ไมตรีจิตอันล้นพ้นของเชวียไห่ชวนนั้น นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของต้วนหลิงเทียนโดยแท้จริง
  เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เพราะการไปเข้าร่วมการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ในปีนั้น จะทำให้เขาพบเจอกับเชวียไห่ชาน พี่ชายของเชียไห่ชวน แถมการไว้ชีวิตอีกฝ่ายเพราะเขาเป็นคนลงมืออย่างมีหลักการในวันนั้น จะทำให้เชวียไห่ชวนรู้สึกติดค้างเขา จนมอบโอสถเทพชุ่ยหยางให้เขาในวันนี้
  ‘หากข้าเป็นคนอำมหิตฆ่าคนไม่เลือกหน้า วันนั้นถึงเชวียไห่ชานจะไม่มีจิตสังหาร แต่ 9 ใน 10 ไม่พ้นข้าต้องลงมือเข่นฆ่าอีกฝ่ายตามอำเภอใจ…และถ้าเกิดฆ่าเชวียไห่ชานไปวันนั้น วันนี้ก็คงไม่ได้พบเจอเชวียไห่ชวน และเชวียไห่ชวนก็คงไม่มอบโอสถเทพชุ่ยหยางเป็นการตอบแทน’
  หลังออกจากเหลาอาหารของตระกูลหลิงหู จวบจนกลับไปถึงบ้านพักของเขาในจวนตระกูลหลิงหูแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาขณะมองไปยังขวดหยกที่ลอยอยู่เบื้องหน้า
  สิ่งนี้อาจกล่าวได้ว่า ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา
  ‘ด้วยโอสถเทพชุ่ยหยางในขวดนี้ เรื่องทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นกลางในเวลาอันสั้น นับว่ามั่นใจได้เต็มสิบส่วน!’
  หลังกลับมาถึงบ้านพักแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พยายามสงบสติอารมณ์ก่อนจะเริ่มต้นการฝึกฝนทันที
  แน่นอนว่าโอสถเทพชุ่ยหยางก็ถูกต้วนหลิงเทียนตบเข้าปากก่อนจะเริ่มฝึกฝน
  โอสถเทพชุ่ยหยางนั้น มันเป็นโอสถเทพระดับจอมราชันที่ช่วยเหลือผู้ฝึกตนในการทะลวงจุดตีบตันโดยเฉพาะ แม้คุณภาพของมันจะไม่ได้เลิศล้ำเท่าโอสถเทพทะลวงราชัน แต่สำหรับเขาในตอนนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
  หากราชาเทพขั้นต่ำใช้โอสถเทพชุ่ยหยางเพื่อทะลวงด่าน ขอเพียงพรสวรรค์ไม่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ความน่าจะเป็นในการทะลวงด่านพลังก็แทบจะมีเต็มสิบส่วน
  แต่หากเป็นราชาเทพขั้นกลางใช้มันเพื่อทะลวงถึงราชาเทพขั้นสูง โอกาสสำเร็จก็จะลดทอนลงอย่างมาก
  ยิ่งไปกว่านั้น โอสถเทพชุ่ยหยางก็ไม่ใช่อะไรที่จะหลอมออกมาได้โดยง่าย ความยากในการหลอมมันออกมาแทบจะพอๆกับโอสถเทพทะลวงราชันด้วยซ้ำ เพียงแค่วัตถุดิบสมุนไพรของมันไม่ได้หายากเท่ากับโอสถเทพทะลวงราชัน
  ส่วนโอสถเทพทะลวงราชันนั้น ถือเป็นโอสถเทพระดับจอมราชันที่มีค่ามากที่สุด แม้ความยากในการหลอมมันจะไม่ถึงกับยากที่สุดในบรรดาโอสถเทพระดับจอมราชันทั้งหมด แต่วัตถุดิบสมุนไพรนั้นให้บอกว่าหายากที่สุดในบรรดาโอสถเทพระดับจอมราชันก็ไม่เกินเลย
  สำหรับตระกูลหลิงหูที่เป็นเพียงตระกูลระดับจอมราชันเทพแล้ว วัตถุดิบสมุนไพรเหล่านั้น ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่ตระกูลหลิงหูจะหามาได้เลย และไม่ต้องพูดถึงโอสถเทพทะลวงราชันด้วยซ้ำ กระทั่งโอสถเทพชุ่ยหยาง ตระกูลหลิงหูก็ไม่มีปัญญาหาวัตถุดิบสมุนไพรที่ใช้หลอมได้แล้ว
  บางครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็อดคิดไปไม่ได้ ว่าที่นิกายมังกรสวรรค์สามารถหลอมโอสถเทพทะลวงราชันได้มากมายสำหรับเป็นรางวัลในการแข่งขันมังกรซ่อน 2 ครั้งติดต่อกันนั้น เป็นอะไรที่สุดยอดมาก เพราะกระทั่งขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บรวมรวมสมุนไพรเหล่านั้นได้ง่ายๆ เว้นเสียแต่จะโชคดีพบเจอแหล่งสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเทพทะลวงราชันและปกปิดไว้เป็นความลับ
  แต่สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยก็คือ ที่นิกายมังกรสวรรค์สามารถหาวัตถุดิบสมุนไพรมาหลอมโอสถเทพทะลวงราชันได้มากมายในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา ทั้งหมดเพราะอดีตประมุขนิกายมังกรสวรรค์นั้น ได้ช่วยหลอมโอสถเทพให้ผู้อื่นมากมาย และในบรรดาคนเหล่านั้น ก็ได้มอบสมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเทพทะลวงราชันให้เป็นการตอบแทนหลายชุด
  ต้องกล่าวเลยว่าโอสถเทพชุ่ยหยางนั้นทรงพลังไม่ใช่เล่นจริงๆ หลังพลังของมันปะทุออกมาแล้ว มันก็เริ่มหลอมผสานเข้ากับพลังเทพในร่างของต้วนหลิงเทียน จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็โคจรมันไปกระแทกจุดรอคอย ทำให้จุดรอคอยที่ไม่เคยสั่นคลอนมาก่อนในอดีต บัดนี้เริ่มสั่นคลอนคล้ายจะถูกกรุยทาง
  รอบที่ 2 ของการโคจรพังทะลวงด่าน จุดรอคอยดังกล่าวก็เริ่มส่อแววจะกรุยออกมากขึ้น
  ครั้งที่ 3 ก็เห็นผลชัดขึ้น
  …
  ทุกๆครั้งที่โคจรพลังกระแทกจุดรอคอย ต้วนหลิงเทียนก็จำต้องควบคุมกระแสพลังมหาศาลในร่างอย่างบรรจง ทำให้ไม่ใช่ว่าจะสามารถโคจรพลังทะวงด่านได้ถี่รัวอะไรมากมาย จำต้องเว้นช่วงอยู่บ้าง
  ราวๆครึ่งเดือนต่อมา หลังจากพยายามทะลวงด่านพลังอยู่ร้อยกว่าครั้ง จุดรอคอยที่แข็งแกร่งยากลุยฝ่าในอดีต บัดนี้ก็ได้กรุยออกในที่สุด
  ปงง!!
  จากนั้นต้วนหลิงเทียนที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หลังโคจรพลังทะลวงด่านอีก 11 ครั้ง ในที่สุดจุดรอคอยดังกล่าวก็ถูกฝ่าทะลวงในที่สุด!
  ตั้งแต่วินาทีที่จุดตีบตันถูกฝ่า ด่านพลังของเขาก็บรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางเป็นที่เรียบร้อย
  “นี่น่ะหรือพลังเทพของตัวตนระดับราชาเทพขั้นกลาง?”
