พอต้วนหลิงเทียนเผยพลังเทพระดับราชาเทพขั้นกลางออกมา รุ่นเยาว์ในหุบเหวกระจกก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง และพอพวกมันได้สติกลับคืน แต่ละคนก็ชักสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ระคนหวาดกลัวนัก
และในขณะที่พวกมันกำลังทำหน้าตื่นตกใจนั้นเอง เหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลหลิงหูที่อยู่ใต้หุบเหวก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พวกเจ้าคงไม่ได้โง่ถึงขั้น คิดว่าจะเอาชนะอาคันตุกะต้วนของตระกูลหลิงหูพวกเราได้หรอกนะ”
พอรุ่นเยาว์จากตระกูลหลิงหูเอ่ยคำนี้ออกมา หลายคนก็ตระหนักได้ทันที “ที่แท้มันคืออาคันตุกะต้วนของตระกูลหลิงหู ต้วนหลิงเทียน!”
“อาคันตุกะต้วน?”
เป็นธรรมดาว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตาม พอคนเหล่านั้นได้ทราบรายละเอียดของต้วนหลิงเทียนจากกคนผู้คนรอบข้าง สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปทันที
“อายุไม่ถึง 3,000 ปี?”
“หลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดได้ตามอำเภอใจ?!”
“เป็นคนที่โด่งดังในเมืองหลิงหูผู้นั้น!?”
…
รุ่นเยาว์หลายคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพในเขตพื้นที่ของนิกายมังกรสวรรค์ รวมถึงเหล่าผู้ที่มักปลีกวิเวกอาศัยอยู่อย่างสันโดษกับอาจารย์หรือครอบครัว เป็นธรรมดาที่จะไม่ทราบข่าวคราวความเป็นไปของโลกภายนอก เช่นนั้นแม้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนจะแพร่ออกมานานแล้ว แต่พวกมันก็ไม่เคยรับรู้
“ว่ากันว่าอาคันตุกะต้วนของตระกูลหลิงหูผู้นี้ แม้จะยังเยาว์แต่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2-3 ชุดเข้าไปแล้ว…ครั้งยังอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำ ก็เข่นฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวศิษย์หลักที่โดดเด่นของนิกายหมอกเร้นลับได้อย่างง่ายดาย…พวกเจ้าต้องทราบด้วยว่าศิษย์หลักทั้ง 2 คนที่ว่าเป็นตัวตนที่เอาชนะราชาเทพขั้นสูงทั่วๆไปได้”
“มาวันนี้ ต้วนหลิงเทียนคนนั้นบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางแล้ว ต่อให้จะไม่มีความก้าวหน้าในแง่ความเข้าใจในกฏมิติ แต่พลังฝีมือย่อมร้ายกาจกว่าเดิมแน่นอน”
“ให้ตายเถอะ สัตว์ประหลาดเช่นนี้มันโผล่มาจากที่ใดกัน? แถมสัตว์ประหลาดเยี่ยงมันยังต้องมาเข้าร่วมการทดสอบรับศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์อีกเหรอ แค่บอกเจตนาว่าจะเข้าร่วม นิกายมังกรสวรรค์ก็คงต้องรีบรับแล้วกระมัง?”
“ข้าว่าเจ้านั่น มันอาจจะตั้งใจเข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อน…พวกเจ้าอย่าได้ลืมไป ว่าของรางวัลสำหรับ 10 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้ก็คือโอสถเทพทะลวงราชัน!”
“จริงสิ! ต้องเป็นเพราะเหตุนี้ไม่ผิดแน่ โอสถเทพทะลวงราชันนั่น มีสรรพคุณขจัดปัญหาเรื่องจุดรอคอยระหว่างด่านพลังราชาเทพขั้นสูงกับจอมราชันเทพขั้นต่ำ! และมีแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่จะหลอมปรุงมันขึ้นมาได้ ต่อให้เป็นต้วนหลิงเทียนคนนั้น ถึงจะอยากได้ก็ไม่แปลก!”
