ตอนที่ 3789 ต้วนหลิงเทียนลงมือ

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ในบรรดาขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้ง 19 ขุมกำลังรวมถึงตระกูลหลิงหูนั้น มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่อายุไม่ถึง 5,000 ปีรวมกันทั้งสิ้น 300 กว่าคน
  กล่าวได้ว่าในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เดินทางมาทดสอบ ผู้ที่มีอายุในช่วงนี้นับว่าน้อยที่สุด
  เหตุผลก็คือ อัจฉริยะในวัยเพียงเท่านี้ แม้พรสวรรค์จะโดดเด่นแค่ไหน แต่ก็ฌคงยากจะบรรลุผลเลิศ้ำใดๆในนิกายมังกรสวรรค์ได้ อีกอย่างเลยก็คืออัจฉริยะในวัยนี้ส่วนใหญ่แล้วยังอยู่ในขอบเขตเทพเท่านั้น ทรัพยากรที่จะได้รับจากนิกายมังกรสวรรค์ ก็ไม่ได้ดีกว่าที่ทางขุมกำลังต้นสังกัดจะมอบให้ได้มากมายอะไร
  ‘คนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพมีแค่ไม่กี่คน แต่คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกลับมีมากพอสมควร’
  หลังต้วนหลิงเทียน กับรุ่นเยาว์ที่มีอายุไม่เกิน 5,000 ปีของตระกูลหลิงหู เข้าสู่หุบเหวกระจก เขาลองมองๆไปก็พบว่ารุ่นเยาว์ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพนั้น มีเป็นพันๆคนเลยทีเดียว
  กล่าวได้ว่าจำนวนของพวกมัน เป็น 3 เท่าของผู้ที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
  และในการทดสอบคัดเลือกครั้งนี้ ก็จะมีคนผ่านแค่ 200 คนเท่านั้น อัตราคนที่จะผ่านเข้ารอบได้ มันต่ำกว่าการทดสอบคัดเลือก 2 รอบแรกเสียอีก
  หลังจากการทดสอบคัดเลือก 2 รอบแรก เหล่ารุ่นเยาว์ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ก็ได้รวมกลุ่มกันตั้งแต่ก่อนเข้าสู่หุบเหวกระจก พอเข้ามาแล้วพวกมันก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับรุ่นเยาว์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพด้วยสายตาดุร้าย
  “พี่น้องทั้งหลาย ในการทดสอบคัดเลือก 2 รอบแรก คที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอย่างเราๆนั้นเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เนื่องเพราะความแตกต่างของจำนวนไม่ได้มากมายอะไร…แต่ในรอบที่ 3 จำนวนคนของพวกเรามากกว่าพวกมันอย่างเห็นได้ชัด! ข้าแนะนำให้พวกเรามากลุ้มรุมจัดการพวกมันให้หมดก่อนเถอะ จากนั้นพวกเราค่อยมาแข่งขันกันเองอย่างยุติธรรม เพื่อหาคนที่จะผ่านเข้ารอบทั้ง 200 คน!”
  พอมีคนกล่าวเรื่องนี้ออกมา หลายคนก็เห็นด้วยทันที
  แน่นอนว่าในบรรดาคนที่เห็นด้วย ก็มีคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแอบตีเนียนเออออไปด้วย เพราะจังหวะนี้พวกมันไม่กล้าเผยตัวออกมาจริงๆ พวกมันเป็นคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
  แต่กระนั้น จำนวนของผู้ที่ต้องการเพ่งเล็งไปยังคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ก็มากกว่าผู้ที่เผยตัวออกมาว่าเป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพมากกว่า 2 เท่า
  และพอได้ยินการตกลงของอีกฝ่าย ด้านรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูและขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่กล้าเผยตัวก็อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าคร่ำเคร่ง
  เนื่องจากคำกล่าวที่ว่า 2 หมัดยากต้านทาน 4 ฝ่ามือนั้น ไม่แปลกปลอม ทำให้ไม่ว่าพวกมันจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่ต้องพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่า 2 ก็อดหวั่นกลัวขึ้นมาไม่ได้
  ‘หุบเหวกระจกนี่ ที่แท้ก็เป็นโลกใบเล็กที่สร้างขึ้นจากพลังของค่ายกลมิติบางประเภท…ให้เรียกว่าเป็นระนาบอิสระก็ว่าได้’
  ‘และดูเหมือนที่คนภายนอกสามารถมองเห็นด้านในได้ มันไม่ใช่ว่าพื้นที่มิติถูกกั้นด้วยกำแพงโปร่งใสแต่อย่างใด ดูเหมือนเป็นแค่ภาพฉายจากอาคมกระจกสะท้อนลักษณ์บางประการที่อยู่ด้านบนมากกว่า…’
  …
  ก่อนที่จะเข้าสู่หุบเหวกระจก ต้วนหลิงเทียนก็พอจะรู้สภาพการณ์ภายในบ้างแล้ว เช่นนั้นพอเข้ามาจริงๆเขาก็ไม่ได้แตกตื่นหรือตกใจอะไร
  และตอนนี้ใกล้ๆเขาก็มีรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหู 15 คน อีกทั้งยังมีคนจากตระกูลมู่หรงอีก 17 คน
  แน่นอนว่าคนของตระกูลมู่หรง 17 คนที่ว่า ก็รวมโหวชิ่งหนิงกับคุณหนู 3 อย่างมู่หรงอวิ๋นเยว่ไปแล้ว
  และในปัจจุบันต้วนหลิงเทียน โหวชิ่งหนิง และคุณหนู 3 ก็ยืนอยู่ใกล้ๆกัน
  “หืม?”