  หลังทะลวงด่านได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังเทพในร่างทันที ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้บังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือนตอนทะลวงจากเทพขั้นสูงมาเป็นราชาเทพขั้นต่ำ แต่อย่างน้อยๆความเปลี่ยนแปลงของมันก็มากพอสมควร
  ‘ถึงจะพึ่งทะลวงมายังราชาเทพขั้นกลางได้หยก ไม่ได้ควบรวมปรับด่านพลังให้เสถียรมั่นคง แต่คิดจะฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงนั่นกับหลงเซียวในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเทพขั้นสูงด้วยซ้ำ อาศัยแค่อาวุธเทพขั้นกลางกับสิ่งที่เผยออกวันนั้น ก็มากพอจะฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ…’
  ต้วนหลิงเทียนลืมตาขึ้นมา จากนั้นพลังเทพที่เปล่งแสงเรืองรองก็เริ่มโคจรพุ่งพล่านในกาย พอเขาเร่งเร้าพลังออกมาทั่วร่าง ก็อุบัติสายลมกรรโชกแรง กำจายออกไปโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง พัดกระแทกประตูหน้าต่างจนสะเทือนไปทั้งห้อง ยังส่งเสียงกระแทกดังสนั่นลั่นบ้าน
  “นายน้อย ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
  หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของหวางฟู่ พ่อบ้านของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นด้านนอก
  “ไม่เป็นอะไร”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ
  เนื่องจากที่นี่คือบ้านพักส่วนตัวของเขาในจวนตระกูลหลิงหู จึงไม่มีใครมารบกวนเขาเป็นธรรมดา ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้จัดตั้งค่ายกลอะไรไว้ในห้อง
  ‘ด้วยระดับพลังฝึกปรือของข้าในตอนนี้ 10 ปีให้หลังเรื่องจะชิงอันดับ 1 ในการแข่งขันมังกรซ่อนก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว’
  ดังคำกล่าวที่ว่า ทหารที่ไม่อยากเป็นแม่ทัพไม่ใช่ทหารที่ดี ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะพลาดชิงอันดับหนึ่ง
  นอกจากนั้นของรางวัลสำหรับผู้ที่ได้อันดับ 1 ในการแข่งขันมังกรซ่อน นอกจากโอสถเทพทะลวงราชันแล้ว ยังต้องมีอะไรดีๆอีกด้วยเช่นกัน และมูลค่าของพวกมันก็ไม่มีทางต่ำไปกว่าโอสถเทพทะลวงราชันแน่
  ท้ายที่สุดแล้ว กระทั่งผู้ที่ได้รับอันดับ 10 ยังได้รับแจกโอสถเทพทะลวงราชัน!
  ‘ต่อไปก็คบรวมปรับด่านพลังให้เสถียรมั่นคง…ส่วนเรื่องจะทะลงให้ถึงราชาเทพขั้นสูงในเวลาแค่ 10 ปีเห็นทีจะทำไม่ได้ แค่พยายามกระดับพลังให้ใกล้เคียงกับจุดรอคอยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ’
  การบ่มเพาะพลังจากราชาเทพขั้นกลางไปยังราชาเทพขั้นสูง เป็นธรรมดาว่าความยากลำบากย่อมเพิ่มพูนขึ้นจากการบ่มเพาะพลังในขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำไปราชาเทพขั้นกลาง ยังยากกว่ากันเป็นสองเท่า
  ดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะสามารถทะลวงถึงราชาเทพขั้นสูงได้ทันการแข่งขันมังกรซ่อน
  ยิ่งไปกว่านั้นโอสถเทพที่ช่วยส่งเสริมในการบ่มเพาะ เขาเองก็ใช้มันทุกขนานแล้ว และต่อให้มันจะเป็นโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอด แต่การใช้ซ้ำๆร่างกายของเขาก็เกิดอาการดื้อยา จนผลกระทบที่ได้มันลดลงเป็นธรรมชาติ
  ตอนนี้ในมือเขามีเม็ดยาที่ส่งเสริมพลังฝึกปรืออย่างดีเหลือไม่มากนัก และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพึ่งพาพวกมันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการบ่มเพาะเหมือนช่วง 12 ปีที่ผ่านมา
  มากสุดก็ช่วยให้เขาใช้บ่มเพาะได้ 3 ปีเท่านั้น
  ’10 ปีต่อจากนี้ หลังจากใช้โอสถเทพที่มีหมดแล้ว เอาเวลาที่เหลือไปใช้ศึกษาศาสตร์การหลอมโอสถเทพจะดีกว่า ข้าต้องหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดให้ได้ก่อนถึงวันแข่งขันมังกรซ่อน’
