การทดสอบคัดเลือกศิษย์ฝ่ายในรอบแรกของนิกายมังกรสวรรค์ได้จบลงและมีรุ่นเยาว์ในช่วงอายุ 8,000 – 10,000 ปีได้ผ่านการคัดเลือกเรียบร้อย
ในบรรดาคนที่ผ่าน มีเกือบ 400 คนที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
ส่วนคนที่เหลืออีก 200 กว่าคน นั้นไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
ตราบใดที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งพอ ไม่ว่าจะรุ่นเยาว์จากขุมกำลังระดับราชาเทพหรือผู้ฝึกตนอิสระ ก็สามารถผ่านการคัดเลือกได้อย่างไม่มีปัญหา
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ผ่านการคัดเลือกมาได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น
แต่คนพวกนี้ ถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่อาจไปไหนได้ไกล ถึงจะผ่านรอบคัดเลือกมาได้ แต่ก็ต้องตกรอบอื่นอยู่ดี
สรุปแล้ว รอบคัดเลือกของนิกายมังกรสวรรค์นั้นมีความยุติธรรมในระดับหนึ่ง ตราบใดที่พลังฝีมือกล้าแข็งพอ ก็ผ่านมันไปได้อย่างราบรื่น
เป็นธรรมดาว่าให้เทียบกันแล้ว ผู้คนที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็จะได้เปรียบมากกว่า
“คนที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ โดยทั่วไปแล้วก็มีกว่า 6 ส่วนที่สามารถผ่านรอบคัดเลือกมาได้”
ต้วนหลิงเทียนที่เหลือบมองไปยังคนของตระกูลหลิงหูที่ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือก ก็บอกได้ทันทีว่ามีคนที่ผ่านราวๆ 7 ส่วน
“ต่อไปจะเป็นการทดสอบคัดเลือกรอบที่ 2 สำหรับการประเมินศิษย์ฝ่ายใน”
หลังผลการทดสอบรอบคัดเลือกออกมาแล้ว ก็มีคนของนิกายมังกรสวรรค์ก้าวออกมาจดชื่อและบันทึกข้อมูล เมื่อตรวจทานและนับรายชื่อเรียบร้อยดีแล้ว ก็มีคนพาผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ทันที
และคนที่พารุ่นเยาว์ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์นั้น ก็เป็น 1 ใน 9 คนที่เหินร่างติดตาม หยินผิงอี้ อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ที่รับหน้าที่ดูแลการทดสอบรอบคัดเลือก เห็นได้ชัดว่ามันก็สมควรเป็นผู้อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ด้วย
“ต่อไปจะเริ่มการทดสอบรอบคัดเลือกสำหรับศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์รอบที่ 2”
เสียงของหยินผิงอี้ดังขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันมันก็มองไปยังหุบเหวกระจกที่อยู่ไม่ไกล พลางกล่าวออกมาเสียงดังว่า “ต่อไป ให้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ในช่วงอายุ 5,000 – 8,000 ปีเข้าสู่หุบเหวกระจก”
“และข้าจักขอเตือนอีกครั้ง ว่าหากมีผู้ใดอายุมากกว่า 8,000 ปีทะลึ่งเข้าไปในหุบเหวกระจก มันผู้นั้นจักถูกค่ายกลสังหารเข่นฆ่าทันที อย่าได้คิดเสี่ยงตายอย่างโง่เขลา!”
หลังหยินผิงอี้กล่าวจบคำ ก็มีกลุ่มคนเหินร่างข้ามฟ้า มุ่งเข้าสู่หุบเหวกระจกทันที พริบตาต่อมาร่าง ‘มด’ มากมายก็ปรากฏที่ใต้หุบเหวกระจกต่อหน้าทุกคนรวมถึงต้วนหลิงเทียน
ในบรรดาคนเหล่านั้นก็รวมถึงนายน้อยนิกายบูรพารุ่งโรจน์ หัวเทียนตี้ ด้วย
“รอบนี้คนเยอะจริงๆ”
ด้านต้วนหลิงเทียนก็เห็นได้ไม่ยาก ว่ารุ่นเยาว์ในช่วงอายุ 5,000 – 8,000 ปีที่เข้าร่วมรอบคัดเลือกครั้งนี้มันมีจำนวนมากขนาดไหน กระทั่งยังมากกว่ารอบแรกถึง 2 เท่า!
‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนรอบนี้ ถึงกำหนดจำนวนคนผ่านไว้ถึง 1,000 คน’
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ทอดถอนในใจ
“ยังมีผู้คนที่หวังเสี่ยงโชคอยู่อีก…”
ทันใดนั้นเองเสียงของหลิงหูเจิ้งซิงก็ดังขึ้น
ครู่ต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ภายในหุบเหวกระจกนั้น มีร่างของคน 2 คนที่ไม่ถูกส่งไปยังก้นหุบเหว แต่กลับถูกพลังงาน 5 ธาตุที่อยู่ๆก็ผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่ากลืนกิน และในเวลาชั่วพริบตา พวกมันก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด 2 กอง…
ไร้ศพ ไร้ร่องรอย อันตรธานหายไปไม่มีเหลือ…
“2 คนนั่นน้ำไหลเข้าสมองหรือไร ทั้งๆที่อาวุโสหยินผิงอี้กล่าวเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกมันยังกล้าเข้าไปส่งเดช?”
“เจ้า 2 คนนั่นสมควรมีอายุเกิน 8,000 ปีแล้วเป็นแน่”
“นี่พวกมันคิดว่าอาวุโสหยินผิงอี้กล่าวขู่ไปอย่างไร้แก่นสารหรือไร?”
…
ด้วยความตายของทั้ง 2 คน ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้คนในหุบเหวกระจกเท่านั้นที่ดูแคลน กระทั่งผู้คนด้านนอกยังอดส่ายหน้าไปมาไม่ได้ พวกมันไม่เข้าใจจริงๆว่า 2 คนที่ตายอยากเป็นศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์จนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร
พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านพ้นไปอีก 1 เค่อ
จากนั้น หยินผิงอี้ ก็ให้สัญญาณเริ่มการทดสอบรอบคัดเลือกครั้งที่ 2 ทันที
ทันใดนั้น การต่อสู้ตะลุมบอนครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้นใต้หุบเหวกระจก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้คนมากมายกำลังสู้ตะลุมบอนกันอย่างนัวเนีย พลันปรากฏเงาร่าง 5 คนพุ่งขึ้นสู่ปากเหวกระจกด้วยความเร็วสูง แสงพลังที่เรืองรองออกมาจากร่างพวกมันทั้ง 5 พอมาปรากฏในหุบเหวกระจกอันมืดมิดแล้ว เสมือนแสงรุ่งอรุณที่ขับไล่ความมืดมิด ทำให้แลดูเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
ในบรรดาร่างทั้ง 5 หนึ่งในนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนายน้อยนิกายบูรพารุ่งโรจน์ หัวเทียนตู้
“นั่นมันนายน้อย 3 แห่งตระกูลโอวหยาง โอวหยางเจี้ยนเฉิน!”
“แล้วอีก 3 คนนั่นเป็นผู้ใดกัน? อายุไม่ถึง 8,000 ปีแต่กลับมีความสามารถทัดเทียมกับอัจฉริยะเช่นหัวเทียนตู้กับโอวหยางเจี้ยนเฉินเชียวรึ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า 3 คนนั่นเป็นใคร”
“เอ๊ะ! ข้ารู้จักสตรีนางนั้น…นั่นคือศิษย์คนที่ 7 ของจ้าวหุบเขาหมื่นบุปผาที่เป็นขุมกำลังระดับราชาเทพ…ผู้คนมักเรียกหานางว่า แม่นาง 7 ส่วนชื่อแซ่ที่แท้จริงของนางข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน”
“แม่นาง 7 รึ? อัจฉริยะหญิงที่ร่ำลือกันว่ามีพรสวรรค์และความสามารถเด่นล้ำที่สุดในหุบเขาหมื่นบุปผา?”
