
  “ไม่แน่พอท่านกลับมา ข้าอาจทำให้ท่านประหลาดใจก็เป็นได้”
  ต้วนหลิงเทียนก็ส่งข้อความตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
  ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยเอง ที่จริงตั้งแต่เห็นว่าลูกแก้ววิญญาณต้วนหลิงเทียนยังอยู่ดี ก็รู้ว่าอีกฝ่ายังปลอดภัยไม่มีอันตรายถึงชีวิต และฟังจากข้อความที่ต้วนหลิงเทียนส่งมา ก็ยิ่งบอกได้ชัดเจนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้โดนซุ่มโจมตีแต่อย่างใด
  หลิงหูเหรินเจี๋ยจึงโล่งใจไม่น้อย
  “ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่สมควรออกไปโดยพลการ”
  ในขณะที่แส้รงเตือนต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ได้แต่ลอบปาดเหงื่อเย็นๆ มันได้ตั้งความหวังไว้กับต้วนหลิงเทียนไม่น้อย ย่อมไม่อยากเห็นต้วนหลิงเทียนเกิดเรื่องอะไร
  ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากใช้เวลา 2 ปีกับต้วนหลิงเทียน มันก็บังเกิดความรู้สึกดีๆต่ออีกฝ่ายประหนึ่งลูกหลาน
  เพียงแค่พรสวรรค์ของอีกฝ่ายมันร้ายกาจเกินไป และรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางหยุดอยู่ในเขตคฤหาสน์ตงหลิงแห่งนี้แน่ หาไม่แล้วมันคงรับอีกฝ่ายเป็น ลูกบุญธรรมไปแล้ว
  “หากเรื่องที่เจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจ มันแลกมาจากการที่เจ้าต้องเสี่ยงออกไปข้างนอก ข้าก็ไม่อยากเห็นหรอกนะ”
  สุดท้ายหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ส่งข้อความเพิ่มไปอีกประโยค
  พอได้ยินข้อความดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งซาบซึ้งใจมากขึ้น มุมปากยังอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มเจื่อนๆขึ้นมา
  เพราะฟังจากน้ำเสียงแล้ว เขาก็รู้ชัดว่าหลิงหูเหรินเจี๋ยเป็นห่วงเขาจริงๆ
  ‘ตระกูลหลิงหู…ในเมื่อพวกท่านดูแลข้าต้วนหลิงเทียนดีขนาดนี้ ถึงวันหน้าที่ข้าต้วนหลิงเทียนได้ดีเมื่อใด ข้าจะตอบแทนพระคุณครั้งนี้อย่างงาม’
  นี่คือคำมั่นที่ต้วนหลิงเทียนมีไว้ให้ตระกูลหลิงหู
  ส่วนอีกด้านนั้น หลิงหูเหรินเจี๋ยเมื่อติดต่อกับต้วนหลิงเทียนแล้วเสร็จ มันก็เร่งส่งข้อความไปถึงอาวุโสสูงสุดคนที่แจ้งข่าวให้มันทราบทันที เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
  ต้วนหลิงเทียนจะกลับไปเอง
  หลังจากนั้นหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความไปหาหลิงหูเหิ่ง หนึ่งในคู่แฝดเหิงฮวน ที่เป็นอาวุโสสูงสุดเช่นกัน “ผู้เฒ่าเหิง ช่วงนี้ท่านคิดจะปิดด่านบ่มเพาะอันใดหรือไม่?”
  “ไม่นี่”
  หลิงหูเหิงก็ตอบข้อความกลับมาเร็วไว “เจ้ามีอะไรรึ?”
  “อันที่จริงก็มิได้มีใดหรอก…”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยค่อยๆกล่าวเสียงอ่อน “พอดีต้วนหลิงเทียนแอบออกนอกเจตตระกูลหลิงหูไปเพียงลำพัง ไม่ได้บอกข้าด้วยซ้ำ…”
  “ผู้ใดนะ?”
