ตอนที่ 3759 3 สาวพร้อมหน้า

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

เดิมทีชิ่งหรูก็เป็นแค่พนักงาน ที่มีหน้าที่แนะนำเคหะสถานรวมถึงที่ดินให้แก่ลูกค้าในร้านขายที่แห่งหนึ่งของเมืองหลวงอาณาจักรนภาล่อง ที่อยู่ในพื้นที่ 10 ราชวงศ์ของทวีปเมฆาล่องเท่านั้น
  กล่าวได้ว่านางประกอบอาชีพพนักงานขายบ้านและที่ดินก็ไม่ผิด
  ตอนนั้นเมื่อต้วนหลิงเทียนเดินทางมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่อง เขาก็ได้ซื้อบ้านจากชิ่งหรู และนายน้อยของตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวงก็ได้ถูกเขาสั่งสอนไปเพราะชิ่งหรู
  เมื่อเห็นถึงนิสัยใจคออันดีงามของชิ่งหรู และเป็นกังวลเรื่องที่นายน้อยของตระกูลต้วนจะย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้ชิ่งหรูในภายหลัง เขาก็เลยทาบทามนางให้มาเป็นแม่บ้าน คอยดูแลเรื่องราวในบ้านที่เขาพึ่งซื้อมา
  ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ชิ่งหรูก็มีหน้าที่ดูแลการกินอยู่ของลี่หลัว และคอยดูแลจัดการเรื่องราวในชีวิตประจำวันของลี่หลัว
  ต่อมาหลังจากที่เขาออกจากอาณาจักรนภาล่องไป ก็ได้ชิ่งหรูที่คอยอยู่ดูแลรับใช้มารดาเขา
  เป็นธรรมดาว่าสำหรับชิ่งหรูนั้น ต้วนหลิงเทียนและลี่หลัวมารดาของเขา ไม่เคยเห็นนางเป็นข้ารับใช้เลย
  ต้วนหลิงเทียนปฏิบัติกับนางเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง ส่วนมารดาของเขาก็เอ็นดูชิ่งหรูราวลูกสาวแท้ๆ
  ภายหลังเมื่อต้วนหรูเฟิงกลับมา และพาลี่หลัวไปยังตำหนักเมฆาคราม ชิ่งหรูที่เป็นเด็กกำหร้าไร้ญาติในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่องก็ถูกพาไปด้วย
  ในตอนนั้นเซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยาก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน
  หลังจากมาถึงตำหนักเมฆาครามแล้ว ชิ่งหรูก็ยังคงรับผิดชอบอาหารการกินและชีวิตประจำวันของลี่หลัวเหมือนเดิม นางไม่เคยลืมรากเหง้าของตัวเองแม้แต่น้อย
  แต่อยู่มาวันหนึ่ง ชิ่งหรูที่ออกไปเก็บผักที่ลี่หลัวชอบกินและขึ้นอยู่ในสถานที่ไม่ไกลจากตำหนักเมฆาครามมากนัก อยู่ๆก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับและไม่เคยกลับมาอีกเลย
  เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้ลี่หลัวมารดาเขากินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นเดือนๆ ต้วนหรูเฟิงเองก็ให้คนของตำหนักเมฆาครามออกไปกระจายกำลังค้นหา แต่กลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยใดๆ
  กล่าวได้ว่าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ชิ่งหรูก็ได้หายไปจากชีวิตของลี่หลัว
  ต้วนหลิงเทียนเองก็พึ่งได้รู้เรื่องนี้หลังจากกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดาเขาที่ตำหนักเมฆาคราม และเขาเองก็ซึมไปหลายวันเพราะเรื่องนี้เช่นกัน
  อยู่ๆชิ่งหรูหายตัวไปไหน?
  เกิดอะไรขึ้นกับนาง?
  เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันเป็น ‘ความลึกลับ’ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ คนทั้งคนอยู่ๆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย…
  อันที่จริงด้านชิ่งหรูเองก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย
  นางอดเสียใจขึ้นมาไม่ได้ ยังคิดอยู่บ่อยครั้ง ว่าวันนั้นไม่น่าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเลย…นางดันไปช่วยเหลือสตรีผมขาวผู้หนึ่งที่เสมือนผีเข้าผีออกเดี๋ยวบ้าเดี๋ยวหาย
  เรื่องทั้งหมดต้องย้อนกลับไปวันที่ชิ่งหรูออกไปเก็บผักให้ลี่หลัว…นางบังเอิญญเจอโฉมสคราญที่เส้นผมกลายเป็นสีขาวโพลนนางหนึ่งเป็นลมหมดสติอยู่บนพื้น ชิ่งหรูที่มีจิตใจดีก็เลยไปช่วยสตรีนางนั้น ก่อนจะปลุกนางให้ตื่นขึ้น
  แต่ทว่าหลังจากที่สตรีนางนั้นตื่นขึ้นมา อีกฝ่ายก็ยิ้มให้นางราวตัวโง่งมเสียสติ จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ คนพลันโบกมือเบาๆฉีกเปิดห้วงมิติ ก่อนจะคว้าร่างชิ่งหรูวูบหายเข้าช่องว่างมิติดังกล่าวไปหน้าตาเฉย
  ระหว่างนั้นชิ่งหรูเองก็หมดสติไปเช่นกัน
  พอชิ่งหรูตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็พบว่าตัวนางได้มาอยู่ในสถานที่แปลกตาเพียงลำพัง แถมสถานที่ดังกล่าวยังอุดมไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินจนน่ากลัว นางที่ไม่กล้าไปไหนจึงบ่มเพาะพลังอยู่ที่นั่น และในเวลาไม่ถึงเดือน ด่านพลังของนางก็ทะลวงผ่านไปหลายขั้น
  จากนั้นนางก็ได้พบเจอกับสตรีเสียสติที่พบเจอในตอนแรก
  และคราวนี้นางไม่ได้เสียสติ
  นางกลับมาหาชิ่งหรูก่อนจะกล่าวคำขอโทษยกใหญ่ ด้านชิ่งหรูเองก็ร้องขอให้ส่งตัวนางกลับ แต่ทว่าสตรีผมขาวนางนั้นกลับบอกว่าทำไม่ได้
  พลังของนางถูกผนึกไว้
  และนางจะใช้พลังได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพเสียสติเท่านั้น…
  เพื่อแสดงความขอโทษต่อชิ่งหรู สตรีนางนั้นก็ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้ชิ่งหรู ก่อนจะกล่าวบอกชิ่งหรูว่าสถานที่ๆพวกนางอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ระนาบโลกียะอีกต่อไป แถมยังไม่ใช่ระนาบเทวโลกด้วยซ้ำ แต่เป็นระนาบเทพ!
  ระนาบเทพแห่งนี้เรียกว่า ดินแดนแห่งการลงทัณฑ์
  จากนั้นไม่ถึง 2 วันสตรีผมขาวดังกล่าวก็ตกอยู่ในสภาวะเสียสติอีกครั้ง แต่เนื่องจากชิ่งหรูอยู่กับนาง ทำให้นางไม่ได้วิ่งโร่ไปไหนอีก
  หลายปีผ่านไป ด่านพลังฝึกปรือของชิ่งหรูก็ก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ และหลังจากใช้ชีวิตร่วมกับสตรีผมขาวที่สติเลอะเลือนนั่นไปสักพัก ชิ่งหรูที่คอยดูแลนางอย่างระวัง ในที่สุดสตรีนางนั้นก็ค่อยๆฟื้นคืนสติกลับมา จากนั้นผนึกในร่างของนางก็ค่อยๆสลายไป
  เมื่อสตรีดังกล่าวหวนกลับมามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนแล้ว นางก็ใช้พลังของนางได้เช่นกัน
  ในเวลานั้นชิ่งหรูก็ได้ร้องขอให้อีกฝ่ายส่งตัวนางกลับไประนาบเซียนอีกครั้ง
  สตรีดังกล่าวก็พาชิ่งหรูกลับมาส่ง
  อย่างไรก็ตามหลังจากสตรีดังกล่าวพาชิ่งหรูมาส่งที่ตำหนักเมฆาคราม นางก็พบว่าตำหนักเมฆาครามนั้นได้ล่มสลายภายใต้เงื้อมมือของปีศาจไปเสียแล้ว จากนั้นชิ่งหรูก็ขอให้สตรีดังกล่าวช่วยนางตามหาลี่หลัว
  ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของสตรีผมขาว ชิ่งหรูก็ได้พบที่อยู่ของลี่หลัว
  นางยังได้พบเซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยาที่กำลังออกไปด้านนอกพอดี
  “พี่ชิ่งหรู!”
  ด้านเซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยา พอพบเจอชิ่งหรูที่หายตัวไปหลายปี ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจทั้งยินดี “พี่ชิ่งหรู ท่านหายไปไหนมาตั้งหลายปีเล่า!?”