  หลังจากเข้าสู่หุบเหวกระจกได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนที่ตรวสจสอบที่ทางเพลินๆ พอรู้ตัวอีกที ก็พบว่าคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพนั้น ได้เริ่มกระจายกำลังกันปิดล้อมคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเรียบร้อยแล้ว
  แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพไม่ได้เข้าร่วมการปิดล้อมอยู่บ้าง และพวกมันก็เลือกจะไปยืนอยู่ห่างๆ
  “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? หมายอาศัยพวกมากกลุ้มรุมรึ พวกเจ้าไม่กลัวพวกเราเอาคืนภายหลังรึไงหา?”
  ทันใดนั้นเอง คนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพคนหนึ่งก็มองกล่าวกับคนที่กำลังปิดล้อมด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงยังฟังดูเอาเรื่องนัก
  “ฮ่าๆๆๆๆ!!”
  ทันใดนั้น คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพคนหนึ่งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “ข้าล่ะกลัวเจ้าเหลือเกิน…แต่หากเจ้าคิดแก้แค้นเอาคืนข้า อย่างน้อยๆเจ้าก็ต้องหาข้าให้เจอก่อนกระมัง?”
  “ยิ่งไปกว่านั้น บางทีหลังจากนี้ข้าอาจจะกลายเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ก็ได้…ถึงตอนนั้นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้า กล้าเล่นงานข้า หรือครอบครัวที่อยู่ข้างหลังข้าง่ายๆรึ?”
  “หากนิกายมังกรสวรรค์ล่วงรู้ ว่าพวกเจ้าแก้แค้นข้า ที่กลายเป็นศิษย์ฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์เพียงเพราะเจ้าไม่พอใจข้าในรอบคัดเลือก…เจ้าว่าขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอันยิ่งใหญ่ที่หนุนหลังเจ้าอยู่จะลงเอยอย่างไรเล่า?”
  เพราะสิ่งที่ชายคนนี้พูด ทำให้ไร้คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพคนไหน หวาดกลัวรุ่นเยาว์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเลย ไม่กังวลเรื่องที่อีกฝ่ายจะใช้อำนาจมาเล่นงานในภายหลัง
  กล่าวได้ว่า การข่มขู่ทำนองนี้ไม่ได้ทำให้พวกมันหวาดกลัวแม้แต่น้อย
  “ฮ่าๆๆ! ใกล้จะครบ 1 เค่อแล้ว…ถึงแม้จะฆ่าคนไม่ได้ แต่พอคิดว่าจะได้เล่นงานพวกศิษย์ทั้งลูกหลานจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ข้าล่ะคึกคักยิ่งนัก! พวกมันแค่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดคิดว่ายิ่งใหญ่มากหรือไร คอยดูเถอะวันนี้บิดาจะเตะตูดพวกมันให้กลิ้ง!!”
  บางคนระเบิดเสียงหัวเราะ พลางกล่าวออกมาอย่างห้าวหาญ
  “เฮอะ ให้พวกมันมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแล้วอย่างไร อายุไม่ถึง 5,000 ปีเหมือนกันจะเก่งกาจได้สักแค่ไหนเชียว?”
