ถึงแม้ว่าโหวชิ่งหนิงจะไม่ได้รู้จักต้วนหลิงเทียนมานานมากนัก แต่จากการได้พบกันครั้งแรกรวมถึงได้มารู้จักกันในภายหลัง โหวชิ่งหนิงก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนรอบคอบ
ตอนนั้นครั้งที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก่อนที่จะเข้าร่วมการทดสอบนักศึกษา 10 ดาว อีกฝ่ายได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากมัน จนทำให้มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเกิดเรื่องขึ้น แต่สุดท้ายต้วนหลิงเทียนกลับรอดมาได้อย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว
จากนั้นหลังลองไปสืบเรื่องราวดู มันก็พบว่าตระกูลระดับราชาเทพในเมืองวายุสวรรค์ ได้ส่งพวกนักรบเดนตายเข้าไปไล่ฆ่าต้วนหลิงเทียนในการทดสอบเป็นจำนวนมาก แต่ไร้ข้อยกเว้นใดๆทัพนักรบเดนตายเหล่านั้น ไม่เหลือรอดกลับมาสักคน ถูกกวาดล้างจนหมด
เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนลงมือด้วยตัวเอง หรืออาศัยความช่วยเหือภายนอกอื่นใด แต่ก็มากพอจะบอกว่าต้วนหลิงเทียนนั้นเตรียมการรับมือมาอย่างรอบคอบแล้ว
จากนั้น มันที่ยังคงอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับก็ได้รับทราบข่าวจากนิกายหมอกเร้นลับ ซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในนิกาย แต่ต้วนหลิงเทียนกลับออกจากนิกายหมอกเร้นลับได้อย่างปลอดภัย จวบจนเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูได้ จุดนี้ก็ทำให้มันเห็นถึงการเตรียมการรับมืออันยอดเยี่ยมของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
ซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวเป็นใครเล่า?
นั่นคือลูกศิษย์คนโปรดของ 2 ใน 4 อาวุโสสูงสุดที่ทรงอำนาจมากที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับ ปกติแล้วการที่พวกมันตกตายแบบนี้ อาวุโสฟงกับอาวุโสเหล่ยต้องลงมือฆ่าคนที่กล้าสังหารศิษย์ของพวกมันแน่นอน ยากนักที่จะหนีความตายได้พ้น
หากทว่า ต้วนหลิงเทียนกลับรอดมาได้!
การกระทำของต้วนหลิงเทียนคล้ายวู่วาม แต่ที่แท้ได้หาทางหนีที่ไล่เตรียมไว้แต่แรก
ให้ตายมันก็ไม่มีวันเชื่อ ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เตรียมการไว้แต่แรก
ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากโหวชิ่งหนิงพิจารณาเรื่องราวทั้งหมดแล้ว มันจึงกล้าจะบอกใบ้ต้วนหลิงเทียน
มันเชื่อว่าตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสถึงความปกติในวาจามัน ต้องทราบแน่ว่ามันกำลังมีปัญหาและตกเป็นเครื่องมือของคนอื่น และต้องหาทางรับมือกับทุกอย่างแน่ๆ
และด้วยสถานะในตระกูลหลิงหูของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็มากพอที่ผู้นำตระกูลหลิงหูจะสนับสนุนต้วนหลิงเทียนเต็มกำลัง
“ข้าได้ขอให้ผู้นำตระกูลหลิงหู ไปติดต่อขอความช่วยเหลือจากคนตระกูลมู่หรงเรื่องตรวจสอบสถานการณ์ที่นิกายหมื่นจันทราแล้ว…อย่างไรก็ตาม เจ้านั่นสมควรลงมือคนเดียว ไม่มีคนสมรู้ร่วมคิด”
สองตาต้วนหลิงเทียนหยีมองชายในชุดคลุมลมดำเบื้องหน้า พลางเอ่ยขึ้นเสียงเบา “และยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพของตระกูลมู่หรงก็ได้ตรวจสอบทั้งนิกายหมื่นจันทรา กับเมืองหมื่นจันทร์อย่างละเอียดตลอด 2 วันที่ผ่านมา แต่ไม่พบคนที่น่าสงสัยใดๆ…”
“ขอบใจเจ้ามาก!”