  “นั่นสิพี่ชิ่งหรู ตอนนั้นท่านไปไหนกันแน่ ท่านรู้หรือไม่ป้าหลัวถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายเดือนเพราะท่านหายตัวไป มาเถอะ! ข้าจะพาท่านไปหาป้าหลัว หากป้าหลัวพบว่าท่านกลับมาแล้วต้องมีความสุขมากแน่”
  ตามที่เซี่ยวหลันกล่าว นางพาชิ่งหรูกลับไปพบลี่หลัว
  อย่างไรก็ตาม พึ่งกลับมาถึงละแวกใกล้ที่พักไม่ทันไร อยู่ๆก็มีแรงกดดันพลังมหาศาลขุมหนึ่งแผ่ซ่านลงมาปกคลุมชิ่งหรู เซี่ยวหลันและองค์หญิงปี้เหยาเอาไว้
  และทันใดนั้นเอง ก็เป็นสตรีผมขาวที่อยู่ข้างกายชิ่งหรู ได้ลงมือสลายแรงกดดันพลังดังกล่าว ยังเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าฉับไว หว่างคิ้วเริ่มขดย่นเป็นปม พึมพำออกมาเสียงหนัก “ไฉนถึงมีคนจากระนาบเทพมาเยือนระนาบโลกียะเล็กๆแห่งนี้ได้?”
  หลังจากนั้นสตรีผมขาวที่ใช้พลังไร้สภาพห่อหุ้มพวกชิ่งหรูทั้ง 3 ก็ได้นำพาพวกนางไปยังแหล่งกำเนิดแรงกดดันพลัง
  จนเมื่อสตรีผมขาวได้เห็นร่างชายหนุ่มที่โรยตัวลงมาจากฟ้า นางก็นิ่งค้างตะลึงงันไปทันใด สีหนั้งทำราวกับพบพานภูตผีกลางวันแสกๆ กล่าวพึมพำออกมาเสียงสั่น “เป็นไปได้อย่างไร…ไฉนถึงเป็นมันไปได้!?”
  ในขณะเดียวกัน ด้านชิ่งหรู เซี่ยวหลัน และองค์หญิงปี้เหยาก็ได้แลเห็นการกระทำของชายหนุ่มที่โรยตัวลงมาจากฟ้าเต็มตา อีกฝ่ายเพียงโบกมือเบาๆร่างต้วนหรูเฟิง ลี่หลัวและคนอื่นๆก็คล้ายหดเล็กลงอย่างอัศจรรย์ก่อนจะถูกดูดเข้า สิ่งประดิษฐ์ประหลาดในมือของอีกฝ่าย
  เห็นฉากพิสดารดังกล่าว สีหน้าของชิ่งหรู เซี่ยวหลัน และองค์หญิงปี้เหยาย่อมเปลี่ยนไปทันใด พวกนางยังโจนร่างทะยานออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ทว่าพึ่งจะพุ่งไปได้ไม่ทันไรก็ถูกพลังไร้สภาพอ่อนหยุ่นขุมหนึ่งสะกดกักไว้
  สีหน้าชิ่งหรูเปลี่ยนไปทันที ยังหันไปกล่าวร้องขอให้สตรีผมขาวช่วยชีวิตทุกคนที่ถูกจับไป
  แต่ใครจะไปทราบ สตรีผมขาวนั่นอยู่ๆอาการเสียสติของนางก็กำเริบขึ้นมา จากนั้นคนก็โบกมือฉีกเปิดพื้นที่ ก่อนจะพาพวกชิ่งหรูทั้ง 3 พุ่งหายไปในรอยแยกมิติ
  คราวนี้สตรีผมขาวที่เสียสติไม่ได้พาทุกคนไปยังสถานที่ๆชิ่งหรูถูกพามาครั้งก่อน
  แต่มันเป็นระนาบเทพอีกระนาบ เรียกว่า ดินแดนวารีกระจ่างลึกล้ำ
  กว่าที่สตรีผมขาวจะหายจากอาการเสียสติ ระนาบเทพคู่ขนานต่างๆก็ได้โคจรมาบรรจบกันจนก่อเกิดระนาบสมมรภูมิเสียแล้ว และช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกก็ได้ปิดตัวลง
  สตรีทั้ง 3 อันได้แก่ ชิ่งหรู เซี่ยวหลัน และองค์หญิงปี้เหยา ไม่อาจย้อนกลับไปยังระนาบเซียนได้อีกต่อไป
  และสตรีผมขาวที่เสียสติดังกล่าว ผ่านไปสักพักสติของนางก็เริ่มฟื้นคืนสู่สภาพปกติ และตัวนางก็ละอายใจกับเรื่องที่ทำกับพวกชิ่งหรูทั้ง 3 นัก ต่อมาภายหลังนางก็ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่ใช้บ่มเพาะในระนาบเทพให้ทั้ง 3 สาว
  นางสั่งสอนทั้ง 3 อย่างอดทน ค่อยชี้แนะให้ไม่รู้หน่าย
  อยู่มาวันหนึ่ง องค์หญิงปี้เหยาก็เอ่ยถามออกไปโดยไม่ตั้งใจว่า นางรู้จักชายหนุ่มที่จับตัวลุงต้วนหรูเฟิงกับป้าลี่หลัวรวมถึงคนอื่นๆไปไว้ในวัตถุประหลาดหรือไม่…และคำถามดังกล่าวก็ทำให้สตรีผมขาวเสียสติไปอีกครั้ง
  หลังผ่านไปหลายปีถึงจะฟื้นคืนสติ
