สำหรับฝางเหวินเซียว นี่ไม่ใช่การขึ้นสังเวียนครั้งแรกของมัน
  ก่อนที่จะต้องเจอกับต้วนหลิงเทียน มันได้ต่อสู้กับคนอื่นแล้ว และมันก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ใน 3 กระบวนท่า
  มันเป็นราชาเทพขั้นสูงที่เชี่ยวชาญกฏแห่งทอง ทั้งยังมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงอยู่ในมือ จึงทำให้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย แทบไม่ได้สิ้นเปลืองเรี่ยงอะไรเลย
  เห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือของมัน ก็ถูกอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ประเมินต่ำไปเช่นกัน
  “นายน้อยฝาง ข้าเองก็ได้ยินนามเลิศล้ำของท่านมานาน”
  เมื่อฝางเหวินเซียวทักทายเขาด้วยความสุภาพ ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนคิดจะจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด แต่เขาก็พยักหน้า ทักทายอีกฝ่ายกลับไปอย่างมีมารยาท
  อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังกล่าวทักทายมันด้วยรอยยิ้มนั้นเอง อยู่ๆฝางเหวินเซียวก็ปะทุพลังเทพขึ้นมาเต็มกำลังง ผสานเข้ากับพลังแห่งกฏ ยังถ่ายทอดลงสู่ดาบเทพขั้นสูงงในมือจนตัวดาบเปล่งแสงพลังงสว่างจ้า
  บัดนี้แสงพลังสีทองแทบจะปกคลุมร่างจนมองไม่เห็นคน!
  และพริบตาต่อมา อุบัติแสงสีเลือดปะทุออกมาดั่งธารโลหิตทั่วร่าง ผสมปนเปไปกับแสงพลังสีทอง ยังถ่ายทอดลงสู่ตัวดาบ ทำให้ตัวดาบยิ่งมายิ่งเปล่งแสงพลังสว่างไสว
  ฟั่ฟฟฟ!!
  ดาบที่เปล่งแสงพลังสีทองผสมสีเลือดเจิดจ้า ถูกมันตวัดฟันออกมาอย่างดุร้าย เป็นกระบวนท่าเรียบง่ายเพียงตวัดฟันจากซ้ายไปขวา! จากนั้นคลื่นดาบอันทรงพลังน่ากลัวสีทองเลือดลักษณ์เสี้ยวจันทร์ก็ฉีกอากาศเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอัศจรรย์ คลื่นดาบสะบั้นพ้นผ่านไปที่ใด ความว่างเปล่าราวกับจะถูกฉีกกระชากไม่มีชิ้นดี!
  การลงมือของฝางเหวินเซียว นับว่ารวบรัดฉับไว สุดที่ผู้ใดจะคาดคิด!
  กระทั่งผู้ชมส่วนใหญ่ที่ดูอยู่ก็ไม่มีใครทันได้ตั้งตัว
  “ดูเหมือนฝางเหวินเซียวจะเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นศัตรูตัวฉกาจจริงๆ ถึงขั้นเลือกจะเบี่ยงเบนความสนใจของต้วนหลิงเทียนก่อนและชิงลงมือเช่นนี้…แถมดูจากการลงมือของมันเมื่อครู่ เมื่อเทียบกับตอนเอาชนะคู่ต่อสู้คนก่อน ยังทรงพลังกว่ากันมาก!”
  ผู้ที่ที่ดึงสติกลับมาฉับไวราวสายฟ้าฟาด ย่อมมองเห็นเจตนาของฝางเหวินเซียวชัดเจน เห็นได้ชัดว่าคิดชิงงจู่โจมอัศจรรย์เอาชนะต้วนหลิงเทียนที่เผลอในดาบเดียว!
  “นั่นน่าจะเป็นการลงมือที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มันจะใช้ออกได้แล้ว!”
  “ราชาเทพขั้นกลางอย่างต้วนหลิงเทียนจะรับดาบมันไหวหรือไม่?”