ถึงแม้จะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้วว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะจัดการเรื่องราวทั้งหมด แต่พอได้ฟังคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียนจริงๆ โหวชิ่งหนิงกังตื่นเต้นยินดีนัก เร่งกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนออกมาเสียงดัง
และในขณะเดียวกัน เหล่าผู้คนที่พบความเคลื่อนไหวรุนแรงและเร่งรุดมามุงชมเรื่องราว พอได้ยินบทสนทนาระหว่างโหวชิ่งหนิงกับต้วนหลิงเทียน พวกมันก็หันไปมองชายชุดดำและเริ่มคาดเดาเรื่องราวได้ทันที
“ต้วนหลิงเทียน!? ชายหนุ่มคนนั้นน่ะรึอาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหูที่กำลังดัง?”
“ยังแลดูอ่อนเยาว์ยิ่ง!”
“นั่นน่ะหรือผู้ที่หลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดออกมาได้? นับเป็นมังกรในหมู่มนุษย์โดยแท้!”
…
เมื่อคาดเดาตัวตนของต้วนหลิงเทียนได้ออก ผู้คนที่มามุงชมเรื่องราวโดยรอบก็เริ่มตื่นเต้น บรรากาศเริ่มวุ่นวายขึ้นมาทันที
จากนั้นหลายๆคนก็เริ่มหันไปมองร่างคนอีกหลายๆคนที่ปิดล้อมชายในชุดคลุมลมดำเอาไว้ ก่อนจะไปหยุดลงยังร่างหลิงหูเหิง หลิงหูฮวน และหลิงหูเจิ้งซิง “นั่นเป็นอาวุโสสูงสุดทั้ง 3 ของตระกูลหลิงหูไม่ใช่รึ!? ให้ตายเถอะ 3 คนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิงหู วันนี้กลับมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้ได้ ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ”
“ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อปกป้องต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเข้าสู่ตระกูลหลิงหูได้ 2 ปี กลับมีหน้ามีตาถึงเพียงนี้”
“คนอื่นๆเองก็เหมือนจะเป็นขุมพลังระดับจอมราชันเทพเช่นกัน”
“นั่นหลิงหูชิงเจ๋อ…ส่วนนั่นหลิงหู…”
…
ต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงลอยร่างตรงข้ามกับชายในชุดคลุมลมดำ และตรงกลางก็ปรากฏอาวุโสเหิงกับอาวุโสฮวนขวางเอาไว้
ส่วนๆรอบๆชายชุดคลุมลมดำนั้น หลิงหูชิงเจ๋อกับจอมราชันเทพอันร้ายกาจทั้ง 7 ก็ปิดล้อมชายชุดคลุมลมดำเอาไว้ สายตามองไปยังร่างในชุดคลุมลมดำราวกับกำลังมองสัตว์ติดบ่วง
“ตั้งแต่วินาทีแรกที่ข้าเห็นเจ้า ข้าก็ได้ใช้สำนึกเทวะสะกดเจ้าเอาไว้ เพื่อไม่ให้มีโอกาสส่งข้อความถึงต้วนหลิงเทียนได้…”
ชายในชุดคลุมลมดำที่รู้ตัวว่ายากจะหนีพ้น ก็หันไปมองถามเรื่องที่คาใจกับโหวชิ่งหนิงเสียงหนัก “หลังจากนั้นแม้ลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะอยู่ในมือข้าแล้ว แต่ข้าก็ไม่เคยคลาดสายตาจากเจ้า ด้วยกลัวว่าเจ้าจะส่งข้อความไปถึงคนอื่น เพื่อให้นำเรื่องไปแจ้งต่อต้วนหลิงเทียนอีกที…”
“เช่นนั้นเจ้าแจ้งให้มันทราบได้อย่างไร”
“ข้าคิดว่าข้าควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วแท้ๆ”
เสียงแหบแห้งที่กล่าวถามออกมาของชายในชุดคลุมลมดำ เพียงฟังก็บอกได้ว่ามันเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ยินยอม
“เจ้าจำไม่ได้หรือ เจ้าเป็นคนให้ข้าติดต่อหาต้วนหลิงเทียนเองหลังพาข้ามาถึงเมืองหลิงหู?”
โหวชิ่งหนิงมองกล่าวกับชายในชุดคลุมลมดำด้วยรอยยิ้มสะใจ กล่าวคำด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ที่ข้ากล่าวกับต้วนหลิงเทียน ทำนองว่าเมื่อไหร่จะเลี้ยงข้ากับพี่น้องนิกายหมื่นจันทราที่รับปากไว้วันนั้น…อันที่จริง ต้วนหลิงเทียนไม่เคยพูดว่าจะเลี้ยงข้ากับพี่น้องนิกายหมื่นจันทราสักครั้ง”
“เช่นนั้นขอเพียงต้วนหลิงเทียนจำได้ว่าไม่เคยพูดเรื่องดังกล่าวกับข้า ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาได้เป็นธรรมดาว่า ข้ากำลังมีปัญหา และด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน ต้องเดาได้ไม่ยากว่าข้าต้องการชวนออกมาด้านนอก…”
“กล่าวให้ชัดคือ คือคนร้ายที่ใช้ข้าเป็นหมากต้องการล่อให้ออกไปด้านนอก!”
