เดิมทีอาวุโสฟงคิดว่าวันนี้คงไม่มีโอกาสล้างแค้นให้ ซั่งกวนฉงเฟิงผู้เป็นหลานชายแล้ว
  จนเมื่อหลิงหูเหิงกล่าวถามว่าซั่งกวนฉงเฟิงเป็นลูกนอกสมรสหรือหลานชายของมันหรือไม่ออกมา มันก็มองเห็นโอกาสทันที
  ในอดีตแม้ผู้คนจะกล่าวลือกันหนาหู แต่เมื่อมันไม่ได้ออกมายอมรับ และก็ไม่มีใครสามารถกล้ายืนยันข้อเท็จจริงได้เต็มสิบส่วน…เช่นนั้นพอมันกล่าวยอมรับออกมากับปาก ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้จักมัน โดยทั่วไปแล้วย่อมตกใจเป็นธรรมดา
  และเมื่อผู้คนตกใจ จะมากจะน้อยก็ต้องผงะไปชั่วขณะหนึ่ง
  ‘กฏที่ข้าเชี่ยวชาญคือกฏแห่งลม ทั้งข้ายังเชี่ยวชาญวิชากระบี่ไวเป็นที่สุด…นอกจากนั้นพลังสายเลือดรวมทั้งการสังเวยเลือดของข้า ก็ยังหนุนเสริมความเร็วกระบวนท่าข้าได้อีก’
  ‘เช่นนั้นขอเพียงพวกมันฟุ้งซ่านแม้จะเป็นชั่วเวลาแค่เสี้ยวพริบตา ข้าก็มีโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงได้’
  และบัดนี้เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นดั่งที่อาวุโสฟงคาดคิดคำนวณ
  มันลงมือในฉับพลัน ฉกฉวยโอกาสเสี้ยวพริบตาที่สร้างขึ้นอย่างหาได้ยาก ลงมือซัดกระบี่สังหารออกไปสุดที่ใครจะทันได้ตั้งตัว นอกจากนั้นแม้ทุกคนจะตอบสนองเร็วแค่ไหน แต่การลงมือหลังมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายกระบวนท่าสังหารของมันได้ทัน
  ทำให้บัดนี้คลื่นสะบั้นกระบี่สังหารที่มันซัดออก ห่างจากต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงไม่ไกลแล้ว และไม่ว่าทุกคนจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ทัน
  “สารเลวน้อยตายเสีย!!”
  อาวุโสฟงที่บัดนี้ทั่วร่างแดงฉานไปด้วยเพลิงพลังสีเลือด มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงที่กำลังจะถูกคลื่นกระบี่สังหารด้วยดวงตาคุ้มคลั่งอำมหิต และพอเห็นว่าคลื่นกระบี่ของมันเจียนจะถึงตัวคนแล้ว ลึกลงไปในดวงตานอกจากความคุ้มคลั่งอำมหิตก็เผยประกายแห่งความตื่นเต้นออกมา
  ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและพึงพอใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
  ฟั่ฟฟฟฟ!!
  คลื่นกระบี่สะบั้นลักษณ์จันทร์เสี้ยวผ่าอากาศไปฉับไว และท่ามกลางสายตาของผู้ที่ชมมองเรื่องราวโดยรอบ คลื่นกระบี่สังหารดังกล่าวก็พุ่งผ่านร่างต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงไปในเสี้ยวพริบตา
  อย่างไรก็ตาม อาวุโสฟงที่สมควรมีความสุขความยินดี บัดนี้กลับหน้าเปลี่ยนสีไปเป็นดูไม่ได้
  “เป็นไปได้ยังไง!?”
  ในขณะเดียวกัน ผู้คนยังเริ่มตระหนักได้ ว่าที่คลื่นกระบี่สังหารของมันพุ่งผ่าน ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิง แต่เป็นเพียงภาพติดตาของต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงเท่านั้น ส่วนคนทั้งสองได้อันตรธานหายไปไหนแล้วไม่ทราบ
  วูบ! วูบ!
