ตอนที่ 3,758 :
“ล้มเหลว?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปอยู่บ้าง หลังเห็นโอสถเทพราชาปฐพีถูกอัสนีสวรรค์ทำลาย สองตากลายเป็นว่างเปล่าเลื่อนลอยคล้ายคนมึนงง
หลังจากเมฆหายนะโอสถสลายไป เขาก็เริ่มหลอมโอสถเทพอีกเตา และคราวนี้เขาก็ระมัดระวังกว่าเดิม ด้วยกลัวว่าจะทำลายโอสถอีก
แน่นอนว่ายังเป็นโอสถเทพราชาปฐพีเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม มันก็ข้ามผ่านหายนะโอสถล้มเหลวกลายเป็นเถ้าดำๆตามเม็ดแรกไป…
จากนั้นเขาก็เริ่มหลอมเตาที่ 3
แต่สุดท้ายก็แหลกสลายเพราะหายนะโอสถอยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ปัญหามันอยู่ตรงไหน?”
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดเป็นการใหญ่ จากนั้นเมื่อไตร่ตรองกระบวนการดูแวก็พบว่าเขาไม่ได้ทำผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียว แต่ไม่ทราบเพราะอะไรโอสถเทพราชาปฐบพีของเขากลับไม่อาจข้ามผ่านหายนะโอสถได้
‘ถามอาจารย์หลินดูแล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ส่งข้อความไปถาม หลินย่าหลิน หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพของตระกูลหลิงหูตรงๆ “อาจารย์หลิน ข้าลองหอมดอสถเทพราชาปฐพีหลายเตาแล้ว แต่สุดท้ายพวกมันกลับไม่อาจข้ามผ่านหายนะโอสถได้ และถูกทำลายทั้งหมด…สิ่งนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่”
“ข้าทบทวนดีแล้ว ขั้นตอนและกระบวนการหลอมก็ไม่มีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว”
ต้วนหลิงเทียนยังส่งข้อความเพิ่มไปอีกประโยคหลังกล่าวจบ
“อาจารย์ต้วน ท่านไฉนถึงได้วู่วามออกจากเขตตระกูลหลิงหูไปเล่า…”
พอทราบว่าต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลหลิงหู หลินย่าหลินก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย และที่มันทราบเรื่องนี้ก็เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทของหลิงหูเหรินเจี๋ย อีกฝ่ายจึงติดต่อมาบอก ‘สถานการณ์’ ของต้วนหลิงเทียนให้มันทราบทันทีเช่นกัน
และพอได้รับข้อความที่ต้วนหลิงเทียนส่งมา หลินย่าหลินก็ทราบได้ว่าต้วนหลิงเทียนยังคงปลอดภัยดีอยู่ มันจึงระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เริ่มตอบคำถามของต้วนหลิงเทียน “ทักษะการหลอมโอสถเทพของอาจารย์ต้วนข้าทราบดี เช่นนั้นปกติแล้วการหลอมโอสถเทพราชาปฐพีย่อมไม่มีปัญหาอันใดแน่”
“อีกทั้ง ท่านก็บอกข้าแล้วว่าขั้นตอนทั้งหมดไม่มีจุดไหนผิดพลาด”
“เช่นนั้นข้าคาดว่าน่าจะมีสาเหตุภายนอกบางอย่าง…”
หลินย่าหลินคาดเดา
“สาเหตุภายนอกอะไรหรืออาจารย์หลิน?”