  ตั้งแต่นั้นมาพวกชิ่งหรูทั้ง 3 ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามเรื่องนี้อีกเลย
  ด้านสตรีผมขาวที่หายจากอาการเสียสติ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เลือกจะพาพวกชิ่งหรูทั้ง 3 ไปเข้าร่วมนิกายที่นางอยู่ในดินแดนวารีกระจ่างลึกล้ำ
  นิกายที่ว่าก็เป็นถึงนิกายระดับอริยะเทพ และเป็นหนึ่งในขุมกำลังระดับอริยะเทพชั้นแนวหน้าของดินแดนวารีกระจ่างลึกล้ำ
  พวกชิ่งหรูทั้ง 3 ก็ถูกสตรีผมขาวพามาเข้าร่วมกับสาขาหนึ่งของนิกาย และสตรีผมขาวก็ได้ฝากฝังพวกชิ่งหรูทั้ง 3 ให้กับสตรีที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งคนหนึ่งช่วยดูแลแทนนาง
  ส่วนตัวนางเองก็จากไปที่ไหนไม่ทราบ
  “นางเป็นศิษย์น้องของข้าเอง อนิจจานางกลับรักคนที่ไม่ควรรัก สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายละเล่นกับความรู้สึกของนางทั้งยังหลอกใช้นาง จนทำให้นางสร้างความเสื่อมเสียต่อนิกาย เพราะเหตุนี้นางจึงผีเข้าผีออกเดี๋ยวบ้าเดี๋ยวหาย จากนั้นก็ออกจากนิกายไป…”
  นี่คือสิ่งที่ชิ่งหรู องค์หญิงปี้เหยาและเซี่ยวหลันทั้ง 3 สาวได้รับทราบจากอาจารย์ของพวกนางในภายหลัง
  และอาจารย์ของทั้ง 3 ก็สตรีพลังฝีมือสูงส่งที่สตรีผมขาวฝากฝังไว้
  ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากสอบถามอาจารย์ในภายหลัง พวกนางจึงได้ทราบว่า ที่แท้คนที่หลอกลวงและเล่นกับความรู้สึกของอาจารย์อาของพวกนาง ที่แท้ไม่ใช่ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวออกมาวันนั้น แต่เป็นอีกคนในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
  และคนผู้นั้น บัดนี้ก็ได้เป็นผู้นำของขุมกำลังระดับอริยะเทพที่แข็งแกร่งที่สุดขุมกำลังหนึ่งในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
  ผู้นำตระกูลอวิ๋น
  …
  ณ ดินแดนวารีกระจ่างลึกล้ำ
  ริมผาแห่งหนึ่งของยอดเขาที่สูงทะลุม่านเมฆ ปรากฏบ้านลานหลังหนึ่งปลูกสร้างไว้อย่างหวาดเสียว ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบตลบไปด้วยไอเย็นทั้งม่านเมฆคล้อยต่ำ เผยให้เห็นร่างสตรี 3 นางนั่งด้วยอริยาบถผ่อนคลายหากทว่าแลดูเรียบๆร้อยๆที่โต๊ะหินอ่อนข้างบ้าน
  สตรีนางหนึ่งมีรูปโฉมงดงามไร้ตำหนิ ยากจะมองหาที่ติบนใบหน้าพบเจอ ชายใดเหลือบมาเห็นมิพ้นต้องหันมองเหลียวหลัง
  สตรีอีกคนก็มีรูปโฉมงดงามไม่ต่างกันมากนัก เพียงแค่งดงามกันไปคนละแบบ สองตาดั่งสายน้ำยามสารท ริมฝีปากแดงดั่งผลอิงเถานั่น ชวนให้ผู้คนหลงใหลโดยไม่รู้ตัว
  สตรีคนสุดท้ายแม้รูปโฉมจะด้อยกว่าทั้งคู่อยู่บ้างแต่ก็ถือว่าสะสวย หากว่านางไปปรากฏตัวบนโลกในชาติก่อนของต้วนหลิงเทียนอย่างน้อยๆก็พอจะประชันกับดารานางแบบแถวหน้าได้อยู่
  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือท่วงท่าลักษณะของนาง ไม่ใช่อะไรที่ดารานางแบบแถวหน้าในโลกจะเทียบได้เลย เนื่องเพราะนางห่างไกลจากคำว่ามนุษย์ธรรมดามากมายนัก
  หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ต้องจดจำสตรีทั้ง 3 ได้ทันที เพราะพวกนางก็คือ ปี้เหยา เซี่ยวหลัน และชิ่งหรู
  “องค์หญิง ข้าสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายพลังทั่วร่างท่านเหมือนจะเปลี่ยนไป นี่ท่านทะลวงด่านแล้วหรือ?”