  ขณะเดียวกัน ผู้ชมที่อยู่ห่างออกไปหลายคน ก็พบว่าบัดนี้ร่างต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิงได้ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังหลิงหูเจิ้งซิงปานภูตผี เป็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ!
  “เฉียดฉิวนัก!!”
  จังหวะนี้ทุกคนที่ชมดูอยู่ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
  ซู่มมม!!
  ในเวลาเดียวกัน อาวุโสฟงที่บัดนี้ได้ตกเป็นเป้าสังหารของทุกคน ก็เร่งปะทุพลังชั่วชีวิตเคลื่อนกายหลบหลีกกระบวนท่าที่โหมมาดั่งห่าพิรุณอย่างตาลีตาเหลือก
  ปงงง!!
  ตูมมม!!
  ตัวตนขอบเขตจอมราชันเทพอันทรงพลังออกกระบวนท่าสังหารด้วยความแค้นมาพร้อมๆกัน อานุภาพพลังไหนเลยจะล้อเล่นได้ กระบวนท่าที่ซัดจั่วลมทั้งหลาย เมื่อล่วงเลยไปตกบนพื้นหรืออาคาร ก็สร้างความวินาศสันตะโรทั้งสิ้น กระทั่งผู้คนบางคนที่โดนลูกหลงก็ตายคาที่…
  เหลาวั่งชุนที่อยู่ไม่ไกล บัดนี้ก็พังถล่มลงมาไม่เหลือชิ้นดี ผู้คนที่มาดื่มกินในเหลาถูกฝังอยู่ในซาดกปรักหักพัง เสียงก่นด่ามารดา ทั้งเสียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมั่วไปหมด
  และบางคนที่ซวยหน่อย ดันไปอยู่ในวิถีกระบวนท่าที่หลงมาพอดี ก็มีอันต้องจบชีวิตพร้อมอาหารมื้อสุดท้ายที่ยังกินไม่ทันอิ่มไปอย่างน่าสงสาร
  ถนนหนทางด้านล่างบัดนี้ ก็หาสภาพเดิมไม่เจอ
  ผู้ชมหลายคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย แม้จะไม่โดนพลังกระบวนท่าซัดเข้าจังๆ อาศัยควันหลงจากแรงระเบิด ก็สภาพย่ำแย่ไปตามๆกัน
  ยังดีที่มุมตกกระทบของกระบวนท่าจากเหล่าจอมราชันเทพทั้งหลาย มันทำมุมเอียงกับพื้น ไม่ได้ซัดถล่มลงมาตรงๆ หาไม่แล้วแรงระเบิดในละแวกใกล้เคียงคงไม่ได้มีเพียงเท่านี้
  “ยังเป็นเพราะที่นี่คือระนาบเทพที่สรรพสิ่งล้วนมีพลังแฝงเร้นจนทนทานผิดกับวัสดุในระนาบเทวโลก…หากเป็นในระนาบเทวโลก อย่าว่าแต่จอมราชันเทพทุกคนเลย เอาแค่คนเดียวซัดพลังออกไปส่งๆ ทั้งเมืองก็คงพินาศไปแล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนที่หอบหิ้วโหวชิ่งหนิงข้ามมิติมาโผล่ด้านหังหลิงหูเจิ้งซิง อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นกล่าวออกมา เมื่อเห็นพลังทำลายที่เกิดจาก จอมราชันเทพทั้ง 9 คน
  ไม่ต้องกล่าวถึงระนาบโลกียะเลย
  กระทั่งในระนาบเทวโลก การลงมือส่งๆของจอมราชันเทพ แรงระเบิดก็รุนแรงมากพอจะถล่มภูเขาลูกเขื่องให้หายไปอย่างง่ายดาย
  ด้านอาวุโสฟงถึงแม้จะรอดพ้นจากความตายมาได้ แต่มันก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน คนเหินลอยอยู่กลางหาว ลมหายใจยังอ่อนโทรมนัก
  ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
  …
  ทันใดนั้นเอง นอกจากหลิงหูเจิ้งซิงที่เลือกจะรั้งอยู่ที่เดิมเพื่อปกป้องต้วนหลิงเทียนไว้ด้านหลังแล้ว คนอื่นๆเร่งพุ่งร่างไปปิดล้อมอาวุโสฟงอีกครั้ง
  “เจ้ามิได้ฟุ้งซ่านเหมือนกับผู้อื่นหรือไร?”
