ณ ดินแดนดาราพิศวง
เขตคฤหาสน์ตงหลิง
ละแวกเมืองหลิงหู
ภายในหุบเขาของภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง หลังจากต้วนหลิงเทียนหลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดที่ต้องการแล้วเสร็จ เขาก็ลองทดสอบหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันที่ตอนแรกก็ลังเลว่าจะหลอมดีหรือไม่หลอมดีดู
โอสถที่จะหลอมบางอย่างก็มีประโยชน์กับเขาอย่างมาก
ส่วนบางอย่างเขาก็ตั้งใจมอบให้หลิงหูเหรินเจี๋ยโดยเฉพาะ
เม็ดยาที่หลิงหูเหรินเจี๋ยใช้นั้น ปกติแล้วจะเป็นหลินย่าหลินหัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพของตระกูลหลิงหูเป็นผู้หลอมให้ หากทว่าอัตราการหลอมสำเร็จก็ไม่ได้สูงมากมายอะไร
ต้วนหลิงเทียนนั้น แม้จะตั้งใจหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันแล้ว แต่ด้วยความที่ยังไม่คุ้นเคยกับมันทำให้มีอัตราหลอมสำเร็จไม่สูงอะไร แต่ด้วยความที่ขั้นตอนการหลอมเกลาด้วยพลังชีวิตให้บริสุทธิ์ เขาสามารถชกนำพลังชีวิตออกมาได้ใช้ได้มากมายมหาศาล ทำให้รวมๆแล้วโอกาสหลอมเม็ดยาสำเร็จของเขายังเหนือกว่าหลินย่าหลินอยยู่บ้าง
‘สมุนไพรที่มี น่าจะหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดให้ผู้นำหลิงหูสักสองสามเม็ดได้อยู่…’
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลาในการหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันอยู่ 3 วัน 3 คืน สุดท้ายก็ได้โอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดที่ตั้งใจมอบให้หลิงหูเหรินเจี๋ย 3 เม็ดตามเป้า อีกทั้งสมุนไพรก็เหลือพอสมควร
เช่นนั้นเขาจึงคิดจะหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันต่อ เผื่อว่าจะได้เพิ่มสักเม็ดสองเม็ด
“หืม?”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจะเริ่มต้นกระบวนการหลอมโอสถ อยู่ๆก็มีข้อความหนึ่งส่งมาขัดจังหวะเขาเสียก่อน
“ต้วนหลิงเทียน”
และคนที่ส่งข้อความมาก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะมันคือ โหวชิ่งหนิง นักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว
“ว่าไงเล่า…หรือคณบดีมู่หรงแนะนำเจ้าให้เข้านิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้าแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะส่งข้อความกลับไปถาม
โหวชิ่งหนิงกับติงเหยียนเป็นเพื่อนที่เขามีตอนอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ แต่ตอนนี้ติงเหยยีนอยู่ๆก็จากไปโดยไม่ลา เช่นนั้นกล่าวได้ว่าเพื่อนที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ของเขาก็เหลือแค่โหวชิ่งหนิงคนเดียว
“เจ้าอย่าล้อข้าเล่นเลย”
โหวชิ่งหนิงกล่าวอย่างทอดถอนใจ “เจ้าคิดว่าผู้อื่นเหมือนเจ้า ต้วนหลิงเทียน หรือไร…หากไม่ใช่เพราะนิกายหมื่นจันทรามีธุระต้องไปทำที่เมืองหลิงหู ข้าไม่กล้าส่งข้อความมาหาเจ้าหรอก…ตอนนี้เจ้าผงาดขึ้นมาเร็วเกินไป ทำให้ผู้อื่นกดดันแทบหายใจไม่ออกยามต้องแหงนหน้ามองเจ้า”
“ฮ่าๆๆ…โหวชิ่งหนิง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าถ่อมตัวแบบนี้ ข้าจำได้ว่าเรื่องที่เจ้าท้าข้าสู้ พวกเรายังไม่ได้ซัดกันสักตั้งเลยนี่”
ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความกลับไปเคล้าเสียงหัวเราะ จากนั้นก็เอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย “ว่าแต่ตอนนี้เจ้ามาถึงเมืองหลิงหูแล้วรึ”
“ใช่”
โหวชิ่งหนิงกล่าวตอบ จากนั้นมันก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยส่งข้อความต่อว่า “ตอนนั้นก่อนที่การทดสอบนักศึกษา 10 ดาวจะเริ่มขึ้น เจ้าบอกว่าจะชวนข้ากับพี่น้องในนิกายหมื่นจันทราไปเลี้ยงมื้อใหญ่ไม่ใช่รึไง แต่จนบัดนี้ข้าไม่เห็นจะเชิญข้าไปเลี้ยงมื้อใหญ่อะไรสักที…นี่ข้าถ่อมาถึงเมืองหลิงหูแล้ว เจ้าคงไม่ตระหนี่จนเลี้ยงข้ากับพี่น้องไม่ไหวกระมัง?”
