ระเบิดโลกใบเล็กภายในกาย?
  ได้ยินคำตอบของหลิงหูเจิ้งซิง ไม่เพียงแต่สีหน้าของหลินย่าหลินจะเปลี่ยนไป กระทั่งสีหน้าของผู้คนตระกูลหลิงหูโดยรอบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
  “อาวุโสฟงของนิกายหมอกเร้นลับ มันโหดร้ายถึงเพียงนี้?”
  “มันเสียสติไปแล้วหรือไร?”
  “ไม่สิ…อาศัยจอมราชันเทพขั้นต่ำ ต่อให้ระเบิดโลกใบเล็กภายในกายของตัวเองเพื่อตายตกไปตามกัน แต่พลังทำลายล้างก็ไม่น่าจะสูงถึงขนาดนี้กระมัง? ข้าพึ่งเหาะขึ้นไปชมดูเรื่องราวบนฟ้ามา ตอนนี้เมืองหลิงหูกว่า 7-8 ส่วนนอกเขตจวนของพวกเรามันราบเป็นหน้ากลอง เลือดนองไปทุกที่!”
  …
  ในขณะที่คนของตระกูลหลิงหูบางคนเริ่มสงสัยในพลังทำลายจากการระเบิดโลกใบเล็กภายในกายของจอมราชันเทพขั้นต่ำ หลิงหูซิงเจ๋อก็กล่าวคำไขข้อสงสัยออกมาอีกครั้ง “ตัวเสียสตินั่น มันได้จัดตั้งค่ายกลสังหารเอาไว้ในโลกใบเล็กตัวเองมากมาย เช่นนั้นยามขุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กภายในกาย จึงมีอานุภาพทำลายล้างสูงเช่นนี้”
  “พลังทำลายล้างของมัน ต่อให้เทียบกับการระเบิดโลกใบเล็กภายในกายของจอมราชันเทพขั้นสูงทั่วๆไป ข้าก็เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่ากันเลย”
  พอเสียงหลิงหูซิงเจ๋อดังจบคำ ฉากเรื่องราวก็กลายเป็นเงียบสงัดทันที
  “มันจะบ้าอะไรขนาดนั้น!”
  “เท่าที่ข้ารู้มาลำพังระเบิดโลกใบเล็กภายในกายก็เจ็บปวดสุดทานทนเสมือนวิญญาณถูกหลอมแล้วมิใช่หรือไร แต่มันทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าความเจ็บปวดก่อนตายยังจะรุนแรงขึ้นอีกหรือ!?”
  “อำมหิตนัก! ไม่เพียงอำมหิตต่อผู้อื่นมันยังอำมหิตต่อตัวเอง!!”
  …
  ในขณะที่คนของตระกูลหลิงหูหลายคนเริ่มถอนหายใจ ก็มีคนของตระกูลหลิงหูคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ทุกคนลองแผ่สำนึกเทวะออกไปดูเร็ว…นั่นใช่เสียงกรีดร้องของตัวเสียสติของนิกายหมอกเร้นลับ ที่กำลังเจ็บปวดเสมือนวิญญาณถูกหลอมกลั่นหรือไม่?”