  เพียงแต่อาวุโสฟงไม่ได้สนใจคนทั้ง 8 ที่ปิดล้อมแม้แต่นิดเดียว มันมองผ่านหลิงหูเจิ้งซิงไปยังต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านหลัง พลางถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อยังมากล้นไปด้วยความไม่เต็มใจ
  “เหอะๆ มีความเป็นตายเป็นเดิมพัน ข้ายังจะกล้าฟุ้งซ่านได้อย่างไร”
  ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองอาวุโสฟงด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยออกเสียงเรียบว่า “อาวุโสฟง…นอกจากนั้นตั้งแต่ที่เจ้าลงทุนทำถึงขนาดนี้ ใจข้าก็ยืนยันได้แต่แรกแล้ว ว่าถ้าซั่งกวนฉงเฟิงนั่นมิใช่ลูกที่เจ้าแอบไปมีกับอีหนูด้านนอก หรือหลานชายแท้ๆของเจ้า อาศัยศิษย์คนหนึ่งเจ้าคงไม่ดันทุรังลงมือถึงขนาดนี้ ทำให้ถึงแม้เรื่องที่เจ้ากล่าวยอมรับออกมาจะชวนให้ผู้คนตกใจอยู่บ้าง แต่ข้าที่มีชีวิตเป็นเดิมพันไม่มีทางฟุ้งซ่านกับเรื่องแค่นี้หรอก”
  คำพูดของต้วนหลิงเทียน ทำให้โหวชิ่งหนิงที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะหน้าม้านหูแดงด้วยความอับอาย…มันก็มีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นกัน แต่ดันฟุ้งซ่านซะงั้น
  “น่าเสียดาย…ช่างน่าเสียดายนัก”
  สองตาอาวุโสเฟิงหรี่ลงทันใด จากนั้นพลังเทพทั่วร่างของมันก็ลุกโชนขึ้นมา จากนั้นกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวก็เริ่มกำจายไปในบรรากาศ
  ขณะเดียวกัน เพลิงพลังสีแดงฉานที่ปกคลุมทั่วร่างของอาวุโสฟงก่อนหน้าก็ได้หายไปแล้ว คงเหลือเพียงเพิงพลังสีเขียวจากกฏแห่งลม
  หากทว่าเพลิงพลังจากกฏแห่งลมนั่น อยู่ๆก็ยิ่งแผ่ขยายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
  “มัน…คงไม่ได้คิดจะระเบิดโลกใบเล็กภายในกายอยู่หรอกนะ!?”
  เห็นสภาพร่างกายของอาวุโสฟง กับความผันผวนของพลัง ต้วนหลิงเทียนก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจทันที “ให้ตาย! มันจุดชนวนไปแล้ว!”
  ขุมพลังที่อยู่เหนือราชาเทพนั้น สามารถจุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กภายในกายของตัวเองได้ และพลังทำลายล้างจากการทำแบบนั้นก็ทรงพลังน่ากลัวมาก
  เพียงแต่เมื่อกระทำเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ร่างจะสลายไปไม่เหลือซาก กระทั่งวิญญาณยังจะดับสูญ แถมห้วงเวลาก่อนตายยังต้องทุกข์ทรมาณไม่ต่างจากถูกหลอมกลั่นวิญญาณ…ด้วยเหตุนี้จึงมีน้อยคนนักที่จะเลือกระเบิดโลกใบเล็กของตัวเอง ต่อให้ต้องตายก็ไม่เลือกตายแบบนี้
  โดยปกติแล้ว มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำอะไรเช่นนี้
  “บัดซบ! มันบ้าไปแล้ว!!”
  ทันใดนั้นเอง หลิงหูเจิ้งซิงกับคนอื่นๆก็ตระหนักได้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของพวกมันยังเปลี่ยนไปมหันต์
  ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ หลิงหูเจิ้งซิงพลันตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ถอยมาหาข้าเร็ว!!”