ต้วนหลิงเทียนเร่งถาม
“ที่เรียกว่าสาเหตุภายนอกนั้น หนึ่งก็คือเตาหลอมอาจมีปัญหา ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่…เช่นนั้นสิ่งที่มีปัญหาก็สมควรเป็นสภาพจิตใจของท่านขณะหลอม ไม่ว่าจะเกิดจากใจท่านไม่สงบก็ดี หรือบางทีอาจเป็นเพราะท่านมีบางอย่างค้างค้าในใจแต่กลับจงใจหลบเลี่ยงไม่คิดถึงมัน สิ่งนี้ก็ส่งผลต่อการหลอมยาเช่นกัน”
“แน่นอนว่าผลกระทบอาจเล็กน้อยจนท่านไม่อาจสังเกตเห็น แต่ยังมีผลกระทบเล็กๆน้อยๆบางอย่าง…และผลกระทบเช่นนี้ บางทีตัวท่านเองก็อาจหาไม่พบ”
“เพียงแค่ว่าท่านหาไม่พบ แต่ไม่ใช่ว่าหายนะโอสถจะหาไม่พบ”
หลินย่าหลินกล่าวชี้แนะ “ท่านลองคิดไตร่ตรองดูก่อน ว่าที่แท้ปัญหาเกิดจากเตาหลอมของท่าน หรือเป็นเพราะสภาพจิตใจของท่านกันแน่”
พอได้ยินคำเตือนของหลินย่าหลิน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขมในใจ ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มลังเลด้วยไม่แน่ใจว่วาจะเกิดจากสาเหตุไหนกันแน่ แต่เขาก็เริ่มตรวจสอบเตาหลอมโอสถก่อน
อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว เขาก็พบว่าเตาหลอมโอสถไม่ได้มีปัญหาอะไร
‘ดูเหมือนปัญหาจะเกิดจากสภาพจิตใจของข้าจริงๆ…’
ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เมื่อครู่ ตอนที่เขานึกถึงถังอู๋เยียน ภรรยา และสตรีคนรัก เขาก็เผลอนึกถึงร่างบางอีก 2 ร่างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่ในชั่วพริบตาที่นึกถึงเขาก็หยุดคิดไปทันที
เพราะเขาไม่อยากนึกถึง
ย้อนกลับไปในสมัยที่เขายังอยู่ในระนาบโลกียะ ก่อนที่ลูกพี่ลูกน้องในชาติที่แล้วของเค่อเอ๋ออย่างอวิ๋นชิงเหยียนจะปรากฏตัว เขากับเค่อเอ๋อก็กำลังจะไปหาบิดามารดา รวมถึงลูกๆของเขา
อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางอวิ๋นชิงเหยียนกลับปรากฏตัวและเล่นงานเขาเสียก่อน อีกทั้งยังนำอุปกรณ์พื้นที่บบางอย่างออกมา และในนั้นก็มีบิดามารดาเขา ภรรยา สตรีคนรักและลูกๆของเขารวมถึงคนอื่นๆถูกจับขังไว้
อวิ๋นชิงเหยียนมันพบเจอครอบครัวของเขาก่อนเขาไปหาก้าวหนึ่ง
และในตอนนั้น เขาที่มองไปยังอุปกรณ์พื้นที่ดังกล่าว ก็พบว่ามีคนรู้จักหายไป 2 คน
เซี่ยวหลัน กับองค์หญิงปี้เหยา
(หากลืมเซี่ยวหลันโผล่มาครั้งแรกในตอนที่ 68 เป็นน้องสาวของเพื่อนต้วนหลิงเทียนในเมืองประกายแสง,ออโรร่า ส่วนองค์หญิงปี้เหยาเป็นองค์หญิงของอาณาจักรนภาล่อง)
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบเจอบิดามารดาอีกครั้งในระนาบเทวโลก เขาก็ได้รับทราบจากปากทั้งคู่ว่า เซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยานั้น พอดีออกจากตำหนักเมฆาครามเพื่อไปท่องเที่ยวด้านนอก เช่นนั้นจึงไม่ถูกอวิ๋นชิงเหยียนจับตัวไป
กล่าวได้ว่า จะเซี่ยวหลันก็ดี องค์หญิงปี้เหยาก็ดี ทั้งคู่ไม่น่าจะถูกพาตัวไประนาบเทพ กระทั่งไม่แน่ว่าจะอยู่ในระนาบเทวโลก และสมควรอยู่ในระนาบโลกียะเล็กๆบ้านเกิดเขาในชีวิตที่ 2 หรือ ระนาบเซียน
ระนาบเซียนนั้น ครั้งหนึ่งเคยถูกคนของจักรพรรดินีสวรรค์ ซือถูฉู่ชิง ส่งคนมาฆ่าล้างบาง และทำให้สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในระนาบเซียนถูกเข่นฆ่า
