ตอนที่ 3779 เป้าหมายเล็กๆ…100 ล้าน!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครนอกจาก หลิงหูเจิ้งซิง อาวุโสสูงสุดของตระกูลหลิงหู
  เป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกับผู้เฒ่าเหิงและผู้เฒ่าฮวน
  ทว่าในแง่พลังฝีมือส่วนตัวแล้ว หากผู้เฒ่าเหิงฮวนคนใดคนหนึ่งประมือกับอีกฝ่ายเพียงลำพัง ก็ไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายเลย
  “อาวุโสเจิ้งซิง?”
  ต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองด้านหลังอาวุโสเจิ้งซิงครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วเบาๆ “ไม่ใช่ว่าผู้ที่นำพารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูมาสมควรเป็นผู้นำตระกูลหรอกหรือ?”
  ก่อนเดินทางออกจากตระกูลหลิงหู หลิงหูเหิงก็ได้กล่าวบอกต้วนหลิงเทียนเอาไว้ว่าผู้ที่นำพารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูล่วงหน้ามาก่อนก็คือตัวผู้นำตระกูลอย่างหลิงหูเหรินเจี๋ย เขาจึงคิดว่าจะได้พบเจอหลิงหูเหรินเจี๋ยที่นี่
  “ผู้นำตระกูล?”
  หลิงหูเจิ้งซิงส่ายหัวไปมา “หากผู้นำตระกูลที่เจ้ากล่าวถึงคือหลิงหูเหรินเจี๋ยล่ะก็ ต่อไปข้าเกรงว่าเจ้าต้องเปลี่ยนคำเรียกหาแล้ว…เพราะมันมิใช่ผู้นำตระกูลหลิงหูของพวกเราอีกต่อไป”
  พอหลิงหูเจิ้งซิงเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมาต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปทันที ครู่ต่อมาเขาก็กลับมารู้สึกตัว จากนั้นก็อดขมวดคิ้วถามไปไม่ได้ “ผู้อาวุโสเจิ้งซิง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
  ต้วนหลิงเทียนไม่อาจเข้าใจได้
  ขณะเดียวกัน เขาก็พบว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูที่ลอยตัวอยู่ด้านหลังหลิงหูเจิ้งซิง บัดนี้มีหลายคนที่มองเขาด้วยสายตาอิจฉาบ้างก็ไม่พอใจ ผิดกับในอดีตลิบลับ
  ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลิงหูเจิ้งซิงก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง “ต้วนหลิงเทียน…เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้าใช้ห้องลับแห่งกฏเป็นเวลา 3 ปีติดต่อ มันได้ทำให้พลังงานในสายแร่หินเทพของตระกูลหลิงหูเราสูญเสียไปเกือบ 1 ใน 3 ส่วน!”
  “เจ้าทราบหรือไม่ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?”
  ได้ยินคำตอบของหลิงหูเจิ้งซิง ต้วนหลิงเทียนก็นิ่งไปด้วยความตกใจครู่หนึ่ง สีหน้ายังเริ่มเปลี่ยนไป
  เรื่องที่เขาแช่อยู่ในห้องลับแห่งกฏของตระกูลหลิงหูเป็นเวลา 3 ปีเต็มๆ เขาก็รู้ดี
  เพียงแต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะใช้หินเทพของตระกูลหลิงหูไปมากมายขนาดนี้
  1 ใน 3 สายแร่หินเทพของตระกูลหลิงหู เกรงว่าอย่างน้อยๆก็ตีเป็นหินเทพหลายสิบล้านตำลึง และถึงแม้ในมือเขาจะมีหินเทพอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มันก็มากกว่าหนึ่งล้านตำลึงไปไม่มากเท่านั้น พอมาเทียบกับปริมาณหินเทพที่จะขุดได้จาก 1 ใน 3 สายแร่หินเทพของตระกูลหลิงหูแล้ว มันไม่อาจนับเป็นอะไรได้เลย
  ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองหลิงหูเจิ้งซิงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด กล่าวขอโทษออกมาเสียงอ่อน “อาวุโสเจิ้งซิง ข้าต้องขออภัยต่อตระกูลหลิงหูด้วย เพราะข้าไม่ทราบจริงๆว่าการเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏจะทำให้ตระกูลหลิงหูเสียหายขนาดนี้…”
  “อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทั้งหมดเป็นเพราะข้าคนเดียว และข้าจะเป็นคนรับผิดชอบด้วยตัวเอง…ผู้นำตระกูลหลิงหูไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย”
  ต้วนหลิงเทียนไม่นึกไม่ฝันจริงๆว่าหลิงหูเหรินเจี๋ยจะต้องมาสูญเสียตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงหู เพราะเขาแบบนี้
  และพอนึกถึงท่าทีสบายๆไร้เรื่องราวของหลิงหูเหรินเจี๋ย ที่เขาพบหลังออกมาจากห้องลับแห่งกฏ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกผิดมากไปกว่าเดิม
  ตั้งแต่ต้นจนจบ หลิงหูเหรินเจี๋ยไม่เคยเอ่ยถึงปัญหาส่วนนี้กับเขาเลย
  “เจ้าไม่อาจรับผิดชอบอะไรได้แล้ว…”
  หลิงหูเจิ้งซิงส่ายหัวไปมมาพลางกล่าว “ตอนนี้หลิงหูเหรินเจี๋ยสมควรถูกถอดออกจากตำแหน่งผู้นำ ทั้งวันหน้าอาจต้องถูกลงโทษ…หากเจ้าคิดจะทำอะไรเพื่อมันจริงๆ เช่นนั้นเจ้าก็ทำผลงานในการแข่งขันมังกรซ่อนให้ดีๆ และหลังจากเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์แล้วก็พัฒนาตัวเองให้มากเข้า อย่าปล่อยให้การเสียสละของมันต้องสูญเปล่า”
  “อาวุโสเจิ้งซิง”
  ทันใดนั้น ในใจของต้วนหลิงเทียนคล้ายมีหลอดไฟสว่างวาบ จึงหันไปมองถามหลิงหูเจิ้งซิงด้วยน้ำเสียงท่าทีเคร่งขรึมว่า “1 ใน 3 สายแร่หินเทพของตระกูลหลิงหู…ไม่ทราบว่าตีเป็นหินเทพได้กี่ตำลึงหรือ?”
  ถึงแม้ว่าเขาจะพอเดาได้ว่า 1 ใน 3 สายแร่หินเทพของตระกูลหลิงหู ต้องเป็นหินเทพจำนวนหลายสิบล้านตำลึง แต่เขาก็ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดของมัน
  “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมรึ?”
  หลิงหูเจิ้งซิงย้อนถาม
  “ข้าถามเพราะข้าอยากให้อาวุโสหลิงหูเจิ้งซิงช่วยคุยกับอาวุโสในตระกูลหลิงหู ขอให้ตระกูลหลิงหูไม่เลือกผู้นำคนใหม่ในตอนนี้…และภายในร้อยปีข้า ต้วนหลิงเทียน จะชดใช้หินเทพเป็นจำนวน 2 เท่าที่ข้าใช้ไปให้ตระกูลหลิงหู”
  ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับหลิงหูเจิ้งซิงด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความแน่วแน่
  ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลิงหูเจิ้งซิงก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียน เจ้าทราบหรือไม่ว่า 1 ใน 3 สายแร่หินเทพของตระกูลหลิงหูเรามันคิดเป็นหินเทพได้กี่ตำลึง?”
  “ข้าคงไม่อาจระบุจำนวนที่แน่ชัดได้…แต่ข้าเชื่อว่ามันต้องเทียบได้กับหินเทพหลายสิบล้านตำลึง”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงหนัก
  “ในเมื่อเจ้าเองก็พอจะรู้ ไฉนยังกล้าพูดออกมาเล่า”
  หลิงหูเจิ้งซิงส่ายหัวไปมา “1 ใน 3 สายแร่หินเทพของตระกูลหลิงหูเรา อย่างน้อยๆหากคิดเป็นหินเทพก็มีไม่ต่ำกว่า 40 ล้านตำลึง”
  “ไม่มีปัญหา!”
  สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง เอ่ยสืบต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ภายในเวลา 100 ปีข้าจะชดใช้หินเทพให้ตระกูลหลิงหู 100 ล้านตำลึง!”