  ขณะกล่าวหลิงหูเจิ้งซิงยังสะบัดมือเรียกเรือเหาะระดับจอมราชันเทพออกมา จากนั้นก็ใช้พลังฉุดร่างต้วนหลิงเทียนกับโหวชิ่งหนิง ไม่เว้นจอมราชันเทพอีก 8 คนที่กำลังพุ่งมาตามคำสั่งให้เข้าไปในเรือเหาะระดับจอมราชันเทพทันที
  ซู่มมม!!
  จากนั้นมันก็กระตุ้นเรือเหาะระดับจอมราชันเทพดังกล่าวให้พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงสุด ยังมุ่งหน้าไปทางตระกูลหลิงหู
  และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เรือเหาะระดับจอมราชันเทพพุ่งทะยานออกไป ต้วนหลิงเทียนก็เห็นฉากเรื่องราวด้านนอกผ่านม่านแสงจากอาคมฉายลักษณ์ในห้องโดยสาร จึงพบว่าหลังจากที่เปลวเพลิงสีเขียวทั่วร่างของอาวุโสฟงแผ่ขยายถึงขีดสุดมันก็เผาร่างอาวุโสฟงจนสลายหายไป ก่อนห้วงมิติตรงนั้นจะระเบิดออกทันที!
  จากนั้นมวลพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงก็แผ่ขยายออกมาทุกทิศทาง มองไปยังเห็นเมฆเห็ดมหึมาเบ่งบานขึ้น
  และพอคลื่นกระแทกที่กวาดซัดออกมาจากเมฆเห็ดดังกล่าวแผ่ขยายออกไป ทุกสรรพสิ่งตามรายทางก็มีอันต้องแหลกสลายหายไป ราวกับระเหิดหายไปจากโลกหล้า
  นอกจากนั้นคลื่นกระแทกมหาประลัยดังกล่าวยังไล่หลังเรือเหาะจอมราชันเทพมาด้วยสภาวะล้างผลาญปานทัพม้านับหมื่นพันไล่บดขี้ข้าศึก! ยังมีแนวโน้มว่าจะไล่ตามเรือเหาะจอมราชันเทพลำนี้ได้ทัน ก่อนจะจบลงด้วยแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ!!
  จากนั้นความเร็วของเรือเหาะจอมราชันเทพเร่งถึงจุดสูงสุด จนต้วนหลิงเทียนไม่อาจเห็นเรื่องราวด้านนอกอีกต่อไป
  อย่างไรก็ตาม เขายังคงได้ยินเสียงบรรยากาศสนั่นหวันไหว ราวกับฟ้าถล่มดั่งไล่หลังมาไม่หยุด
  ฟุ่บบบ!!
  เมื่อเรือเหาะจอมราชันเทพหยุดลง ต้วนหลิงเทียนที่มองฉากเรื่องราวบนม่านแสงไม่วางตา ก็พบว่าบัดนี้เขาได้กลับมาถึงตระกูลหลิงหูแล้ว และทันใดนั้นเองม่านพลังโปร่งใสก็ปรากฏขึ้น ปกคลุมทั้งตระกูลหลิงหูเอาไว้
  ม่านพลังพึ่งก่อตัวแล้วเสร็จได้ไม่ทันไร คลื่นกระแทกมหาประลัยที่กวาดซัดออกมาจากเมฆเห็ดไกลๆ ก็เดินทางมาถึง! พอพลังทำลาล้างดังกล่าวตกกระทบ ม่านพลังก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า เสียงพลังระเบิดดังหึ่งหึ่งกลบทุกสำเนียงเสียงใด
  ผู้คนทั้งตระกูลหลิงหูต่างพากันออกจากบ้านด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะพบเห็นแสงสว่างที่เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างนอกม่านพลัง ปกคลุมทับม่านพลังไว้อีกชั้นจนไม่อาจแลเห็นท้องฟ้าหรือสิ่งใดด้านหลังม่านพลังได้เลย
  และกลิ่นอายพลังทำลายล้างดังกล่าว พวกมันก็ตระหนักได้ทันทีว่าทรงพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าการลงมือเต็มกำลังของหลิงหูเจิ้งซิง! ยังจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ!!