โหวชิ่งหนิงกล่าว
“เจ้าไม่กลัวว่าคำใบ้ของเจ้า จะเป็นเหตุให้ผู้คนนับหมื่นพันในนิกายหมื่นจันทราของเจ้าตายตก?”
ชายในชุดคลุมลมดำกล่าวออกเสียงหนัก “เจ้าคิดจะเสี่ยงกลบฝังทุกคนในนิกายของเจ้ากระทั่งตัวเจ้าเองเพราะมัน?”
“ก็อย่างที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้…”
โหวชิ่งหนิงเอ่ยออกเสียงเรียบ “พอดีข้าเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียน”
“ข้าเชื่อว่าอย่างต้วนหลิงเทียนต้องคาดเดาได้ทันทีว่าข้ากำลังมีปัญหา กระทั่งนิกายหมื่นจันทราเบื้องหลังข้าอาจถูกใช้เป็นเบี้ยเพื่อข่มขู่ข้าให้ทำแบบนี้ และข้าเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนต้องจัดการเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างเหมาะสมแน่”
“แน่นอนว่าที่ไฉนข้ากล้าเสี่ยงครั้งนี้ ก็เพราะข้ายังรู้อีกด้วยว่าหลิงหูเหรินเจี๋ย ผู้นำตระกูลหลิงหูเป็นสหายสนิทกับผู้นำตระกูลมู่หรงอย่างมู่หรงอวิ๋นลิ่ว…และพอดีตระกูลมู่หรงที่ว่าก็เป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ที่อยู่ไม่ห่างนิกายหมื่นจันทราสักเท่าไหร่”
ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนโหวชิ่งหนิงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร จึงกล่าวทุกสิ่งออกมาอย่างเปิดเผยจริงใจ
“เจ้ากลับกล้าเสี่ยงจริงๆ”
ชายในชุดคลุมลมดำกล่าวคำเสียงเย็น จากนั้นมันก็เหลือบมองไปทางต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียนเจ้านับว่ามีสหายประเสริฐนัก เพื่อเจ้าคนเดียวมันกลับเอาทั้งครอบครัวและพี่น้องในนิกายนับหมื่นพันชีวิตมาเสี่ยง!”
“ข้าเองก็รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่มีเพื่อนดีแบบนี้”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ สายตาที่ใช้มองชายในชุดคลุมลมดำยังทำราวกับมองคนตาย
วู้มมม!!
แทบจะพร้อมกันกับที่ชายชุดคลุมลมดำกล่าวจบคำ ทันใดนัน้ในมือของมันก็ปรากฏกระบี่เล่มหนึ่ง มันปะทุพลังชั่วชีวิตก่อนจะโจนร่างทะยานขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็ตวัดฟันซัดคมมีดสายลมสีเขียวเข่นฆ๋าออกไปรอบทิศ
“กระบี่อัสนีท่องลม!”
พอกระบี่เทพขั้นสูงปรากฏขึ้นในมือชายชุดคลุมลมดำ สองตาเล็กๆของหลิงหูเหิงก็หรี่ลงแทบปิด “ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่าตอนเจ้าลงมือเมื่อครู่ ลมหายใจของเจ้ากลับให้ความรู้สึกคุ้นๆนัก…ที่แท้เป็นอาวุโสฟงแห่งนิกายหมอกเร้นลับนี่เอง!”
กระบี่อัสนีล่องลม เป็นกระบี่เทพขั้นสูงคู่กายของอาวุโสฟงแห่งนิกายหมอกเร้นลับ เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันดี
พอกล่าวจบคำ หลิงหูเหิงก็เหินร่างขึ้นไปช่วยพวกหลิงหูเจิ้งซิงปิดล้อมชายในชุดคลุมลมดำทันที
ส่วนผู้ที่มามุงชอมเรื่องราวโดยรอบ ตอนนี้กลายเป็นแตกตื่นฮือฮาไม่น้อย
ชายในชุดคลุมลมดำที่ต้องการฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ที่แท้ก็คือ 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมอกเร้นลับ!?