  100 ปี 100 ล้าน!
  ต้วนหลิงเทียนได้ตั้งเป้าหมายเล็กๆขึ้นมาในใจ
  อย่างน้อยๆในสายตาเขานี่มันก็เป็นได้แค่เป้าหมายเล็กๆเท่านั้น
  หากกับอีแค่หินเทพ 100 ล้านตำลึงเขายังหาไม่ได้ เช่นนั้นจะนับประสาอะไรกับการทำให้ตระกูลเซี่ยในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพที่อยู่เบื้องหลังเค่อเอ๋อยอมรับ?
  แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวประโยคนี้ออกมา ไม่ทันที่หลิงหูเจิ้งซิงจะได้กล่าวตอบอะไร เหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หินเทพ 100 ล้านตำลึง…อาคันตุกะต้วนเราไม่รู้จักความกลัวแล้วจริงๆ นี่ผู้อื่นทราบหรือไม่ว่าหินเทพ 100 ล้านตำลึงคืออันใด?”
  “อย่าว่าแต่ชดใช้หินเทพ 100 ล้านตำลึงภายใน 100 ปีเลย…ข้าว่าขอเพียงอาคันตุกะต้วนคนเก่งของพวกเราหาหินเทพ 50 ตำลึงมาได้ภายในเวลาร้อยปี เหล่าอาวุโสในตระกูลก็ยินดีตอบรับคำขอแล้ว”
  “เหอะๆ พวกเจ้าว่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะเห็นด้วยกับคำขอไร้แก่นสารของอาคันตุกะต้วนหรือไม่?”
  “ล้อกันเล่นรึไง ไม่มีทางซะหรอก!”
  “เมื่อใดที่อาคันตุกะต้วนหลอมโอสถเทพระดับราชาได้ตามใจ ทั้งใช้เวลาตลอด 100 ปีเพื่อหลอมกลั่นโอสถให้ผู้อื่นเพื่อหารายได้ ไม่แน่ว่าในเวลา 100 อาจสามารถหาหินเทพ 100 ล้านตำลึงได้จริงๆ…น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังทำเช่นนั้นไม่ได้”
  …
  ฟังจากคำพูดของเหล่ารุ่นเยาว์ตระกูลหลิงหูแล้ว เห็นชัดว่าพวกมันรู้สึกว่าที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาเป็นแค่ลมปาก เรื่องที่เป็นดั่งนิทานเพ้อฝันเช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร
  “นี่เจ้าพูดจริงหรือ?”
  หลิงหูเจิ้งซิงอดไม่ได้ที่จะมองต้วนหลิงเทียนเขม็งพลางถามยืนยัน
  “ข้าพูดจริง”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
  “เจ้าหนูหลิงเทียน…”
  ทันใดนั้นเอง หลิงหูเหิง ที่นิ่งเงียบมาอยู่นาน พลันส่ายหน้าอ้วนๆของมันไปมาจนแก้มกระเพื่อม สองตาเล็กๆยังหรี่ลงแทบปิด “ถึงแม้ที่เจ้าพูดมามันจะแลดูเกินจริงไปบ้าง แต่ข้าก็ยินดีจะเชื่อเจ้า…และข้าจะสนับสนุนเจ้าอีกแรง ด้านฝั่งผู้อาวุโสของตระกูลหลิงหู ข้าจะหารือกับพวกมันเอง”
  “ข้าก็เหมือนพี่ใหญ่”
  พอได้ยินคำพูดของหลิงหูเหิง กระทั่งหลิงหูฮวนที่ไม่ค่อยพูดก็สนับสนุนเขาเช่นกัน ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองทั้งคู่ด้วยความขอบคุณทันที
  “เอาล่ะ ข้าก็จะสนับสนุนเจ้าอีกแรง”
  ตอนนี้เองหลิงหูเจิ้งซิงก็เอ่ยขึ้นมาว่า “และข้าได้ส่งคำขอของเจ้ากลับไปยังตระกูล เพื่อให้เหล่าอาวุโสหารือกันเรียบร้อยแล้ว…แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ข้าเชื่อว่าเวลาเพียง 100 ปี ตระกูลหลิงหูของพวกเรารอเจ้าได้สบาย”
  “100 ปีต่อจากนี้ ทางตระกูลหลิงหูจะปล่อยให้ตำแหน่งผู้นำตระกูลว่างเว้นเอาไว้ และเรื่องราวใดๆใตระกูลจักให้เหล่าอาวุโสเป็นคนตัดสินใจ”