…
หลังจากตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไปพักหนึ่ง ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะซุบซิบคุยกันถึงเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน และหลายคนก็คาดเดาวัตถุประสงค์การเข้าร่วมทดสอบศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ครั้งนี้
“คนของตระกูลหลิงหู กับคนของตระกูลมู่หรง ขึ้นมาด้านนี้..”
ในขณะที่หลายๆคนยังตกใจกับพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่หาย ด้านต้วนหลิงเทียนก็มองไปยังด้านล่างหุบเหวกระจกทิศทางหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยคำเสียงเรียบพลางผายมือชี้ไปข้างกายไม่ไกล
และทันทีที่เขากล่าวจบคำ สองตาของคนจากตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงก็ลุกวาวสว่างจ้า จากนั้นพวกมันก็ไม่รอช้าเร่งเหินไปตามคำบอกของต้วนหลิงเทียนทันที
กำแพงมิติตรงนั้น มีช่องว่างอยู่
“หึ!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมากนัก พ่นลมสบถออกมาเบาๆ และมันคิดจะออกไปทางช่องว่างดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รอมันอยู่ก็คือพลังมิติอันน่าพรั่นพรึงที่ถล่มลงด้วยสภาวะปานค้อนอันเขื่อง ฟาดกระแทกร่างมันอย่างแรง จนคนร่วงตกลงมาปานอุกกาบบาต
หลังมันกระอักเลือดไม่กี่คำ ร่างที่พยายามจะลุกขึ้นก็สั่นสะท้าน สุดท้ายพลังเทพในร่างของมันก็คล้ายระเหยหายไปในอากาศ ฟุบนิ่งไปกับบพื้นราวหมาป่วยใกล้ตาย
พอต้วนหลิงเทียนลงมือเชือดไก่ให้ลิงดู คนที่คิดตีเนียนแอบลอดช่องว่างมิติไปพร้อมๆกับคนของตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
“ขอบคุณท่านมาก อาคันตุกกะต้วน!”
ตอนนี้เอง คนของตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงที่เหินร่างขึ้นมาไม่ห่างต้วนหลิงเทียนมากนัก ก็ป้องมือประสานกล่าวคำขอบคุณออกมา จากนั้นก็เหินผ่านช่องว่างบนกำแพงมิติ ก่อนจะออกจากหุบเหวกระจกไปอย่างไรเรื่องร่าว
เหล่ารุ่นเยาว์คนอื่นๆในหุบเหวกระจก พอเห็นคนของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรง ทยอยกันเหินร่างออกจากหุบเหวกระจกง่ายๆทั้งไม่รีบไม่ร้อน สองตาก็แดงฉานขึ้นมาด้วยความอิจฉา
“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนหลิงเทียน อย่างไรเสียท่านก็เคยอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับเหมือนพวกเรา เช่นนั้นท่านช่วยพวกเราด้วยเถอะ”
ทันใดนั้นเอง ก็มีศิษย์นิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่งรวบรวมความกล้าเอ่ยคำขอความช่วยเหลือจากต้วนหลิงเทียนออกมา
“ต้วนหลิงเทียน หากท่านเต็มใจเปิดทางให้พวกเรา นิกายบูรพารุ่งโรจน์ของพวกเราจักไม่ลืมเลือนน้ำใจของท่านในวันนี้”
ศิษย์นิกายบูรพารุ่งโรจน์คนหนึ่งก็เร่งกล่าวร้องขอออกมาตามติด
พอมีผู้นำ ก็ย่อมมีผู้ที่กล้าตาม เหล่าศิษย์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหลายเร่งประสานมือกล่าวคำร้องขอจากต้วนหลิงเทียนกันใหญ่ หมายให้ต้วนหลิงเทียนช่วยเหลือพวกมันด้วย
จังหวะนี้ คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็เริ่มร้อนใจดังไฟสุมทรวง
ล้อกันเล่นหรือไร!
หากมีแต่คนของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงก็แล้วไป เพราะคนของสองตระกูลรวมกันแล้วก็มีแค่ 30 กว่าคนเท่านั้น…
เท่าให้ยังเหลือที่เกือบ 170 ที่สำหรับพวกมัน!
แต่ถ้าผู้คนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอื่นๆขอความช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนแบบนี้ และต้วนหลิงเทียนยินดีช่วยเหลือ เช่นนั้นยังจะเหลือที่สำหรับพวกมันอยู่อีกหรือ!?
“สหายทุกท่าน ข้าเกรงว่าหากพวกเรายังไม่ลงมือกันอีก คงไม่เหลือที่สำหรับพวกเราแล้ว!”
หลังจากที่มีผู้กล้าที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพคนหนึ่งตะโกนปลุกระดม ทั้งเหินร่างนำลิ่วไป คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหลายที่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ก็พร้อมใจกันปะทุพลังเหินร่างขึ้นฟ้าลงมือจู่โจมออกไปทันที!
แม้พวกมันจะกริ่งเกรงต้วนหลิงเทียน แต่ด้วยจำนวนผู้คนที่มากมายขนาดนี้ ทั้งแต่ละคนก็มีความถือดีในตัวพอสมควร ทำให้ไร้ความหวาดกลัว!
ที่สำคัญก็คือ เป้าหมายการลงมือของพวกมันไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนหรือกำแพงมิติ หากแต่เป็นคนของตระกูลหลิงหู กับตระกูลมู่หรงที่ยังไม่ลอดผ่านช่องว่างบนกำแพงมิติ
ในปัจจุบันคนของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงที่เหินผ่านช่องว่างไปแล้ว ก็มีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
และยังมีคนที่ไม่ทันได้เหินร่างลอดผ่านช่องว่างบนกำแพงมิติไปอีกสิบกว่าคน
ผู้คนกว่าโหลที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เหินร่างนำขึ้นมา ก็ซัดกระบวนท่าด้วยพลังทั้งหมด จู่โจมเล่นงานเข้าใส่คนของตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงอย่างดุร้าย
และพอพวกมันลงมือกันอย่างไม่คิดออมรั้งแบบนี้ สีหน้าของคนตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงสิบกว่าคนที่ยังไม่ทันลอดผ่านช่องว่าง ก็หน้าเสียไปทันที
เพราะพลังฝีมือของกลุ่มคนที่ลงมือไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกมันเลย
หรืออย่างน้อยอีกฝ่ายก็สามารถสู้เสมอกับพวกมันได้
กระทั่งมีบางคนที่แข็งแกร่งว่าพวกมัน!
“หึ!”
ทว่าในขณะที่กลุ่มคนกว่าโหลลงมือนั้นเอง พลันมีเสียงพ่นลมหายใจเย็นๆหนึ่งดังขึ้น
พร้อมกันนั้น ใต้กำแพงมิติก็เริ่มปรากฏพลังมิติอันน่ากลัวก่อตัวขึ้น จากนั้นก็กลับกลายเป็นพายุมิตินับสิบลูก พัดถล่มเข้าใส่พลังกระบวนท่าของผู้คนกว่าโหล และไม่เพียงทำลายพลังกระบวนท่าเหล่านั้นจนราบคาบ ยังถล่มเข้าใส่ร่างกว่าโหลที่จู่โจมอย่างอุกอาจ
ความเร็วของพายุมิตินั้นเหนือชั้นมาก แต่ละคนไม่มีเวลามากพอให้หลบหลีก!
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มันสายเกินไปที่จะหลบ ทว่าพวกมันยังคงรีบเร่งเร้าพลังจู่โจมออกไปอย่างจวนตัว หมายต้านทานพายุมิติที่พัดถล่มลงมาอย่างดุร้ายนั่น
จังหวะนี้แทบทุกคนได้หยิบควักอาวุธเทพคู่กายออกมา และเป็นอาวุธเทพขั้นกลางทั้งสิ้น!
ปงงง!!!
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินที่ออกตัวจู่โจมนำมาคนแรก ย่อมเป็นคนแรกที่ปะทะกับพายุมิติที่ถล่มลงมา อย่างไรก็ตามรังสีพลังที่ซัดออกจากอาวุธเทพอย่างจวนตัวของมัน เสมือนหิ่งห้อยคิดประชันแสงจันทร์ ถูกกลืนกินไปอย่างง่ายดาย กระทั่งพายุมิติที่เหลือพลังกว่าครึ่ง ยังโถมเข้าใส่ร่างมันอย่างจัง ก่อนอื่นเลย ชุดคลุมสีน้ำเงินเสมือนกระดาษเปื่อยเปียกน้ำถูกโยนลงเครื่องปั่น เนื้อตัวยังเริ่มปรากฏรอยเชือดเฉือนคล้าหมื่นคมมีดกรีดเฉือน
ตูมมมม!!
เสียงระเบิดดังสนั่นพลันอุบัติขึ้น เป็นพายุมิติที่เหลือพลังมากพอนั่น หลังกลืนร่างชายวัยกลางคนไปแล้ว ก็ปะทุพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว พาลให้ชายวัยกลางคนรู้สึกเสมือนมีขุนเขาใหญ่ถล่มทับร่าง ซัดมันจนเปลี้ยในพริบตา
ในห้วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินที่บุกจู่โจมขึ้นมาอย่างห้าวหาญ ก็เจริญรอยตามผู้กล้าคนแรก คนร่วงตกฟ้าไปนอนกองดั่งหมาป่วยบนพื้น
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
หลังจากชายวัยกลางคนที่นำจู่โจมร่วงตกฟ้าไปไม่ทันไร เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นติดๆกันอีกสิบกว่าครั้ง จากนั้นเหล่าคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกว่าโหลที่เหลือ ก็ร่วงตกฟ้าไปดั่งหยาดพิรุณ
ทุกคนล้วนบาดเจ็บสาหัสนัก โลหิตกระอักออกปากปานเขื่อนแตก พลังเทพในร่างถูกพลังมิติทำลายสิ้นสูญ พอเหลือให้ชะลอความเร็วในการร่วงตกฟ้าไม่ให้ตกลงไปเป็นซากเนื้อเลอะเลือนยังก้นหุบเหวกระจกเท่านั้น
หุบเหวกระจกที่มีผู้คนหลายร้อย กลายเป็นเงียบงันทันที
“ไป!”
ด้านคนของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงบางคนที่ฟื้นสติกลับมาก่อนใคร ก็เร่งตะโกนเสียงดัง ก่อนจะเหินร่างตัวปลิวพุ่งผ่านช่องว่างบนกำแพงมิตินำไปทันที
ไม่ทันไรคนของตระกูลหลิงหูกับตระกูลมู่หรงก็เหินผ่านช่องว่างจนหมด
ในขณะเดียวกันโหวชิ่งหนิงกับมู่หรงอวิ๋นเยว่ที่เหินร่างขึ้นมาก่อนใคร ก็เป็น 2 คนแรกที่ออกมาจากหุบเหวกระจก
ด้านนอก
ฉากเรื่องราวกลายเป็นเงียบงันอยู่พักหนึ่ง
“เอ่อ….”
“นี่มันจะร้ายกาจเกินไปหรือไม่ คนๆเดียวกลับหยุดผู้คนนับสิบๆได้อย่างง่ายดาย!?”
“เจ้าหนุ่มนั่นมันเป็นใครกัน แค่คนเดียว แต่กลับใช้หนึ่งมือบังฟ้าได้เช่นนี้?”
“ให้ตายเถอะ เจ้าไม่รู้เหรอว่าเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นเป็นใคร? นั่นคืออาคันตุกะต้วนของตระกูลหลิงหู คนที่ผ่านการทดสอบศิษย์หลักขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับอย่างไรเล่า! ที่นี้รู้หรือยัง!?”
“อะไร!? ที่แท้เป็นมันรึ!?”
“สวรรค์! เกือบ 30 ปีที่แล้ว ตอนมันอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับ ไม่ใช่ว่าด่านพลังยังเป็นแค่เทพขั้นสูงหรือไร หลังออกไปนอกนิกายสักพักพอกลับมาด่านพลังก็บรรลุถึงราชาเทพขั้นต่ำ! แถมนี่พึ่งจะผ่านไปแค่ 20 กว่าปีเท่านั้น กลับบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางแล้ว!?”
…
หลังผู้คนด้านนอกกลับมารู้สึกตัว เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นระงม และในที่สุดทุกคนก็รู้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงในหุบเหวกระจกเป็นใคร
ต้วนหลิงเทียน
อาคันตุกะทรงเกียรติของตระกูลหลิงหู
คนที่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุดเป็นอย่างต่ำ
ราชาเทพขั้นกลางที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี
กระทั่งในเส้นทางการหลอมโอสถ ยังมีพรสวรรค์ฝืนฟ้า สามารถหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดออกมาได้ตามอำเภอใจ เทียบได้กับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันชั้นแนวหน้า
จังหวะนี้ไม่ใช่แค่ผู้ที่เคยรู้จักต้วนหลิงเทียนจากข่าวลือจะตกตะลึงพรึงเพริดเท่านั้น กระทั่งผู้ที่ไม่เคยรู้จักต้วนหลิงเทียนมาก่อนเลย หลังได้เห็นการลงมืออันร้ายกาจนั่น พวกมันก็อึ้งไปกันหมด และบางคนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
“ร้ายกาจ…เจ้านั่นมันจะร้ายกาจเกินไปแล้ว! ข้าว่าต่อให้เป็นนิกายมังกรสวรรค์ก็เก็บมันไว้ได้ไม่นานหรอก”
อาวุโสของตระกูลมู่หรงที่ลอยร่างข้างๆ มู่หรงอวิ๋นลิ่ว ผู้นำตระกูลมู่หลงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมา
“ครั้งนี้นับว่าตระกูลมู่หรงของพวกเรา ติดข้างเจ้าหนูนั่นแล้ว”
มู่หรงอวิ๋นลิ่วเองก็อดส่ายหน้าไปมาไม่ได้ ยังกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ
ถึงแม้มันจะรู้ว่าต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่ง แต่พอได้มาเห็นกับตาก็ต่างจากที่ได้ฟังมาคนละเรื่อง
“เจ้าหนุ่มนั่น…คือต้วนหลิงเทียนจากตระกูลหลิงหูเช่นนั้นรึ?”
ขณะเดียวกัน หยินผิงอี้ อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ก็อดเผยสีหน้าตกใจไม่ได้ และอาวุโสฝ่ายในอีก 7 คนที่อยู่ข้างๆหยินผิงอี้ก็ตกใจไม่ต่าง
“ข้าหลงคิดว่าข่าวลือของมันเป็นแค่เรื่องที่ผู้คนพูดเกินจริงเสียอีก…แต่ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ว่าจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงแล้ว”
“อายุมันยังไม่ทันถึง 3,000 ปีแต่กลับมีความแข็งแกร่งระดับนี้…ให้เป็นนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเรา ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยปรากฏตัวตนที่ผิดเพี้ยนได้ขนาดนี้มาก่อนกระมัง?”
“ด้วยความแข็งแกร่งระดับมัน ให้มันเข้าร่วมรอบคัดเลือกกลับรุ่นเยาว์อายุไม่เกิน 5,000 ปีเช่นนี้ เสมือนส่งผู้ใหญ่ไปรังแกทารกน้อยชัดๆ”
“หากมันเลือกจะช่วยเหลือคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอื่นๆ ข้าเกรงว่าคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหลาย คงไม่มีใครผ่านการคัดเลือกเป็นแน่”
“หรือไม่…พวกเราทำการคัดเลือกผู้ที่คิดทดสอบศิษย์ฝ่ายในที่ยังมีอายุไม่เกิน 5,000 ปีอีกรอบดี? มิเช่นนั้นคงไม่ยุติธรรมกับพวกมันเกินไป…”
…
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเพียงลำพัง สามารถหยุดผู้คนในการทดสอบคัดเลือกรอบที่ 3 ทั้งหมดได้ง่ายๆ เหล่าอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
ที่สำคัญก็คือ การกระทำของต้วนหลิงเทียนมันไม่ได้ผิดกฏ
เช่นนั้นถึงแม้พวกมันจะรู้สึกว่า ไม่ยุติธรรรมกับคนอื่น แต่พวกมันก็ไม่อาจหยุดต้วนหลิงเทียนได้
เช่นนั้น ต้วนหลิงเทียนก็เลยกลายเป็นผู้ที่ควบคุมการทดสอบคัดเลือกรอบนี้ไปแล้ว…