…
ในบรรดาร่าง 5 ร่างที่เหินทะยานขึ้นมาด้วยความเร็วเหนือกว่าผู้ใด 4 คนเป็นชายหนุ่มที่มีลักษณะและบุคลิกแตกต่างกัน เพียงมีสตรีนางเดียวที่เหินทะยานขึ้นมาปานเทพธิดา
สตรีนางนี้มาในชุดคลุมยาวสีม่วงอ่อน ใบหน้ายังมีผ้าคลุมหน้าผืนบางสีม่วงอ่อนปกปิด แต่กระนั้นม่านผ้าผืนบางก็ยากจะปกปิดความงามของนางได้มิด
คิ้วนางโค้งงามปานกิ่งหลิว สองตากระจ่างใสปานดวงดารา พวงพักตร์ขาวเนียนราวหิมะแรกฤดูหนาว แม้จะมีม่านผ้าสีม่วงอ่อนผืนบางบดบังไว้ แต่ก็ยากจะซ่อนรูปโฉมอันงามเฉิดฉันท์ได้มิด แลดูโดดเด่นสะดุดตาผู้คนนัก
“หุบเขาหมื่นบุปผา?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้ว เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินชื่อขุมกำลังระดับราชาเทพดังกล่าว แต่นี่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันมีขุมกำลังระดับราชาเทพมากมายเหลือเกิน ไม่มีทางที่เขาจะรู้จักพวกมันทั้งหมด
อย่างเช่นในเมืองวายุสวรรค์ อันเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่เขาเคยอยู่นั้น ไม่ทราบมีขุมกำลังระดับราชาเทพอยู่เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่…
เอาแค่ขุมกำลังระดับราชาเทพใต้อาณัติของนิกายหมอกเร้นลับ หรือที่มีสัมพันธ์กันโดยอ้อมก็มีมากมายจนเขาจดจำไม่หวาดไม่ไหวแล้ว นับประสาอะไรกับขุมกำลังระดับราชาเทพในเมืองอื่นๆ
แต่เป็นธรรมดาว่าสิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจไม่ใช่ชื่อนิกาย แต่เป็นเรื่องที่ขุมกำลังระดับราชาเทพกลับเพาะสร้างอัจฉริยะให้มีความสามารถโดดเด่นขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้ต่างหาก
แถมนางยังเป็นสตรีอีกด้วย
“แม่นาง 7?”
สองตาต้วนหลิงเทียนก็อดมองไปยังร่างบางในหุบเหวกระจกไม่ได้ และค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้างที่สตรีนางหนึ่งกลับบรรลุพลังฝีมือได้ในวัยเพียงเท่านี้
ถึงแม้ใต้หล้าจะไม่ขาดยอดฝีมือหญิง
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผู้ชายแล้วมันน้อยกว่ากันมาก
อย่างเช่น นายหญิงรองของตระกูลหลิงหู น้องสาวแท้ๆของอดีตผู้นำตระกูลหลิงหูอย่างหลิงหูเหรินเจี๋ยนั่น ก็เป็นสตรีที่มีพลังฝีมือร้ายกาจอย่างยิ่ง และเท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบมา พลังฝีมือของนางนั้นได้ก้าวข้ามทุกคนในตระกูลหลิงหูไปแล้ว
ถึงขั้นที่ว่า ต่อให้เป็นผู้เฒ่าเหิงฮวน อาวุโสสูงสุดคู่แฝดของตระกูลหลิงหูร่วมมือกัน ก็ไม่อาจรับมือนางได้ไหว
“เฮ่ พวกมันจะตีกันแล้ว!”
