ตอนที่ 3807 น้ำเสียงไร้แยแส

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ศิษย์ปิดสำนักของ ชาเจิ้งหู่ ประมุขนิกายด่านสะกดเทพนั้น ในฐานะที่ตัวมันเป็นถึง 1 ใน 2 รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นของนิกายด่านสะกดเทพ มันย่อมมีความถือดีในตัว
  พอเห็นว่าอาจารย์ของมันถูกอาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ทำร้าย เพียงเพราะออกหน้าเพื่อมัน สีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ขณะมองติงเหยียนด้วยสายตาเย็นชามันก็ลอบลั่นวาจาในใจว่าต่อไปจะไม่ให้ติงเหยียนอยู่ดี! และโทสะของมันในตอนนี้จะเอาไปลงที่ต้วนหลิงเทียนให้หมด
  “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
  ได้ยินคำยั่วยุของอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆพลางกล่าว
  ในการประลองครั้งล่าสุดของชายหนุ่มเบื้องหน้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะใช้เวลาสั้นๆก็สามารถเอาชนะศัตรูมาได้ แต่ก็ไม่ยากเลยที่เขาจะมองออก ว่าอีกฝ่ายได้ใช้ทุกสิ่งที่มีแล้ว ยากจะลงมือรุนแรงไปกว่านั้นได้
  “ปากดี!”
  ได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มก็ไม่ไหวจะทน มันโพล่งคำเสียงเย็น ทั้งปะทุพลังออกมาสุดตัว รอบกายปรากฏเส้นสายอัสนีแลบลั่นสะท้านสะเทือนความว่างเปล่า ก่อนคนจะพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนฉับไวปานฟ้าผ่า!
  ปงงง!!
  เปรี๊ยงงง!!
  …
  อัสนีพลังที่แล่นวาบแปลบปลาบรอบกายมัน หนุนเสริมให้คนคล้ายเทพสายฟ้าที่มาเยือนโลกหล้า โดยเฉพาะค้อนอันเขื่องในมือนั่น บัดนี้ปรากฏพลังอัสนีรวมรั้งไว้หนาแน่น ราวกับจะดูดซับพลังสายฟ้ามาจากร่างมันทั้งหมด!!
  เผชิญหน้ากับการฟาดค้อนมาอย่างเดือดดาลของอีกฝ่าย สีหน้าต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะเปลี่ยนไป และพริบตาก่อนที่ค้อนอันอัดแน่นไปด้วยพลังสายฟ้าจะฟาดทุบมาถึงตัว ร่างเขาก็อัตรธานหายไปในฉับพลัน
  เคลื่อนย้ายข้ามมิติ!
  พอต้วนหลิงเทียนมาปรากฏด้านหลัง กระบี่ที่ไม่ทราบถือไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ถูกตวัดฟันออกไปส่งๆ
  ฟั่ฟฟฟฟ!!
  แทบจะเป็นวินาทีเดียวกับที่เสียงกระบี่กรีดฟ้าดังขึ้น ชายหนุ่มก็คล้ายล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะมาไม้นี้แต่แรก คนพลันหมุนตัวปานพายุ ตวัดค้อนฟาดกวาดขวางฟ้ามาอย่างดุดัน!
  ไร้ซึ่งการออมรั้งยั้งมือใดๆ!
  เปรี๊ยงง!!
  เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหวละอองไฟซ่านกระเซ็นวูบวาบ จากนั้นค้อนกระบี่ก็กระเด็นผละออกจากกัน คลื่นพลังสะท้อนอันน่าพรั่นพรึงระเบิดออกจากจุดปะทะ ชวนให้ม่านพลังกั้นสังเวียนถึงกับสะเทือนครืนๆ
  หลังการปะทะ ร่างต้วนหลิงเทียนเพียงผงะไปเล็กน้อย
  กลับกัน ชายหนุ่มนั้นถึงกับเซถลาย่ำฟ้าถอยไปหลายก้าว ใบหน้ายังแดงก่ำ เห็นชัดว่ามันเสียเปรียบ
  อย่างน้อยๆในสายตาทุกคนก็เห็นเป็นเช่นนั้น
  “ยังเป็นต้วนหลิงเทียนที่ทรงพลังกว่า!”
  “ไม่ใช่มันต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้วรึไร?”