ภายในเมืองหลิงหู ตอนนี้โหวชิ่งหนิงกำลังยืนอยู่ในห้องพักของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง โดยข้างกายปรากฏร่างชายในชุดคลุมลมดำยืนอยู่
ที่โหวชิ่งหนิงติดต่อไปหาต้วนหลิงเทียนนั้น ทั้งหมดเพราะชายในชุดคลุมลมดำบังคับ
เพียงแต่ว่าลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่โหวชิ่งหนิงใช้เป็นสื่อในการส่งข้อความ กลับอยู่ในมือของชายชุดคลุมลมดำ!
และไม่ว่าจะข้อความที่โหวชิ่งหนิงส่งไปหาต้วนหลิงเทียน หรือข้อความที่ต้วนหลิงเทียนส่งมาหาโหวชิ่งหนิง มันกลับดังขึ้นในห้องอย่างประหลาด ไม่ใช่การส่งข้อความถึงวิญญาณตามปกติ
จะอย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินข้อความตอบโต้ไปมาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิง ชายในชุดคลุมลมดำก็ไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด ในสายตาของมันโหวชิ่งหนิงที่ถูกมันยกนิกายหมื่นจันทรามาขู่ อีกฝ่ายต้องไม่กล้าทำอะไรโง่ๆแน่
ในขณะเดียวกัน ด้านต้วนหลิงเทียนที่ได้รับข้อความก็อึ้งไปอยู่บ้าง
เพราะเขาจำได้ว่า ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบนักศึกษา 10 ดาว เขาไม่เคยบอกโหวชิ่งหนิงสักครั้งว่าจะพาไปเลี้ยงอะไร…เจ้านั่นใช่จำอะไรผิดรึเปล่า?
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนที่ไตร่ตรองดูแล้ว ก็รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้โหวชิ่งหนิงไม่น่าจะจำผิดไปได้
นอกจากนั้นคำพูดของโหวชิ่งหนิง ไม่ได้บอกให้เขาพาไปเลี้ยงแค่คนเดียว แต่ยังมีพี่น้องในนิกายหมื่นจันทราอีก?
นิกายหมื่นจันทรา?
การทดสอบนักศึกษา 10 ดาว?
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักอะไรได้บางอย่าง เขาจำได้ว่าก่อนจะเริ่มการทดสอบนักศึกษา 10 ดาววันนั้น โหวชิ่งหนิงเคยถามเขาว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่
คนของนิกายหมื่นจันทราถูกโหวชิ่งหนิงเรียกมาเตรียมพร้อมไว้แล้ว สามารถลงมือได้ตลอดเวลา
และเหตุผลที่โหวชิ่งหนิงเสนอตัวช่วยเขา ก็เพราะตอนนั้นมีขุมกำลังระดับราชาเทพหลายขุมกำลังในเมืองวายุสวรรค์ที่อาจจะส่งพวกเดนตายมาฆ่าเขา
วันนั้นเขาก็ปฏิเสธความหวังดีกล่าวของโหวชิ่งหนิงไป
‘ดูเหมือนเจ้านั่นกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างกับข้า…ยิ่งไปกว่านั้นนิกายหมื่นจันทราที่อยู่เบื้องหลังมันก็เป็นแค่นิกายระดับราชาเทพเท่านั้น แล้วจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ลูกชายของประมุขคนปัจจุบันเช่นมันวิ่งโร่มาจัดการเรื่องราวถึงที่นี่ด้วยตัวเอง?’
ภายในใจต้วนหลิงเทียนคล้ายมีแสงสว่างวูบวาบขึ้นมา และเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมา
โหวชิ่งหนิงตกอยู่ในเงื้อมมือของใครบางคน และกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ!