ภายใต้สายตาชมมองของทุกคน ร่างทั้ง 5 ที่กำลังจะบรรลุถึงปากเหวกระจก ในที่สุดก็เริ่มลงมือ
ดุจเดียวกับรอบแรก ผู้คนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพได้จับมือเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว และผู้ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็ร่วมมือกัน
การต่อสู้ปะทุขึ้นในฉับพลัน
แถมพวกมันยังร่วมมือกันได้อย่างดี ถึงขั้นที่หัวเทียนตู้ นายน้อยนิกายบูรพารุ่งโรจน์กับโอวหยางเจี้ยนเฉินนายน้อย 3 แห่งตระกูลโอวหยางที่ร่วมมือกันยังเอาไม่อยู่
กล่าวได้ว่า แม่นาง 7 แห่งหุบเขาหมื่นบุปผากับชายหนุ่มอีก 2 คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพนั้น ยามร่วมมือกันแล้วพลังฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวเทียนตู้ที่ร่วมมือกับโอวหยางเจี้ยนเฉินแม้แต่นิดเดียว
สุดท้ายหัวเทียนตู้กับโอวหยางเจี้ยนเฉินที่เห็นทีว่าหากสู้ไปนานเข้าไม่พ้นต้องแพ้พ่าย ก็เลือกที่จะดิ่งร่างลงไปเล่นงานผู้ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพด้านล่างแทน
แม่นาง 7 กับชายหนุ่มอีก 2 คนก็เร่งดิ่งร่างติดตามไปฉับไว และเริ่มให้การช่วยเหลือผู้คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ กระทั่งเมื่อสบโอกาสเหมาะ ยังลงมือเล่นงานเหล่าคนที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอย่างไร้ปราณี
พริบตาเดียว การต่อสู้ตะลุมบอนก็ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นสองเท่า
ท่ามกลางการต่อสู้ตะลุมบอน ที่สะดุดตาต้วนหลิงเทียนมากที่สุด ก็คือ หัวเทียนตู้ โอวหยางเจี้ยนเฉิน กับชายหนุ่มอีก 2 คนที่เป็น 5 ที่รวดเร็วที่สุดก่อนหน้า
และการลงมือของพวกมันก็น่าสนใจไม่น้อย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดร้ายกาจเท่าพวกมัน เพียงแต่บางคนนั้นดูเหมือนกำลังซุกซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้
เพราะต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ ว่ามีหลายคนที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ และไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ เผยความสงบออกมาอย่างผิดปกติ
‘ดูเหมือนว่าการทดสอบรอบคัดเลือกรอบแรก จะเตือนสติพวกมัน…เช่นนั้นพวกมันก็เลยเลือกที่จะไม่ออกตัวแรงเกินไป จนกลายเป็นเป้าเล่นงานของคนอื่น เหมือนคนที่เลือกจะเผยความโดดเด่นออกมาก่อนหน้า แต่ดันโดนรุมกินโต๊ะจนบาดเจ็บอย่างสูญเปล่า…’
ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่าไฉนอัจฉริยะรุ่นเยาว์เหล่านั้นถึงซุกซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ หนึ่งเลยพวกมันไม่อยากตกเป็นเป้า สองก็คือพวกมันอยากเก็บออมพลังไว้ปะทุออกมายามจำเป็น และออกจากหุบเหวกระจกได้อย่างไร้เรื่องราว
หลังการต่อสู้ตะลุมบอนไปไม่ทันไร ก็มีผู้คนบาดเจ็บมากมา
และผลก็จบลงทำนองเดียวกับการทดสอบรอบคัดเลือกรอบแรก สุดท้ายแล้วผู้ที่เหลือรอดอยู่ก็มีไม่ถึงพันคน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนคนผ่านที่กำหนดเอาไว้
ขณะเดียวกัน เหล่าผู้เข้มแข็งทื่นหยัดอยู่ได้จนจบ ก็เริ่มทำการตกลงกัน ว่าใครจะมีสิทธิ์ได้นำพาผู้คนออกจากหุบเหวกระจก
หลังจากตกลงกันได้ ก็มีหลายคนเหินร่างกลับลงไปใต้หุบเหวกระจกและพาคนขึ้นไปจนครบ 1,000 คนตามกำหนด
การทดสอบรอบคัดเลือกรอบที่ 2 เป็นอันจบลง
1,000 คนผ่านการคัดเลือก
“ทุกคนที่ลงทะเบียนเสร็จแล้วให้มารวมกันข้างข้า เพื่อตามข้าไปรอทดสอบรอบที่ 2 ด้านในนิกายมังกรสวรรค์”
หญิงชราคนหนึ่งพลันก้าวออกมากล่าวคำเสียงดังต่อหน้ารุ่นเยาว์ทั้ง 1,000 คนที่พึ่งผ่านการคัดเลือก
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนของนิกายมังกรสวรรค์หลายคนออกมาเพื่อจดรายชื่อรุ่นเยาว์ทั้ง 1,000 คนที่พึ่งผ่านการคัดเลือก ไม่นานนักทั้ง 1,000 คนก็ได้ติดตามหญิงชราเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ไป
ในกระบวนการดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนยังสังเกตเห็นว่าหญิงชราที่เป็นผู้นำรุ่นเยาว์ทั้งพันคนเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์นั้น นางมักเหลือบมองไปทาง แม่นาง 7 บ่อยครั้ง สองตายังลุกวาวขึ้นมาแปลกๆ
‘ดูเหมือนอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ผู้นั้น จะต้องตาพึงใจความสามารถของ แม่นาง 7 จากหุบเขาหมื่นบุปผาขุมกำลังระดับราชาเทพที่ว่า’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“เอาล่ะ ต่อไปก็ถึงตาของพวกเราแล้ว!”