  ไม่ทันที่หลิงหูเหรินเจี๋ยจะพูดจบคำดี หลิงหูเหิงก็เร่งส่งข้อความมาถึงหลิงหูเหรินเจี๋ยทันที น้ำเสียงังฟังดูร้อนใจนัก “เจ้าหนุ่มนั่น มันลอบหนีออกไปรึ!?”
  “บ้าเอ๊ย! เกิดมันถูกผู้อื่นซุ่มโจมตีขึ้นมา ไม่ใช่ที่ข้ากับน้องแฝดถ่อไปช่วยมันออกจากนิกายหมอกเร้นลับจะเสียเปล่าแล้วหรือ?”
  “เจ้าหนุ่มนั่นทำเช่นนี้ มันคู่ควรแล้วหรือที่ข้ากับน้องต้องออกไปเสี่ยง?”
  “ว่าแต่ตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่นมันอยู่ที่ใดเล่า? ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
  “หากมันตกตายไปขึ้นมา วันก่อนข้ากับน้องไม่เหนื่อยแรงเปล่าหรือไร?”
  ฟังจากน้ำเสียงที่ส่งข้อความมาของหลิงหูเหิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหัวเสียไม่น้อย ใบหน้าอ้วนๆของมันกระตุกไปเพราะบ่นขมุบขมิบไม่หยุด สองตาของมันก็หรี่ลงแทบปิด
  “ผู้เฒ่าเหิง ท่านใจเย็นก่อน…”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยเร่งปาดเหงื่อก่อนจะส่งข้อความกลับไปทันที “ข้าพึ่งติดต่อกับต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ยังปลอดภัยดีอยู่”
  “ที่ข้าส่งข้อความมาหาท่าน เพราะคิดรบกวนให้ท่านออกไปรับมันตอนกลับ เนื่องจากท่านไม่มีลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียน จึงไม่อาจติดต่อคนได้ ก็เลยได้แต่ติดต่อผ่านข้า”
  “และข้าเองก็จะแจ้งให้ต้วนหลิงเทียนทราบด้วย”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวแผนออกไป
  ตอนนี้ในเมื่อต้วนหลิงเทียนยังปลอดภัยดีแม้จะออกจากเขตตระกูลหลิงหู สิ่งนี้บอกให้รู้ว่ายังไม่มีใครล่วงรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนลอบออกไป
  แต่เป็นธรรมดาว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครเฝ้าจับตาต้วนหลิงเทียนจริงๆ
  เช่นนั้นหลิงหูเหรินเจี๋ยจึงเลือกกันไว้ดีกว่าแก้ คิดส่งหลิงหูเหิงไปรับต้วนหลิงเทียนนอกเมืองหลิงหู ในยามที่ต้วนหลิงเทียนคิดเดินทางกลับตระกูลหลิงหู
  “เช่นนั้นเจ้ารีบถามมันเร็วว่าตอนนี้มันอยู่ที่ใด ข้ากับน้องฮวนจะออกไปรับมันกลับมาเดี๋ยวนี้”
  หลิงหูเหิงก็ส่งข้อความกลับมาเสียงดังฟังชัดทันที
  “ได้ๆ ข้าจะถามเดี๋ยวนี้”
  และเมื่อหลิงหูเหรินเจี๋ยส่งข้อความไปถึงต้วนหลิงเทียน เพื่ออธิบายเรื่องราว คำตอบแรกที่ต้วนหลิงเทียนส่งมาก็คือการปฏิเสธ “ผู้นำตระกูล ไม่ต้องวุ่นวายกันหรอก ข้าสามารถกลับตระกูลได้อย่างไร้เรื่องราว”
  “อย่าได้รบกวนผู้เฒ่าเหิงฮวนเลย”
  ล้อกันเล่นหรือไร
  ที่เขาหนีออกจาก ‘บ้าน’ มาหาที่เงียบๆร้างผู้คนแบบนี้ ก็เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขากำลังจะหลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอด
  มีแต่หลบออกมาแบบนี้เท่านั้น ตอนเกิดหายนะโอสถจะได้ไม่มีใครทราบ
  หากผู้เฒ่าเหิงฮวนตามมา ไม่ใช่ว่าการลอบออกมาของเขามันสูญเปล่าหรือไร?