  ผู้ชมไม่ได้แปลกใจกับฉากเรื่องราวเบื้องหน้ามากนัก เพราะในสายตาของพวกมัน อาศัยแค่พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนที่พวกมันได้ยินมาในอดีต มาตอนนี้เมื่อคนบรรลุถึงราชาเทพขั้นกลางแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้
  ทว่าตอนนี้ยังพึ่งเฟ้นหา 15 อันดับแรกเท่านั้น
  “ถึงข้าจะเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าสบายนักหรอก!”
  ด้านชายหนุ่มที่แพ้พ่ายการปะทะจนล่าถอย บัดนี้สองตาของมันแดงก่ำ มันทั้งมีโมโหทั้งขัดใจนัก ทั่วร่างเริ่มปรากฏพลังสายเลือดเอ่อล้นขึ้นมาผสมผสานไปกับสายฟ้าที่ผ่าลั่นแปลบปลาบ ฉากคนที่ปกกคลุมไปด้วยพลังสีเลือดพร้อมมีสายฟ้าปานอสรพิษสีม่วงเลื้อยลดรอบตัวแบบนี้ แลดูให้ความรู้สึกน่าเกรงขามนัก
  “ต้วนหลิงเถียน มาอีกที!”
  ชายหนุ่มโพล่งตะโกนเสียงดัง จากนั้นมันก็รวมรั้งพลังทั้งหมดง้างค้อนฟาดทุบไปทางต้วนหลิงเทียนอีกรอบ และคราวนี้พลังที่ระเบิดออกมาก็นับว่าเหนือล้ำกว่าก่อนหน้าพอสมควร
  ที่มันทรงพลังมากขึ้นก็ไม่แปลก
  เพราะคราวนี้มันใช้พลังสายเลือด
  ส่วนอีกด้าน ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้วเล็กน้อย ในแววตายังฉายชัดถึงความรำคาญเบื่อหน่ายออกมา เพราะการปะทะกันตรงๆเมื่อครู่ ชายหนุ่มที่ทุ่มพลังทั้งหมดยังแพ้พ่ายกระบี่ที่ฟันออกไปส่งๆของเขา…
  หรือชายคนนี้ ไม่เห็นว่าเขาเมตตาให้มันมากแล้ว?
  ย่อมได้
  ในเมื่อไม่ประมาณตัวเอง เช่นนั้นเขาก็จะจัดให้มันอย่างสาสมใจ!
  ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจ จากนั้นแววตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึงขัง คอนกระบี่ขึ้นอีกครั้ง พลังเทพธาตุมิติพลันปะทุออกมาอย่างน่ากลัวปานเพลิงไฟ ขณะเดียวกันพลังจากร่างอวตารแห่งกฏมิติที่ไม่ได้ใช้ก่อนหน้ ก็เริ่มถ่ายทอดลงสู่ตัวกระบี่เช่นกัน
  ฟั่ฟฟฟฟ!!
  อีกหนึ่งกระบี่ตวัดฟันออกไป รังสีกระบี่สีเทาแลดูจืดจางสายหนึ่งพุ่งออกกไปปานลำแสง แม้มันจะแลดูบางเบาไม่ทรงพลัง อย่างไรก็ตามเมื่อปะทะเข้ากับพลังอัสนีผสานพลังสายเลือดที่อาบแน่นเต็มค้อนของอีกฝ่าย กลับทำลายพลังสภาวะของตัวค้อนหมดสิ้นได้อย่างง่ายดาย แถมหลังซัดค้อนจนกระเด็นปลิดปลิวให้พ้นทางแล้ว ยังจี้ตรงเข้าใส่หว่างคิ้วอย่างอำมหิต!
  ครั้งนี้นับว่าต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างไร้ปราณีแล้วจริงๆ
  รังสะกระบี่เขาเห็นชัดว่าคิดยิงทะลวงเจาะหว่างคิ้วอีกฝ่าย!
  ฉากเรื่องราวดังกล่าว ทำให้ประมุขนิกายด่านสะกดเทพหน้าถอดสีทันที ด้านอาวุโสฝ่ายในของนิกามังกรสวรรค์ 2 คนที่อยู่ข้างสังเวียนยังรีบลงมือหยุดยั้งรังสีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ทันที!
  “ต้วนหลิงเทียน ชนะ!”
  ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่รังสีกระบี่ของเขาจะถูกหยุดเอาไว้ได้ง่ายๆ เพราะไม่ต้องกล่าวถึงอาวุโสมังกรดำกับอาวุโสมังกรขาวด้วยซ้ำ เอาแค่อาวุโสฝ่ายในทั้ง 10 คนของนิกายมังกรสวรรค์ ไม่ว่าใครก็หยุดการโจมตีของเขาได้ง่ายๆทั้งนั้น
  จอมราชันเทพขั้นกลางนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก
  เขาเป็นแค่ราชาเทพขั้นกลางตัวกระจ้อยเท่านั้น
  ‘พลังของข้าในตอนนี้ยังอ่อนด้อยเกินไป…หากจอมราชันเทพขั้นกลางพวกนี้คิดจะฆ่าข้า คงไม่ต้องลำบากออกกระบวนท่าที่ 2 ด้วยซ้ำ’
  หลังเห็นว่าการโจมตีของตัวเองถูกหยุดเอาไว้ได้โดยง่าย ต้วนหลิงเทียนก็ลอบทอดถอนเบาๆแต่ไม่ได้อะไรมากมาย จากนั้นก็เหินร่างออกจากสังเวียนทันที คงเหลือก็แต่ชายหนุ่มที่บัดนี้ยังตัวแข็งทื่ออยู่บนสังเวียนด้วยความกลัว ทั่วร่างปรากฏเหงื่อกาฬไหลชุ่ม
  เมื่อครู่มันพึ่งเผชิญหน้ากับความตาย โดยที่ไม่มีแม้แต่เวลาจะกล่าวคำยอมแพ้ด้วยซ้ำ
  มันเกือบตายเพราะกระบี่ต้วนหลิงเทียนแล้ว!
  “ต้วนหลิงเทียน นี่เจ้าตั้งใจทำเช่นนั้นรึ?”
  พอต้วนหลิงเทียนกลับมาอยู่ข้างติงเหยีน โหวชิ่งหนิงก็เปิดปากกกล่าวแซวออกมาด้วยรอยยิ้มยียวน ในวาจายังแฝงความนัยบางอย่าง
  “ตั้งใจอะไรของเจ้า?”
  ต้วนหลิงเทียนถลึงมองโหวชิ่งหนิงตาดุ กล่าวตัดบท “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเจ้ารึไง? ข้าแค่ยั้งมือไม่ทันเท่านั้นแหล่ะ”
  พอได้โหวชิ่งหนิงก็เบ้ปากมองบน ก่อนจะหยีตามองต้วนหลิงเทียนราวกับจะบอกว่า เจ้าเห็นข้าโง่หรือ?
  ไม่ได้ตั้งใจ? ยั้งมือไม่ทัน?
  ยั้งมือไม่ทันกับผีสิ! หรือคิดว่าคนอื่นไม่รู้ว่ายังซุกซ่อนพลังเอาไว้?
  ในฐานะที่เป็นคนจากระนาบเทวโลก ไม่ใช่คนพื้นเมืองของระนาบเทพ ในเมื่อไร้สายเลือดของผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ไหหลเวียนอยู่ในกาย ไม่ใช่ว่ายังมีร่างอวตารแห่งกฏหรือไร?
  ในสายตาของโหวชิ่งหนิง ไม่ว่าจะเป็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ หรือในนิกายหมอกเร้นลับ ไม่พ้นต้องซุกซ่อนพลังส่วนใหญ่เอาไว้แน่นอน!
  เพราะมันไม่เคยได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนเคยใช้ร่างอวตารกฏมาก่อนเลย
  ร่างอวตารกฏอื่นๆไม่เท่าไหร่…
  อย่างไรก็ตามร่างอวตารกฏมิติของต้วนหลิงเทียนนั้น น่ากลัวว่าหากควบแน่นแล้วเสร็จ ยามใช้ออกมาก็ต้องมีพลังไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าร่างต้นแน่ แถมด้วยความที่เป็นร่างอวตารของตัวเอง ก็สามารถควบคุมได้เหมือนแขนขา เป็นการร่วมมือกันที่ทรงพลังที่สุด! เรียกว่าเสมือนกลุ้มรุมผู้อื่นโดยไม่ถือว่าโกง!!
  และนี่เป็นความยุติธรรมของระนาบเทพ
  เพราะหากจะบอกว่าร่างอวตารกฏมิติของต้วนหลิงเทียนโกง เช่นนั้นคนในระนาบเทพที่ใช้พลังสายเลือดเล่า ไม่เรียกว่าโกงด้วยหรือ?