  “อันที่จริงปกติแล้วเรื่องราวส่วนใหญ่ในตระกูล เหล่าอาวุโสก็มักเป็นผู้ตัดสินใจอยู่แล้ว มีเรื่องให้ผู้นำตระกูลตัดสินใจไม่มากนักหรอก”
  ได้ยินคำพูดของหลิงหูเจิ้งซิงต้วนหลิงเทียนก็พอได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง ยังรีบกล่าวขอบคุณออกไปทันที
  ด้านรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูตอนนี้ก็ไม่กล้าซุบซิบนินทาต้วนหลิงเทียนอีก เพราะลองอาวุโสสูงสุดทั้ง 3 ตอบรับคำขอของต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกมันก็ไม่กล้าพูดอะไรซี้ซั้วเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ทว่าแต่ละคนเลือกจะตั้งหน้าตั้งตารอดูต้วนหลิงเทียนกลายเป็นตัวตลกในอีก 100 ปีให้หลังแทน
  “ต้วนหลิงเทียน เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก”
  ไม่ทันที่อาวุโสของตระกูลหลิงหูจะหาข้อสรุปได้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับข้อความจากหลิงหูเหรินเจี๋ยเสียก่อน “ข้าเองก็กำลังเบื่อๆตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงหูอยู่พอดี แถมโอกาสได้อู้งานยาวๆเช่นนี้มีบ่อยทีไหน ไฉนเจ้าถึงคิดให้ข้ากลับไปแบกรับภาระน่าเบื่ออีกเล่า…”
  ต้วนหลิงเทียนก็ตอบกลับข้อความของหลิงหูเหรินเจี๋ยเร็วไว “ผู้นำตระกูล วันนี้เป็นเพราะข้าถึงทำให้ต้องสูญเสียตำแหน่งผู้นำตระกูลไป แต่ตำแหน่งผู้นำของท่านภายในร้อยปีข้าจะชิงมันกลับมาให้ท่านเอง…ส่วนเรื่องที่หลังจากข้าช่วยชิงตำแหน่งผู้นำกลับมาให้ท่านได้แล้ว แต่ท่านยังอยากดำรงตำแหน่งผู้นำต่อหรือไม่ ท่านค่อยเก็บไว้ตัดสินใจตอนนั้นเถอะ”
  ข้อความดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้หลิงหูเหรินเจี๋ยเงียบไปไม่ตอบอยู่พักหนึ่ง
  “เฮ่อ เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณเจ้าเอาไว้ล่วงหน้าเลยแล้วกัน”
  หลังจากนั้นสักพัก หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ส่งข้อความมาขอบคุณอย่างทอดถอนใจ
  “ผู้นำท่านจะมาขอบคุณข้าทำอะไรเล่า เป็นข้ามากกว่าที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณท่าน เรื่องที่ท่านผู้นำดูแลข้าเป็นอย่างดีตอนข้าอยู่ในตระกูลหลิงหู วันหน้าข้าย่อมไม่มีวันลืมผู้นำตระกูลแน่”
  พอต้วนหลิงเทียนส่งข้อความไปอีกครั้ง ก็กล่าวให้คำมั่นเรื่องที่เขาจะไม่ลืมน้ำใจของอีกฝ่าย
  และในตอนนี้หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ไม่ได้รู้เลย ว่าคำมั่นดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนมันมีน้ำหนักมากขนาดไหน
  ราวๆครึ่งชั่วยามต่อมา เหล่าอาวุโสของตระกูลหลิงหูก็หาข้อสรุปได้
  “ต้วนหลิงเทียน”
  หลิงหูเจิ้งซิงหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “อาวุโสในตระกูลตอบรับคำขอของเจ้าแล้ว”
  “อย่างไรก็ตามตระกูลหลิงหูของพวกเราไม่คิดเอาเปรียบเจ้า ขอเพียงเจ้าสามารถชดใช้หินเทพ 50 ล้านตำลึงได้ภายในเวลา 100 ปี ตระกูลหลิงหูของพวกเราก็ยินดีคืนตำแหน่งผู้นำให้หลิงหูเหรินเจี๋ยเพื่อให้มันทำหน้าที่ผู้นำตระกูลสืบต่อ…และตลอด 100 หลังจากนี้ทางตระกูลหลิงหูเราจะไม่คัดเลือกผู้นำคนใหม่ เรื่องราวใดๆล้วนให้อาวุโสร่วมกันตัดสินใจ”