  หลายคนยังพูดออกมาทำนองเดียวกัน
  โดยปกติแล้วผู้ที่กล่าววาจาทำนองนี้ออกมาส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับราชาเทพด้วยซ้ำ ถึงแม้ในตระกูลอาจจะมีตัวตนระดับราชาเทพอยู่ก็ตาม
  สำหรับคนพวกนี้นั้น การข่าวย่อมไม่ได้ดีเด่อะไร ทำให้บางครั้งพวกมันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
  เช่นนั้นแล้ว หลังจากคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพได้ยินคำพูดของพวกมัน ก็เลยอดหันไปมองต้วนหลิงเทียนไม่ได้…
  และมีบางคนที่มาจากขุมกำลังระดับราชาเทพ ก็ได้หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัวเช่นกัน
  นั่นเพราะพวกมันล่วงรู้ ว่าต้วนหลิงเทียนนั้น ถึงแม้จะยังมีอายุไม่ถึง 5,000 ปี แต่ก็เคยฆ่าศิษย์หลักที่โดดเด่นของนิกายหมอกเร้นลับไปแล้วถึง 2 คน ที่สำคัญคือศิษย์หลักนิกายหมอกเร้นลับทั้ง 2 ที่ว่ายังมีพลังฝีมือถึงขั้นเอาชนะราชาเทพขั้นสูงทั่วไปได้
  และคนที่ล่วงรู้นั้น โดยมากแล้วก็เป็นคนจากขุมกำลังระดับราชาเทพที่อยู่ใต้อาณัติหรือมีความสัมพันธ์กับนิกายหมื่นปีศาจ นิกายหมอกเร้นลับ รวมถึงตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรง
  ยังรู้อีกด้วยว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนั้น น่ากลัวตู้ปั้วจวินที่เป็นรองก็แต่หยางเชียนเย่ในนิกายหมื่นปีศาจ ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำ ว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้หรือไม่…
  และตู้ปั้วจวินคนนั้น กระทั่งในรอบคัดเลือกสำหรับผู้ที่มีอายุ 8,000 – 10,000 ปีก็ยังเป็นตัวตนที่โดดเด่น
  กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ต่อให้จับต้วนหลิงเทียนไปวางไว้ในการทดสอบคัดเลือกของรุ่นเยาว์ในช่วงอายยุ 8,000 – 10,000 ปี ต้วนหลิงเทียนก็สมควรอยู่ในกลุ่มผู้นำเหมือนตู้ปั้วจวิน
  “อาวุโสเจิ้งซิง…เจ้าหนูพวกนั้นดูเหมือนจะไม่รู้ว่าอาคันตุกะต้วนของตระกูลหลิงหูท่านร้ายกาจปานใด…พวกมันนับว่าหาเรื่องใส่ตัวแล้วจริงๆ ที่ไปล้อมคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่มีอาคันตุกะต้วนอยู่ด้วยเช่นนี้”
  มู่หรงอวิ๋นลิ่ว ผู้นำตระกูลมู่หรงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลิงหูเจิ้งซิงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  ด้านหลิงหูเจิ้งซิงพอได้ยิน ก็หัวเราะเบาๆ “บางทีพวกมันอาจจะรู้ แต่คิดว่าอาศัยคนมากเข้าหน่อยก็อาจเอาชนะอาคันตุกะต้วนได้”
  “หึ! ฝูงตั๊กแตนตัวจ้อยคิดหยุดรถม้า!!”