ในตอนนั้นเขาที่ตระเวนไปทั่วระนาบเซียนเพื่อตามหาคนที่รอดชีวิต ซึ่งรวมถึงเซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยา แต่เขาก็ไม่พบเจอทั้งคู่
และเนื่องจากในอดีตสตรีทั้ง 2 มักอยู่ข้างกายมารดาเขา และไม่ได้ออกไปไหนมากนัก จึงไม่ได้ทิ้งลูกแก้ววิญญาณเอาไว้
ทำให้เขาไม่อาจทราบได้เลยว่าทั้งคู่ยังอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่…
ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต่อให้เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีขนาดไหน ก็อดคิดไม่ได้ว่าทั้งคู่ได้หวนคืนสู่อ้อมกอดของธรณีไปแล้ว…
‘ข้าหวังว่าทั้งคู่จะยังมีชีวิตอยู่…’
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน เมื่อครู่เขาเองก็นึกถึงร่างบางทั้ง 2 ขึ้นมาในใจ แต่เขาก็เร่งลบเลือนพวกนางทิ้งไป หนึ่งเลยเพราะไม่อยากนึกถึงพวกนาง สองเพราะเขารู้สึกผิด เช่นนั้นจึงส่งผลต่อสภาพจิตใจและอารมณ์เขาในระดับหนึ่ง
9 ใน 10 ที่โอสถเทพราชาปฐพีล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะโอสถ อาจเป็นเพราะเรื่องนี้
คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงตอนที่ตัดสินใจกล่าวกับสตรีทั้ง 2 ให้ชัดเจนขึ้นมาไม่ได้ ตอนนั้นเขาก็ได้อาศัยอยู่ในตำหนักเมฆาครามของระนาบเซียน
กล่าวได้ว่าครั้งนั้นยังเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาพบเจอสตรีทั้ง 2
ตอนนั้นก่อนที่เขาจะออกจากระนาบเซียน เขาก็ได้ตระเวนไปตามขุมกำลังใหญ่ต่าๆทั่วระนาบเซียนแล้ว และขอให้ระดมกำลังตามหาคน หากพบเจอคนก็จะมองรางวัลให้อย่างงาม
และเป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ทำให้คนในขุมกำลังระดับแนวหน้าของระนาบเซียนหลายต่อหลายคน ไม่ได้ถูกคนของนิกายลั่วสุยเข่นฆ่า เพราะได้กระจายตัวออกไปตามหาคนในพื้นที่ต่างๆ
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เคยขอให้ผู้เฒ่าหั่วช่วยส่งคนไปตามข่าวที่ระนาบเซียน ตั้งใจไว้ว่าเมื่อได้ข่าวองค์หญิงปี้เหยากับเซี่ยวหลันเมื่อไหร่ ผู้เฒ่าหั่วจะได้นำพวกนางมาพักยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน
ตอนนั้นผู้เฒ่าหั่วก็รับเรื่องเอาไว้และไปดำเนินการทันที
‘ตราบใดที่ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ และยังอยู่ในระนาบเซียน ต้องหาพวกนางเจอแน่…อีกทั้งเหลือเวลาแค่ 300 ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกก็จะเปิดออกแล้ว หากมีโอกาสกลับไประนาบเทวโลก ก็ลองถามผู้เฒ่าหั่วดู’
‘บางทีผู้เฒ่าหั่วอาจพบพวกนางแล้วก็เป็นได้’
คิดถึงจุดนี้ อารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัวของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบลง
หลังจากนั้นไม่นาน ใจของเขาก็กลับมานิ่งสงบอีกครั้ง ดั่งน้ำบ่อโบราณไร้คลื่น
“ลองอีกที”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เริ่มหลอมโอสถเทพราชาปฐพีอีกเตา และทุกขั้นตอนกระบวนการเขาก็พิถีพิถันมาก ไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว
สุดท้ายโอสถเทพราชาปฐพีก็ถูกหลอมออกมาอีกเม็ด
เปรี๊ยงงงง!!