  “พูดยาก จำที่ตู้ปั้วจวินศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจกล่าวไว้ได้หรือไม่? ว่ามันเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้ แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า สุดท้ายดูเหมือนฝางเหวินเซียวก็ยังด้อยกว่าตู้ปั้วจวินด้วยซ้ำ”
  “ถึงจะด้อยกว่า แต่ก็ด้อยกว่าไม่มากกระมัง?”
  “ก็ใช่ว่าด้อยกว่าไม่มาก แต่สุดท้ายก็ยังด้อยกว่าอยู่ดีมิใช่รึ…เช่นนั้นหากกระทั่งตู้ปั้วจวินยังไม่มั่นใจ แล้วมันจะมั่นใจได้อย่างไร?”
  “มันถึงเลือกลงมืออย่างชาญฉลาดเหมือนเมื่อครู่ไงเล่า!”
  …
  ในบรรดาผู้ชมนั้น ก็มีทั้งคนที่คิดว่าฝางเหวินเซียวลงมืออย่างชาญฉลาด เพราะสงครามไม่หน่ายอุบาย แต่ก็มีบางคนที่มองต่างว่านี่คือการประลอง การกระทำดังกล่าวมันไม่ต่างอะไรกับคนต่ำช้าไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว
  ต้องทราบด้วยว่าการลงมือก่อนหน้าของฝางเหวินเซียว ไม่ได้เลือกลงมือในลักษณะฉวยโอกาสแต่อย่างใด มันเลือกที่จะสู้กับคู่ต่อสู้ตรงๆ
  เรียกว่าการลงมือของมันครั้งนี้ แตกต่างจากก่อนหน้าราวคนละคน
  “ช่วยไม่ได้ เพราะต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งเกินไป มันถึงต้องเลือกทำเช่นนี้”
  “จริง เพราะหากเป็นข้าๆก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน สิ่งนี้เรียกว่ากลยุทธ์!”
  “การลงมือต่ำช้าหน้าไม่อายแล้วอย่างไร สิ่งนี้คือบทเรียนอันมีค่าต่างหาก!”
  …
  ยังมีหลายคนที่คิดว่าการลงมือฉวยโอกาสของฝางเหวินเซียวนั้นเป็นการลงมือด้วกลยุทธ์อันแยบคาย
  “ต้วนหลิงเทียน!”
  พอเห็นฝางเหวินเซียวชิงลงมืออย่างหน้าไม่อาย ติงเหยียน โหวชิ่งหนิง ไม่เว้นมู่หรงสุยเฟิงก็ชักสีหน้าเคร่งเครียดทันที กระทั่งโหวชิ่งหนิงยังอดไม่ไหว โพล่งตะโกนผสานพลังออกมาเสียงดังลั่น “ตัวบัดซบ ที่ต่ำช้าหน้าไม่อายนัก!”
  อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้อาวุโสทั้ง 3 ของตระกูลหลิงหู กลับเผยสีหน้าเฉยเมยแลดูสงบใจเย็น
  กระทั่งผู้เฒ่าเหิงตัวอ้วนกลมยังถึงกับมองฝางเหวินเซียวด้วยสายตาดูแคลน
  คิดลอบทำร้ายเจ้าหนูต้วนหลิงเทียนหรือ?
  ตื่นเถอะ!
  ถึงแม้มันเองก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังเทพที่โคจรในร่างต้วนหลิงเทียน บ่งบอกว่าไม่พร้อมลงมือ แต่หลิงหูเหิงก็ไม่ได้กังวลว่าต้วนหลิงเทียนจะพลาดท่าเสียทีแม้แต่นิดเดียว เพราะมันค้นพบมานานแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย การเร่งเร้าพลังเทพของต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นอะไรที่รวดเร็วสุดจะหาผู้ใดเทียบเทียมได้
  ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะเป็นคนเลินเล่อปล่อยวางความระวัง? เรื่องนี้มันรู้ตั้งแต่ที่พบเจอต้วนหลิงเทียนครั้งแรกด้วยซ้ำ
  ถึงกับเตรียมความพร้อม เลือกจะมาตระกูลหลิงหูจนได้พวกมันพี่น้องฝาแฝดลอบเข้าไปในนิกายหมอกเร้นลับเพื่อคุ้มกัน สุดท้ายก็ฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียว และถอนตัวออกจากนิกายหมอกเร้นลับหน้าตาเฉย…
  กับคนที่เตรียมการพร้อมสรรรพเช่นนี้ เป็นคนที่ประมาทไม่ระวังตัวหรือ?
