ตอนที่ 3808 การต่อสู้ของ 15 อันดับแรก

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

เช้าวันต่อมา
  หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายของการแข่งขันมังกรซ่อน
  ในวันนี้ การจัดอันดับเฉพาะของ 15 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนจะถูกกำหนด
  เช่นนั้นจึงไม่เหมือนวันก่อนๆที่ผ่านมา วันนี้ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ฝ่ายในหรืออาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ ก็พากันมาร่วมชมการประลองบริเวณสังเวียนเหยียนหลงอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
  เรียกว่าครึกครื้นนัก
  กล่าวได้ว่าในปัจจุบัน เหล่าศิษย์และอาวุโสฝ่ายในที่มาร่วมชมการประลองนั้น มีจำนวนไม่น้อยไปกว่าผู้อาวุโสจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ และผู้อาวุโสของรุ่นเยาว์คนอื่นๆเลย
  “ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องเอาที่ 1 มาให้ได้นะ ข้าจะได้เอาไว้คุยอวดคนอื่นได้…”
  ระหว่างเดินทางไปยังสังเวียนเหยียนหลง โหวชิ่งหนิงก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางตื่นเต้นคึกคัก ราวกับต้วนหลิงเทียนได้ตำแหน่งชนะเลิศมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
  ถึงแม้ติงเหยียนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในสายตาที่มองต้วนหลิงเทียนก็เผยให้เห็นความคาดหวังบางอย่าง
  “เจ้าหนูหลิงเทียน”
  พอพวกต้วนหลิงเทียนมาถึงสังเวียนเหยียนหลง หลิงหูเหิง หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดคู่แฝดเหิงฮวนของตระกูลหลิงหู ก็ส่งเสียงผ่านพลังมาหาต้วนหลิงเทียนว่า “หากเจ้าสามารถคว้าอันดับ 1 ในการแข่งขันมังกรซ่อนมาได้จริง ข้าจะไม่บิดพลิ้วคำสัญญาที่ข้าพูดไว้ก่อนหน้า ว่าจะมอบกระบี่เทพขั้นสูงเล่มนั้นให้เจ้า”
  ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็ยิ้มรับอย่างขอไปที
  ผู้เฒ่าเหิงคนนี้ ดูเหมือนจะเชื่อจริงๆว่าเขาไม่มีอุปกรณ์เทพขั้นสูง
  หากให้อีกฝ่ายล่วงรู้ ว่าจำนวนอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่เขามี มันมากกว่าจำนวนอุปกรณ์เทพขั้นสูงของคนในตระกูลหลิงหูรวมกันเสียอีก ไม่ทราบอีกฝ่ายจะทำหน้าอย่างไร
  “เสี่ยวเทียน คนที่มันส่งเสียงผ่านพลังมาขู่เจ้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ช่วงนี้มันไม่ได้ส่งเสียงผ่านพลังมาขู่เจ้าอีกใช่ไหม?”
  พอตงฟางเหยียนเหนียนติดตามอาวุโสมังกรดำหลันอวี่ซานมาถึงสังเวียนเหยียนหลง มันก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถามต้วนหลิงเทียนเรื่องนี้ก่อนใดอื่น
  ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวพลางตอบผ่านพลัง “ใช่ ไม่มีอีกเลย”
  “เช่นนั้นสมควรเป็นคนคิดเล่นตลกกับเจ้าจริงๆ”
  ตงฟางเหยียนเหนียนพยักหน้า “หาไม่แล้ว พอมันเห็นว่าเจ้าเข้าสู่ 15 อันดับแรกของการแข่งขันมังกรซ่อนได้ มันไม่พ้นต้องส่งเสียงผ่านพลังมาข่มขู่เจ้าอีกรอบ”
  “ข้าก็ว่างั้น”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า กับเรื่องนี้เข้าไม่ได้ยึดถือเป็นจริงจังอะไรอีกต่อไป
  เขาเองก็ลองคิดทบทวนดูแล้ว
  หลิงหูเหรินเจี๋ยอยู่ในเขตจวนตระกูลหลิงหูแบบนั้น หากคิดจะบุกไปฆ่าคนให้ได้จริงๆ เกรงว่าอย่างน้อยๆต้องเป็นจอมราชันเทพขั้นสูง…เพราะถ้าหากเป็นแค่จอมราชันเทพขั้นกลาง ไม่ต้องกล่าวถึงอาวุโสฝ่ายในทั่วไปของนิกายมังกรสวรรค์ ต่อให้เป็นชนชั้นอาวุโสมังกรขาว ก็คงยากจะบุกฝ่าค่ายกลไปฆ่าคนได้ และต่อให้ฝ่าค่ายกลเข้าไปได้ก็คงไม่เหลือพลังมากพอจะฆ่าหลิงหูเหรินเจี๋ยได้อยู่ดี
  จุดนี้เขาได้รับการยืนยันมาจากเชวียไห่ชวน ที่สัมผัสได้ถึงพลังของค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลิงหูตอนไปหาเขาด้วยตัวเอง
  ก่อนที่ หลันอวี่ซาน ผู้ควบคุมดูแลการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้จะปรากฏตัวขึ้น ทุกคนที่ควรจะมาก็มาถึงกันพร้อมหน้าพร้อมตาแต่แรก
  เช่นนั้นพอหลันอวี่ซานมาถึง มันก็ได้ประกาศกฏการแข่งขันสำหรับ 15 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนวันนี้ทันที “ผู้ที่ติด 15 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อนตอนนี้ ยังมิได้จัดลำดับพลังฝีมือให้แน่ชัด เช่นนั้นหลังจากนี้ก็คือการประลองเพื่อแบ่งแยกความสูงต่ำ”
  “และเพื่อให้การประลองแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม พวกเราจะไม่ใช้การจับคู่จากการจัดแจงของพวกเราอีกต่อไป”
  “ต่อให้ ทางเราจะให้ 15 อันดับแรกทำการจับฉลาก…ฉลากที่ว่าจักมีหมายเลข 1 ถึง 15 เขียนไว้ ซึ่งนั่นจะถือเป็นการจัดอันดับชั่วคราว ต่อไปก็จะให้ผู้ที่จับฉลากได้อันดับต่ำกว่าเริ่มต้นท้าทายชิงอันดับที่สูงกว่า และจะเริ่มจากผู้ที่ได้อันดับสุดท้าย ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ”
  “ผู้ที่ถูกท้าทาย เมื่อจบการประลองแล้ว สามารถพักผ่อนได้หนึ่งคู่ประลอง และคนอื่นๆจะไม่อาจท้าทายได้จนกว่าจะผ่านไปหนึ่งคู่ประลอง”
  “หากมีสถานการณ์ที่ถึงรอบให้ท้าแล้ว แต่คนด้านหน้ากลับพึ่งผ่านการต่อสู้มาจนไม่อาจท้าผู้ใดได้ เช่นนั้นก็จะให้หยุดพักช่วงเวลาหนึ่งเพื่อรอให้คนด้านหน้าฟื้นฟูพลัง ก่อนจะท้าทายได้”
  “และในเมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขันมังกรซ่อน และ 15 อันดับเฉพาะจะถูกกำหนด…เช่นนั้นจึงไม่มีการประลองพร้อมกันอีกต่อไป แต่จะเป็นการประลองเพียงสังเวียนเดียวและการดวลกันของคนสองคน”
  …
  พอเสียงของหลันอวี่ซานดังจบคำ มันก็โบกมือเบาๆคราหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏวัตถุทรงกลมคล้ายหิน เพียงแต่มันมีสีดำสนิท
  นอกจากนั้นหินกลมดำๆเหล่านั้นเสมือนมีม่านหมอกปกคลุม ให้ไม่อาจแลเห็นตัวเลขที่เขียนไว้ได้ชัดเจน
  “เอาล่ะ ตอนนี้ให้พวกเจ้าทั้ง 15 คนออกมาจับฉลากหินหมึกนี่เถอะ…ตัวเลขบนหินหมึกแต่ละก้อน ก็แทนอันดับชั่วคราว หรือกล่าวได้ว่าเป็นลำดับการท้าทายก็ไม่ผิด การท้าทายจะเริ่มจากตัวเลขอันดับต่ำสุดหรือก็คือหมายเลข 15 และสามารถท้าทายผู้ที่มันอันดับสูงกว่าได้ทั้งหมด ถ้าท้าทายเอาชนะได้สำเร็จก็จะแทนที่อันดับของอีกฝ่าย”
  หินหมึกที่ว่า ก็เป็นวัสดุที่ใช้ในการหลอมสร้างอุปกรณ์เทพ ต้วนหลิงเทียนก็รู้จักมันทั้งยังเคยเห็นมาบ่อยครั้ง เพราะมันเป็นแค่วัสดุที่ใช้หลอมอุปกรณ์เทพขั้นต่ำเท่านั้น
  สิ้นคำกล่าวของหลันอวี่ซานหลายคนก็เริ่มลงมือทันที แต่ละคนอาศัยการใช้พลังดูดรั้งหินหมึกเหล่านั้นมาหาตัว แน่นอนว่าย่อมหลีกเลี่ยงการเลือกหินหมึกก้อนเดียวกันไม่ได้
  ส่วนต้วนหลิงเทียนไม่ได้รีบร้อนอะไร เพียงปล่อยให้คนอื่นๆแย่งกันไปก่อน
  ไม่นานนัก ก็เหลือหินหมึกลอยอยู่แค่ 2 ก้อน
  และผู้ที่ไม่ได้ลงมือแย่งชิงกับใครเขา นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว อีกคนก็คือแม่นาง 7 ของหุบเขาหมื่นบุปผา
  ทั้งสองจึงหันมามองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว จากนั้นแต่ละคนก็ลงมือออกมาพร้อมๆกัน ก่อนจะดูดรั้งหินหมึกมาคนละก้อน
  เมื่อหินหมึกลอยมาอยู่ในมือแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มมองตัวเลขทันที
  “เอ๋า เจ้าได้หมายเลข 6…”
  ตอนนี้เอง โหวชิ่งหนิงที่ยื่นคอมาดูชมหมายเลข ก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าหยอกล้อ “ลางไม่ดีแล้วไง ไฉนเจ้าไม่จับได้ฉลากหมายเลข 1 เล่า…”
  “หมายเลข 1?”
  ต้วนหลิงเทียนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ข้าอยากได้ ก็แค่ท้าเอาไม่ใช่รึไง จะรีบไปทำไมเล่า…สุดท้ายก็ค่าเท่ากันอยู่ดี เพราะหากมีพลังมากพอ อันดับ 1 มันก็ไม่หนีข้าไปไหนหรอก”
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับโหวชิ่งหนิง ความว่างเปล่าเบื้องหน้าก็เริ่มปรากฏรายชื่อการจัดอันดับชั่วคราวที่ละบรรทัด ไล่ตั้งแต่อันดับที่ 1 ลงไปถึงอันดับที่ 15
  อันดับที่ 1 เผิงตง
  อันดับที่ 2 หยวนหย่วนจง
  อันดับที่ 3 หัวเทียนตู้
  อันดับที่ 4 มู่หรงลั่วเฟิง
  อันดับที่ 5 เติ้งเจี้ยนอี
  อันดับที่ 6 ต้วนหลิงเทียน
  …
  อันดับที่ 11 ตู้ปั้วจวิน
  …
  อันดับที่ 13 แม่นาง 7
  …
  อันดับที่ 15 โอวหยางเจี้ยนเฉิน
  “นี่คืออันดับชั่วคราวที่จัดตามหมายเลขฉลาก”
  ในขณะที่ ตารางจัดอันดับจากอาคมบางอย่างปรากฏขึ้นกลางหาวแล้วเสร็จ เสียงของหลันอวี่ซานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ต่อไปหากพวกเจ้าคิดไต่อันดับไปให้สูงกว่านี้ พวกเจ้าก็ต้องท้าทายคนที่มีอันดับสูงกว่า”
  “และผู้ที่ได้อันดับ 1 ในปัจจุบัน หากสามารถยืนหยัดรับมือความท้าทายทั้งหมดได้โดยไม่แพ้พ่าย ก็จักได้รับอันดับ 1 ครอง!”