ในขณะเดียวกันด้านหลิงหูเจิ้งซิงกับคอื่นๆก็ชักอุปกรณ์เทพของตัวเองออกมา แม้พวกมันจะลงมือทีหลังแต่อาศัยกระบี่ที่ตวัดจู่โจมออกมารอบทิศอย่างกะทันหันของชายในชุดคลุมลมดำ พวกมันย่อมคลี่คลายได้ไม่ยากเย็น
ขณะเดียวกัน ตอนนี้ชายในชุดคลุมลมดำดังกล่าวก็ได้เลิกผ้าคลุมออกแล้ว เผยให้เห็นใบหน้าที่ต้วนหลิงเทียนคุ้นตา
“ข้าหลงคิดว่าทุกเรื่องราวต้องราบรื่น แต่ไม่คิดเลวว่าทั้งหมดจะมาพังเพราะความเชื่อใจอย่างหน้ามืดตามัวของโหวชิ่งหนิงที่มีต่อต้วนหลิงเทียน”
อาวุโสฟงกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
“อาวุโสฟงการลงมือของทันวันนี้ ที่แท้เป็นเรื่องส่วนตัวหรือนิกายหมอกเร้นลับรู้เห็น?”
ทันใดนั้นเองหลิงหูเหิงก็ปริปากกล่าวถามออกมา น้ำเสียงยังต่ำนัก
“เป็นการลงมือส่วนตัวของข้าเอง”
อาวุโสฟงกล่าวออกเสียงเรียบ “นิกายหมอกเร้นลับ ไม่เว้วนแม้แต่อาวุโสเหล่ย ตอนนี้ก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป พวกมันล้วนกริ่งเกรงความสามารถและความสำเร็จในวันหน้าของต้วนหลิงเทียน”
“น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก…สารเลวน้อยนั่นอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ”
เมื่ออาวุโสฟงมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในสายตามันก็เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตามเจตนาฆ่าฟันยิ่งมากลับยิ่งมาก!
“ซั่งกวนฉงเฟิงนั่น ข้าเกรงว่าคงไม่ใช่แค่ศิษย์คนหนึ่งของเจ้ากระมัง อาวุโสฟง?”
ทันใดนั้นเองหลิงหูเหิงคล้ายฉุกคิดอะไรได้ออก จึงหยีตามองถามอาวุโสฟง
หากเป็นแค่ลูกศิษย์คนหนึ่ง มันไม่คิดว่าอาวุโสฟงจะถลำลึกถึงขนาดนี้ กล่าวได้ว่าอีกฝ่ายลงมือด้วยเอาตัวเข้าแลก ตั้งใจจะแตกหักกับกับตระกูลหลิงหูแล้วจริงๆ
“มีข่าวลือว่าซั่งกวนฉงเฟิงนั่น หากไม่ใช่ลูกชายนอกสมรสของเจ้าก็เป็นหลานชายแท้ๆของเจ้า…หรือข่าวลือที่ว่าเป็นความจริง?”
หลิงหูเหิงเอ่ยถาม
“มิผิด มันเป็นหลานชายแท้ๆเพียงคนเดียวของข้า”
อาวุโสฟงพยักหน้ารับ
แทบจะพร้อมกันกับที่มันกล่าวยอมรับออกมา ผู้คนส่วนใหญ่ที่ปิดล้อมมันอยู่ก็ถึงกับผงะไปด้วยความตกใจโดยไม่รู้ตัว เพราะคำตอบดังกล่าว
และวินาทีเดียวกันนั้น อาวุโสฟงก็ได้ปะทุพลังชีวชีวิตเข่นฆ่าสังหารออกไป!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
กระบี่อัสนีท่องวายุในมือขวาของอาวุโสฟง ได้ตวัดฟันผ่านฝ่ามือซ้ายของตัวเอง พอโลหิตพุ่งกระฉูดออกมา ก็ผสานรวมเข้ากับพลังลมของมัน อุบัติเป็นกลิ่นอายพลังลี้ลับสุดเกรี้ยวกราดขึ้นในบัดดล!
พริบตาต่อมา!
ฟู่มมม!!
ทั่วร่างอาวุโสฟงปรากฏเพลิงพลังสีโลหิตเข้มข้น จากนั้นพลังทั้งหมดของมันก็รวมรั้งลงตัวกระบี่ที่ตวัดฟันออกไป บังเกิดเป็นสายลมคมมีดสีเลือดปานเสี้ยวจันทร์ เข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอัศจรรย์!
เร็ว! เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!!
“แย่แล้ว!!”