  หลิงหูเจิ้งซิงกล่าว
  ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ขณะเดียวกันเขาก็กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัดด้วยสีหน้าจริงจัง “เช่นนั้นภายใน 100 ข้าจะชดใช้หินเทพให้ตระกูลหลิงหู 50 ล้านตำลึง ส่วนหินเทพอีก 50 ล้านตำลึงข้าจะมอบให้ผู้นำตระกูลเป็นการตอบแทน”
  สุดท้ายเรื่องราววุ่นวายเล็กๆภายในตระกูลหลิงหูก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ และไม่มีใครคิดจะฟื้นฝอยหาตะเข็บมันอีก
  …
  ส่วนต้วนหลิงเทียนรวมถึงรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหู ไม่เว้นผู้คนที่มาเฝ้ารอกันมากมา ก็ได้แต่รอเวลาที่นิกายมังกรสวรรค์จะเริ่มเปิดรับสมัครและทำการทดสอบประเมินเพื่อเข้าร่วมนิกาย
  รุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูบางคนก็เริ่มนั่งขัดสมาธิกลางหาวแล้วบ่มเพาะพลังไม่ก็ทำความเข้าใจกฏเป็นการฆ่าเวลา
  ด้วยมีอาวุโสสูงสุดของตระกูลหลิงหูอยู่ด้วยกัน 3 คนแบบนี้ พวกมันก็ไม่กังวลเรื่องที่จะมีใครฉวยโอกาสเล่นงานพวกมันตอนฝึกฝนเลย
  ส่วนเรื่องเสียงรบกวนนั้น อาศัยจานค่ายกลทั่วไปที่ทุกคนมีพกติดตัวก็สามารถจัดการได้ง่ายๆ พวกมันจึงมีสมาธิฝึกฝนไม่ได้ยินเสียงรบกวนใดๆจากภายนอก
  อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้บ่มเพาะพลังหรือทำความเข้าใจกฏอะไรเหมือนพวกมัน เขาให้ความสนใจกับร่างอวตารกฏมิติที่แฝงอยู่ในร่างเขา เพราะถึงแม้เขาจะไม่ได้เรียกร่างอวตารกฏออกมา แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงร่างอวตารกฏมิติชัดเจน
  “อาวุโสเจิ้งซิง!”
  ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล แถมฟังแล้วกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ
  ต้วนหลิงเทียนเองก็เผลอหันไปมองตามเสียงเรียกหาโดยไม่รู้ตัว จึงแลเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดผ้าทอปักลายหรูหราคนหนึ่งกำลังเหินข้ามฟ้ามาแต่ไกล
  ข้างๆกายปรากฏชายชราร่างหนาที่แลดูไม่โดดเด่นอะไรติดตามมาไม่ห่าง
  ส่วนด้านหลังทั้งคู่ มีผู้คนเหินร่างติดตามมาอีกนับร้อย กล่าวได้ว่าไม่ได้น้อยไปกว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูที่มาในวันนี้เลย
  “หืม?”
  ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยท่ามกลางกลุ่มคนดังกล่าว และแทบจะพร้อมกันกับที่เห็น เขาก็คาดเดาความเป็นมาของคนกลุ่มนี้ได้ทันที
  กลุ่มคนที่พึ่งมาถึงเป็นคนของตระกูลมู่หรง!
  และใบหน้าที่เขาคุ้นเคยหนึ่งในนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น โหวชิ่งหนิง!
  “ต้วนหลิงเทียน”
  และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นโหวชิ่งหนิงไม่ทันไร เสียงผ่านพลังของโหวชิ่งหนิงก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนพอดี