หลังจากโอวหยางเจี้ยนเฉินประสบความสำเร็จในการท้าทายครั้งแรก ต่อไปก็ถึงตาผู้ที่อยู่ในอันดับที่ 15 ซึ่งก่อนหน้าเคยอยู่ในอันดับที่ 14 ท้าทายคู่ต่อสู้
และคนที่ได้อันดับ 15 ในปัจจุบัน ก็เป็นลูกชายของประมุขนิกายที่เป็นขุมกำลังระดับราชาเทพแห่งหนึ่ง
คนที่มันคิดว่าน่าจะสู้ได้ ก็มีแค่ 3-4 คนเท่านั้น ที่เผยพลังออกมาไม่มากมายอะไรในรอบก่อนๆ
สุดท้ายมันก็เลือกจะท้าเติ้งเจี้ยนอี ที่มีอันดับเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนหนึ่งอันดับ
หลังกวาดตามองไปยังอัจฉริยะอีก 14 คนดูแล้ว พวกต้วนหลิงเทียนกับคนดังนั้นมันมองข้ามไปเลยเพราะรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว และในที่สุดสายตามาหยุดอยู่ที่เติ้งเจี้ยนอี เพราะมันเชื่อว่าคนๆนี้มันน่าจะเอาชนะได้
เติ้งเจี้ยนอีก็เป็นศิษย์อัจฉริยะจากขุมกำลังระดับราชาเทพเหมือนมัน พลังฝีมือที่เผยออกในรอบก่อนๆก็ไม่เบาทีเดียว อย่างไรก็ตาม หลังเติ้งเจี้ยนอีรับคำท้าและขึ้นมาประลองกับมันได้ไม่ทันไร มันก็ต้องแพ้พ่ายไปหลังดิ้นรนอยู่ 30 กระบวนท่า
พลังฝีมือที่เติ้งเจี้ยนอีเผยออก นับว่าเหนือกว่าทุกรอบที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด!
“เติ้งเจี้ยนอีคนนั้น นับว่าซุกซ่อนพลังเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว”
“นี่ก็ช่วยไม่ได้ คู่ต่อสู้ที่มันเคยเจอไม่ได้บีบให้มันต้องเผยพลังออกมามากมาย…แต่เท่าที่ข้าเห็นเมื่อครู่ เติ้งเจี้ยนอี นั่นมันไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าอัจฉริยะชั้นรองคนอื่นๆเลย”
“แค่ไม่ทราบว่ามันยังซุกซ่อนพลังเอาไว้อยู่หรือไม่”
…
เมื่อเติ้งเจี้ยนอีเผยพลังออกมามากขึ้นกว่าการลงมือครั้งก่อนๆ มันก็ดึงดูดความสนใจผู้ชมได้พอสมควร เพราะก่อนหน้าที่มันสู้ มันไม่ได้ลงมือดุดันทั้งรุนแรงเหมือนเมื่อครู่
และอาศัยความแข็งแกร่งที่มันพึ่งเปิดเผยออกมา ก็นับว่าเทียบได้กับอัจฉริยะชั้นรอง
จนถึงตอนนี้ เหล่าผู้ชมก็ได้แบ่งชั้นอัจฉริยะทั้ง 15 คนในการแข่งขันมังกรซ่อนออกเป็น 3 ชั้นเรียบร้อย
ชั้นแนวหน้าก็คือ
ต้วนหลิงเทียน แม่นาง 7 ตู้ปั้วจวิน หัวเทียนตู้ จี้อู่ชาง โอวหยางเจี้ยนเฉิน
ชั้นรองก็คือ
เผิงตง หยวนหย่วนเจิง ซือถูฉง มู่หรงลั่วเฟิง
บัดนี้มีเติ้งเจี้ยนอีเพิ่มไปอีกคน
ส่วนชั้น 3 ก็คือเหล่าอัจฉริยะที่เหลืออีก 4 คน รวมถึงผู้ที่พึ่งท้าเติ้งเจี้ยนอีแต่พ่ายแพ้ไป
ในเมื่อการท้าทายไม่ประสบความสำเร็จ อันดับก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ถึงตาแม่นาง 7 แล้ว!”