  “คิดลอบโจมตีข้างั้นหรือ?”
  เผชิญหน้ากับคลื่นดาบอันทรงพลังที่เข่นฆ่าเข้ามาปานเสี้ยวจันทร์สีทองเลือดของฝางเหวินเซียว สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงความสงบไม่แปรเปลี่ยน เพียงแค่มุมปากกลับยกยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาบางๆ
  เมื่อคลื่นดาบสีทองเลือดที่ฝางเหวินเซียวฉวยโอกาสจู่โจมอัศจรรย์ห่างตัวไม่กี่ก้าว ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆยกมือขึ้นมาอย่างไร้เรื่องราว กระบี่เทพขั้นสูงที่เคยให้โหวชิ่งหนิงยืมไป ไม่ทราบว่าผุดโผล่อยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่
  กระที่เทพขั้นสูงเล่มนี้ยังเป็นเล่มเดียวกับที่หลิงหูเหิงมอบให้เขายืม
  “ในเมื่อกล้าเล่นสกปรกคิดลอบโจมตีข้า ก็อย่าได้โทษข้าว่าอำมหิต”
  เพียงใจคิด พลังเทพผสานธาตุมิติพลันระเบิดออกมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียนในฉับพลัน จากนั้นเวิ้งอากาศรอบกลายก็อุบัติพายุมิติอันน่าพรั่นพรึง ทันใดนั้นเองกระบี่ในมือพลันตวัดฟันออกไปตามอำเภอใจ ก่อนจะปรากฏแสงกระบี่สีเทาพุ่งผ่านห้วงพายุมิติ เข่นฆ่าสังหารออกไปในฉับพลัน เพียงแต่กระบวนการลงมือกลับราบรื่นรวบรัด ให้ความรู้สึกเสมือนเมฆคล้อยลมเคลื่อน!
  ฟั่ฟฟฟฟ!!
  รังสีกระบี่มิติที่แหวกพายุมิติ พุ่งข้ามฟ้าไปด้วยความเร็วดั่งเส้นแสงสายหนึ่งทั้งยังหอบหิ้วพายุมิติไล่หลังไปอย่างน่ากลัว!
  อย่างไรก็ตามแม้เป็นรังสีกระบี่ที่บางเบา ทว่ากลับมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ไร้ประมาณนัก สุดที่คลื่นดาบของฝางเหวินเซียวจะเทียบได้
  พื้นฐานมรรคากระบี่!
  การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 ชุด! เพียงเท่านี้ก็ทรงพลังสุดที่ฝางเหวินเซียวที่ใช้พลังสายเลือดจะเทียบชั้นได้แล้ว!
  นอกจากนั้นหากสังเกตให้ชัดในรังสีกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกไป ยังมีรังสีกระบี่สีเทาที่แทบจะทับซ้อนกันอยู่อีกสายหนึ่ง!
  เป็นการลงมือของร่างอวตารกฏมิติ!!
  ร่างอวตารกฏมิตินั้น นอกจากผู้ใช้จะสามารถเรียกออกมาช่วยสู้กับศัตรูแล้ว ขณะที่ซ่อนอยู่ในร่างต้น มันก็สามารถลงมือจู่โจมหนุนเสริมออกมาได้!
  ถึงแม้ว่าการลงมือในรูปแบบนี้จะไม่ใช่การทบเพิ่มพลังอะไร แต่นั่นก็เสมือนต้วนหลิงเทียนลงมือ 2 ครั้งในคราวเดียว พลังทำลายก็ย่อมเหนือกว่าการลงมือเพียงลำพังเป็นธรรมดา!