  ชิ่งหรูหันไปมองถามปี้เหยาด้วยความประหลาดใจ
  “พี่ชิ่งหรู…”
  ปี้เหยาคลี่ยิ้มเฝื่อนๆ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้ว…ว่าท่านอย่าได้เรียกข้าว่าองค์หญิงอีกเลย ที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรนาล่อง ท่านเรียกข้าว่าปี้เหยาเหมือนเซี่ยวหลันเถอะ”
  “ได้ องค์หญิง”
  คำตอบของชิ่งหรูก็ได้แต่ทำให้ปี้เหยาคลี่ยิ้มแห้งๆอย่างจนปัญญา
  “ปี้เหยา อย่างไรพี่ชิ่งหรูก็เรียกติดปากมาหลายร้อยปีแล้ว เจ้าก็อย่าให้พี่ชิ่งหรูลำบากเลย…อันที่จริงหากไม่ใช่เรพาะพี่ชิ่งหรูเรียกเจ้าว่าองค์หญิง บางทีข้ายังอดคิดไปไม่ได้ว่าตลอดเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา พวกเราใช่กำลังฝันไปหรือไม่…ทุกสิ่งในระนาบโลกียะ หรือเป็นเพียงภาพฝันตื่นหนึ่ง?”
  เซี่ยวหลันกล่าวอย่างทอดถอนใจ
  “ระนาบโลกียะ…”
  ปี้เหยากล่าวพึมพำเสียงเบา สองตากลมใสคล้ายมีม่านน้ำฉาบแลดูอ่อนโยนนัก “ข้าไม่ทราบป่านนี้เขาเป็นเช่นไรแล้ว…”
  ตอนนี้ไม่เพียงแต่ปี้เหยาเท่านั้นกระทั่งเซี่ยวหลันเอง ในใจพลันปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม
  “เขามิได้อยู่กับลุงเฟิงกับป้าหลัวตอนนั้น…เช่นนั้นคงสบายดี”
  เสียงของเซี่ยวหลันหนักขึ้นเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าที่แท้เกิดอะไรกับกับลุงเฟิงและป้าหลัวกันแน่…”
  “ตอนนั้น ก่อนที่อาจารย์อาจะเห็นคนที่จับตัวลุงเฟิงกับป้าหลัวไป เหมือนอาจารย์อาจะกล่าวว่ามันมาจากระนาบเทพ”
  ชิ่งหรูขมวดคิ้วเบาๆ “ไฉนคนจากระนาบเทพต้องมาจับตัวนายท่านกับนายหญิงด้วยเล่า…”
  “นี่เป็นปริศนาลี้ลับที่พวกเรามิอาจไขได้มาตลอดหลายร้อยปี…”
  ปี้เหยาส่ายหัวไปมาเบาๆพลางกล่าว “ตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอให้ผ่านไปอีก 300 ปีเท่านั้น ถึงวันที่ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกเปิดออกเมื่อไหร่ พวกเราจักได้ลงไปหาคำตอบกัน”
  “ตอนนี้ข้าหวังก็แต่ลุงเฟิงกับป้าหลัวยังปลอดภัยดี หาไม่แล้วข้ามิอาจทราบได้จริงๆ ว่า…เขาจักทุกข์ทรมาณใจเพียงใด”
  เซี่ยวหลันเองก็เผยสีหน้าเป็นกังวล
  พอปี้เหยาได้ยิน พวกแก้มงดงามปานหยกบุปผาของนางก็กระชับตึง เผยให้เห็นถึงความเคร่งเครียดจริงจัง สองตาฉายชัดถึงความกังวลมากขึ้นทุกขณะ