กระทั่งคิดล่อเขาให้ออกนอกจวนตระกูลหลิงหูอย่างเห็นไดชัด
‘ผู้นำตระกูลพึ่งจะออกเดินทางไปเมื่อ 3-4 วันก่อน…แต่หลังจากผู้นำตระกูลไปได้ไม่ทันไร อยู่ๆโหวชิ่งหนิงก็โผล่มา สมควรมีใครไปจับตัวโหวชิ่งหนิงมาบีบคั้นให้ข้าออกไปหาแน่’
‘และดูเหมือนคนที่ใช้โหวชิ่งหนิงเพื่อบีบให้ข้าออกไปหา น่าจะเป็นคนของกวงเทียนเจิ้งอาวุโสฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์…เนื่องจากช่วงนี้กวงเทียนเจิ้งกำลังยุ่งเรื่องงานแต่ง หมายความว่ามันไม่ได้มาด้วยตัวเอง แต่เลือกจะส่งคนอื่นมา’
ในเวลาชั่วพริบตา ต้วนหลิงเทียนก็มองเค้าโครงเรื่องราวได้รางๆ
สำหรับเรื่องที่โหวชิ่งหนิงถูกอีกฝ่ายบีบบังคับให้ทำแบบนี้ 9 ใน 10 ไม่พ้นอีกฝ่าต้องกอบกุมจุดอ่อน กระทั่งนำทั้งนิกายหมื่นจันทรามาข่มขู่โหวชิ่งหนิงเป็นแน่
ถึงแม้ว่านิกายหมื่นจันทราจะเป็นขุมกำลังระดับราชาเทพ อย่างไรก็ตามในนิกายนั้น ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นราชาเทพขั้นสูงเท่านั้น ไม่เคยปรากฏตัวตนระดับจอมราชันเทพออกมาเลย แม้จะเป็นแค่ขั้นต่ำก็ตามที
กล่าวได้ว่า สำหรับนิกายหมื่นจันทราแล้ว ขอแค่ส่งจอมราชันเทพขั้นต่ำมาสักคน ก็สามารถถล่มนิกายหมื่นจันทราให้แหลกได้ง่ายๆ!
‘เจ้านี่กระทั่งตกอยู่ในเงื้อมมือคนอื่นเขา แต่ยังหาวิธีบอกใบ้ข้าจนได้…หัวใสไม่เบาเลย’
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มแห้งๆออกมา ขณะเดียวกันในใจก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ สุดท้ายแล้วหากไม่ใช่เพราะเขา โหวชิ่งหนิงก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“เช่นนั้นเอาเป็นที่ไหนแล้วเมื่อไหร่ดีเล่า”
ในขณะที่โหวชิ่งหนิงเงียบไปเพราะต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตอบข้อความ และชายในชุดคลุมลมดำกำลังจะหมดความอดทน ก็พอดีกับที่เสียงข้อความของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นเสียก่อน “เรื่องสถานที่ข้าให้เจ้าเลือกเลยดีกว่า อยากกินร้านไหนก็ว่ามา พอดีช่วงนี้ข้าค่อนข้างร่ำรวย”
“ส่วนเรื่องเวลานั้นพอดีวันนี้กับพรุ่งนี้ข้ายังไม่ว่าง เพราะต้องหลอมโอสถระดับเทพให้อาวุโสบางคนในตระกูลหลิงหูก่อน พอดีข้ารับปากผู้อื่นเขาไว้แล้ว”
“เอาเป็น 3 วันหลังจากนี้ดีหรือไม่ เจ้าล่ะว่างรึเปล่า”
ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความมาบอกสถานการณ์ทั้งกล่าวถามเป็นชุดติดๆ
หลังได้ยินข้อความของต้วนหลิงเทียน โหวชิ่งหนิงก็ไม่รีบตอบกลับ เพียงหันไปมองถามชายในชุดคลุมลมดำก่อน “ท่านอยากพบต้วนหลิงเทียนเมื่อใด?”
“เอาเป็นวันมะรืน หัวค่ำ นัดมันออกมาหาอะไรกินเสีย”
เสียงแหบแห้งของชายในชุดคลุมลมดำดังขึ้นในหูโหวชิ่งหนิง จากนั้นโหวชิ่งหนิงก็ตอบข้อความต้วนหลิงเทียนกลับไปว่า “ต้วนหลิงเทียน เอาเป็นมะรืนนี้ช่วงค่ำ เจ้าออกมาหาอะไรกินกับข้าหน่อยแล้วกัน”
“ตอนกลางวัน ข้าไม่แน่ใจว่าจะเสร็จธุระแล้วหรือไม่”
“ส่วนเรื่องสถานที่…เอาไว้เจ้าว่างเมื่อไหร่ก็ติดต่อมาหาข้า ตอนนี้ข้าเองก็ยังไม่มีเวลาสำรวจเหมือนกันว่าที่ไหนมันหรูสุด!”