  “และคนที่อยู่ในอันดับที่ 15 ตอนนี้ ก็สามารถท้าชิงอันดับที่ 1 ได้ก่อนใคร ตราบใดที่ท้าทายเอาชนะได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นอันดับ 1 คนใหม่…และคนที่มีอันดับรองลงมา ก็จะลดหลั่นกันไปคนละอันดับ”
  “การท้าทายจะดำเนินไปจนกว่าไม่มีใครท้าผู้ใด ถึงตอนนั้นการแข่งขันมังกรซ่อนก็เป็นอันจบลง”
  พอเสียงประกาศของหลันอวี่ซานดังจบคำ โอวหยางเจี้ยนเฉินที่จับฉลากได้หมายเลข 15 ทั่วร่างมันก็ปรากฏแสงพลังลักษณ์กระบี่ห่อหุ้ม พริบตาคนก็วูบขึ้นไปยืนบนสังเวียนกลางหาว ที่พึ่งก่อตัวขึ้นเรียบร้อย
  ตอนนี้สังเวียนกลางหาวที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งสังเวียน ม่านพลังกั้นสังเวียนก็แลดูทรงพลังขึ้นมา แถมตัวสังเวียนเองก็เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งทนทานกว่าเดิม
  เนื่องจากผู้ที่จะประมือกันวันนี้มันแข็งแกร่งกว่าวันไหนๆ
  มีบ้างที่อาจเปิดเผยพลังทั้งหมดออกมาแล้ว
  แต่ยังมีคนซุกซ่อนพลังเอาไว้แน่นอน
  ไม่มีใครกล้าพูดว่าคนที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แล้วๆมาได้ในเวลาอันสั้นที่สุด จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด…เพราะใครจะไปรู้ว่าคนอื่นๆได้ใช้พลังเต็มที่แล้วหรือไม่?
  แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าผู้ที่ประมือพัวพันกับคู่ต่อสู้อยู่นาน คล้ายใช้ความพยายามหมดแล้วจะไม่ได้ปกปิดพลังฝีมือที่แท้จริงเอาไว้ หมายปะทุพลังที่แท้จริงลงมือออกมาชิงชัยในห้วงเวลาคับขัน?
  “ข้าขอท้าอันดับ 1 เผิงตง!”
  โอวหยางเจี้ยนเฉิน นายน้อย 3 แห่งตระกูลโอวหยางซึ่งเป็นตระกูลระดับจอมราชันเทพนั้น มันเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่คนในเขตอำนาจนิกายมังกรสวรรค์รู้จักกันดี และอาศัยจากพลังฝีมือที่มันเปิดเผออกมาจนถึงตอนนี้ ก็บอกให้รู้ว่ามันไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวเทียนตู้ แม่นาง 7 และคนอื่นๆเลย
  ส่วนที่แท้มันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องรอดูผลงานกันไป
  หลังมันขึ้นสังเวียน มันก็เอ่ยท้าผู้ที่จับฉลากได้หมายเลข 1 เผิงตงออกมาทันที
  เผิงตงนั้นมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม มาในชุดคลุมสีน้ำเงินแลดูหลวมๆไม่พอดีตัว รูปร่างหน้าตาแลดูปานกลางไม่มีจุดเด่นใดเตะตา หากทว่าสองตาของมันกลับฉายแววแหลมคมแลดูเอาเรื่องไม่ใช่ย่อย
  เมื่อได้ยินคำท้าทายของโอวหยางเจี้ยนเฉิน มันก็ย่ำฟ้าไปยังสังเวีนอย่างไม่รีบไม่ร้อน
  เผิงตงคนนี้ไม่ได้มากจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแต่อย่างใด แถมยังไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับราชาเทพอีกด้วย
  มันเป็นผู้ฝึกตนอิสระ
  “ผู้ฝึกตนอิสระอย่างเผิงตงที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ หากไม่ใช่เพราะผ่านการผจญภัยอันยิ่งใหญ่มา คงไม่มีทางที่จะมายืนหยัดในตำแหน่งอัจฉริยะที่เทียบได้กับตู้ปั้วจวิน หัวเทียนตู้และคนอื่นๆได้แน่นอน”
  “ผู้ฝึกตนอิสระเช่นมัน นับว่าหาได้ยากยิ่ง”
  “ดูเหมือนนั่นจะเป็นผู้อาวุโสของมัน ด่านพลังอยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำแล้ว”
  …
  ในขณะที่เผิงตงได้รับความสนใจจากผู้ชม หนึ่งในบรรดาผู้ชมก็ได้รับความสนใจด้วยเช่นกัน
  มันเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาปานกลาง และแลดูละม้ายคล้ายเผิงตง 6-7 ส่วน เพีงแต่เส้นผมของมันกลับเป็นสีดอกเลาหมดแล้ว
  มันยืนอยู่กลางอากาศ ใต้ฝ่าเท้าปรากฏแสงพลังสีกากีอ่อนๆแผ่ออกมาเรืองๆ หากใครพลังฝีมือถึงขั้นย่อมบอกได้ว่ามันใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งธาตุดินในการสร้างพื้นไร้สภาพเพื่อย่ำเยียบอยู่
  “หืม? เจ้านั่นมันได้รับบาดเจ็บนี่…”
  และหลายๆคนก็พบว่า จอมราชันเทพขั้นต่ำผู้นั้นมีสภาพไม่ค่อยสู้ดีนัก คล้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน จนมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังรักษาไม่หาย
  ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงตระหนักได้ทันที ว่าไฉนมันถึงพารุ่นเยาว์ของมันมาทดสอบเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ 9 ใน 10 ไม่พ้นอีกฝ่ายต้องไม่มั่นใจว่าจะข้ามผ่านหายนะที่จะมาถึงรอบต่อไป เมื่อสัมผัสได้ว่าความตายกำลังจะมาถึง จึงพยายามหาหนทางให้คนรุ่นหลังสามารถอยู่ต่อไปได้โดยไม่มีมัน
  ในกรณีแบบนี้ การพารุ่นเยาว์มาเข้าร่วมขุมกำลังอันแข็งแกร่งย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
  ในระนาบเทพ ผู้ฝึกตนอิสระมากมายก็เลือกจะทำแบบเดียวกัน
  ท่ามกลางสายตาจับจ้องของผู้คน ไม่นานนัก โอวหยางเจี้ยนเฉิน กับ เผิงตง ก็เริ่มลงมือเคลื่อนไหว