  แต่แน่นอนว่าการที่ร่างอวตารกฏปลดปล่อยพลังออกมาจากภายในร่างต้นเช่นนี้ ในแง่การสร้างปัญหาให้ศัตรู มันก็สู้กับการที่ร่างอวตารกฏมิติปรากฏตัวออกมากลุ้มรุมศัตรูไม่ได้
  อย่างไรเสีย เพียงเท่านี้ก็มากพอจะบดขยี้ฝางเหวินเซียวแล้ว
  ปงงง!!
  ท่ามกลางสายตาของทุกคน รังสีกระบี่มิติซ้อนที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกมา ก็ได้ปะทะเข้ากับคลื่นดาบสีทองเลือดของฝางเหวินเซียวจนบังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นลั่นก้อง จากนั้นคลื่นพลังสะท้อนอันมหาศาลก็กำจายไปในบรรยากาศ ใครที่ยืนอยู่บนพื้นยังรู้สึกเสมือนปฐพีสั่นไหว ที่เหินลอยอยู่ก็สัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของบรรยากาศ
  จากนั้นรังสีกระบี่ที่หอบหิ้วพายุมิติสีเทาตามมา เพียงปะทะต้านทานกับคลื่นดาบอยู่พริบตาหนึ่ง ก่อนจะลบคลื่นดาบให้หายไปราวไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่นั่นก็ทำให้รังสีกระบี่สูญพลังไปหลายส่วน
  กระนั้น อาศัยพลังที่เหลืออยู่ ก็ไม่ใช่อะไรที่ฝางเหวินเซียวจะมีปัญญาต้านทานรับไหว รังสีกระบี่พุ่งหายเข้าไปในอกของฝางเหวินเซียวในชั่วพริบตา
  ปง!!
  รังสีกระบี่ที่จมหายไปในอกฝางเหวินเซียว ระเบิดพลังมิติอันแปรปรวนออกมาอย่างน่ากลัว จนคนกระอักโลหิตออกมา คล้ายจะอาเจียนเลือดทุกหยดทั้งอวัยวะภายในร่างออกมาจนหมด!
  ตัวคนเองก็ถูกแรงระเบิดดังกล่าวซัดจนปลิวละลิ่วไปราวว่าวสายป่านขาด กระแทกเข้ากับม่านพลังของสังเวียนกลางหาว ก่อนจะสิ้นสติไปในบัดดล
  ถ้าไม่ใช่เพราะว่าสังเวียนกลางหาวนั้นเกิดจากค่ายกลกั้นพื้นที่ เกรงว่าร่างของมันคงร่วงไปกองเป็นสุนัขตายบนสังเวียนเหยียนหลงด้านล่างแล้ว
  “เซียวเอ๋อ!!”
  ชายวัยกลางคนในชุดคลุมหรูหราที่เฝ้าดูการประลองอยู่ พอเห็นฉากเรื่องราวดังกล่าวสีหน้ามันก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นร่างมันก็ไหววูบ คนพุ่งทะยานออกไปหมายตรวจสอบอาการบาดเจ็บของฝางเหวินเซียว
  “หึ!”
  อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนในชุดคลุมหรูพึ่งจะเหินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงพ่นลมสบถเย็นชาหนึ่งก็ดังขึ้น จากนั้นก็ปรากฏร่างหนึ่งขวางไว้เบื้องหน้าชายวัยกลางคนชุดหรูปานภูตผี ยังพุ่งฝ่ามือซัดเข้ากลางอกชายวัยกลางคนอย่างจัง!
  ปงงงง!!!
  เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสุดหรู ถูกซัดจนบาดเจ็บสาหัส คนปลิดปลิวละลิ่วไปไม่ต่างจากลูกชาย จนเมื่อปลิวกระเด็นไปหลายร้อยหมี่ มันถึงจะเร่งพังขืนร่างให้หยุดลงกลางหาวได้สำเร็จ โลหิตยังไหลทะลักออกมากบปาก
  “เป็นผู้น้อยเลอะเลือนไปชั่วขณะเพราะความเป็นห่วงบุตรชาย ขออาวุโสตงฟางโปรดให้อภัยด้วย!”
  พอชายวัยกลางคนในชุดหรูมองไปยังผู้ลงมือทำร้าย มันไม่เพียงแต่จะไม่กล้ามีโทสะ ยังเร่งขอขมาเป็นการด่วน
  ถึงแม้มันจะเป็นผู้นำตระกูลฝาง แต่ตระกูลฝางของมันก็เป็นแค่ตระกูลระดับจอมราชันเทพที่ด้อยกว่านิกายมังกรสวรรค์ พลังรบทั้งตระกูลอย่างดีก็เทียบได้กับตระกูลหลิงหูและตระกูลมู่หรงเท่านั้น
  กับตัวตนอย่างอาวุโสมังกรขาว ตงฟางเหยียนเหนียน แม้จะลงมือแค่คนเดียวแต่ก็ฆ่าล้างทั้งตระกูลของมันได้โดยง่าย จุดนี้มันไม่สงสัยแม้แต่น้อย
  และไม่ต้องกล่าวใดให้มาก ถึงมันจะเป็นผู้นำตระกูลฝาง แต่ด่านพลังก็มีเพียงจอมราชันเทพขั้นต่ำเท่านั้น
  “หากยังกล้า ฆ่าไม่ละเว้น!”
  ตงฟางเหยียนเหนียนเหลือบมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาไร้แยแส น้ำเสียงก็เย็นยะเยือกจนชายวัยกลางคนไม่กล้าสงสัยในคำพูด ขณะเดียวกันมันก็เร่งก้มหัวขมาลาโทษซ้ำๆเป็นการด่วน
  การแข่งขันมังกรซ่อนมีกฏตราไว้ ห้ามมิให้บุคคลภายนอกสอดมือเข้าไปยุ่งโดยเด็ดขาด
  ถึงแม้ว่าเจตนนาของผู้นำตระกูลฝาง จะเป็นการไปตรวจสอบอาการของฝางเหวินเซียว ไม่ได้คิดลงมือทำอะไรกับต้วนหลิงเทียน แต่ในเมื่ออยู่ๆมันพุ่งพรวดออกมาแบบนี้ ตงฟางเหยียนเหนียนในฐานะอาวุโสมังกรขาว ไหนเลยจะยยืนมองอยู่เฉยๆได้
  ที่สำคัญต่อให้ตงฟางเหยียนเหนียนไม่ลงมือ อาวุโสมังกรขาวอีกคนที่อยู่ข้างๆก็จะลงมืออยู่ดี และไม่แน่ว่าอาวุโสมังกรดำอาจจะลงมือด้วยตัวเอง!
  และถ้าเรื่องราวถึงขั้นที่ หลันอวี่ซาน อาวุโสมังกรดำต้องออกโรงแล้วล่ะก็ น่ากลัวว่าชายวัยกลางคนคงไม่อาจเก็บกู้ชีวิตกลับไปได้
  เช่นนั้นแล้วเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาที่มองมาของหลันอวี่ซาน สีหน้าของผู้นำตระกูลฝางก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันมันก็เร่งประสานมือโค้งหัวกล่าวคำขอขมาลาโทษออกมาวุ่นวาย แม้ลันอวี่ซานจะถอนสายตาไปแล้ว มันก็ยังก้มหน้าไปไม่กล้าเงยขึ้น ทั่วร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
  ถึงแม้ว่าตระกูลฝางของมันจะมีคนได้ดิบได้ดีในนิกายมังกรสวรรค์ แต่ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่อาวุโสมังกรขาวทั่วๆไปเท่านั้น กับตงฟางเหยียนเหนียนยังไม่แน่ว่าจะมีปัญญาสู้ไหว
  เช่นนั้นเกิดอาวุโสมังกรดำเข่นฆ่ามันทิ้งขึ้นมา น่ากลัวจะไม่มีใครยืนหยัดเพื่อหาความให้มันได้
  ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะเกิดเรื่องผู้นำตระกูลฝางขึ้น ความสนใจของทุกคนจึงละออกจากต้วนหลิงเทียนที่พึ่งได้ชัยชนะ และฝางเหวินเซียวที่สลบไสลไปหมดสิ้น
  จนเมื่อเรื่องราวของผู้นำตระกูลฝางจบลง ทุกคนจึงหันไปมองร่างชายหนุ่มนุชดสีม่วงที่ลอยอยู่เหนือสังเวียนกลางหาวอีกครั้ง
  “ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ช่างร้ายกาจสมคำร่ำลือนัก!”