แม่นาง 7 จากหุบเขาหมื่นบุปผานั้น เป็น 1 ใน 2 สตรีที่สามารบุกฝ่ามาจนติดอยู่ใน 15 อันดับแรกของการแข่งขันมังกรซ่อนได้ และพลังฝีมือของนางก็เหนือกว่าสตรีอีกคนด้วย
จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครนางก็สามารถเอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย
“มิทราบแม่นาง 7 จะเลือกท้าผู้ใด…”
ในขณะที่หลายๆคนกำลังสงสัยเรื่องดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองแม่นาง 7 เช่นกัน และอยากรู้ว่านางจะเลือกท้าใคร
‘หืม? นางคงไม่ได้คิดจะท้าข้าหรอกนะ’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ เมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาที่แม่นาง 7 มันหยุดอยู่ที่เขานานกว่าใคร แม่นาง 7 ที่มองต้วนหลิงเทียนอยู่ก็เอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัด “ข้าขอท้าต้วนหลิงเทียน!”
ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปอยู่บ้าง
คนอื่นๆก็ตกตะลึงไม่ต่าง
แม่นาง 7 คนนี้ แทนที่จะท้าโอวหยางเจี้ยนเฉินที่ครองอันดับที่ 1 ซึ่งได้พักแล้วหนึ่งคู่ประลอง แต่มิคาดนางกลับเลือกจะท้าต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในอันดับที่ 7 หน้าตาเฉย
“นี่มันอะไรกัน?”
“แม่นาง 7 ผู้นี้…ตั้งแต่รอบคัดเลือกนางก็ไม่ได้แยแสผู้ใดและไม่เคยพูดจากับผู้ใดมาก่อน แต่กลับเป็นฝ่ายเดินไปหาต้วนหลิงเทียน…หรือว่าวันนั้นนางไปสารภาพรักกับต้วนหลิงเทียน แต่โดนต้วนหลิงเทียนปฏิเสธมา! วันนี้ก็เลยท้าต้วนหลิงเทียนเพราความแค้นที่ต้วนหลิงเทียนไม่ตอบรับรักนาง?!”
“บ้าน่า! จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะหล่อ แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำให้แม่นาง 7 ที่เป็นอัจฉริยะหญิงที่ร้ายกาจอย่างหาตัวจับยากหลงใหลได้ปลื้มขนาดนั้นกระมัง?”
“เรื่องทำนองนี้มันก็พูดยาก…ข้าเองก็พบเห็นคนหน้าตาดีมาไม่น้อย แต่คนที่โดดเด่นอย่างต้วนหลิงเทียนมันมีเยอะที่ไหนล่ะ? กล่าวไปหากผู้อื่นเขาต้องการ ต่อให้ข้าต้องเป็นอนุก็ยอม…”
…
เสียงซุบซิบคุยกันของเหล่าผู้ชมโดยรอบ แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนได้ยินชัดถนัดหู โดยเฉพาะเสียงของเหล่าสตรีที่ชมว่าเขาหล่อไม่ขาดปาก ซึ่งทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตัวลอยอยู่บ้าง
ที่แท้ความหล่อของข้า ยังมีอานุภาพบาดใจสาวๆขนาดนี้เชียวรึ?
อย่างไรก็ตามหลังต้วนหลิงเทียนเห็นแววตาที่แม่นาง 7 มองมา เขาก็กลับมารู้สึกตัวทันที และเกรงว่าที่อีกฝ่ายท้าเขามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรูปร่างหน้าตาเขาเลย
และในเมื่อโดนท้ามาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะหลีกหนีการต่อสู้แน่นอน
เป้าหมายของเขาคืออันดับ 1!
หากเขาหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แม้เขาจะเอาชนะคนอื่นๆได้หมด แต่อย่างดีเขาก็เป็นได้แค่ที่ 2!
“เฮ่ แม่นาง 7 ผู้นั้นเคยเข้าไปคุยกับเจ้าต้วนมาก่อนเหรอ?”