  ถึงแม้เขาจะไม่ได้ไม่ไว้วางใจผู้เฒ่าเหิงฮวน แต่เขารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หรืออย่างน้อยๆเขาก็ไม่คิดให้ทั้งคู่ล่วงรู้ตอนนี้
  อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนปฏิเสธไปก็ไร้ผล เพราะหลิงหูเหรินเจี๋ยเองก็ยืนกรานจะส่งคนมารับเขาขากลับให้ได้ และนี่คือขีดจำกัดล่างของอีกฝ่าย
  “ขากลับ ก่อนที่เจ้าจะเข้าเมืองหลิงหู ให้หาที่ปลอดภัยแล้วส่งข้อความถึงข้า จากนั้นข้าจะให้ผู้เฒ่าทั้ง 2 ออกไปรับเจ้ากลับ”
  “เจ้าอย่าได้กลับตระกูลเพียงลำพังเด็ดขาด”
  “เจ้าอย่าได้ประมาทเพียงเพราะตอนเจ้าไปไม่มีผู้ใดล่วงรู้! ไม่แน่ป่านนี้คนที่ดักรออยู่อาจรู้แล้วก็ได้ เช่นนั้นขากลับนับว่าเสี่ยงกว่าขาไปมากมายนัก!!”
  เมื่อต้วนหลิงเทียนรับทราบขีดจำกัดล่างของหลิงหูเหรินเจี๋ย และตระหนักว่ามันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ของเขา เช่นนั้นเขาก็เลยเห็นด้วย
  และถือว่าครั้งนี้เป็นเขาติดหนี้น้ำใจของหลิงหูเหรินเจี๋ยอีกครั้ง
  “เจ้าระวังตัวให้มาก มีเรื่องราวใดให้รีบติดต่อมาหาข้าทันที”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยส่งข้อความสุดท้ายออกไป ก่อนจะจบการติดต่อกับต้วนหลิงเทียนแต่เพียงเท่านี้
  ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆ แต่ในใจบังเกิดความอบอุ่นไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนห่วงเขาหลังจากมาถึงระนาบเทพ
  ไม่สิ บางทีอาจมีคนที่ห่วงเขาก่อน…
  เป็นถังอู๋เยียนศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับ
  ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหวูเฟิงนั้นได้ติดต่อมาหาเขาเป็นครั้งคราว และเรื่องที่อีกฝ่ายพูดถึงบ่อยที่สุด ก็ไม่พ้นเรื่องที่อาวุโสถังชุนบ่นเกี่ยวกับหลานสาวให้ฟัง
  หวูเฟิงเล่าว่าทุกครั้งที่ติดต่อกับอาวุโสถังชุน อีกฝ่ายก็มักเล่ว่าถังอู๋เยียนเอาแต่ถามถึงเขา หลังเขาออกจากนิกายหมอกเร้นลับไป
  กระทั่งช่วงที่เขาพึ่งออกจากนิกายหมอกเร้นลับใหม่ๆ โดยแบบป้ายคนทรยศเนรคุณไปด้วย เห็นว่าถังอู๋เยียนก็มีโมโหถึงขั้นปิดด่านเงียบไม่พูดไม่จากับใคร
  จนเมื่อประมุขนิกายหมอกเร้นลับเพิกถอนข้อกล่าวหาของเขา ทั้งลบล้างข่าวลือ ถังอู๋เยียนจึงออกจากการเก็บตัว แต่คนก็แลดูซูบลงไม่น้อย
  ‘ต่อไปข้าต้องไม่ติดต่อหรือพบเจอนางอีก’
  วินาทีนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้ทันที ว่าจะไม่มีทางป่อยให้อีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับเขาอีก
  เพราะในปัจจุบันนอกจากเค่อเอ๋อกับลี่เฟยแล้ว เขายังมีสตรีคนรักอีก 2 คนก็คือเฟิ่งเทียนหวู่และฮ่วนเอ๋อ