  “ช่องว่างมันจะใหญ่ไปรึเปล่า ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ว่าเป็นแค่ราชาเทพขั้นกลางหรือไร?”
  “ราชาเทพขั้นกลางกลับเอาชนะราชาเทพขั้นสูงได้ในกระบวนเดียว?”
  “พลังต่อสู้ข้ามระดับของต้วนหลิงเทียน นับว่าเหนือกว่าติงเหยียนมาก…ติงเหยียนนั้นอาศัยความมีเปรียบจากอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่คู่ต่อสู้ไม่มี แต่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนมันก็มีอุปกรณ์เทพขั้นสูงใช้เช่นกัน!”
  …
  ถึงแม้การลงมือในรอบคัดเลือกของต้วนหลิงเทียนจะน่าตื่นตาตื่นใจ
  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนเผชิญหน้าในวันนั้นก็แค่รุ่นเยาว์อายุไม่ถึงพันปี อย่างดีก็มีด่านพลังแค่ราชาเทพขั้นต่ำเท่านั้น…
  ฝางเหวินเซียวที่เขาพึ่งเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่ตัวตนที่รุ่นเยาว์อายุไม่ถึง 5,000 ปีเหล่านั้นจะเทียบชั้นได้เลย
  “เจ้าหมอนี่ เฉิดฉายอีกแล้ว…”
  โหวชิ่งหนิงมองต้วนหลิงเทียนพลางเบ้ปากกล่าวด้วยความอิจฉา จากนั้นก็ส่ายหัวไปมาพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
  ส่วนด้านติงเหยียนนั้น มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเร่าร้อน
  ความปั่นป่วนในใจคงอยู่เนิ่นนานกว่าจะหาย
  ก่อนหน้านั้น เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนที่มันได้ยินคนพูดกันมา ก็ทำให้มันทราบว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจกว่าในอดีตมากมาย แต่มันคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะทรงพลังถึงขนาดนี้
  ในเวลาเดียวกัน ตู้เชียนจวิน ศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจก็ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก ‘บัดซบ! หากมันไม่ช่วงชิงวาสนาในเทพซ่อนที่สมควรเป็นของข้าไป วันนี้ความแข็งแกร่งของข้าก็มีแต่จะเหนือกว่ามัน ไม่มีทางอ่อนด้อยไปกว่ามันหรอก!’
  ความพ่ายแพ้ก่อนหน้า ทำให้ติงเหยียนหมดโอกาสติด 100 อันดับแรในการแข่งขันมังกรซ่อนเรียบร้อย
  และในการแข่งขันมังกรซ่อนนั้น ของรางวัลจะมีให้ก็แต่ผู้ที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกเท่านั้น
  ตู้ปั้วจวินที่ยืนอยู่ข้างๆตู้เชียนจวิน ก็ชักสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่าง
  รวมถึงหัวเทียนตู้ นายน้อยนิกายูรพารุ่งโรจน์ และยอดฝีมือระดับแนวหน้ารุ่นเยาว์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหลาย ก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกันหมด! เพราะพวกมันรู้ดี..ว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า จะกลายเป็นศัตรูสำคัญในการแข่งขันมังกรซ่อนของพวกมัน!!
  “ต้วนหลิงเทียน!”
  ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน ซึ่งเสียงดังกล่าวยังทำให้วิญญาณต้วนหลิงเทียนสะท้านไปเล็กน้อย สีหน้ายังเปลี่ยนไปทันที
  “ในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้ หากเจ้ากล้าติด 10 อันดับแรก หลิงหูเหรินเจี๋ยต้องตายคาที่!”
  คำแรกที่อีกฝ่ายพูดออกมา ก็เป็นการข่มขู่เขาทันที