ติงเหยียนที่ได้ยินเสียงซุบซิบดังกล่าว ก็อดหันไปถามโหวชิ่งหนิงไม่ได้
“มันก็ใช่อยู่หรอก”
โหวชิ่งหนิงพยักหน้า ก่อนจะมองไปยังต้วนหลิงเทียนพลางกล่าว “แต่ที่นางเข้าหาต้วนหลิงเทียน เหมือนนางจะอยากพบเจออาวุโสเชวียไห่ชวนมากกว่า ไม่รู้ว่าที่แท้นางเกี่ยวข้องกับอาวุโสเชวียไห่ชวนอย่างไร…”
“ที่นางเอ่ยท้าต้วนหลิงเทียนแบบนี้ อาจมีสาเหตุจากการที่ต้วนหลิงเทียนสนิทกับอาวุโสเชวียไห่ชวนก็เป็นได้”
เป็นธรรมดาว่า ทั้งหมดคือการคาดเดาของโหวชิ่งหนิง
อย่างไรก็ตาม การประลองนัดนี้ก็นับว่ากระตุ้นความสนใจของผู้ชมไม่น้อย ด้านหลิงหูเหิง อาวุโสสูงสุดตระกูลหลิงหู ยังอดส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนไม่ได้ “เจ้าหนู ของรางวัลอันดับ 1 ในการแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้ไม่ใช่เล่นๆ…เจ้าอย่าได้มาเรือล่มในคูระบายน้ำเพียงเพราะบังเกิดอาการรักหยกถนอมบุปผาขึ้นมาเชียว!!”
“สตรีเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า เจ้าอย่าได้หลงกลนางเชียว!!”
พอหลิงหูเหิงส่งเสียงผ่านพลังมากล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนเป็นจริงจังแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หรี่ตามองลึกไปทางหลิงหูเหิงไม่ได้ และหลิงหูเหิงที่โดนต้วนหลิงเทียนมองจ้องมาด้วยสายตาดังกล่าว ก็เริ่มรู้สึกผิดท่าขึ้นมา
“ผู้เฒ่าเหิง…ท่านเคยมีความหลังกับสาวงามหรือ ไหนเล่ามาให้ข้าฟังเร็ว”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปถามอย่างสนุกสนาน
พอได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลิงหูเหิงก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง สุดท้ายก็ได้แต่โพล่งกลบเกลื่อนออกไป “เหลวไหล! มีเรื่องพรรค์นั้นที่ไหนกัน ข้าหลิงหูเหิงที่เก่งกาจและฉลาดเฉลียวไหนเลยจะเคยไปพลาดท่าเสียทีให้สตรีได้!?”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
นี่ไม่ใช่เข้าทำนองติดป้ายบอกว่า ‘ที่นี่ไม่มีเงิน 300 ตำลึง’ หรอกหรือ?
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่มีเวลาหยอกล้อหลิงหูเหิงสืบไป เนื่องเพราะ แม่นาง 7 ที่อยู่บนสังเวียนฝั่งตรงข้ามเขา ได้เร่งเร้าพลังเทพออกมาแล้ว
“พวกเจ้าว่าระหว่างแม่นาง 7 กับต้วนหลิงเทียนผู้ใดจักชนะ?”
ผู้ชมโดยรอบอยากรู้เรื่องนี้นัก
“หากดูจากความแข็งแกร่งที่ทั้งคู่เผยออกก่อนหน้า แม่นาง 7 นับว่าอ่อนด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง…ไม่ทราบว่าแม่นาง 7 ยังซุกซ่อนพลังไว้หรือไม่ หากไม่เกรงว่าคงไม่อาจรับมือต้วนหลิงเทียนได้ไหว”
“แต่ถ้านางยังซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้อยู่ นางก็มีโอกาสสู้เสมอกับต้วนหลิงเทียน…แต่จะเป็นเช่นนั้นได้ ต้องหมายความว่าก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนใช้พลังทั้งหมดออกมาแล้ว”
…
ในขณะที่ผู้ชมพากันคาดเดาไปเรื่อย แม่นาง 7 ที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตามั่นใจ หลังจากร่างนางสั่นไหวเบาๆ ก็ปรากฏแสงพลังสีเขียวพวยพุ่งออกมาจากร่างนาง จากนั้นแสงพลังดังกล่าวก็ก่อเกิดเป็นเถาวัลย์ที่มีปลายเป็นหนามแหลมนับสิบนับร้อย แยกย้ายกันพุ่งทะลวงแทงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนจากทุกทิศทาง
กฏที่แม่นาง 7 เชี่ยวชาญที่สุดก็คือกฏแห่งไม้
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกๆที่นางลงสู้ นางไม่ได้ใช้กฏแห่งไม้แต่เป็นกฏอื่น จนภายหลังเมื่อพบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น นางจึงเลือกจะใช้กฏแห่งไม้ที่ถนัดออกมา
ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก!