  นอกจากนั้นยังมีมู่หรงปิงอีกคน ที่กำลังรอเขาไปรับตัวในอีก 300 ปีหลังจากนี้
  ‘รีบๆไปหาสถานที่เหมาะๆหลอมยาดีกว่า’
  เนื่องจากความเป็นห่วงของหลิงหูเหรินเจี๋ย พลอยทำให้ต้วนหลิงเทียนนึกถึงถังอู๋เยียนขึ้นมา แต่ไม่นานนักเขาก็ดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอย และเดินทางออกห่างเมืองหลิงหูมากขึ้นทุกขณะ เพื่อหาสถานที่สงบร้างผู้คน
  สุดท้ายเขาก็ได้เลือกภูเขาสูงตระหง่านร้างผู้คนลูกหนึ่ง และไม่เพียงแต่จะร้างผู้คนเท่านั้น กระทั่งสัตว์ร้ายใดๆก็ไม่มีสักตัว นับว่าเป็นสถานที่ๆวิหกยังไม่อยากแวะเวียนมาขับถ่ายของจริง
  ‘เอาที่นี่ล่ะ’
  แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนเลือกจะลาดตระเวนตรวจตาเพื่อยยืนยันให้แน่ชัดอยู่สองสามรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้จริงๆ จากนั้นก็เริ่มโรยตัวลงไปยังหุบเขาลึกท่ามกลางขุนเขาตระหง่านดังกล่าว จากนั้นก็นำเตาหลอมโอสถเทพออกมาเพื่อเตรียมการหลอมยา
  ‘เริ่มจากโอสถเทพราชาปฐพีก่อนแล้วกัน!’
  หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มตระเตรียมสมุนไพรเพื่อใช้หลอมโอสถเทพราชาปฐพีทันที โอสถเทพชนิดนี้ มีระดับราชาเทพ และมันเป็นโอสถเทพที่ตัวตนขอบเขตราชาเทพบริโภคเพื่อส่งเสริมการบ่มเพาะพลัง และในตระกูหลิงหูก็ได้ส่งมาให้เขาใช้บ่มเพาะไม่ขาด
  แต่ทว่า โอสถเทพราชาปฐพีทั่วไปนั้น ตอนนี้มันแทบไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาแล้ว เพราะเขาใช้มันมากเกินไปจนร่างกายเริ่มดื้อยา
  และโอสถเทพราชาปฐพีที่ว่า ตอนเขาอยู่ในตระกูลหลิงหูเขาก็ได้หลอมมันออกมาเช่นกัน แถมยังกล้าพูดว่าอัตราการหลอมสำเร็จเต็มสิบส่วน!
  หากทว่าเพราะต้องการทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจมากนัก ในขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องใช้พลังชีวิตหลอมให้บริสุทธิ์เขาก็ไม่กล้าใช้พลังชีวิตมากเกินไป
  แต่ทว่า ที่นี่เขาไม่ต้องกังวล
  ‘มาลองดูโดยไม่ใช้พลังชีวิตจากโลกใบเล็กภายในกายก่อนแล้วกัน’
  เมื่อดำเนินตามขั้นตอนการหลอมามาถึงขั้นตอนสุดท้าย ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เริ่มสกัดพลังชีวิตจากพลังวิญญาณฟ้าดินทันที แต่เขากลับพบว่าพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินที่หุบเขาแห่งนี้ช่างน้อยนิดเหลือเกิน น้อยจนต่อให้เขาสกัดออกมาทั้งหมด ก็ไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของพลังชีวิตที่เขาสกัดได้ในตระกูลหลิงหู…
  ‘ดูเหมือนหากสถานที่ไหนมีพลังวิญญาณฟ้าดินเบาบาง พลังชีวิตที่แฝงอยู่ก็จะน้อยลงตามไปด้วย…’
  ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงปัญหาข้อนี้ เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มันมีพลังวิญญาณฟ้าดินเบาบางกว่าตระกูลหลิงหูมาก เช่นนั้นพลังชีวิตที่แฝงอยู่ก็เลยมีน้อยตามไปด้วย
  ตระกูลหลิงหูจะอย่างไรก็ตั้งอยู่บนสาแร่หินเทพ กล่าวได้ว่าใต้ผืนดินมันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหินเทพ ประกอบกับค่ายกลรวมวิญญาณ เช่นนั้นพลังวิญญาณฟ้าดินในจวนหลิงหูจึงหนาแน่นสุดที่พื้นที่รกร้างเช่นนี้จะเทียบได้
  ‘ดูเหมือนว่าข้าทำได้แค่ใช้พลังชีวิตจากโลกใบเล็กเท่านั้น’
  พอตระหนักถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มชักนำพลังชีวิตออกจากโลกใบเล็กของเขาทันที และยังสามารถชักนำจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาสกัดจากพลังวิญญาณฟ้าดินด้วยซ้ำ
  ยิ่งไปกว่านั้นพลังชีวิตที่เขาชักนำออกมาจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพโดยตรง ยังมีความหนาแน่นและบริสุทธิ์สูงกว่ามาก
  ‘ชำระ!’
  ต้วนหลิงเทียนเริ่มใช้พลังชีวิตขัดเกลาโอกาสตามขั้นตอนสุดท้ายเพื่อทำให้โอสถมีความบริสุทธิ์ และเขาก็ฉีดพลังชีวิตเขาไปในเตาหลอมอย่างไม่กลัวสิ้นเปลือง จนเมื่อสัมผัสว่ามันถึงขีดจำกัดแล้วต้วนหลิงเทียนจึงหยุด
  พลังชีวิตจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพมันมหาศาลมาก!
  กล่าวได้ว่าเขามีใช้ไม่ขาดมือแม้แต่น้อย
  ‘ได้แล้ว…ไม่ทราบมันจะกลายเป็นโอสถเทพขั้นสุดยอดรึเปล่า’
  ท่ามกลางสายตาคาดหวังของต้วนหลิงเทียน มือเขาก็จบบลงบนฝาเตาหลอมโอสถเบาๆ จากนั้นเม็ดยาก็พุ่งออกมาจากช่องจ่ายยา ก่อนจะคว้าเม็ดยาเข้ามือทันที
  สำหรับโอสถเทพ ที่มีระดับราชาขึ้นไปนั้น แต่ละเตาสามารถหลอมออกมาได้เพียงเม็ดเดียวเท่านั้น
  โอสถเทพราชาปฐพีก็เช่นกัน
  ‘ต่างจากที่เคยใช้…’
  หลังจากมองสำรวจเม็ดยาในมือ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามันแตกต่างจากโอสถเทพราชาปฐพีที่เขาหลอมในตระกูลหลิงหู เพราะมันมีรัศมีแสงเรืองรองขึ้นมาแปลกตา
  ครืนน!
  เปรี๊ยงง!!
  …
  หลังจากเมฆหายนะโอสถก่อตัว โอสถเทพราชาปฐพีในมือก็เริ่มลอยขึ้นไปบนฟ้า ต้วนหลิงเทียนก็ชมมองเรื่องราวพลางคลี่ยิ้ม เพราะตอนนี้ดูท่าโอสถเทพขั้นสุดยอดเม็ดที่ 2 ของเขากำลังจะปรากฏขึ้นมาแล้ว
  ยิ่งไปกว่านั้น คราวนี้ยังเป็นโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอด!
  อย่างไรก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนพึ่งคลี่กลางได้ไม่ทันไร ก็จำต้องชะงักค้างเติ่ง
  เนื่องเพราะโอสถเทพราชาปฐพีของเขา เพียงต้องอัสนีสวรรค์สายแรก เม็ดยาก็ถูกทำลาย…กลับกลายเป็นผงดำๆต่อหน้าต่อตา!