  “บัดซบ! สารเลวนั่นมันบ้าไปแล้ว!!”
  หลิงหูเหิงที่ปกติแล้วแก้มย้วยๆมักเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บัดนี้แลดูดุดันเอาเรื่องนัก อย่างไรก็ตามเห็นชัดว่าบริเวณขมับมันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดซึม
  ส่วนอีกด้าน เหล่าจอมราชันเทพคนอื่นๆไม่เว้นหลิงหูเจิ้งซิงก็มีสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก กระทั่งในแววตาแต่ละคนยังฉายความหวาดกลัวจับใจ ราวกับคนที่พึ่งรอดพ้นความตายมาอย่างฉิวเฉียด
  “การจุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กของจอมราชันเทพขั้นต่ำ มันมีพลังทำลายล้างมหาศาลขนาดนี้เชียวหรือ? ช่างน่ากลัวนัก…”
  ต้วนหลิงเทียนมองคลื่นพลังทำลายล้างด้านนอกม่านพลังด้วยสายตาหวาดหวั่น ลูกตายังหดเล็กลง “ด้วยแรงระเบิดขนาดนี้…เกรงว่าเมืองหลิงหูส่วนใหญ่คงถูกทำลายไปแล้วกระมัง?”
  ด้านโหวชิ่งหนิงที่ยืนข้างๆต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็หวาดกลัวจนขาสั่น ใบหน้ายังซีดเซียวฉายชัดถึงความตื่นตระหนกเสียขวัญ
  “ไม่หรอก ปกติแล้วต่อให้เป็นจอมราชันเทพขั้นสูงจุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กเพื่อทำลายตัวเองแบบนี้ พลังระเบิดก็คงไม่ได้ต่างจากตอนนี้มากนัก”
  ทันใดนั้นเอง หลิงหูเหิงพลันก่นด่าออกมา “แต่สารเลวแซ่ฟงนั่นมันบ้าไปแล้ว!”
  “อาศัยจอมราชันเทพขั้นต่ำเช่นมัน กลับจุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กจนสร้างพลังทำลายล้างได้ถึงขั้นนี้ ข้าเกรงว่าในโลกใบเล็กของมันต้องมีการจัดตั้งค่ายกลสังหารหลายชนิด ยังต้องใช้หินเทพขับเคลื่อนเป็นจำนวนมาก ถึงจะสร้างแรงระเบิดระดับนี้ได้”
  “อีกทั้งราคาที่ต้องจ่ายเพราะการกระทำดังกล่าว ก็คือความเจ็บปวดดั่งถูกหลอมกลั่นวิญญาณก่อนตาย นับว่าเจ็บปวดกว่าผู้อื่นที่ระเบิดโลกใบเล็กตัวเองตามปกติเสียอีก”
  “ข้าเองก็เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนบ้าคนหนึ่งเคยทำแบบนี้เพื่อล้างแค้น…แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับตัวเข้าจริงๆ!”
  “นับว่าโชคดีนักที่พวกเรามีเรือเหาะจอมราชันเทพ จึงสามารถหนีออกมาด้วยความเร็วระดับจอมราชันเทพขั้นสูง หาไม่แล้วต่อให้เฒ่าชราเช่นพวกเรารีดเค้นพลังต้านทานถึงไม่ตายก็ต้องสาหัส”
  “สำหรับพวกเจ้าสองคน…ไม่เหลือซากแน่นอน!”