  จังหวะนี้ กระทั่งเฉียนหยิ่นประมุขนิกายหมอกเร้นลับ ยังอดเบบ้ปากสบถกล่าวออกมาด้วยความหมิ่นหยามไม่ได้ มันมองเหล่ารุ่นเยาว์ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพด้วยสายตาทำราวกับมองตัวโง่งม
  ผู้คนที่เข้าสู่หุบเหวกระจกรอบนี้ ไม่มีใครกระตุ้นค่ายกลสังหาร กล่าวได้ว่าก่อนจะเริ่มการคัดเลือกไม่มีใครตาย
  “ดูเหมือนเพราะการตายของ 2 คนนั่น ได้ขจัดความคิดของผู้ที่หวังเสี่ยงโชคไปหมดสิ้น…”
  “ยังไม่ชัดเจนหรือไร หาไม่แล้วข้าเชื่อว่าต้องมีคนคิดจะเสียงอยู่บ้าง”
  “เฮ่อ ทุกครั้งที่นิกายมังกรสวรรค์ทำการทดสอบรับศิษย์ มักมีคนพวกนี้โผล่มาอยู่ร่ำไป…”
  “นี่ก็โทษพวกมันไม่ได้ บางคนก็ไม่เคยมา บ้างก็ไม่มีใครบอกเพราะอยู่หลังเขา หรือไม่ก็ฐานะต่ำต้อยจนสายตาคับแคบ จึงอดคิดไปว่านิกายมังกรสวรรค์อาจขู่ให้กลัวเฉยๆ”
  …
  หลังเห็นว่าไม่มีใครตายเหล่าผู้คนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ภายนอก กระซิบกระซาบคุยกันไปเรื่อย
  “เริ่มได้”
  ไม่นานนักเวลาก็ได้ผ่านไปครบ 1 เค่อ และเสียงของหยินอี้ผิง อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ก็ดังขึ้นในหุบเหวกระจกทันที
  สิ้นคำกล่าวของหยินอี้ผิง ต้วนหลิงเทียนก็วางมือไว้บนไหล่ของโหวชิ่งหนิง ขณะเดียวกันโหวชิ่งหนิงก็จับมือมู่หรงอวิ๋นเยว่ไว้ หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้บอกมันไว้แต่แรก
  พริบตาต่อมาบังเกิดเสียง ‘ซัว’ ดังขึ้นเบาๆ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติหายไปโผล่ด้านบนไกลๆพร้อมๆโหวชิ่งหนิงและมู่หรงอวิ๋นเยว่
  ฉากเรื่องราวดังกล่าวทำให้รุ่นเยาว์จากที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่กำลังปิดล้อมอยู่ตื่นตัวทันใด จากนั้นพวกที่เชี่ยวชาญกฏมิติก็เร่งใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ วูบร่างติดตามพวกต้วนหลิงเทียนไปทันที
  กระทั่งผู้ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญกฏมิติ ยังปะทุพลังพุ่งร่างทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุด พลางตะโกนกล่าวออกเสียงเหี้ยม “คิดฉวยโอกาสหนีงั้นรึ ตัวโง่ง่มฝันละเมอ!”
  “ภายใน 3 ลมหายใจบิดาจักไล่ตามเจ้าทัน จากนั้นจักตีเจ้าให้ร่วง!”
  “ไอ้หนู คิดเนียนงั้นเรอะ อย่าหวังว่าจะหนีรอดไปได้!”
  …
  ในปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียนเสมือนกลายเป็น วิหกตัวแรก หรือก็คือวิหกจ่าฝูงที่บินนำหน้าอันเป็นเป้าลูกเกาทัณฑ์ชั้นดี ทำให้หลายคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเร่งทะยานขึ้นฟ้าหมายจัดการต้วนหลิงเทียนกันใหญ่!
  ด้านต้วนหลิงเทียนที่เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปโผล่ด้านบนไกลๆ กลับไม่ได้ใช้การเคลื่อนย้ายมิติต่อเนื่องแต่อย่างใด…
  เขาเพียงหยุดยืนกลางอากาศ หันไปมองกล่าวกับโหวชิ่งหนิงและมู่หรงอวิ๋นเยว่ข้างๆว่า “พวกเจ้าทั้งคู่ ขึ้นไปกันก่อนเลย เดี๋ยวข้าค่อยตามขึ้นไปทีหลัง”
  “ได้”
  โหวชิ่งหนิงย่อมรู้ถึงความร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนดี จึงไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น มันเตรียมเหิร่างพุ่งขึ้นฟ้าไปทันที ขณะเดียวกันมันก็คลายมือที่กอบกุมมือของมู่หรงอวิ๋นเยว่ไว้ออก
  เพราะมันรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกุมมือมู่หรงอวิ๋นเยว่และพานางเหินร่างขึ้นไปแต่อย่างใด ตอนนี้นางสมควรไปเองได้แล้ว
  อย่างไรก็ตาม มันพึ่งคลายมือออกได้ไม่ทันไร ไม่ทันที่จะได้ไปไหน มู่หรงอวิ๋นเยว่ก็พุ่งมือมาคว้ามือมันดัง ‘หมับ’ “อะไรเจ้าคิดหนีไปง่ายๆหลังจากแต๊ะอั๋งข้าหรือ?”