  หนึ่งนั้นใช้กระบี่ ส่วนอีกหนึ่งใช้ดาบ ร่างพวกมันทั้งคู่กลับกลายเป็นเงาเลือนรางวูบเข้าใส่กัน แสงกระบี่ทั้งคลื่นดาบพุ่งออกมาปะทะกันอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดคลื่นพลังสะท้อนอันน่ากลัวกำจายออกไป
  สำหรับผู้ที่มีสายตาดี ย่อมสังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าเพียงการปะทะกันครั้งแรก พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่
  อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของเผิงตงนั้นหนักหนากว่า
  จากนั้นเมื่อทั้งคู่ประมือกันไปอีก 100 กว่ากระบวนท่า โอวหยางเจี้ยนเฉินก็เสือกกระบี่จ้วงแทงเข้าไหล่ของเผิงตงได้สำเร็จ ทำให้เผิงตงที่บาดเจ็บได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้ไปแต่โดยดี
  เพราะมันสัมผัสได้ว่ากระบี่ต่อไปของโอวหยางเจี้ยนเฉินได้เพ่งเล็งมาที่หว่างคิ้วของมัน
  ทว่าถึงมันจะไม่เอ่ยคำยอมแพ้ แต่ทุกคนก็เห็นได้ชัดว่ากระบี่ที่แทงต่อเนื่องมาของโอวหยางเจี้ยนเฉินนั้น ได้หยุดลงแค่ครึ่งทาง
  “สมแล้วที่เจ้าเป็นถึงทายาทของตระกูลระดับจอมราชันเทพ ช่างใจกว้างนัก ข้าเผิงตงขอบคุณเจ้าที่เมตตา”
  ถึงแม้เผิงตงจะแพ้พ่าย แต่มันก็ยอมรับนับถือโอวหยางเจี้ยนเฉิน เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ใช้กระบี่เทพขั้นสูง แต่เลือกจะใช้กระบี่เทพขั้นกลางซึ่งมีระดับพอๆกับดาบเทพขั้นกลางของมัน
  มันไม่มีอุปกรณ์เทพขั้นสูง
  บิดาของมันก็เป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่ง ถึงแม้ด่านพลังจะบรรลุถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำ แต่ก็ไม่มีอุปกรณ์เทพขั้นสูงไว้ในครอบครอง เช่นนั้นมันจึงไม่อาจหยิบยืมมาใช้ได้
  ส่วนโอวหยางเจี้ยนเฉินนั้น มันไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าอีกฝ่ายสามารถนำอุปกรณ์เทพขั้นสูงออกมาใช้ได้แน่นอน
  หลังยอมรับความพ่ายแพ้และลงจากสังเวียน เผิงตงก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนปราดหนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ
  เพราะในสายตามัน ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเหมือนจะมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าโอวหยางเจี้ยนเฉินเสียอีก แต่กลับไม่ได้สง่างามเหมือนโอวหยางเจี้ยนเฉินที่มีน้ำใจลงมือไว้ไมตรี เลือกจะลงมืออำมหิตจนเกือบฆ่าศิษย์นิกายด่านสะกดเทพทิ้ง!
  “ดูมันมองเข้า!”
  สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นระอาทันที เมื่อเห็นแววตาเฉยเมยของเผิงตงที่มองมา เขาย่อมคาดเดาความนัยสายตาอีกฝ่ายได้ชัดเจน
  เจ้าคิดว่าข้าเทียบโอวหยางเจี้ยนเฉินไม่ได้?
  ประเสริฐ!
  อีกเดี๋ยวข้าจะเหยียบย่ำโอวหยางเจี้ยนเฉินนั่นให้เจ้าดู!
  ด้านโหวชิ่งหนิงที่อยู่ใกล้ๆ ก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
  ในขณะเดียวกัน
  สองรายชื่อบนตารางจัดอันดับก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลง โดยชื่อของโอหยางเจี้ยนเฉินปรากฏขึ้นในอันดับที่ 1 แทน ส่วนเผิงตงก็ร่วงตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 2
  ชื่อของคนอีก 13 คนที่เหลือ ก็ถูกลดหลั่นกันคนละอันดับ
  อย่างต้วนหลิงเทียนที่แต่เดิมอยู่ในอันดับที่ 6 ตอนนี้ก็ตกไปอยู่อันดับที่ 7 แล้ว