  ทันใดนั้นหลายๆคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียน ก็แผ่สำนึกเทวะออกไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ทันไรก็ปกคลุมไปถึงจุดศูนย์กลางแรงระเบิด
  และเมื่อสำนึกเทวะของทุกคนแผ่ไปถึงซากปรักหักพังจุดนั้นได้ไม่ทันไร แต่ละคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนบาดจิต เรียกว่าพอได้ยินเสียงดังกล่าว แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านไปถึงวิญญาณ
  “ให้ตายเถอะ แค่ได้ยินเสียงกรีดร้องของมันผ่านสำนึกเทวะข้าก็รู้สึกขนลุกแล้ว…ไม่ทราบตอนนี้วิญญาณของตัวสติจากนิกายหมอกเร้นลับจะเจ็บปวดถึงเพียงใด”
  “การจุดชนวนโลกใบเล็กภายในกายจนระเบิดตายแบบนี้ วิญญาณของมันต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาณปานวิญญาณถูกหลอมกลั่นราวๆ 1 เค่อ…ก่อนที่วิญญาณจะดับสูญไปอย่างสมบูรณ์”
  “เห็นว่าลำพังแค่จุดระเบิดโลกใบเล็กภายในกายธรรมดาๆ ความเจ็บปวดที่วิญญาณต้องพบเจอ ก็มากกว่าความเจ็บปวดทางกายเพราะต้องหมื่นคมมีดเฉือนเนื้อเสียอีก”
  “หลังจากวันนี้เป็นต้นไป คนบ้าของนิกายหมอกเร้นลับผู้นี้ต้องโด่งดังไปทั่วเขตคฤหาสน์ตงหลิงแน่ เพราะครั้งล่าสุดที่มีคนจุดชนวนระเบิดโลกใบเล็กภายในกายเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน แม้มันจะเป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจร แต่จนวันนี้ยังไม่มีใครลืมลง”
  …
  อาวุโสฟงของนิกายหมอกเร้นลับนั้น เดิมทีก็มีชื่อเสียงเป็นทุน
  ครั้งนี้นับว่ามันสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองครั้งใหญ่แล้ว
  ไม่สิ
  ใช้คำว่า ‘ชื่อเสียที่มาโดยไม่ต้องการ’ น่าจะเหมาะกว่า
  ด้วยการระเบิดโลกใบเล็กภายในกายของอาวุโสฟงแห่งนิกายหมอกเร้นลับ ในเมืองหลิงหูตอนนี้ นอกจากเขตจวนตระกูลหลิงหูที่ปลอดภัยไร้เรื่องราวแล้ว ที่อื่นล้วนพังพินาศหมดสิ้น
  กระทั่งผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลิงหู ยังตกตายไปเสีย 8-9 ส่วน สายธารโลหิตไหลเอ่อไปทุกแห่งหน เสียงร่ำไห้กรีดร้องด้วยความเศร้าโศกทั้งเจ็บปวดแว่วดังสะท้านขวัญ
  หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เหล่าญาติพี่น้องทั้งสหายของผู้ที่ถูกลูกหลงตกตายภายในเมืองหลิงหู ก็เกลียดชังนิกายหมอกเร้นลับจับใจ แม้หลายคนจะไม่กล้าแข็งข้อต่อต้านนิกายหมอกเร้นลับซึ่งๆหน้า แต่การซุ่มโจมตีคนของนิกายหมอกเร้นลับก็เกิดขึ้นทุกแห่ง
  อาจกล่าวได้ว่าการตายของอาวุโสฟงครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้ชื่อเสียงของนิกายหมอกเร้นลับเสื่อมเสีย มันยังลากนิกายหมอกเร้นลับให้ตกต่ำลงอีกด้วย
  แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้สักพัก
  …
  ด้านต้วนหลิงเทียน ก็เหาะขึ้นไปบนฟ้าสูง ก่อนจะมองดูสภาพความพินาศโดยรอบ สองตาของเขาฉายแววซับซ้อนยิ่งนัก
  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น อาจพูดได้ว่าเกิดขึ้นจากเขา
  จำนวนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากการตายของอาวุโสฟงก็ดี หรืออาคารบ้านเรือนในเมืองหลิงหูก็ดี ด้วยสภาพความเสียหายระดับนี้ เกรงว่าต่อให้ตระกูลหลิงหูคิดฟื้นฟูบูรณะ คงยากจะกระทำได้ในเวลา 8 ปี 10 ปี
  แต่เขาก็รู้เป็นธรรมดา
  ไม่จำเป็นที่ตระกูลหลิงหูต้องเป็นผู้ฟื้นฟูบูรณะ
  นิกายหมอกเร้นลับ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ!
  ตระกูลหลิงหูย่อมไม่กลัวนิกายหมอกเร้นลับที่เป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเหมือนกันอยู่แล้ว ร่วมกับข้อเท็จจริงที่คนร้ายเป็นคนของนิกายหมอกเร้นลับ ตระกูลหลิงหูย่อมไม่มีทางอ่อนข้อให้แน่
  ฟุ่บ!
  ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่โหวชิ่งหนิงก็ได้เหินร่างมาหยุดลงข้างต้วนหลิงเทียน ก่อนจะถอนหายใจกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเกว่า “หลังจากเห็นการระเบิดโลกใบเล็กภายในกายของอาวุโสฟงแห่งนิกายหมอกเร้นลับวันนี้แล้ว ข้าก็รู้สึกได้ทันที…ว่าใต้ขอบเขตจอมราชันเทพ ก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อย”
  “ต่อให้เป็นราชาเทพขั้นสูง แต่ถ้าไม่ได้อยู่ห่างจากแรงระเบิดมากพอ เกรงว่าการระเบิดครั้งนี้ก็คงากจะรอดพ้นความตายไปได้…”
  ได้ยินคำพูดของโหวชิ่งหนิง ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมา “นี่ยังแค่การระเบิดโลกใบเล็กของจอมราชันเทพที่แค้นจนเสียสติไปแล้วเท่านั้น…หากเป็นการระเบิดโลกใบเล็กของจักรพรรดิเทพเล่า?”
  “เช่นนั้นควรกล่าว่าใต้ขอบเขตจักรพรรดิเทพ ก็ไม่ต่างอะไรจากมดด้วยกระมัง”
  “ไหนจะมีอริยะเทพ กับผู้แข็งแกร่งที่สุดอีก…”
  “บางที มีแต่พวกเราบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้วเท่านั้น ถึงจะไม่ต้องกังวลและหวาดกลัวภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับพวกเราเมื่อไหร่ก็ได้แบบนี้…”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าว
  หลังโหวชิ่งหนิงได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน มันก็ยืนอึ้งไปพักใหญ่
  “เจ้าก็เข้ามาพักที่ตระกูลหลิงหูกับข้าสักพักเถอะ”
  ทันใดนั้น คล้ายนึกอะไรได้ออก ต้วนหลิงเทียนก็หันไปบอกโหวชิ่งหนิงทันที “ตอนนี้เจ้าสามารถติดต่อคนที่นิกายหมื่นจันทรารวมถึงบิดาของเจ้าได้ทุกเมื่อ…ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าอาวุโสฟงนั่นมันลงมือคนเดียว และดูท่ามันจะไม่ได้ขอแรงใครในนิกายหมอกเร้นลับเลย”
  “ดังนั้นตอนนี้นิกายหมื่นจันทราของเจ้าสมควรปลอดภัยแล้ว”
  พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน โหวชิ่งหนิงก็พยักหน้ารับรู้ ขณะเดียวกันก็เร่งกล่าวขอบคุณออกมาทันที “ต้วนหลิงเทียน ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก”
  ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางยิ้มกล่าว “เจ้าจะขอบคุณข้าทำอะไร สมควรเป็นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้ามากกว่า เพราะหากไม่ได้เจ้ากล่าวใบ้ให้ข้ารู้ เผลอๆข้าคงไปติดกับอาวุโสฟงนั่นเพียงลำพังจนต้องตาย เช่นนั้นกล่าวไป ครั้งนี้เจ้าเสมือนเป็นคนช่วยชีวิตข้ากลายๆ”
  โหวชิ่งหนิงคลี่ยิ้มแห้งๆ “แต่ที่อาวุโสฟงมีโอกาสฆ่าเจ้า ทั้งหมดก็เพราะข้าไม่ใช่รึไงเล่า…”
  “เจ้าผิดแล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา จากนั้นสองตาก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง พูดว่า “คนที่มันจ้องจะหาโอกาสฆ่าข้าแบบนี้ จะช้าก็เร็วมันต้องหาโอกาสเข้าจนได้”
  “ถึงจะไม่ใช่เจ้า มันก็ต้องหาโอกาสได้อยู่ดี มันเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น”
  อย่างน้อยๆครั้งนี้ที่เขาออกจากเขตจวนตระกูลหลิงหู ก็ไม่ใช่เพราะโหวชิ่งหนิงทั้งหมด
  กระทั่งตอนได้รับข้อความจากโหวชิ่งหนิงเขาก็ไม่ได้อยู่ในตระกูลหลิงหูด้วยซ้ำ ยังอยู่ในสถานที่เปลี่ยวร้างห่างออกไปนอกเมืองหลิงหู
  กล่าวได้ว่าหากอาวุโสฟงนั่นพบว่าเขาลอบออกมาแต่แรก เขาก็คงต้องถูกมันฆ่าตายแน่
  …
  ต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ง่วนอยู่กับการหลอมโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งสักพัก
  ยิ่งไปกว่านั้น โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งที่เขาหลอมออกมามันไม่ใช่ธรรมดาๆ แต่เป็นเม็ดยาขั้นสุดยอด!