จังหวะนี้คู่แฝดเหิงฮวน รวมถึงเหล่าจอมราชันเทพอันทรงพลังทั้งหมดที่ปิดล้อมอาวุโสฟงเอาไว้ สีหน้าท่าทีแต่ละคนก็เปลี่ยนไปมหันต์
ต้องทราบด้วยว่าพอทุกคนได้ยินเรื่องที่ซั่งกวนฉงเฟิงเป็นหลานชายแท้ๆของอาวุโสฟง ทั้งหมดก็ผงะไปด้วยความตกใจ กล่าวได้ว่าจะมากจะน้อยก็เหม่อไปชั่วขณะหนึ่ง!
จนเมื่ออาวุโสฟงตวัดกระบี่ซัดคลื่นสะบั้นลักษณะเสี้ยวจันทร์สีเลือดไปทางต้วนหลิงเทียน พวกมันก็พึ่งรู้สึกตัว และเร่งออกกระบวนท่าขัดขวางทันที
อนิจจากลับช้าเกินไป
“ต้วนหลิงเทียน โหวชิ่งหนิง วันนี้พวกเจ้าท้งคู่ร่วมกลบฝังไปกับข้าเถอะ! เช่นนั้นยามข้าไปพบเจอฉงเฟิงอีกครั้ง ข้าก็มีคำอธิบายแล้ว…”
คลื่นสะบั้นวายุสีเลือดดั่งกล่าวแหวกฟ้าไปรวดเร็วสุดที่ใครจะขวางรั้งได้ทัน มันพุ่งผ่านข้างกายคู่แฝดเหิงฮวน เข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงอย่างอำมหิต
สีหน้าโหวชิ่งหนิงเปลี่ยนสีไปทันใด
วินาทีกระทั่งตัวมันเองก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเพราะความตกใจหลังได้ยินว่าซั่งกวนฉงเฟิงเป็นหลานชายของอาวุโสฟงจริงๆ
นี่คือปฏิกิริยาตอบสนองตามจิตใต้สำนึกของผู้คนยามพบเจอเรื่องไม่คาดฝัน
พอเห็นว่าคลื่นสะบั้นลักษณะเสี้ยวจันทร์สีเลือด พุ่งมาฉับไวประหนึ่งอสูรกายร้ายที่อ้าปากกระหายเลือดออกกว้างหมายกลืนมันกับต้วนหลิงเทียนไปในหนึ่งคำ ลุถึงเบื้องหน้าแล้ว โหวชิ่งหนิงก็ขวัญเสียนัก
ด้านจอมราชันเทพทั้งหลายของตระกูลหลิงหูก็มองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฉับพลันด้วยความเสียใจ เสียใจที่พวกมันดันมาฟุ้งซ่านเอาในวินาทีสำคัญ
แม้จะเป็นไปไม่ได้เลยที่อาวุโสฟงจะรอดพ้นพวกมันไปได้วันนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องปกป้องคุ้มครองต้วนหลิงเทียนของพวกมันกลับล้มเหลว!
พลังฝีมือของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยกว่าพวกมันคนใดคนหนึ่ง
ตอนนี้พอถูกอีกฝ่ายเปิดเผยความจริงอัน่าตกใจ จนฟุ้งซ่านไปขณะ และถูกอีกฝ่ายฉกฉวยเสี้ยววินาที่ล้ำค่าออกกระบวนท่าสังหารด้วยพลังชั่วชีวิตออกไป พวกมันคิดต้านทานขัดขวางก็ไม่ทันแล้ว…
กระทั่งจอมราชันเทพที่หลิงหูเหิงชวนมาทั้ง 4 ก็ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก
สุดท้ายที่พวกมันเข้าร่วมคณะคุ้มกันต้วนหลิงเทียนคราวนี้ ก็เพราะต้องการโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดจากตระกูลหลิงหู เพราะตระกูลหลิงหูก็รับปากไว้ว่าค่าจ้างครั้งนี้จะเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอด…
แต่ถ้าต้วนหลิงเทียนตกตายไป ตระกูลหลิงหูจะไปหาโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดมาให้พวกมันจากที่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนหลิงเทียนยังถูกฆ่าตายภายใต้จมูกของพวกมัน ต่อให้ตระกูลหลิงหูจะเสนอรางวัลอื่นๆ แต่พวกมันที่ละอายใจเพราะทำพลาดไหนเลยจะกล้ารับ
คราวนี้ไม่ใช่ว่าพวกมันวุ่นวายกันเสียเปล่าหรือไร?!
พอนึกถึงจุดนี้ แต่ละคนก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง! พวกมันเกลียดอาวุโสฟงจับใจ เช่นนั้นกระบวนท่าที่พวกมันเร่งเร้าพลังจู่โจมออกไปอีกครั้ง จึงเป็นกระบวนท่าสังหารหมายปลิดชีพอาวุโสฟงทั้งนั้น!!