ทันใดนั้นเอง เสียงผ่านพลังของโหวชิ่งหนิงก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และเขาย่อมได้ยินชัดเจน ว่าถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามสงบจิตสงบใจแค่ไหน แต่เขาก็ได้ยินถึงความตื่นเต้นชัดเจน บอกให้รู้ว่าใจมันไม่ได้สงบเหมือนท่าที
“อ่า ถึงตาพวกเราแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางยิ้มว่า “เดี๋ยวพอการคัดเลือกเริ่มต้นขึ้น ข้าจะส่งพวกเจ้า 2 คนขึ้นไปก่อน”
“ส่งพวกข้า 2 คน?”
โหวชิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะงุนงง ด้วยไม่เข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนหมายความว่าอะไร
“ก็เจ้ากับคุณหนู 3 ของตระกูลมู่หรงอย่างไรเล่า…”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองกล่าวกับโหวชิ่งหนิงด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ ทำให้โหวชิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะอึกอักคล้ายทำอะไรไม่ถูก
เห็นท่าทีอึกอักของสหาย ต้วนหลิงเทียนก็อดหัวเราะไม่ได้
ไม่คิดว่าสหายที่แลดูจริงจังคนนี้ จะมีด้านดังกล่าวด้วย
“อาคันตุกะต้วน ต่อไปต้องรบกวนท่านแล้ว”
ทันใดนั้นเอง หลิงหูเจิ้งซิงก็หันมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง “ในตระกูลหลิงหูเรา มีรุ่นเยาว์ที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกับท่าน 15 คน หากรวมท่านก็เป็นแค่ 16 คน”
“อาวุโสเจิ้งซิง เรื่องนี้ขอท่านวางใจได้เลย”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ กับอีแค่รุ่นเยาว์อายุไม่ถึง 5,000 ปีที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์พร้อมเขานั้น บอกตรงๆไม่มีใครเป็นภัยคุกคามเขาได้เลย เรื่องที่จะเกิดอุบัติเหตุใดๆนั้นไม่มีแน่นอน
และหลังจากรุ่นเยาว์ในช่วงอายุ 5,000 – 8,000 ปีถูกหญิงชราที่เป็นอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์พาเข้าไปรอทดสอบในนิกายมังกรสวรรค์แล้ว หยินผิงอี้ ที่ควบคุมกำกับการทดสอบรอบคัดเลือกของนิกายมังกรสวรรค์ก็กล่าวคำออกมาอีกรอบ “ต่อไป ขอให้อัจฉริยะที่อายุไม่ถึง 5,000 ปีที่คิดจะทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์เรา เข้าสู่หุบเหวกระจกเพื่อทำการทดสอบรอบคัดเลือกรอบที่ 3”
“กฏก็เป็นเช่นเดิม”
“และข้าจักขอเตือนอีกครั้ง…ผู้ที่มีอายุเกิน 5,000 ปี หากยังไม่อยากตายอย่าได้เข้าไปในหุบเหวกระจกเด็ดขาด!”
สุดท้าย หยินผิงอี้ ก็กล่าวเตือนออกมาเป็นครั้งที่ 3