  ด้วยเหตุนี้ ช่วงเวลาหนึ่ง น่านฟ้าเหนือตระกูลหลิงหูก็แทบจะถูกปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึนตลอดเวลา เสียงอัสนีสวรรค์จากหายนะโอสถฟาดผ่าเปรี๊ยงปร้างทุกขึ้นหลายวันติดต่อ
  ตอนแรกผู้คนก็แห่กันมาเพื่อชมดูความน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่ใช่ว่าจะได้เห็นหายนะโอสถบ่อยๆ
  แต่ผู้คนก็มากันน้อยลงทุกวัน เพราะเริ่มชิน
  เป็นธรรมดาว่าในเวลานี้ คนของตระกูลหลิงหูก็ยืนยันได้แล้ว…
  โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งนั้น หากเป็นอาคันตุกะต้วนของพวกมันหลอมล่ะก็ เช่นนั้นทุกเตาก็ล้วนเป็นโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดแน่นอน และจนบัดนี้ยังไม่มีแม้แต่เตาเดียวที่ต้วนหลิงเทียนหลอมล้มเหลว
  “อาคันตุกะต้วน แล้วโอสถเทพระดับราชาเล่าท่าน…ตอนนี้ท่านมั่นใจว่าจะหลอมออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้หรือไม่?”
  จอมราชันเทพที่ถูกขอแรงให้มาช่วยคุ้มกันต้วนหลิงเทียนคราวนี้ ขณะรับโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดเป็นของตอบแทนแล้ว แต่ละคนก็ถูมือไปมาพลางคลี่ยิ้มสดใสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง
  “ยังไม่ได้หรอก…”
  ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา เขาคิดจะเก็บรายละเอียดตัวเองให้ต่ำเหมือนเดิม แถมเรื่องนี้กระทั่งผู้นำตระกูลหลิงหูอย่างหลิงหูเหรินเจี๋ยเขายังเก็บไว้เป็นความลับ กับแค่คนนอกที่มาช่วยเหลือเบื้องหน้า ไหนเลยจะบอกออกไป
  จอมราชันเทพทั้ง 4 ที่มาช่วยเหลือ หลังจากได้รับโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดที่ต้วนหลิงเทียนหลอมกันคนละชุด แต่ละคนก็จากไปด้วยรอยยิ้ม
  ส่วนจอมราชันเทพของตระกูลหลิงหู 5 ทั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ได้มอบโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดให้พวกมันคนละ 3 ชุด และไม่มีใครในบรรดาทั้ง 5 กล่าวปฏิเสธ ยอมรับโอสถไว้หมด
  สุดท้ายทุกคนก็ไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีลูกหลานไม่ก็ศิษย์ด้วยกันทั้งนั้น กล่าวได้ว่าโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอด 3 ชุดที่ต้วนหลิงเทียนมอบให้ ก็มากพอจะช่วยลดระยะเวลาในการบ่มเพาะให้คนของพวกมันได้เป็นอย่างมาก ทุกคนย่อมไม่ปฏิเสธเป็นธรรมดา
  และหลังจากจัดการมอบโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดให้เหล่าจอมราชันเทพที่มาช่วยเหลือเขาครั้งนี้หมดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้มอบโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอด และก็อาโอสดเทพระดับราชาไม่เว้นระดับจอมราชันทั่วไปให้โหวชิ่งหนิงส่วนหนึ่ง
  เดิมทีโหวชิ่งหนิงก็รู้สึกเกรงใจไม่กล้ารับ
  อย่างไรก็ตาม พอต้วนหลิงเทียนยืนกราน มันก็ได้แต่ต้องรับมาอย่างช่วยไม่ได้
  “ต้วนหลิงเทียน แล้วนี่เจ้าจะเอาอย่างไรต่อไป…จะไปนิกายมังกรสวรรค์เลยไหม?”
  โหวชิ่งหนิงเอ่ยถาม
  ในความเห็นของมัน ไม่ว่าจะพรสวรรค์กับความเข้าใจของต้วนหลิงเทียนก็ดี หรือความสามารถในการหลอมโอสถเทพก็ดี การรั้งอยู่ในตระกูลหลิงหูแบบนี้เสมือนจำกัดความสามารถตัวเองเกินไป
  “อีก 20 กว่าปีหลังจากนี้ข้าจะเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ ทั้งเข้าร่วม ‘การแข่งขันมังกรซ่อน’ ของนิกายมังกรสวรรค์”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกแผนการของเขา
  ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับโหวชิ่งหนิงด้วยรอยยิ้มว่า “เท่าที่ข้ารู้มา หากเป็นเทพขั้นสูงที่อายุน้อยกว่า 5,000 ปี ตราบใดที่มีศักยภาพมากพอและผ่านการทดสอบบางอย่าง ก็สามารถเป็นศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ได้…”
  “ว่าไงเล่า เจ้าสนใจจะไปเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์พร้อมกันกับข้าเลยหรือไม่?”