  พอเสียงกล่าวของหลิงหูเหิงดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าแสงทำลายล้างทั้งม่านควันด้านนอกค่อยๆสลายหายไป จากนั้นฉากวินาศก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
  พื้นดินแตกระแหงเห็นอยู่ทุกแห่งหน มองไปทางไหนก็พบเห็นแต่เศษซากปรักหักพังหาชิ้นดีไม่ได้
  อย่างไรก็ตาม จวนตระกูลหลิงหูที่เปิดกางม่านพลังพิทักษ์ได้ทัน จึงไม่ได้รับความเสียดายใดๆ
  อย่างไรก็ตามพื้นที่ด้านนอกใกล้ๆเขตจวนตระกูลหลิงหู ปรากฏคราบเลือดสีแดงฉานอยู่หลายกอง กระทั่งยังมีคราบเลือดสาดชโลมม่านพลังเป็นหย่อมๆ บ่งบอกให้รู้ว่าหน่วยลาดตระเวนด้านนอกตระกูลหลิงหูนั้นแม้จะไหวตัวทัน แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่งจึงหลบหนีเข้ามาในม่านพลังไม่ทัน ตกตายกันหน้าม่านพลัง
  เห็นฉากนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
  คราวนี้โชคดีที่หลิงหูเจิ้งซิงมีเรือเหาะระดับจอมราชันเทพ ไม่เช่นนั้นต่อให้เขาใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติติดต่อกันเพื่อล่าถอยเต็มกำลัง ก็คงหนีไม่ทัน
  ขณะเดียวกัน เขายังได้รับทราบจากปากหลิงหูเหิงอีกว่า การจุดชนวนโลกใบเล็กภายในกายของจอมราชันเทพขั้นต่ำตามปกติ มันไม่ได้ทรงพลังมากพอจะสร้างแรงระเบิดทำลายล้างที่น่ากลัวถึงขนาดนี้!
  ที่ไฉนการจุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กภายในกายของ อาวุโสเฟิง 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับ สามารถปลดปล่อยพลังทำลายล้างดังกล่าวออกมาได้ เป็นเพราะอีกฝ่ายได้จัดตั้งค่ายกลสังหารจำนวนมากเอาไว้ในโลกใบเล็กแต่แรก
  หาไม่แล้ว ต่อให้เป็นการระเบิดตัวเองของจอมราชันเทพขั้นสูง ก็ไม่ได้รุนแรงมากไปกว่านี้
  คนบ้า!
  จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดเห็นด้วยกับคำกล่าวของหลิงหูเหิงไม่ได้
  “นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน?!”
  “สวรรค์! ฟ้าถล่มหรืออย่างไรกันแน่!?”
  “ยอดฝีมือที่ไหนมาโจมตีเมืองหลิงหู? ถึงได้มีพลังทำลายล้างจนทั้งเมืองกลายเป็นซากไปแล้วแบบนี้!?”
  …
  ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้คนของตระกูลหลิงหูทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่เด็กน้อย ก็พากันเหินบินขึ้นไปฟ้า ก่อนจะพากันอุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจหลังแลเห็นฉากวินาศสันตะโรด้านนอก
  ทุกคนล้วนถูกเสียงระเบิดดังสนั่นอันน่าตกใจก่อนหน้าดึงดูดความสนใจเช่นกัน
  “ผู้อาวุโสเจิ้งซิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!”
  หลินย่าหลิน หัวหน้าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพของตระกูลหลิงหูก็ออกมาติดตามสถานการณ์เช่นกัน หลังจากพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนเป็นการทักทายแล้ว มันก็เหินร่างมาหยุดลงตรงหน้าหลิงหูเจิ้งซิงพลางเอ่ยถามออกไปทันที
  “นั่นบรรพบุรุษเจิ้งซิง!!”
  “ผู้เฒ่าเหิงกับผู้เฒ่าฮวนก็อยู่ด้วย!”
  “อาวุโสชิงเจ๋อก็อยู่ด้วยเช่นกัน!!”
  …
  เหล่าจอมราชันเทพของตระกูลหลิงหูทั้งหลาย เริ่มถูกคนตระกูลหลิงหูจดจำได้ทีละคน
  ได้ยินคำถามของหลินย่าหลิน หลิงหูเจิ้งซิงก็กล่าวตอบออกมาว่า “เป็นผู้แซ่ฟง 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับที่ฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่สำเร็จ ทั้งเห็นว่าโดนพวกเราปิดล้อมจนไม่อาจหนีรอดความตายได้พ้น เช่นนั้นมันที่ไม่ต่างใดกับสุนัขจนตรอก จึงเลือกโดดข้ามกำแพงโดยการจุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กภายในกาย…หมายให้ต้วนหลิงเทียนและพวกเราตกตายไปตามๆกัน”