  น้ำเสียงของมู่หรงอิ๋นเยว่ เผยให้เห็นความไม่พอใจตามประสาสาวน้อย
  “เปล่า…ข้า…ข้าไม่ได้แต๊ะอั๋งเจ้านะ…ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ส่งเสียงผ่านพลังบอกหรือไรว่าต้องจับมือกันไว้”
  โหวชิ่งหนิงรู้สึกลนลานอยู่บ้าง
  “ท่อนไม้โง่งม ยังมัวมาเสียเวลาพูดอะไรของเจ้าอยู่กัน รีบขึ้นไปก่อนเร็ว”
  มู่หรงอวิ๋นเยว่ถลึงตามองโหวชิ่งหนิงอย่าดุดัน จากนั้นก็กล่าวตำหนิเบาๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายฉุดร่างโหวชิ่งหนิงให้พุ่งละลิ่วขึ้นฟ้าไป อย่างไรก็ตามหากสังเกตุให้ดีมุมปากของนางนั้นกำลังขมุบขมิบ ออกอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
  ด้านนอกหุบเหวกระจก มู่หรงอวิ๋นลิ่วที่เห็นลูกสาวออกตัวแรง ถึงขั้นเป็นฝ่ายจับมือถือแขนชายหนุ่มก่อนแบบนั้น ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
  เรื่องที่ลูกสาวคนเล็กของมันชอบโหวชิ่งหนิงนั้น แม้นางจะไม่ได้บอก แต่มันที่เป็นพ่อจะไม่รู้ได้หรือ
  อย่างไรก็ตาม แม้มันจะรู้แต่แรก ทว่าพอมาเห็นลูกสาวตัวเองเป็นฝ่าย ‘รุก’ ชายหนุ่มแบบนี้ มันก็อดตื่นตกใจไม่ได้
  ในใจยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสลด เพราะสิ่งนี้เสมือนกระหล่ำปีที่มันเฝ้าปลูกและรดน้ำอย่างทะนุถนอมมานานปี กำลังจะถูกหมูที่ไหนคาบไปกินอย่างไรอย่างนั้น…
  “พวกเจ้าไปไหนไม่ได้!!”
  “หยุดพวกมันเร็ว!!”
  …
  ในขณะที่โหวชิ่งหนิงกับมู่หรงอวิ๋นลิ่วกำลังเหาะทะยานขึ้นไปด้านบน โดยที่ต้วนหลิงเทียนลอยร่างหยุดลงกลางอากาศ และคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกำลังแห่กันเหาะตามขึ้นมา
  ทั้งยังมีรุ่นเยาว์หลายคนที่เก่งกฏมิติ กำลังจะใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิตินั้นเอง…
  ในเวลาชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ อยู่ๆทุกคนกลับต้องหยุดร่างลงในฉับพลัน!
  จะคนที่ทะยานขึ้นมาก็ดี หรือคนที่ใช้การเคลื่อนย้ายมิติก็ดี บัดนี้ล้วนแน่นิ่งกันหมด!
  นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างกลางอากาศนั้น พลันยกเท้าขวาขึ้นเบาๆก่อนจะย่ำลงตามอำเภอใจ พลังเทพผสานกฏมิติอันน่าพรั่นพรึงกำจายออกมาในพริบตา จากนั้นความว่างเปล่าใต้ฝ่าเท้าก็กระเพื่อมไหวดั่งผิวน้ำ ก่อนจะบังเกิดกำแพงมิติอุบัติขึ้นในฉับพลัน!
  ภายใต้การขัดขวางของกำแพงมิติดังกล่าว ไม่มีผู้ใดสามารถบุกฝ่าไปได้เลย!
  “มารดามันเถอะ! เจ้านั่นมันเป็นราชาเทพขั้นกลาง!!”
  ทันใดนั้นเอง ก็มีคนที่ไล่ตามมาโพล่งตะโกนออกมาเสียงดังลั่น และหลายๆคนก็หน้าเปลี่ยนสีไปเป็นแถบ ด้วยไม่คิดมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มหน้าอ่อนชุดม่วงด้านบน จะเป็นถึงราชาเทพขั้นกลาง!
  อีกฝ่ายฝึกฝนบ่มเพาะอย่างไรกัน!?
  ต้องทราบด้วยว่าในบรรดาคนที่อายุไม่ถึง 5,000 ปีนั้น ขอแค่ทะลวงถึงราชาเทพขั้นต่ำได้ก็ร้ายกาจมากแล้ว ให้กวาดตามองไปทั่วเขตคฤหาสน์ตงหลิงยังถือเป็นชนชั้นอัจฉริยะด้วยซ้ำ!