…
เถาวัลย์ที่มีปลายเป็นหนามแหลม ทะลวงแทงเข้ามามืดฟ้ามัวดิน แต่ละเถาให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรจากอสรพิษร้ายกำลังอ้าปากกระหายเลือดหมายฉกกัดต้วนหลิงเทียน
กล่าวได้ว่า อาศัยการเปิดฉากจู่โจมครั้งแรกของแม่นาง 7 นางก็ได้เปิดเผยพลังที่เหนือกว่าก่อนหน้าออกมาอย่างทาบไม่ติด
จังหวะนี้ทุกคนก็บอกได้ทันที ว่าก่อนหน้านางซุกซ่อนพลังเอาไว้จริงๆ
‘ดูเหมือนจะเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้แล้ว…’
พอเห็นแม่นาง 7 ลงมือจู่โจมเข้ามาอย่างดุร้าย ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ จากนั้นก็ปรากฏร่างหนึ่งแยกออกมาจากตัวเขา เป็นร่างที่ดูเหมือนเขาราวกับแกะ!
มันคือร่างอวตารกฏมิติของเขาเอง!
จากนั้นเมื่อต้วนหลิงเทียนก็ลงมือตอบโต้เถาวัลย์หนามทันที ด้านร่างอวตารกฏก็ลงมือพร้อมๆกัน แม้มันจะไม่ได้ใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้า แต่ความต่างก็คือรอบนี้มันแยกออกมาลงมือนอกร่างต้วนหลิงเทียน
ซัววว!!
ปงงง!!
การลงมือจู่โจมผสานกันของร่างต้นและร่างอวตารกฏมิติ แม้จะเป็นเพียงหนึ่งบวกหนึ่ง แต่พลังทำลายที่เกิดขึ้นก็มากพอทำลายการโจมตีของแม่นาง 7 ได้ไม่ยากเย็น
จากนั้นไม่รอให้แม่นาง 7 ฟื้นสติ ร่างต้นต้วนหลิงเทียนกับร่างอวตารกฏมิติก็ได้วูบร่างข้ามมิติไปผุดโผล่ทั้งหน้าหลังแม่นาง 7 ฉับพลัน
จากนั้นกระบี่ที่ไม่ทราบมาอยู่ในมือร่างต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ถูกตวัดฟันออกไปราวเส้นแสง ด้านร่างอวตารกฏมิติก็ผลักสองมือออกมา สร้างห้วงมิติแปรปรวนโถมถันเข้าใส่แม่นาง 7 พร้อมๆกัน
ปงงงง!!
ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดหนึ่งพลันดังขึ้น เป็นเถาวัลย์สีเขียวที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าแม่นาง 7 บังเกิดการระเบิดขึ้นอย่างแรง จนก่อเกิดแรงผลักดันหนึ่ง ส่งร่างแม่นาง 7 ให้พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปฉับไวปานจุดระเบิด คนพุ่งหายไปต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียนในชั่วพริบตา
จากนั้นรังสีกระบี่ที่ซัดออกจากกระบี่ของร่างต้นต้วนหลิงเทียน กับห้วงมิติแปรปรวนของร่างอวตารกฏมิติก็ปะทะกันเอง เพียงแต่มันไม่ได้เกิดแรงระเบิดใดๆ เพราะพลังทั้ง 2 ขุมมีต้นกำเนิดเดียวกัน ไม่มีทางหักล้างกันเอง จะมีก็แต่หลอมรวมเข้าด้วยกันเท่านั้น
“หนีไวดีนี่”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นร่างต้นกับร่างอวตารกฏมิติเขาก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏอีกครั้งก็ไปประกบแม่นาง 7 ดุจเดิม
จังหวะนี้ด่านผู้ชมโดยรอบก็เริ่มได้สติคืนกลับ ทยอยกันหายตกใจทีละคน “นั่นมันร่างอวตารกฏมิติ! ข้าได้ยินคนพูดกันมาว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ชนพื้นเมืองของดินแดนดาราพิศวงเรา!”
“ที่แท้เป็นเรื่องจริง! ปกติชนพื้นเมืองของดินแดนดาราพิศวงอย่างเราๆ ไม่อาจควบแน่นพลังสร้างร่างอวตารแห่งกฏได้ เพราะพวกเรามีเลือดของผู้แข็งแกร่งที่สุดไหลเวียนอยู่ในกาย”
“นี่น่ะเหรอร่างอวตารแห่งกฏ?! ข้าเคยได้ยินมานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าวันนี้ข้าจะได้เห็นมันกับตาเป็นครั้งแรก!!”