  ต้วนหลิงเทียน แค่ยิ้มถามไปพอเป็นพิธีเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าโหวชิ่งหนิงกลับพิจารณาคำพูดของเขาเป็นจริงจัง หลังนิ่งไปครู่หนึ่งก็ตอบตกลงออกมา “เอาสิ! อีก 20 ปีหลังจากนี้ข้าจะเข้าร่วมการทดสอบประเมินรับศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ ยังจะเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนนั่นด้วย”
  หากเป็นเมื่อก่อน โหวชิ่งหนิงคงไร้ความกล้าที่จะพูดอะไรทำนองนี้ออกมา
  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันมีโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอด แถมยังมีโอสถระดับราชาเทพและจอมราชันเทพที่ต้วนหลิงเทียนหลอมให้
  และฟังจากเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่า ถึงมันจะเคยกินโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งเข้าไปแล้ว แต่มันก็สามารถกินโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดได้อีกครั้ง พลังของโอสถยังมีประโยชน์กับมัน!
  เพราะพลังของโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดนั้นมันเหนือกว่าขั้นธรรมดามาก
  แต่เป็นธรรมดาว่าโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดก็จะใช้ได้แค่ครั้งเดียวเช่นกัน การกินมันเป็นครั้งที่ 2 ก็จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
  อย่างไรก็ตาม สำหรับโหวชิ่งหนิงเท่านี้ก็พอแล้ว
  “ต้วนหลิงเทียน อีก 20 กว่าปีหลังจากนี้ ไว้เจอกันที่นิกายมังกรสวรรค์”
  ไม่กี่วันโหวชิ่งหนิงก็จากไป และเพื่อให้มันกลับสถานศึกษาหมอกเร้นลับ จวบจนนิกายหมื่นจันทราได้อย่างปลอดภัย หลิงหูเหรินเจี๋ยที่พึ่งกลับมาไม่กี่วันก่อน ก็มอบหมายให้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลิงหูพามันไปส่ง
  แน่นอนว่าที่ทำไป เพราะมันเห็นแก่หน้าต้วนหลิงเทียน
  หาไม่แล้ว กับอีแค่นายน้อยนิกายหมื่นจันทราที่เป็นเพียงขุมกำลังระดับราชาเทพคนหนึ่ง คงไม่อยู่ในสายตาของหลิงหูเหรินเจี๋ยแน่นอน
  “ต้วนหลิงเทียน ก่อนหน้านี้เจ้าไม่กลัวบ้างหรือไร!?”
  หลังโหวชิ่งหนิงจากไปแล้ว หลิงหูเหรินเจี๋ยก็มาหาต้วนหลิงเทียน และพอพบหน้ามันก็เอ่ยถามเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนลอบออกจากตระกูลไปทันที
  ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมา “ก็นะ…แต่หากข้าเกิดเรื่องตอนนั้น เกรงว่าหนี้น้ำใจของตระกูลมู่หรง ผู้นำตระกูลคงต้องจ่ายเองแล้ว”
  ขณะกล่าว ต้วยหลิงเทียนก็ยื่นส่งขวดโอสถไปให้หลิงหูเหรินเจี๋ยสิบขวด “หนี้นำใจของตระกูลมู่หรง โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอด 10 ชุดพอหรือไม่?”
  “พอแล้ว”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยคลี่ยิ้มกล่าว “อันที่จริงข้ารับปากอวิ๋นลิ่วไว้ว่าจะมอบโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งขั้นสุดยอดให้มัน 6 ชุดเท่านั้น…อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้าใจป้ำถึงขั้นควักออกมาทีเดียวสิบชุด…เช่นนั้นอีก 4 ชุดข้าเอาไว้เองแล้วกัน”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยไม่มีเกรงใจ ไม่ทำเหมือนตัวเองเป็นคนอื่นคนไกล…