  ชนพื้นเมืองของระนาบเทพไม่ว่าใครก็ล้วนมีสายเลือดของผู้แข็งแกร่งที่สุดไหลเวียนอยู่ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
  การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะอัจฉริยะจากนิกายระดับจอมราชันเทพได้ใน 2 กระบวนท่า แม้ผู้คนจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่พอเห็นกับตาก็ยังอดตะลึงไม่ได้
  แค่ 2 กระบวนท่า!
  จังหวะนี้หลายคนอดรู้สึกไปไม่ได้ ว่าต้วนหลิงเทียนยังร้ายกาจกว่าข่าวลือเสียอีก
  ในปัจจุบันกระทั่งตู้ปั้วจวินศิษย์หลักของนิกายหมื่นปีศาจก็อดชักสีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้…เพราะเมื่อครู่ต่อให้เป็นมันลงมือ ก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้ใน 2 กระบวนท่า
  เว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะประเมินมันต่ำไป
  อัจฉริยะจากนิกายด่านสะกดเทพผู้นั้น ไม่ได้อ่อนแอเลย
  ชั่วขณะหนึ่ง ตู้ปั้วจวิน สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วง
  และในปัจจุบันไม่ใช่แค่ตู้ปั้วจวินเท่านั้น ไม่ว่าจะนายน้อยนิกายบูรพารุ่งโรจน์หัวเทียนตู้ แม่นาง 7 จากหุบเขาหมื่นกระบี่ จี้อู่ชางและคนอื่นๆ ก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมไม่ต่าง
  ความร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนเหนือความคาดหมายของพวกมัน
  ถึงแม้ว่าการลงมือเมื่อไม่กี่วันก่อนของต้วนหลิงเทียน ก็เอาชนะศัตรูได้ในกระบี่เดียว และใช้พลังไม่ได้ต่างจากครั้งนี้มากเท่าไหร่
  อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วฝ่ายตรงข้ามก็อ่อนแอเกินไป และพวกมันก็เป็นแค่ราชาเทพ จึงไม่อาจบอกได้ว่าการลงมือของต้วนหลิงเทียนมันทรงพลังมากกแค่ไหน ทั้งหมดเพราะช่องว่างระหว่างคู่ต่อสู้มันกว้างเกินไป
  แต่คู่ต่อสู้ที่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะได้ง่ายๆวันนี้ แข็งแกร่งกว่าคนก่อนหน้ามาก
  เผลอๆศิษย์ของนิกายด่านสะกดเทพคนนี้ ก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้คนก่อนของต้วนหลิงเทียนได้ในกระบวนท่าเดียวด้วยซ้ำ!
  การลงมือในลักษณะเดียวกันแต่การสยบคู่ต่อสู้ได้ราบคาบวันนั้น กับบดขยี้คู่ต่อสู้ได้อย่างย่อยยับวันนี้ มันเป็น 2 เรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
  ด้วยเหตุผลดังกล่าวถึงแม้การลงมือของต้วนหลิงเทียนจะทรงพลังในสายตารุ่นเยาว์ แต่สำหรับเหล่าจอมราชันเทพทั้งหลายก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากมาย เพราะต้วนหลิงเทียนมีพลังระดับนี้อยู่แต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะลงมือรุนแรงขึ้นหรือเท่าเดิมก็ไม่ต่างกัน สุดท้ายก็เหนือกว่าคู่ต่อสู้มากอยู่ดี
  แม้แต่ประมุขนิกายด่านสะกดเทพเอง แม้สีหน้าจะดูไม่ดีเพราะเห็นศิษย์แพ้ แต่มันไม่ได้แปลกใจเลย
  เพราะมันรู้แต่แรกว่าศิษย์ของมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียน
  อย่างไรก็ตาม แม้มันจะรู้ทั้งรู้ว่าผลต้องจบลงแบบนี้ แต่มันก็อดอารมณ์เสียไม่ได้ตอนที่ได้ยินติงเหยียนกล่าวดูเบาศิษย์มันว่าอาจพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียนใน 10 กระบวนท่า
  ถึงตัวมันเองก็เชื่อว่าศิษย์ของมันรับมือต้วนหลิงเทียนได้ไม่ถึง 10 กระบวนท่า แต่ได้ยินคนอื่นพูดก็ฟังไม่เข้าหูอยู่ดี
  ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เผยพลังออกมาเหนือกว่าเดิมมากมายอะไร ทำให้เหล่าจอมราชันเทพทั้งหลายก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก แต่ะคนยังนิ่งสงบเหมือนน้ำในบ่อโบราณ
  ในเวลาเดียวกัน อีก 8 ที่ขึ้นไปประลองพร้อมๆกับต้วนหลิงเทียน ก็ทยอยกันได้ตัวผู้ชนะทีละคนๆจนครบ
  สุดท้าย 15 อันดับแรกชั่วคราวในการแข่งขันมังกรซ่อนก็ปรากฏออกมา
  “ต่อไป 15 คนที่พ่ายแพ้ไป สามารถท้าทาย 15 อันดับแรกชั่วคราวได้…หากท้าทายและเอาชนะได้สำเร็จ พวกเจ้าก็จะมีโอกาสกลับมาอยู่ใน 15 อันดับแรกอีกครั้ง และนั่นจักไม่ใช่อันดับชั่วคราวอีกต่อไป แต่เป็นการจัดอันดับครั้งสุดท้าย”
  เสียงหลันอวี่ซานดังขึ้นอีกครั้งอย่างประจวบเหมาะ
  หลังจากนั้น ก็เป็นขั้นตอนให้ผู้แพ้ท้าทาย
  อย่างไรก็ตามหลังผ่านการประมือกับคู่ต่อสู้จนปราชัยมารอบหนึ่ง และได้เห็นพลังฝีมือของหลายๆคนตั้งแต่การจัด 30 อันดับแรก ในบรรดาผู้แพ้ทั้ง 15 คน เว้นแต่ผู้ที่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองจริงๆ ก็ไม่มีใครกล้าท้าผู้ชนะทั้ง 15 คนง่ายๆ
  หากท้าผู้อื่นเขาแล้วสู้ไม่ได้ขึ้นมา แต่สามารถรับมือได้เกิน 100 กระบวนท่าก็แล้วไป แต่ท่าดันแพ้ผู้อื่นเขาในไม่กี่กระบวนท่า ไม่เพียงแต่จะเข้าสู่ 15 อันดับแรกไม่สำเร็จ ยังจะโดนบทลงโทษอีก!
  “ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไฉนต้องมีบทลงโทษอะไรด้วย…ถ้าไม่มีบทลงโทษ ข้าล่ะอยากขึ้นไปเสี่ยงสักครา”
  ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวอย่างทอดถอนใจ
  ด้านต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย เขาไม่ได้คิดเหมือนอีกฝ่าย แต่รู้สึกว่าการที่นิกายมังกรสวรรค์ตั้งกฏนี้ขึ้นมาในการแข่งขันมังกรซ่อน มีไว้เพื่อทดสอบความกล้าและความมั่นใจของผู้ลงแข่งขันในระดับหนึ่ง
  แต่แน่นอนว่าหากเขารู้สึกว่าตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ เขาก็ไม่คิดจะท้าทายให้เสียเวลา
  แต่ถ้ายังพอมองเห็นความหวัง แม้มันจะริบหรี่ เขาก็จะลุยมันสักตั้ง
  ตอนนี้ฟังจากเสียงพึมพำของหลายๆคน เห็นชัดว่าบางคนก็รู้สึกว่าอาจมีหวัง แต่สุดท้ายกลับไม่มีความกล้ามากพอที่จะลอง
  อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็มีบางคนกล้าท้าให้เห็น และหนึ่งในคนที่ถูกท้าก็คือชายหนุ่มที่เป็นศิษย์นิกายด่านสะกดเทพที่พึ่งแพ้ต้วนหลิงเทียนไป อนิจจาสุดท้ายก็ท้าทายล้มเหลว
  แต่เพราะมันยื้อได้เกิน 100 กระบวนท่า ก็เลยไม่โดนลงโทษอะไร
  จนเมื่อไม่มีใครกล้าท้าแล้ว แถมเวลาก็ยังพึ่งเที่ยงวัน เช่นนั้นการสู้จัดอันดับของเหล่าผู้แพ้ทั้ง 15 คนจึงเริ่มต้นขึ้น
  ช่วงบ่าย หลังการต่อสู้ดำเนินไปจนจบ ติงเหยียนก็ได้อันดับที่ 28
  …
  “ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น เข้าสู่ 15 อันดับแรกแล้ว”
  ในช่วงกลางดึก ที่ไหนสักแห่งของนิกายมังกรสวรรค์ ปรากฏเสียงมืดมนดังขึ้นในลานแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ผู้ฟังก็ได้ยินชัดเจน
  “หากพรุ่งนี้มันกล้าเข้าสู่ 10 อันดับแรก ไปฆ่าหลิงหูเหรินเจี๋ยเสีย”
  อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงยังเย็นชาไร้แยแสนัก