และหายนะโอสถที่เกิดขึ้นรอบนี้ โอสถเทพราชาปฐพีของเขาก็สามารถข้ามผ่านหายนะโอสถได้สำเร็จ จากนั้นกลิ่นอายของเม็ดยาก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน ลายโอสถเองก็เปล่งแสงเรืองรองออกมา
“สำเร็จ”
ในที่สุดรอยยิ้มสดใสก็คลี่กางขึ้นบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง หลังจากเห็นว่าโอสถเทพราชาปฐพีได้บรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว…
หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมก็เริ่มหลอมโอสถเทพระดับราชาอีกหลายๆเม็ด และทั้งหมดก็เป็นโอสถเทพระดับราชาที่ช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะพลัง แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นขั้นสุดยอด ข้ามผ่านหายนะโอสถได้ทุกเม็ด
สิ่งนี้นับว่าเป็นอะไรที่ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก ยังดีที่มีเขาเห็นมันคนเดียว
หาไม่แล้วทุกคนในเขตคฤหาสน์ตงหลิงต้องตกใจกันยกใหญ่แน่
หลอมโอสถเทพระดับราชาออกมาเป็นขั้นสุดยอดทั้งหมด!!
สิ่งนี้เกรงว่านอกจากปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิมือพระกาฬขึ้นไป ที่หลอมเม็ดยาในสถานที่อันมีพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นบริบูรณ์แล้ว คงยากจะมีใครหลอมได้เช่นนี้
ทว่าสถานที่ๆต้วนหลิงเทียนหลอมโอสถในปัจจุบัน ต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับอริยะที่มีทักษะสูงส่งที่สุด ก็คงไม่อาจกระทำได้ เพราะไม่มีพลังชีวิตมากพอให้สกัด เลิกหวังเรื่องหลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดไปได้เลย
กระทั่งโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดยังไม่อาจหลอมออกมาได้ด้วยซ้ำ!
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มันมีพลังวิญญาณฟ้าดิเบาบางเกินไป ดุจแม้บ้านชำนาญการที่ไร้วัตถุดิบ ไหนเลยจะทำกับข้าวดีๆออกมาได้
ที่ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดออกมาได้ในที่แห่งนี้ ทั้งหมดเพราะเขาอาศัยพลังชีวิตที่ชักนำออกมาจากโลกใบเล็กภายในกาย หาไม่แล้วต่อให้เขามีความสามารถในการสกัดพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินมากขนาดไหน ก็คงยากที่จะสกัดพลังชีวิตออกมาได้มากพอ
ถึงขั้นต่อให้สกัดพลังชีวิตได้สมบูรณ์แบบ ก็ไม่พอ…
‘แล้วโอสถเทพระดับจอมราชันล่ะ…ช่างเถอะ เอาไว้ก่อน…’
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความคิดจะลองทดสอบหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขึ้นมา เพื่อดูว่าจะหลอมออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามความคิดดังกล่าวพึ่งจะผุดขึ้นมาในหัวไม่ทันไร เขาก็ปัดตกไปเสียก่อน
นั่นเพราะต่อให้เป็นโอสถเทพระดับจอมราชันธรรมดาๆ เขายังไม่อาจหลอมมันให้สำเร็จได้เต็มร้อยส่วน ขั้นตอนการหลอมหลายจุดยังมีติดขัดอยู่บ้าง ต่อให้เขาจะมีพลังชีวิตเหลือเฟือ แต่เกรงว่าอาจจะดำเนินตามมาไม่ถึงขั้นตอนสุดท้าย
‘โอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดที่หลอมออกมาได้…พลังของเม็ดยาดูเหมือนจะเหนือกว่าเม็ดยาธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด กระทั่งพลังอำนาจของมันแทบจะข้ามไปอีกระดับแล้ว’
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่า มีแต่โอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดเท่านั้น ที่จะสามารถช่วยให้เขายกระดับพลังบ่มเพาะได้รวดเร็ว เพราะประสิทธิผลของโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอด มันไม่ใช่อะไรที่โอสถเทพระดับราชาทั่วไปจะเทียบได้เลย
ให้กล่าวว่าต่างกันคนละโลกก็ไม่เกินเลย
ตัวอย่างเช่นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิงขั้นสุดยอดทั้ง 3 เม็ดที่ต้วนหลิงเทียนเคยหลอมออกมาก่อนหน้า หากเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิงทั่วไป ต่อให้เป็นเทพขั้นต่ำที่ใช้มัน…เว้นเสียแต่เทพขั้นต่ำผู้นั้นจะมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสูง หาไม่แล้วเกรงว่ายังไม่อาจทะลวงถึงเทพขั้นกลางได้ด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดที่ต้วนหลิงเทียนหลอมออกมานั้น หากให้เทพขั้นกลางที่ใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพของตระกูลหลิงหูใช้ล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะทะลวงด่านพลังจากเทพขั้นกลางไปยังเทพขั้นสูงเท่านั้น แต่พลังโอสถยังเหลือให้ยกระดับพลังในร่างอีกมาก!