ด้วยคำชี้นำของชายชุดคลุมลมดำ โหวชิ่งหนิงก็ได้แต่ตอบข้อความกลับไปแบบนั้น
“ตามนั้น”
ต้วนหลิงเทียนตอบโหวชิ่งหนิงเสร็จ เขาก็ติดต่อไปหาหลิงหูเหรินเจี๋ย เพื่อบอกว่าเกิดอะไรขึ้นทันที
“มีคนจับเพื่อนเจ้า จากนั้นก็บีบบังคับให้เพื่อนเจ้าล่อเจ้าออกไป?”
สีหน้าหลิงหูเหรินเจี๋ยเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้
จากนั้นเมื่อหลิงหูเหรินเจี๋ยสอบถามรายละเอียดทั้งหมดแล้ว มันก็ส่งข้อความกลับมาเสียงหนักว่า “นิกายหมื่นจันทรานั้นข้าเคยได้ยินมาบ้าง…และหากข้าจำไม่ผิด นิกายหมื่นจันทราที่ว่าก็อยู่ในละแวกเมืองวายุสวรรค์สินะ? อืม…ดูเหมือนตระกูลมู่หรงจะอยู่ไม่ไกลจากแถวนั้น พอดีข้าสนิทกับคนของตระกูลมู่หรงอยู่บ้าง เช่นนั้นข้าจะติดต่อไปหาตระกูลมู่หรง เพื่อขอให้พวกมันส่งคนไปดูสถานการณ์ที่นิกายหมื่นจันทราของเพื่อนเจ้าก่อน ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่…อย่างไรเสียพวกมันก็เป็นตระกูลระดับจอมราชันเทพเหมือนกัน น่าจะมียอดฝีมือที่สามารถอ่านสถานการณ์ได้ไม่ยาก”
“ขอบคุณผู้นำตระกูล”
หลังได้รับข้อความของหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนก็เร่งกล่าวขอบคุณทันที ครั้งนี้แม้หลิงหูเหรินเจี๋ยจะพูดเหมือนง่ายๆ แต่เขารู้ดีว่าคิดจะให้คนของตระกูลมู่หรงช่วย…จะมากจะน้อยหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ต้องจ่ายอะไรไปบ้าง เช่นนั้นเขาจึงคิดจะจ่ายในส่วนนี้ให้แทน!
“ท่านผู้นำตระกูลเอาเช่นนี้เถอะ ตอนท่านติดต่อตระกูลมู่หรง ให้เสนอโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดเป็นการเสียเวลา และหากทางนั้นยังไม่ทราบสรรพคุณของโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอด…”
“เช่นนั้นท่านก็บอกไปได้เลย ว่าหลังคนในตระกูลหลิงหูของท่านใช้โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดไปแล้ว ผลมันเป็นอย่างไร…ข้าเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องตั้งใจไปสืบความให้แน่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสนอ
“เอ่อ เจ้ามั่นใจหรือว่าจะสามารถหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดได้อีก?”
หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวถาม
“ข้ามั่นใจมาก”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ “พอดีช่วงนี้ข้าง่วนอยู่กับการหลอมโอสถเทพระดับราชา และศึกษาการหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันอยู่หรอก ก็เลยไม่ได้หลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดเพิ่ม เอาไว้หลังจากนี้ข้าจะหลอมมันไว้สักหลายๆชุดให้ลูกหลานในตระกูลหลิงหูมีใช้กันครบคนไปเลย”
“ฮ่าๆๆๆ…เช่นนั้นข้าเชื่อว่า ‘ค่าจ้าง’ ราคาแพงนี้ของเจ้า ต้องทำให้คนตระกูลมู่หรงทำงานถวายชีวิตแน่!”
หลิงหูเหรินเจี๋ยหัวเราะออกมาเสียงดัง “ข้าจะรีบติดต่อมู่หรงอวิ๋นลิ่วเดี๋ยวนี้”
มู่หรงอวิ๋นลิ่วที่หลิงหูเหรินเจี๋ยเอ่ยถึง ก็คือผู้นำตระกูลมู่หรงคนปัจจุบัน หลิงหูเหรินเจี๋ยในฐานะผู้นำตระกูลระดับจอมราชันเทพคนหนึ่งย่อมมีสัมพันธ์อันดีกับตัวตนระดับเดียวกัน
“ดี”
ดวงตาต้วนหลิงเทียนเปล่งประกายสว่างไสวขึ้นมา
ตระกูลมู่หลง ตระกูลระดับจอมราชันเทพ?