  แผนในอีก 10 หลังจากนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้วาดไว้แล้วเช่นกัน
  …
  ณ เขตคฤหาสน์ตงหลิง
  ภายในเมืองขนาดใหญ่โตแห่งหนึ่ง บริเวณลานด้านหน้าของบ้านหลังใหญ่อันมีพื้นที่กว้างขวาง ปรากฏเด็กสาวอันมีใบหน้างดงามนางหนึ่งยันศอกลงบนโต๊ะหินอ่อน ใช้สองมือเท้าคางน้อยๆของนาง แววตาแลดูเลื่อนลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
  ด้านหลังเด็กสาว มีสาวใช้ 2 คนที่ยืนอยู่อย่างเงียบงัน
  “คุณหนู…”
  ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากบ้านหลังใหญ่ ปรากฏร่างบางหนึ่งก้าวอาดๆออกจากบ้านมายังลาน
  หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ ต้องจดจำได้ทันที ว่าร่างบางที่พึ่งก้าวอาดๆออกจากบ้านเข้ามาในลานนั้น เป็นสตรีสะสวยแลดูเย็นชา อวี๋ชิวซวน ผู้ติดตามของต้วนเฉียวอวี่ ที่เขาพบเจอในโรงประมูลสกุลโจวแห่งเมืองวายุสวรรค์
  สำหรับเด็กสาวที่นั่งเท้าคางเหม่อลอยที่โต๊ะในลาน ก็คือต้วนเฉียวอวี่เอง
  “น้าซวน ท่านมีอะไรหรือ…ข้าบอกท่านแล้วไง ว่าข้าไม่อยากฟังเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของพี่ชาย”
  ได้ยินเสียงเรียกหาของอวี๋ชิวซวน ต้วนเฉียวอวี่ที่กำลังเหม่อลอยก็ดึงสติให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย ก่อนจะกล่าวพลางย่นคิ้วเล็กน้อย เห็นชัดว่าไม่พอใจที่โดนขัดจังหวะเพ้อฝัน
  “คุณหนู ข้ามาหาท่านวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น…”
  อวี๋ชิวซวนหัวเราะ
  ด้านต้วนเฉียวอวี่พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของอวี๋ชิวซวน สองตานางก็ลุกวาวขึ้นมาโดยพลัน ยังรีบลุกขึ้นพรวด และวิ่งไปหาอวี๋ชิวซวนทันที “น้าซวน ท่านมีข่าวของพี่ชายหรือ?”
  “ใช่”
  อวี๋ชิวซวนพยักหน้า ด้านต้วนเฉียวอวี่ก็คล้ายรอไม่ไหวเร่งเขย่าแขนนางยกใหญ่ “น้าซวนท่านรีบบอกข้าเร็วๆ”
  เมื่อเห็นต้วนเฉียวอวี่แลดูอยากรู้ขนาดหนัก อวี๋ชิวซวนก็ไม่อ้อมค้อมเปิดประตูเห็นภูผากล่าวว่า “ข้าได้รับรายงานมาว่า นายน้อยต้วนได้ออกจากเมืองวายุสวรรค์ และไปเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหูในฐานะอาคันตุกะทรงเกียรติ และได้รับการดูแลจากตระกูลหลิงหูอย่างดี”
  “เอ๋? ตระกูลหลิงหูเหรอ?”
  ต้วนเฉียวอวี่ย่นคิ้วเล็กน้อย “เป็นตระกูลระดับจอมราชันเทพ ที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกับนิกายหมอกเร้นลับรึเปล่า?”
  “แล้วพี่ชายไปที่นั่นได้อย่างไรกัน?”
  “ไม่ใช่พี่ชายอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับของเมืองวายุสวรรค์แบบนั้น หลังจบการศึกษาแล้วก็ต้องไปเข้าร่วมกับนิกายหมอกเร้นลับหรือไร?”
  ต้วนเฉียวอวี่แลดูงุนงง
  “นายน้อยต้วน เดิมทีก็เข้าร่วมกับนิกายหมอกเร้นลับ…”
  อวี๋ชิวซวน “หลังจากก่อวีรกรรมบางอย่าง ก็เลยไปเข้าร่วมตระกูลหลิงหู…”
  หลังจากนั้น อวี๋ชิวซวน ก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ทราบมาให้ต้วนเฉียวอวี่ฟัง
  นางเริ่มจากผลงานอันยอดเยี่ยมของต้วนหลิงเทียนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ จากนั้นก็เล่าว่าต้วนหลิงเทียนถูกมู่หรงสุยฟง คณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์แนะนำให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับก่อนกำหนด ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สร้างชื่อในนิกายหมอกเร้นลับ จนกระทั่งเข่นฆ่าศิษย์หลักไป 2 คน
  ยังเล่าเรื่องที่หลังจากต้วนหลิงเทียนไปอยู่ตระกูลหลิงหูแล้ว อาวุโสฟงของนิกายหมอกเร้นลับก็ได้ระเบิดโลกใบเล็กภายในกาย แต่การลงมือดังกล่าวกลับไม่อาจทำร้ายต้วนหลิงเทียนได้แม้แต่ปลายผม
  …
  “พี่ชาย…ตอนนี้กลายเป็นราชาเทพขั้นต่ำแล้วหรือ?”