ต้องทราบด้วยว่าตามปกติแล้วพลังของโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งธรรมดาๆ เว้นเสียแต่ผู้ที่ใช้มันจะบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาระดับอริยะเทพ หาไม่แล้วหากใช้ตอนด่านพลังอยู่ในขอบเขตเทพขั้นกลาง ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุถึงเทพขั้นสูง…
แม้ว่าผู้ใช้จะเป็นคนที่พึ่งทะลวงถึงเทพขั้นต่ำ หากจะพึ่งพลังของโอสถให้บรรลุถึงเทพขั้นกลางในคราวเดียว เกรงว่าเทพขั้นต่ำผู้นั้นต้องบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเทพ
ส่วนเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพน่ะหรือ?
ไม่ได้รับผลกระทบเลิศล้ำใดๆจากโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งธรรมดาๆเลย…
ทว่าโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดที่ต้วนหลิงเทียนหลอมออกมาได้นั้น ต่อให้จะใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ และพึ่งจะทะลวงมาถึงเทพขั้นกลางหยกๆ แต่เมื่อรับประทานลงไป น่ากลัวด่านพลังจะพุ่งทะลวงถึงขอบเขตเทพขั้นสูงในคราวเดียว กระทั่งพลังของโอสถยังหลงเหลือในร่างอีกกว่าครึ่ง พอให้บ่มเพาะพลังไปจวนเจียนจะทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพด้วยซ้ำ!!
เห็นได้ชัดว่าพลังอำนาจของโอสถมันท้าทายสวรรค์ขนาดไหน
‘หลังจากหลอมโอสถเทพระดับราชาที่ข้าจำเป็นต้องใช้ในการบ่มเพาะพลังเสร็จแล้ว…ข้าลองหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันดูสักเม็ดสองเม็ดดีกว่า…หากสำเร็จ รอให้ผู้นำตระกูลหลิงหูกลับมาเมื่อไหร่ค่อยมอบให้’
หลังลอบกล่าวในใจ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหลอมยาอย่างแข็งขันอีกครั้ง
…
ในสวรรค์และโลกแห่งนี้ จะมีระนาบเทพเพียง 18 ระนาบเสมอ
จะเป็นดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพก็ดี ดินแดนดาราพิศวงก็ดี ล้วนเป็นหนึ่งในนั้น
ในบรรดาระนาบเทพ ก็มีระนาบเทพแห่งหนึ่งเรียกว่า ‘ดินแดนวารีกระจ่างลึกล้ำ’ ซึ่งสตรีทั้ง 2 ที่ต้วนหลิงเทียนให้คนตามหาพวกนางไปทั่วในระนาบเซียนอย่าง เซี่ยวหลัน กับ องค์หญิงปี้เหยา นั้น ก็ได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่!
เหตุไฉนที่พวกนางทั้งคู่มาปรากฏตัวที่นี่ได้ มันเกี่ยวข้องกับสหายเก่าของพวกนาง
และสหายเก่าของพวกนางที่ว่า ก็ถือว่าเป็นสหายเก่าของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
ชิ่งหรู!
สมัยที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในระนาบเซียน ย้อนกลับไปก่อนที่เขาจะออกจากพื้นที่ 10 ราชวงศ์ เขาก็ได้ทาบทามพนักงานขายบ้านคนหนึ่งในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่องให้มาเป็นแม่บ้านของเขา
ต่อมาเมื่อบิดาของต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิง กลับมายังอาณาจักรนภาล่อง แลนำพาลี่หลัวไปอยู่ด้วย ตอนนั้นไม่เพียงแต่จะพาเซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยาไปด้วยเท่านั้น แต่ยังพาชิ่งหรูไปด้วยอีกคน
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดาของเขารวมถึงเซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยา เขาก็ไม่เห็นชิ่งหรูเสียแล้ว
ชิ่งหรูนั้น วันหนึ่งก็ได้หายตัวไป อีกทั้งราวกับคนได้ระเหิดหายไปจากโลก ไม่พบเจอร่องรอยของนางในแห่งหนไหนเลย…