จังหวะนี้เขาอดนึกถึงมู่หรงสุยเฟิง คณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสรรค์ขึ้นมาไม่ได้…ในเมื่อแซ่มู่หรงเหมือนกัน เช่นนั้นไม่ทราบจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่หรงที่ว่าหรือไม่?
เป็นธรรมดาว่านี่เป็นการคาดเดาไปเรื่อยของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
หลังจากนั้น หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ติดต่อกลับมา “ข้าบอกมู่หรงอวิ๋นลิ่วแล้ว มันรับปากข้าว่าจะดูให้…และตอนนี้มันถึงกับเดินทางไปยังนิกายหมื่นจันทราด้วยตัวเอง แถมยังพาอาวุโสสูงสุดไปด้วย 2 คน และพลังฝีมือของทั้งคู่ ไม่ว่าใครก็ไม่ด้อยไปกว่าอาวุโสสูงสุดทั้ง 4 ของนิกายหมอกเร้นลับเลย”
“สำหรับโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดนั่น ข้าคุยกับมันแล้ว ว่าขอดูผลงานของพวกมันก่อนว่าทำได้ดีหรือไม่…จุดนี้เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ให้มันทำตัวเหมือนสิงโตปากกว้างหรอก…”
หลิงหูเหรินเจี๋ยตอบข้อความ
“ขอบคุณผู้นำตระกูล”
ต้วนหลิงเทียนพอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
โหวชิ่งหนิงเสี่ยงบอกใบ้เขาแบบนี้ ไม่เพียงเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยง แต่ยังทำให้นิกายหมื่นจันทราตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน เป็นธรรมดาว่าเขาย่อมไม่อยากให้โหวชิ่งหนิงรวมถึงนิกายหมื่นจันทราเกิดเรื่อง
“แต่ว่า…”
หลิงหูเหรินเจี๋ยที่นิ่งไปสักพัก ในที่สุดก็ส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง “หากคนที่จับตัวเพื่อนเจ้าไปบีบคั้น เป็นคนที่กวงเทียนเจิ้งส่งมาจริง ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคน…แถมคนที่อยู่กับเพื่อนเจ้าก็สมควรเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด”
“อาศัยแค่คนของตระกูลหลิงหูเรา…ข้าไม่อาจวางใจได้เต็มที่”
“เอาเช่นนี้เถอะ…ข้าจะให้เหล่าอาวุโสสูงสุดติดต่อไปหาสหาย เพื่อระดมกำลังเสริมมาให้ได้มากที่สุด ตราบใดที่สามารถมายังเมืองหลิงหูได้ในเวลา 2 วัน จะมากเท่าไหร่ก็ยินดีรับหมด”
“ถึงตอนนั้นให้ดูว่าแต่ละคนลงแรงช่วยเหลือเจ้ามากแค่ไหน และใช้รางวัลเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดหนึ่งชุดเป็นค่าตอบแทนขั้นต่ำเถอะ…ไม่ว่าพวกมันจะมีลูกหลานหรือไม่ ต่อให้ไม่ได้ใช้โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดด้วยตัวเอง แต่ข้าเชื่อว่าพวกมันต้องอยากได้แน่ๆ”
พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งได้ไม่ยาก หลิงหูเหรินเจี๋ยก็กล่าวเสนอเรื่องนี้ออกมาทันที
“เช่นนั้นก็ดีเลย”
อันที่จริง ต้วนหลิงเทียนก็กำลังคิดถึงปัญหาที่หลิงหูเหรินเจี๋ยเอ่ยขึ้นมาเช่นกัน
หากว่าคนที่กวงเทียนเจิ้งส่งมาจัดการเขา เป็นตัวตนระดับจอมราชันเทพขั้นกลางเหมือนกันล่ะก็…
เช่นนั้นหากเขาออกจากตระกูลหลิงหูแล้ว จึงไม่มีพลังของค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลิงหูคุ้มกัน แม้ในตระกูลหลิงหูจะมีอาวุโสที่พลังฝีมือร้ายกาจจำนวนหนึ่ง แต่ไม่แน่ว่าจะปกป้องชีวิตเขาได้