  สองตาต้วนเฉียวอวี่เป็นประกายจ้า “ไม่คิดเลยว่าด่านพลังฝึกปรือของพี่ชายจะก้าวหน้ารวดเร็วนัก…ด้วยความเร็วระดับนี้ อีกไม่นานข้าก็จะได้พบพี่ชายแล้ว!”
  พอเห็นท่าทางตื่นเต้นยินดีของต้วนเฉียวอวี่ อวี๋ชิวซวนก็ไม่คิดจะกล่าวขัดออกมา
  ได้แต่ลอบทอดถอนอยู่ในใจเท่านั้น
  การฝึกฝนหลังจากบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว มันยากเย็นกว่าตอนอยู่ในขอบเขตเทพมาก
  “น้าซวน หลังจากพี่ชายไปนิกายมังกรสวรรค์แล้ว พวกเราแอบไปหาพี่ชายกันดีไหม?”
  ต้วนเฉียวอวี่มองอวี๋ชิวซวนอย่างออดอ้อน “ข้าสัญญาว่าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพี่ชาย…แค่ซ่อนตัวดูพี่ชายลับๆก็พอ เหมือนตอนที่พวกเราไปสถานศึกษาหมอกเร้นลับของเมืองวายุสวรรค์อ่า”
  “เรื่องนี้ก็ต้องดูความขยันของคุณหนูแล้ว…”
  อวี๋ชิวซวนมองลึกไปยังต้วนเฉียวอวี่ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “หากท่านสามารถทะลวงด่านพลังไปขั้นต่อไปได้ ข้าจะพาท่านไปนิกายมังกรสวรรค์เพื่อดูนายน้อยต้วน”
  “น้าซวน ท่านพูดแล้วนะ!”
  ได้ยินคำพูดของอวี๋ชิวซวน ต้วนเฉียวอวี่ก็บังเกิดความคึกคักอักโข เร่งวิ่งหลุนๆหายเข้าไปในบ้านทันที “ข้าจะปิดด่านบ่มเพาะเดี๋ยวนี้ล่ะ! ห้ามกวนข้านะ!!”
  …
  การแข่งขันมังกรซ่อนของนิกายมังกรสวรรค์นั้น ก็จะถูกจัดขึ้นทุกๆรอบ 100 ปี
  เป็นธรรมดาว่าก่อนจัดการแข่งขันมังกรซ่อน นิกายมังกรสวรรค์จะเปิดให้ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมนิกายมาทำการประเมินทดสอบก่อน หากผ่านการประเมินทดสอบแวก็จะกลายเป็นศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ทันที และได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนโดยอัตโนมัติ
  และเว้นแต่จะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงเป็นพิเศษแล้ว ไม่ว่าใครก็จะมีโอกาสเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ทุกๆรอบร้อยปี ที่นิกายมังกรสวรรค์เปิดรับสมัครศิษย์เท่านั้น
  เมื่อใกล้ถึงวันทดสอบประเมินเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ ลูกหลานทั้งเหล่าศิษย์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหลายไม่เว้นขุมกำลังระดับราชาเทพ ก็ตั้งหน้าตั้งตายกระดับพลังฝีมือกันใหญ่ วัตถุดิบสมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเทพ ทั้งผลไม้เทพและโอสถส่งเสริมการบ่มเพาะทั้งหลาย ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
  กระทั่งผู้ฝึกตนอิสระบางคน เพียงเพราะอยากให้ลูกหลานตัวเองสามารถเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ได้ พวกมันถึงกับไปซุ่มจับตัวทายาทสายตรงของตระกูลระดับจอมราชันเทพ ไม่ก็ศิษย์หลักที่โดดเด่นของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเป็นตัวประกัน เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นโอสถเทพและผลไม้เทพที่ส่งเสริมพลังฝึกปรือ…
  ��