…
พอเห็นต้วนหลิงเทียนเผยร่างอวตารกฏมิติออกมา ผู้ชมหลายคนก็อดตกใจไม่ได้ ขณะเดียวกันหลายๆคนก็เริ่มนึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมา เรื่องที่ว่าต้วนหลิงเทียนมาจากระนาบเทวโลก
เป็นธรรมดาว่าหลายๆคนที่เคยได้ยินข่าวลือดังกล่าว ตอนนั้นพวกมันก็เย้ยหยันคิดว่าเป็นแค่เรื่องเหลวไหล
คนจากระนาบเทวโลกที่ขึ้นมายังระนาบเทพ จะบรรลุความสำเร็จถึงขนาดนี้ในเวลาไม่ถึง 3,000 ปีได้อย่างไร!?
ตลกแล้ว!
เพราะในสายตาของพวกมัน คนจากระนาบเทวโลกที่จะขึ้นมายังระนาบเทพนั้น ล้วนแล้วมีแต่พวกเฒ่าชราเท่านั้น และเอาแค่ผู้ที่ขึ้นมาจากระนาบเทวโลกสามารถบรรลุถึงขอบเขตเทพได้ ก่อนอายุครบหมื่นปี ตัวตนเหล่านั้นก็เป็นสัตว์ประหลาดแล้ว!
หลายคนจึงเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวลือที่คนพูดกันไปเรื่อย
แต่วันนี้พอมาเห็นต้วนหลิงเทียนใช้ร่างอวตารกฏมิติกับตา พวกมันก็ตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนมาจากระนาบเทวโลกจริงๆ
“นี่จะน่ากลัวเกินไปหรือไม่…ร่างอวตารกฏมิตินั่น ระดับพลังของมันไม่ได้น้อยไปกว่าร่างจริงของต้วนหลิงเทียนเลย”
“จริง นอกจากไม่มีอุปกรณ์เทพขั้นสูงแล้ว ร่างอวตารกฏมิติของมันแข็งแกร่งไม่ต่างจากตัวจริงเลย”
“นี่ถ้ามอบอุปกรณ์เทพขั้นสูงให้ร่างอวตารกฏมิติ ไม่ใช่ร่างอวตารกฏมิติของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจไม่ต่างจากตัวจริงเลยรึไง?”
…
ท่ามกลางบทสนทนาดังกระหึ่มของผู้ชม ต้วนหลิงเทียนที่วูบร่างขึ้นไปปิดล้อมแม่นาง 7 อีกครั้งก็เป็นฝ่ายมีเปรียบอย่างเห็นได้ชัด การลงมือจู่โจมประสานระหว่างร่างจริงกับร่างอวตารกฏมิติ นับว่าบดขยี้แม่นาง 7 อย่างเห็นได้ชัด
หลังผ่านไป 3 กระบวนท่า แม่นาง 7 ก็ตกเป็นรองโดสิ้นเชิง
จนกระบวนท่าที่ 5 นางก็ถูกกระบี่จี้ลำคอ ทั้งรอบตัวยังปรากฏคมมีดมิติสีเทานับร้อยรุมล้อม
“ข้าแพ้แล้ว…”
ถึงแม้ว่าแม่นาง 7 จะแพ้พ่ายปราชัย แต่แววตาของนางก็ไม่เผยความย่นย่อท้อแท้แม้แต่นิดเดียว นางมองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา แม้ใบหน้าครึ่งล่างจะถูกผ้าบางปิดไว้ แต่แววตามุ่งมั่นของนางก็เผยให้เห็นชัดเจน “เรื่องเอาชนะเจ้า จักเป็นเป้าหมายแรกของข้าหลังเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์”
“เมื่อไหร่ก็ได้ ข้าพร้อมเสมอ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ แต่ในใจยังอดตกใจกับความแข็งแกร่งของแม่นาง 7 คนนี้ไม่หาย เพราะพลังที่นางเผยออกมาเมื่อครู่ มันเหนือกว่าตู้ปั้วจวิน หัวเทียนตู้และคนอื่นๆเสียอีก
แต่เป็นธรรมดาว่า ตู้ปั้วจวิน หัวเทียนตู้และคนอื่นๆ ก็อาจจะยังไม่ได้ลงมือเต็มกำลังเช่นกัน
“ร่างอวตารกฏมิติหรือ น่าสนใจจริงๆ”
มุมปากหัวเทียนตู้ ยกยิ้มขึ้นบางๆ